22 ธันวาคม 2567 17:01:48
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
สุขใจในธรรม
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
.:::
อภิญญา เล่ม ๑ หลวงพ่อตอบปัญหา ( หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ )
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: อภิญญา เล่ม ๑ หลวงพ่อตอบปัญหา ( หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ) (อ่าน 4213 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์
เพศ:
United Kingdom
กระทู้: 7866
• Big Bear •
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 5.0.375.99
อภิญญา เล่ม ๑ หลวงพ่อตอบปัญหา ( หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ )
«
เมื่อ:
27 กรกฎาคม 2553 14:00:55 »
Tweet
[ โดย อ.มดเอ็กซ์ จากบอร์ดเก่า ]
หลวงพ่อตอบปัญหา
ฝึกมโนมยิทธิแบบใหม่
ผู้ถาม : "หลวงพ่อครับ
ฝึกมโนมยิทธิแบบใหม่
นี่รู้สึกว่าจะไวกว่าฝึกพวกวิชชาสามไหมครับ .. ?"
หลวงพ่อ : "ไวกว่าสิ! เพราะว่าวิชชาสามต้องใช้กำลังใจสูงมาก มักจะมีอารมณ์สงสัยอยู่เสมอ จะต้องมีอารมณ์เข้มข้นจริง ๆ
มโนมยิทธิ
นี่ไวกว่า
เพราะว่าเป็นส่วนหนึ่งของอภิญญา แต่ที่ฝึกเวลานี้บวกกับวิชชาสามด้วย
รู้สึกว่าง่ายดี ทำที่ไหนก็ได้เหมือนกัน แต่ว่ามโนมยิทธิจริง ๆ แบบเก่า ฝึกให้เหมือนกัน แต่คนรับไม่ไหว ความเข้มข้นสูงกว่าแบบใหม่นี้ แต่ว่ามันผลเท่ากัน เราเดินไป เขาไปรถ มันก็ไปถึงเหมือนกันใช่ไหม เห็นอะไรก็ได้เหมือนกัน รู้เหมือนกัน ผลต้องการคือ เห็นจริงและสัมผัสรู้เรื่องได้จริง"
๒๐ ปี อภิญญาจะขึ้น
ผู้ถาม : "แล้วเมื่อไรอภิญญาจะขึ้นครับ?"
หลวงพ่อ : "รอไปสัก ๒๐ ปี ตอนนั้นจะเฟื่อง เวลานี้กำลังใจคนรับได้แค่วิชชาสาม เลยไปนิดก็มโนมยิทธิ
มโนมยิทธินี่เป็นพื้นฐานของอภิญญา
อภิญญาห้านะ ถ้าอภิญญาหกก็เป็นพระอริยะแล้ว แล้วตอนนั้นคุณพยายามคลำพระให้ดี อย่าไปคลำแข้งนะ"
ผู้ถาม : "คลำยังไงครับ..?"
หลวงพ่อ : "นั่นน่ะสิ! ต้องสังเกตดูก่อน ดูพระที่ได้อภิญญาแล้วก็เป็นฌานโลกีย์ ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปอย่าไปคลำไม่ได้ผลหรอก ท่านไม่เล่นแล้ว องค์ไหนได้อภิญญาหกก็บูชาเอาบุญก็แล้วกัน อภิญญาห้าก็พอแหย่ไปแหย่มาได้ เพราะยังอยากเก่งอยู่นี่ นั่ง ๆ นึกโมโหคว้าขี้หมาเป็นทองคำขว้างหน้าเลย เราก็โมโหเก็บใส่กระเป๋าไปเลย ดีไหม?"
ผู้ถาม : "ดีแน่ครับ.."
