[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 16:54:31 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รายงานพิเศษ : กุลธิดา วู้ดส์ แม่ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ ไทเกอร์ วู้ดส์  (อ่าน 2157 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7866


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 5.0.375.99 Chrome 5.0.375.99


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 12 กรกฎาคม 2553 22:26:40 »

[ บทความนี้เคยถูกโพสท์ในบอร์ดเก่า โดย อ.มดเอ็กซ์ ]



ยามนี้ในวงการกอล์ฟและวงการกีฬาทั่วโลก ไม่มีใครไม่รู้จักหนุ่มลูกครึ่งอัฟริกันอเมริกัน-ไทย “ไทเกอร์ วู้ดส์” โปรกอล์ฟหมายเลข 1 ของโลก ซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวของ “เอิร์ล” ผู้ล่วงลับ และ “กุลธิดา” วู้ดส์ เขาแต่งงานกับ “เอลิน นอร์เดเกรน” เมื่อปี 2004 มีบุตรด้วยกัน 2 คนคือ “แซม อเล็กซิส” ลูกสาววัย 2 ขวบ กับ “ชาร์ลี แอ็กเซิล”ลูกชายวัย 6 เดือน
 
ไทเกอร์เป็นชาวพุทธเหมือนแม่ และเขาได้เคยบอกว่าพุทธศาสนามีส่วนนำทางชีวิตของเขาให้ไปสู่ความสำเร็จ
 
• คนดังอันดับ 1 ของโลก ที่นับถือพุทธศาสนา
 
เว็บไซต์ Wildmind buddhist meditation ได้ลง เรื่องราวเกี่ยวกับ 10 อันดับคนดังทั่วโลกที่เป็นพุทธศาสนิกชน เมื่อปี 2007 ซึ่งปรากฏว่า ชื่อของ “ไทเกอร์ วู้ดส์” มาเป็นอันดับ 1 จากผลการค้นหา 5.85 ล้านครั้ง ในเว็บไซต์กูเกิล ได้รับเลือกให้เป็นอันดับ 1 ของบุคคลที่มีชื่อเสียงของโลกที่นับถือศาสนาพุทธ เอาชนะดาราดังอย่าง ริชาร์ด เกียร์ หรือแม้แต่องค์ทะไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณ ชาวทิเบตได้อย่างถล่มทลาย
 
เอิร์ลผู้เป็นพ่อเคยบอกว่า “ไทเกอร์ถูกเลือกให้เป็นผู้ที่นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่มวลมนุษยชาติ”
 
ในขณะที่กุลธิดาผู้เป็นแม่บอกว่า “ไทเกอร์เป็นคนของ ทั้งโลก เขาสามารถนำคนให้มารวมกันได้”
 
ส่วนไทเกอร์บอกว่า “ผมมีศรัทธาในพุทธศาสนา เรียกได้ว่าเกือบจะทั้งหมด ผมปฏิบัติตามอย่างละเล็กละน้อย”
 
การที่ไทเกอร์นับถือศาสนาพุทธและทำสมาธิเป็นสิ่งที่ช่วยให้เขากลายเป็นนักกอล์ฟที่มีความสุขุมเยือกเย็นเกือบจะที่สุดคนหนึ่ง
 
“ศาสนาพุทธมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของผม ช่วยทำให้ผมรู้สึกสงบภายในและมีสมาธิ ซึ่งผมคงทำไม่สำเร็จในช่วงที่ผมยังอายุน้อย”
 
• ไทเกอร์บอก แม่สอนนั่งสมาธิ
 
โปรกอล์ฟชื่อดังของโลก กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า
 
“แม่สอนผมนั่งสมาธิมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และมีสิ่งหนึ่งที่แม่และผมทำร่วมกันทุกๆปี นั่นคือ เราไปวัดด้วยกัน
 
ในทางพุทธศาสนากล่าวไว้ว่า เราต้องปฏิบัติเพื่อให้บรรลุถึงสิ่งที่เราต้องการในชีวิต และเผื่อแผ่ไปถึงภพหน้าด้วย นั่นก็คือ เราทำอะไร ก็จะได้ผลของมันเป็นสิ่งตอบแทน ดังนั้น คุณต้องลงมือทำในทุกๆด้านของชีวิต
 
และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จ ในการเล่นกอล์ฟ แต่มันเป็นแค่มุมมองเล็กๆของชีวิตผมเท่านั้น ทุกวันนี้ผมก็ยังฝึกฝนการเล่นอย่างสม่ำเสมอ”
 
ไทเกอร์ วู้ดส์ เล่าด้วยว่า “พ่อผมเคยเป็นทหาร เขาเป็นคนที่มีความอดทนสูง ตั้งใจจริง แต่คนที่เข้มแข็งมาก กว่า ก็คือแม่ของผม ถ้าคุณได้คุยกับเธอ คุณจะรู้ว่าคนที่ทำให้ผมมีไฟแรงกล้าและความชอบในกีฬากอล์ฟก็คือ แม่ของผมนั่นเอง
 
แม่ยังกระฉับกระเฉงทุกครั้งที่ดูผมแข่งขัน แม่ดูแบบเอาเป็นเอาตายในทุกๆช็อตที่ผมตี จนผมต้องบอกว่าไม่ต้องเป็นกังวล ผมรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่แม่ก็ตอบกลับมาว่า แล้วลูกก็จะเข้าใจที่แม่พูด เมื่อ “แซม” (ลูกสาวคนโตของไทเกอร์ วู้ดส์) โตขึ้น”
 
• “กุลธิดา”หญิงใจบุญ เบื้องหลังความสำเร็จของไทเกอร์
 
แมกกาซีนกอล์ฟชื่อดังของอเมริกา “GolfDigest” ฉบับประจำเดือนพฤษภาคม 2009 ได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ “กุลธิดา วู้ดส์” ผู้เป็นแม่ซึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโปรกอล์ฟชื่อดัง โดยผู้สื่อข่าวของGolfDigestได้ติดตามกุลธิดา มาเมืองไทย ซึ่งเธอกลับมาทำบุญบริจาคเงินให้กับหน่วยงาน 2 แห่ง คือสถานศึกษาธรรมจาริณีวิทยา ซึ่งเป็นสาขาของสถาบันแม่ชีไทย ซึ่งรับอุปการะเด็กหญิงกำพร้าและถูกล่วงละเมิดทางเพศ ราว 300 คน รวมทั้งสถานสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญาในจังหวัด ราชบุรี ซึ่งเธอเลือกให้ได้รับเงินบริจาคจากมูลนิธิไทเกอร์
 
“ฉันบอกไทเกอร์ว่า แม่อยากช่วยเหลือเมืองไทยบ้าง” กุลธิดาเล่า ไทเกอร์บอกว่า “แม่ครับ เรื่องเมืองไทย ผมยก ให้แม่ดูแลจัดการอย่างเต็มที่เลย”
 
กุลธิดาเป็นคนรักสัตว์ ก่อนหน้านี้เธอได้ชักชวนให้ไทเกอร์บริจาคเงินให้กับองค์กรสงเคราะห์ช้างที่เมืองไทยด้วย และในการมาเมืองไทยครั้งนี้ เธอก็ได้ไปเที่ยวและ ทำบุญที่วัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หรือที่รู้จักทั่วไปในนาม“วัดเสือ”ที่จังหวัดกาญจนบุรี บ้านเกิดของเธอ
 
GolfDigest บอกว่า เพื่อที่จะเข้าใจถึงตัวตนของไทเกอร์ วู้ดส์ คุณต้องรู้จักแม่ของเขาเสียก่อน
 
‘ธรรมลีลา’ จึงขอนำบางส่วนจากการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ มาเผยแพร่ไว้ ณ ที่นี้
 
• วัยเยาว์อันโดดเดี่ยว
 
กุลธิดาเล่าว่า เธอเกิดที่จังหวัดกาญจนบุรีในปี 1944 พ่อเป็นสถาปนิก แม่เป็นครู เธอเป็นลูกคนเล็กสุดในจำนวนพี่น้อง 4 คน พ่อแม่หย่าขาดจากกันเมื่อเธออายุเพียง 5 ขวบ เธอถูกส่งไปอยู่ที่โรงเรียนประจำจนกระทั่งอายุ 10 ขวบ เธอบอกว่า เป็นช่วงที่รู้สึกโดดเดี่ยวและเจ็บปวดมาก ทำให้เธอสาบานกับตัวเองว่า เธอจะไม่เป็นเหมือนพ่อแม่ของเธอเอง
 