หลวงพ่อ : "ต้องอีกสัก ๒๐ ปีนะ ท่านพูด ตอนปี ๒๕๒๑ แต่ไม่นับปีนั้นนะ
ท่านบอกอีก ๒๐ ปี อภิญญาหกจะเข้าฟูจัด เข้าใจว่าต่อจากนั้นไปอีก ๒๐ ปี ปฏิสัมภิทาญาณขึ้นแน่
มันต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ ลงไม่ได้ "
อยากได้อภิญญา
ผู้ถาม : "กราบเท้านมัสการหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกอยากเรียนถามหลวงพ่อว่า การที่เราฝึกมโนมยิทธิแล้ว โดยใช้ภาพพระพุทธรูปแก้วใสของหลวงพ่อจับเป็นกสิณกับใช้ภาพองค์สมเด็จพระพุทธชินราชจะได้ผลเหมือนกันหรือไม่ เพราะผมตั้งใจแล้วว่าอนาคตผมเอาอภิญญาหกให้ได้ขอรับ"
หลวงพ่อ : "เอาแน่หรือ? เอาแน่นะ..."
ผู้ถาม : "อ้อ! มโนมยิทธินี่ถ้าพูดถึงว่าจับพระพุทธรูปใส..."
หลวงพ่อ : "ได้ ๒ อย่าง อะไรก็ได้ อภิญญานี่ต้องได้กสิณทั้ง ๑๐ นะ อย่าทำเตาะแตะส่งเดชไป กสิณทั้ง ๑๐ นี่ต้องคล่องทั้งหมด แล้วก็เดินหน้าถอยหลังได้ เข้าฌานสลับฌานได้ ทำสลับฌานได้ ยากแล้วนะ เอางี้สิ!
ถ้าฝึกต้องการอภิญญาหก ฝึกไปนิพพานง่ายกว่าเยอะ! ดีกว่าเยอะ! ไม่ได้เกิดประโยชน์
"
ผู้ถาม : "ความจริงมโนมยิทธิก็เหลือกินเหลือใช้แล้ว.."
หลวงพ่อ : "ก็แค่นั้นแหละ! ได้อภิญญาหกก็แค่นั้นแหละ ไปได้เท่ากัน "
ผู้ถาม : "แต่ฆราวาสได้แค่ ๕ หรือ ๖ ก็ได้ครับ..."
หลวงพ่อ : "ถ้า ๖ ต้องเป็นพระอริยเจ้านะ อันที่ ๖
อาสวขยญาณ
ไงล่ะ! ความจริงเอาแค่เป็นพระอริยะดีกว่า อภิญญาเฉย ๆ จะทำอะไรกัน ได้มโนมยิทธิก็ถมเถไปแล้ว.. "
จิตจับวิหารแก้ว
ผู้ถาม : "หลวงพ่อครับ ขณะที่ผมไป
วัดท่าซุง
เดินบ้าง วิ่งบ้าง เล่นบ้าง แล้วปรากฏว่าอารมณ์จิตไปจับอยู่ที่
วิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร
แป๊บเดียวเท่านั้นเอง ก็ปรากฏว่า สามารถขึ้นไปที่เมืองพระนิพพานเข้าวิมานตัวเองได้ ที่จะเรียนถามก็คือว่า
อารมณ์ที่ไปอย่างนี้เป็นอุปจารสมาธิหรือเป็นฌาน ๔ ขอรับ..?
"
หลวงพ่อ : "
ไอ้นั่นเป็นฌาน ๔ ด้วย เป็นอภิญญาด้วย
ใหญ่มากนะ คนนี้เคยได้มาก่อนนี่ ชาติก่อนเข้าได้มาก่อน เป็นฌาน ๔ ด้วย! เป็นอภิญญาด้วย!"
ผู้ถาม : "นี่เขาไม่ได้ธัมมะธัมแมะเลยครับ"
หลวงพ่อ : "ไม่จำเป็น! ของเก่าเขา จิตไปจับนี่มันเป็นสมาธิ อย่าลืมนะ! ฌานจะเกิดขึ้นเพราะกำลังสมาธิ หรือวิ่งไปวิ่งมาจิตจับอารมณ์อยู่ อารมณ์มันทรงตัว อารมณ์เดียวก็เป็นฌาน ฌานน่ะของไม่ยาก ก็ต้องเข้าใจนะ และการเคลื่อนไหวไปได้นะเป็นอภิญญา คนที่ได้ฌาน ๔ ทุกคนถือว่าเป็นอภิญญา วิชชาสามไม่แน่นะ วิชชาสามคนหนึ่งก็แสนยาก นี่ขั้นอภิญญา ถ้าไปได้เป็นอภิญญา ของเขานี่ดีมาก .."
ผู้ถาม : "ก็เป็นอันว่าเป็นบุญของคนนี้นะ เอ๊! แปลกนะ คนที่วิ่ง ๆ นี่ไม่น่าจะต้องใช้สมาธิง่าย ๆ เลย ไปเร็ว!"
หลวงพ่อ : "วิ่ง ๆ มันเป็นจงกรม
จงกรม
แปลว่า
เดิน
จงกรมเมื่อฉันฝึกทีแรก เดินเบา ๆ ต่อมาก็เดินธรรมดา หนัก ๆ เข้าวิ่ง ให้จิตทรงตัว นี่อย่าลืมว่าขณะที่เขาวิ่งอยู่จิตเขาจับที่วิหารแก้ว จิตไปจับอารมณ์เดียว นั่นเป็นจงกรมอย่างหนัก อย่างสูง ไม่ใช่เรื่องเบา ก็แสดงว่าชาติก่อนเคยได้มาแล้ว ของเก่า..."
ผู้ถาม : "คนที่ฝึกมโนมยิทธินี่ ส่วนมากที่ได้ไวเพราะของเก่าหรือครับ?"
หลวงพ่อ : "ของเก่าทั้งนั้นแหละ! ของใหม่ไม่ได้ ถ้าคนฝึกใหม่ก็ต้องอีกแสนชาติ นี่เป็นเรื่องจริงนะ ถ้าจะได้นิพพานนี่แสนชาติไม่แน่.."
อยากจะได้อภิญญาหก
ผู้ถาม : "กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกได้มาฝึกมโนมยิทธิที่ซอยสายลม แล้วปรากฏว่าชัดเจนแจ่มใสดีเป็นอย่างมาก แต่ว่าความโลภของลูกอีกสิ มันอยากจะได้ให้ดีกว่านั้น วงเล็บ คือ
อยากจะได้อภิญญาหก
วันหนึ่งลูกขึ้นไปพบพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ท่านบอกว่าเคยเป็นพ่อของลูกมาช้านาน ท่านสอนกสิณทั้ง ๑๐ กองในเวลาเดียวกัน แล้วบอกว่าเอ็งต้องใช้เตโชกสิณ จะได้ดีเป็นอย่างมาก ลูกอยากจะเรียนถามหลวงพ่อว่าถ้าลูกฝึกเหมือนอย่างข้างบน โดยฝึกข้างล่างอย่างนี้แล้ว ชาตินี้จะมีโอกาสได้อภิญญาหกหรือเปล่าครับ?"
หลวงพ่อ : "เป็นยังไงฝึกข้างบนฝึกข้างล่าง ฝึกข้างล่างเป็นไง ถ้าพระพุทธเจ้าตรัสมา ทำตามนั้นนะ อย่าถามคนอื่น.."
ผู้ถาม : "หลวงพ่อครับ
ฆราวาสนี่มีสิทธิ์ได้อภิญญาหกหรือครับ?
"
หลวงพ่อ : "โอ๊ย! เยอะแยะไป อภิญญหกนั่นหมายความว่า
ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป เรียกอภิญญาหก ถ้าอภิญญาฌานโลกีย์แค่อภิญญาห้า
ใช่ไหม...
"อาสวขยญาณ" นั่นคือ ตัดกิเลสได้พระโสดาบันขึ้นไป ถือว่าตัด!"