“หลังจากที่พ่อและแม่หย่าขาดจากกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันเป็นทุกข์มาก เมื่อฉันถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ 5 ปี ฉันแทบจะไม่ได้กลับบ้านเลย อยู่ที่โรงเรียนตลอด ทุกเสาร์อาทิตย์ ฉันได้แต่หวังว่าพ่อหรือแม่จะมาเยี่ยม หรือไม่ก็พี่ชายและพี่สาว แต่ไม่มีใครมาเยี่ยมฉันเลย ฉันรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง”
 
และเมื่อเธอเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เธอต้องเทียวไปมาระหว่าง บ้านพ่อและบ้านแม่
 
“ฉันชอบที่จะอยู่ที่บ้านแม่มากกว่า แต่แม่ก็มีลูกกับสามีใหม่ และพ่อเลี้ยงก็ไม่สนใจใยดีฉัน ส่วนพ่อแท้ๆของ ฉันก็แต่งงานใหม่และมีลูก ซึ่งพ่อก็ให้ความสำคัญกับครอบครัวใหม่มากกว่า พ่อไม่เคยกอดฉันหรือบอกว่า พ่อรักลูกนะ ดังนั้น เมื่อตอนฉันกลับมาเมืองไทยและไปเยี่ยมท่าน ฉันก็จะกอดพ่อและบอกว่า ลูกรักพ่อนะ และนี่คือที่มาว่า ทำไมฉันถึงชอบกอดไทเกอร์และบอกว่าแม่รักลูกนะ ก็เพราะว่า ฉันไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านี้เลยในวัย เด็ก
 
ตอนนี้ไทเกอร์อายุมากขึ้นและเป็นพ่อคนแล้ว เขาเรียนรู้ชีวิตมากขึ้น และเข้าใจแม่มากขึ้นกว่าแต่ก่อน และเมื่อวันก่อน เขาพูดว่า แม่ครับ แม่เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง จริงๆ มันทำให้ฉันรู้สึกดีมากๆ และฉันก็ภูมิใจในตัวลูกที่เขาเข้าใจแม่”
 
• เลี้ยงลูกแบบไทยๆ
 
เธอพบรักกับ “เอิร์ล วู้ดส์” ในขณะทำงานเป็นเลขาในสำนักงานกองทัพสหรัฐประจำประเทศไทย หลังจากนั้นไม่กี่เดือน เธอก็ตัดสินใจแต่งงานและย้ายมาอยู่ที่บรู๊คลิน ในนิวยอร์ก
 
ไทเกอร์ เป็นลูกชายคนเดียว เกิดเมื่อปี 1975 หลังจากที่ทั้งคู่ย้ายมาอยู่ที่เมืองไซเพรส รัฐแคลิฟอร์เนีย เธอพยายามเลี้ยงดูลูกแบบไทยๆ โดยมีแม่ของเธอมาอยู่ช่วยเลี้ยงหลานราว 2 ปี และเมื่อไทเกอร์อายุได้ 9 ขวบ เขาได้เดินทางมาไทยเป็นครั้งแรก ไปเยี่ยมชมสถานที่ประวัติศาสตร์ในกรุงเทพและไปเยี่ยมคุณตา ซึ่งได้มอบพระพุทธรูปให้หลานชาย ทุกวันนี้ยังเก็บอยู่ในห้องนอนของไทเกอร์
 
“ฉันชอบของเก่าๆมากกว่าของใหม่ ในเมืองไทย เราให้ความเคารพผู้มีอาวุโสและประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันสอนไทเกอร์เสมอ”
 