ผู้ถาม : "งั้นคนที่ถามนี่ก็มีสิทธิ์สิครับ"
หลวงพ่อ : "ก็ต้องทำตามท่านสั่ง อย่าเบี้ยว! การฝึกอภิญญาต้องใช้ความกล้าและบ้ามาก ๆ คือ เอาจริงเอาจัง ไม่เหลาะแหละจึงจะได้ผล สมัยก่อนพระอภิญญามีเยอะ ปัจจุบันก็เยอะแต่ท่านอยู่ในป่า แต่ก็ระวังให้ดี! ได้อภิญญาแล้วยังไม่ตัดกิเลสก็มีสิทธิ์ไปนรกได้ เช่น
พระเทวทัต
"วิธีตัดกิเลส" คือ ต้องตัดสังโยชน์ขั้นแรกคือ สังโยชน์ ๓ เป็นพระโสดาบันและพระสกิทาคามี
"
ฝันว่าเหาะได้
ผู้ถาม : "ภาวนา
สัมปจิตฉามิ
แล้วหลับไป ปรากฏว่า ฝันว่าเหาะได้เสมอ ๆ อย่างนี้แสดงว่า ในอนาคตจะได้อภิญญาหรือเปล่าคะ..?"
หลวงพ่อ : "ปัจจุบันนี้ก็ได้แล้วนะ... อภิญญาต้องใช้เวลาหลับ
แต่ความจริงฝันว่าเหาะได้ ถ้าเอาความฝันนะ เขาถือว่างานที่ต้องการนั้นสำเร็จผล
แต่ถ้าฝันว่าเหาะได้ ความจริงกำลังใจเริ่มดีแล้ว ทำไปเรื่อย ๆ นะ"
ผู้ถาม : "ที่ในหนังสือ
ธัมมวิโมกข์
เขียนไว้บอกว่า ถ้าภาวนาไปเรื่อย ๆ วันละ ๑ ชั่วโมง จะมีผลคล้ายอภิญญา"
หลวงพ่อ : "คือท่านเจ้าของท่านบอกอย่างนั้น คาถาบทนี้ไปได้ที่
นิวซีแลนด์
นอนอยู่ที่
เมืองควีนทาวน์
ท่านบอกให้
ท่านบอกว่าเป็นคาถาของอภิญญา
ใครเขากลั่นแกล้งเราด้วยกรณีใด ๆ ก็ตาม เขาได้รับผลนั้นโดยฉับพลัน ถ้ากำลังใจดีนะ แล้วท่านบอกว่าใช้กำลังเรื่อย ๆ ไปวันหนึ่งประมาณ ๑ ชั่วโมง นั่งก็ได้ นอนก็ได้ ทำเรื่อย ๆ ไป พอถึงที่สุดก็เหาะได้ ไม่ใช่ลอยเฉย ๆ นะ เหาะนี่ต้องการจะไปไหนมันไปได้ ถ้าลอยดีไม่ดีหล่นตุ๊บ! ข้างทาง ลอยก็เหมือนเขาจับโยน จะลงที่ไหนบังคับไม่ได้ ถ้าเหาะนี่เราบังคับได้
ถ้าเหาะได้เมื่อไร อภิญญาทั้ง ๑๐ เข้าครบถ้วนเมื่อนั้น ไม่ใช่ได้แต่เหาะอย่างเดียว
"สัมปจิตฉามิ"
เป็นคาถาอภิญญารวม นั่นหมายความว่า คนนั้นต้องได้อภิญญาในชาติก่อน เอามารวมใช้นั่นเอง แบบ
นะมะพะธะ
นี่ก็เป็นมโนมยิทธิรวมเหมือนกัน เป็นอภิญญาเล็กรวม ถ้าไม่เคยได้มาก่อนนั้นต้องฝึกกสิณ ๑๐ ให้คล่องตัว แล้วมาฝึกอภิญญาใหม่
ทีนี้เราไม่ต้องใช้ เพราะเคยฝึกได้ในชาติก่อน ก็เอามารวมใช้ทีเดียว ค่อย ๆ เรียกมา อย่างอภิญญาใหญ่ก็เหมือนกัน แสดงว่า คนเริ่มมีกำลังใจเข้มแข็งขึ้น ท่านจึงให้คาถาบทนี้"
สัมปจิตฉามิ
ผู้ถาม : "เวลาท่องคาถา
"สัมปจิตฉามิ"
ท่องไปไม่เกิน ๑๐ ครั้ง มีความรู้สึกว่าเงียบหายไปทุกที เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ทำใหม่ก็ปรากฏว่าเป็นอย่างนี้อีก ก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไร และจะแก้ไขอย่างไรดีเจ้าคุ..?"
หลวงพ่อ : "เป็นเพราะมันเป็นอย่างนี้ ไม่ต้องแก้ไขอย่างไร ก็ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะจิตเข้าถึงฌานที่ ๒ ขึ้นไป ตอนที่ภาวนาอยู่ จิตอยู่ที่ฌาน ๑ พอจิตเข้าถึงฌานที่ ๒ ก็ตัดภาวนา อันนี้ดีมากนะ ไม่ใช่เลว เก่ง! คนนี้ต้องถือว่าเก่งมาก เข้าถึงฌาน ๒ ตัวไม่ภาวนาคือ ฌาน ๒ , ๓ , ๔ นี่ไม่ภาวนา ให้มันตัดเองนะ เราอย่าไปช่วยตัดเข้า อย่างนี้ดีมาก ปล่อยตามนั้นนะ ทำจิตเป็นฌานไม่ช้าจะเป็นผลในที่สุด ยังไงจะไปวัดท่าซุงไม่ต้องใช้รถก็ได้ ถ้าถึงที่สุด.."
ผู้ถาม : "ไปได้หรือครับ?"
หลวงพ่อ : "ได้แน่! อันนี้ตรงเป๋ง!"
ผู้ถาม : "แหม..ได้ตอนนี้ก็ดี น้ำมงน้ำมันแพง แป๊บเดียวถึง..."
หลวงพ่อ : "ถ้าถึงขั้นนั้น อภิญญาเข้าทั้งหมด ถือว่าเป็นคาถาอภิญญาของท่าน ถ้าทำถึงจุดปลายทางนะคือ อภิญญาห้า
ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปเป็นอภิญญหก
นี่ท่านมาแนะนำให้ อย่างพวกเราเคยผ่านมาแล้ว เป็นของสำหรับคนที่ได้มาแล้วจึงจะมีผล คนที่ทำไปเรื่อย ๆ ตามนั้นนะ แล้อย่าอยากนึกได้อภิญญานะ ตัวฟุ้งซ่านนะ นึกเอ๊ะ! กูจะเกาะล่ะวะ ๆ เลยอดเหาะเลย.."
ผู้ถาม : "เกิดเหาะไปวัดท่าซุงได้ แต่กลับไม่ได้ล่ะครับ?"
หลวงพ่อ : "ถ้าเหาะนี่ต้องไปได้มาได้ ไม่ใช่ปีติ ถ้า
อุพเพงคาปีติ
ลอยไปที่ใดที่หนึ่ง ปีติเคลื่อนมาไม่ได้ แต่อันนี้มันบังคับได้เลย ตามใจชอบ ดีไม่ดีไปโลกอังคาร พระศุกร์ พระเสาร์ แข่งกับฝรั่ง ฝรั่งลงทุนมาก เราไม่ต้องลงทุนเลย บางครั้งเผลอไม่ทันจุดธูป แป๊บเดียวถึง"
ผู้ถาม : "ข้างในไปหรือข้างนอกไป หรือไปทั้งข้างในข้างนอกครับ?"
หลวงพ่อ : "อันนี้ไปได้หมด ขี้เข้อไปหมด ตัวนี้อภิญญาใหญ่ นี่คาถาอภิญญาใหญ่นะ สำหรับคนที่ได้มาในชาติก่อน อภิญญาใหญ่ถ้าหากคนที่ไม่ได้มาในชาติก่อน ต้องเริ่มด้วยกสิณ ๑๐ อันนี้สำหรับคนที่เคยได้มาแล้วนะ.."
ทำยุบหนอฝึกอภิญญา
ผู้ถาม : "ผู้ที่เจริญกรรมฐานแบบยุบหนอพองหนอ เขาจะมีโอกาสได้อภิญญาหรือไม่ครับ?"