ทุกๆปี ไทเกอร์จะทำในสิ่งที่แม่ขอร้องก็คือ การไปกราบเยี่ยมพระรูปหนึ่งที่วัดทางแคลิฟอร์เนียใต้ ซึ่งท่านเป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือให้ไทเกอร์มีสมาธิมากขึ้น ไทเกอร์จะพูดถึงตัวเขาเองเสมอว่า เป็นลูกครึ่งไทย ถึงแม้ว่าการทำเช่นนั้น จะทำให้คนในชุมชนอัฟริกัน-อเมริกันบางคนไม่พอใจก็ตาม
 
“เห็นมั้ย ไทเกอร์ไม่เคยดูหมิ่นบรรพบุรุษทางแม่ของเขาเลย” กุลธิดาบอก
 
แต่นอกเหนือไปจากเชื้อชาติแล้ว สิ่งที่แม่ลูกคู่นี้มีเหมือนกันก็คือ
 
“ฉันและไทเกอร์เป็นคนที่สันโดษ เราไม่เสียเวลากับคนที่เราไม่ชอบ ฉันมีเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนเอง ฉันเป็นคนที่ตั้งใจทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ และไม่พึ่งพาคนอื่น ถ้าทำได้อย่างนี้ คุณก็เอาตัวรอดได้
 
ตอนฉันเล็กๆ แม่เป็นคนขี้กังวล จะพูดเสมอว่า เดี๋ยวชาวบ้านจะว่าเอานะลูก แต่ตอนนั้นฉันก็ไม่เคยสนใจคนอื่น ฉันบอกไทเกอร์เสมอว่า ลูกไม่สามารถที่จะทำให้ทุกคนพอใจได้หมดหรอก เหนื่อยเปล่าๆ และตัวลูกก็จะไม่มีความสุขเองด้วย ลูกต้องทำในสิ่งที่เหมาะกับตัวลูก และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ เขาเล่นกอล์ฟได้ดีจริงๆ”
 
ความตั้งใจของเธอ สะท้อนให้เห็นจากคำพูด ซึ่งตรงไปตรงมา
 
“ระหว่างฉันกับไทเกอร์ “ไม่” ก็คือ “ไม่” และ “ใช่” ก็คือ “ใช่” เราไม่ต้องพูดยืดเยื้อ” เธอเล่า
 
• สอนลูกให้หนักแน่นและเห็นใจผู้อื่น
 
ขณะที่ไทเกอร์ยังเล็ก กุลธิดาเป็นคนขับรถพาลูกไปแข่งตามที่ต่างๆ เดินตามไปทุกหลุมเพื่อจดคะแนน สั่งให้ลูกทำการบ้านให้เสร็จก่อนไปหัดตีกอล์ฟ ให้ของขวัญเป็นที่สวมหัวไม้กอล์ฟ ปักคำว่า “รักจากแม่” เป็นภาษาไทย ในขณะที่เอิร์ลผู้เป็นพ่อ จะสอนเรื่องความมีระเบียบวินัย และบางครั้งเธอก็จะตีก้นลูกเพื่อเป็นการสั่งสอน เธอสอนให้ลูกรู้จักความหนักแน่น ไม่สงสารคู่ต่อสู้ในเกมการแข่งขัน แต่ให้รู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่นในชีวิตประจำวันทั่วไป
 
“ในเกมกีฬา คุณต้องเล่นให้เต็มที่ ถ้าคุณใจอ่อน เขาจะเป็นฝ่ายไล่ขยี้คุณแทน ดังนั้น คุณจะต้องจัดการคู่ต่อ สู้แบบเด็ดขาด” เธอหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อว่า “ฉันเป็นแบบนั้นแหละ”
 
ไทเกอร์ชอบพูดเสมอๆว่า “ผมกลัวแม่มากกว่าพ่อ” และถึงปัจจุบัน กุลธิดาก็ยังทำให้เขาเกรงกลัวได้ ถึงแม้เธอจะคิดว่า ตอนนี้ไทเกอร์อายุ 30 กว่าแล้ว วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ให้เขารู้สึกผิดด้วยตัวเอง
 
“ถ้าเขาไม่ได้โทรมาหาฉันนานสักระยะ ฉันก็จะโทรไปหาเขา และทิ้งข้อความไว้ว่า นี่.. ไทเกอร์ ยังจำผู้หญิงที่ลูกเรียกว่าแม่ได้หรือเปล่า? อีกหน่อย จะไม่มีใครให้ลูกเรียกอย่างนั้นได้อีกแล้วนะ”
 
• อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ
 
เมื่อพูดถึงภาพภายนอกของกุลธิดาที่ดูแข็งกร้าว เธอเล่าว่า
 
“ฉันไม่ชอบแสดงความรู้สึกออกมา เมื่อครั้งไทเกอร์ชนะเลิศ PGA Tour “The Masters” เป็นครั้งแรก พ่อของเขาร้องไห้ด้วยความดีใจ ฉันก็ดีใจมาก แต่ไม่ถึงกับร้องไห้ เมื่อไทเกอร์ลงแข่ง “US Open” ที่ Pebble Beach เมื่อเร็วๆนี้ ในขณะที่ทุกคนในสนามโค้งให้ไทเกอร์ ฉันคิด ว่า ดีจังเลย แต่ก็แค่นั้นแหละ แต่เมื่อไทเกอร์ลงแข่งและคว้าแชมป์ “British Open” เป็นครั้งแรก ที่ St.Andrews และคนดูทั่วสนามแข่งโบกมือและตบมือเป็นเกียรติให้เขา วินาทีนั้น ฉันคิดเพียงว่า นั่นคือลูกชายของฉัน แล้วขอบตาก็เริ่มมีน้ำเอ่อมาโดยไม่รู้ตัว”
 
• จากแม่ สู่ความเป็น “ย่า”
 
อาการบาดเจ็บที่หัวเข่าซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเธอตกจากเก้าอี้ขณะที่พยายามแขวนรูปของไทเกอร์เมื่อหลาย ปีก่อนนั้น ทำให้เธอไม่ค่อยได้ตามไปดูเขาแข่งตามที่ต่างๆ มากนัก
และเมื่อเธอกลายเป็นคุณย่าของหลานสาว “แซม” เธอก็กลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กชั้นยอดทั้งที่บ้านของเธอเองที่แคลิฟอร์เนีย หรือไม่ก็ไปตามไปดูแลที่บ้านของไทเกอร์ที่ฟลอริด้า และเมื่อมีหลานชายคนใหม่ “ชาร์ลี” เธอก็ตั้งตา รอที่จะดูแลหลานทั้งคู่ และแม้แต่สุนัข 2 ตัวของลูกชายก็อยู่ในการดูแลของเธอเช่นกัน รวมแล้วเธอต้องเลี้ยงหมาทั้งหมด 6 ตัว และในปีหน้า เมื่อไทเกอร์ย้ายบ้านไปอยู่ที่ใหม่ เธอก็จะย้ายตามไปอยู่ใกล้ๆห่างกันไม่กี่ไมล์ ซึ่งบ้านหลังใหม่ของเธอนั้น จะมีพื้นที่มากพอที่จะเลี้ยงสุนัข
 
• สวดมนต์ ขอให้มาเกิดเป็นแม่ลูกอีกครั้ง
 
ไทเกอร์คือชีวิตจิตใจของกุลธิดา เธอเป็นแม่ที่เสียสละเพื่อลูก ไม่จ้างพี่เลี้ยงเด็ก ไม่เคยทำงานนอกบ้าน แม้ ว่าในช่วงนั้นจะมีปัญหาด้านการเงิน เพราะต้องการเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง เธอบอกว่า ความสำเร็จของไทเกอร์ เป็นเสมือนรางวัลตอบแทนความเสียสละของเธอส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ไทเกอร์รักและไว้ใจแม่
 
“ฉันบอกไทเกอร์เสมอว่า แม่เป็นที่พึ่งให้ลูกได้เสมอ แม่จะไม่โกหกลูก ทุกคืนก่อนนอน แม่จะสวดมนต์ ขอให้ชาติหน้า ไทเกอร์มาเกิดเป็นลูกของแม่อีกครั้ง”
 
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 105 สิงหาคม 2552 โดยบุญสิตา)


http://www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=9520000088263




Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: กุลธิดา วู้ดส์ เบื้องหลัง ความสำเร็จ ไทเกอร์ วู้ดส์ 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.513 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 19 ธันวาคม 2567 23:26:01