หลวงพ่อ : "ทำไมจะไม่ได้ "หนอ ๆ " นี่อย่าลืมว่าเขาอานาปานุสสตินะ เป็นแม่บทใหญ่ของกรรมฐาน ต้องการให้อภิญญา ถ้าหากว่าสมาธิเข้าถึงฌาน ๔ แล้วก็หลบอารมณ์นิดหนึ่ง เข้าไปจับองค์ของกสิณ นี่หมายถึงไม่เคยฝึกอภิญญามาก่อน ถ้าหากว่าคนนี้เคยฝึกอภิญญามาก่อน
ถ้าจิตเข้าถึงฌาน ๔ อภิญญาจะเข้าทันที ต้องฌาน ๔ ทรงตัว
นั่นหมายความว่า ฌาน ๔ ต้องการทำเมื่อไรก็ได้ ออกฌานเมื่อไรก็ได้ อย่างนี้อภิญญาก็เข้าเลย ไม่ต้องฝึกอภิญญานี่หมายความว่าต้องได้มาในชาติก่อนนะ ถ้าไม่ได้มาในชาติก่อนก็ต้องฝึกกันใหม่ ฝึกอานาปาแล้วก็ต่อด้วยกสิณ ๑๐ อย่าง"
ผู้ถาม : "อย่างนั้นที่ลูกศิษย์หลวงพ่อมาฝึกปุ๊บได้แป๊บนี่ก็เพราะ..."
หลวงพ่อ : "นั่นเขาเคยได้มาก่อน ที่เราฝึกนี่เราฝึกคนที่ได้มาก่อนต่างหากล่ะ ได้จนมีการคล่องตัวแล้ว แบบคนที่มีการอ่านหนังสือคล่องแคล่ว ส่งเข้าป่า ๓๐ ปี ไม่มีหนังสือเลย กลับมาโยนหนังสือให้อ่านก็อ่านหนังสือออก ใช่ไหม.."
ภาวนา " สัมปจิตฉามิ " กับ " พุทโธ "
ผู้ถาม : "หลวงพ่อครับ ผมเคยภาวนา
"สัมปจิตฉามิ"
ตอนนั่งรถเมล์บ้าง ตอนนั่งสมาธิที่บ้านบ้าง ภาวนาไปได้สัก ๑ อาทิตย์ ก็ฝันว่าได้ทำบุญกับหลวงพ่อที่บ้านซอยสายลมนี้ หลวงพ่อได้เรียกชื่อผมและบอกให้ภาวนา
"พุทโธ"
ดีกว่านะ สั้น ๆ ง่าย ๆ แต่มีผลมาก และผมได้รับปากหลวงพ่อ ฝันเช่นนี้แสดงว่าผมมีนิสัยแบบสุกขวิปัสสโก ไม่ใช่แบบที่ฝึกอภิญญามาก่อนใช่หรือไม่ครับ ?"
หลวงพ่อ : "เปล่า! นั่นเขาเกรงว่าจะลืมพระพุทธเจ้า แต่ความจริง
"สัมปจิตฉามิ"
ก็ดี
"สัมปติจฉามิ"
นี่ก็เป็น
พุทธานุสสติกรรมฐาน
เพราะคาถา ๒ บทนี้พระพุทธเจ้าบอกเอง จะเป็นอะไรก็ตาม ภาวนาอย่างไรก็ตาม ถ้านึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนก็เป็นพุทธานุสสติกรรมฐานทั้งนั้น ทั้งนี้ที่เขาบอกอย่างนั้นเกรงว่าจะลืมไป ให้ใช้เวลาสลับกัน เวลายามปกติภาวนาว่า
"พุทโธ"
สบายใจแล้วต่อด้วย
"สัมปจิตฉามิ"
ก็ได้ ขึ้นต้นไว้ก่อนนะ ท่านเกรงจิตจะไม่มั่นคงเท่านั้นเอง ไม่มีอะไร
"สัมปจิตฉามิ"
ท่องเข้าไปเถอะ! ชาติก่อนจะทรงอภิญญาหรือไม่ก็ตาม ภาวนาไป ๆ อภิญญาก็มา อภิญญานี่เก่าไม่มีทำใหม่เกิดได้ ในครัวข้าวสุกไม่มีเราหาใหม่ได้นะ ดี! ภาวนาไปเถอะ! อย่าลืมขึ้น
"พุทโธ"
เสียก่อน คาถาที่พระพุทธเจ้าบอก พอจิตสบายก็ต่อเลย
คือว่า วันเวลาใกล้เข้ามาแล้ว ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ เข้าเขตอภิญญาจะมา ต้องเพาะกำลังใจไปก่อน
คำว่า "มา" หมายความว่ากำลังจิตของคนจะเข้าถึงความเข้มข้น ต้องทำก่อน ถ้าทำเวลานั้นก็ช้าไป ต้องทำเรื่อย ๆ ไปนะ..
แล้วก็
"สัมปจิตฉามิ"
เป็นคาถาผลัก ผลักทุกอย่าง เหตุร้ายใด ๆ ที่เขาจะเข้ามาหาเรา จะถูกผลักไปหาเจ้าของ แต่เราไม่ยอมรับ ไม่ใช่บาป
"สัมปจิตฉามิ"
นี่ว่าไป ๆ ฉันนี่เป็นห่วง พอเลย
พ.ศ. ๒๕๔๒
ไ ปแล้วนะ นั่ง ๆ แบบนี้คุยกัน หลวงพ่อว่า ลูกเอ๊ย! หลวงพ่อจะสร้างแบบนั้นแบบนี้ ลอยหายหมด หลวงพ่อแย่..อ้อ..เราต้องใช้เหมือนกันนะ พอขยับตัวปั๊บ เราใช้คาถาดึงกระเป๋ามาก่อน ต้องแก้กัน ถ้าไม่กลับมาเงินทั้งหมดรวบเอาเลย"
ภาวนา " นะมะ พะธะ "
ผู้ถาม : "หนูมีปัญหาอันหนึ่ง คือ ก่อนนอนก็ภาวนา
"นะมะ พะธะ"
แล้วก็หลับไปเลย มีอยู่วันหนึ่งนะคะ ตอนใกล้เช้าค่ะ มีความรู้สึกว่าไม่ได้หลับ แต่มีความรู้สึกว่าจิตมันจะออกไป แต่ไม่ยอมลอยขึ้นไปข้างบน แล้วอยู่ ๆ ก็ดึงลงไปข้างล่างเลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากจะให้ลง มันเป็นเพราะอะไรคะ .. ?"
หลวงพ่อ : "ถ้าดึงลงข้างล่าง ก็ให้มันดึงไป ไปเที่ยวนรก
ถ้าปล่อยตัวหลุดแบบนั้นเป็นตัวอภิญญาแท้ คือ " นะมะ พะธะ " ที่เราทำเวลานี้นะ ถ้ามันถึงจุดมันจะออก จุดออกของเขาจริง ๆ มันเหมือนกับตัวเราออกไปเลย มันออกไปจริง ๆ ทีนี้มันจะดิ่งลงก็ให้มันลงไป อารมณ์อันหนึ่งเขาออาจจะบังคับให้ไปดูนรกข้างล่างว่าเป็นยังไง แต่ไปแล้วไม่ต้องกลัวว่ากลับมาไม่ได้นะ กว่าจะกลับก็เช้า
ทีหลังตั้งใจไว้ก่อนว่า ถ้าออกได้จะขอไปพระนิพพาน แล้วไปจะหาแม่ หาปู่ แต่ว่าการตั้งใจไว้ก่อน เวลาภาวนาก็อย่านึกถึงท่านนะ ทิ้งเลย ถ้าออกปั๊บมันจะพุ่งไปเลย ขณะที่ภาวนาเราต้องทิ้งอารมณ์อยากจะไปนิพพาน จะไปหรือไม่ไปไม่สำคัญ แต่ทำใจให้สบายนี่มันจะไปได้ ซึ่งซ้อมแบบนั้นน่ะดีแล้ว มันจะเคลื่อนได้ดี.."
ครูสอนมโนมยิทธิ
หลวงพ่อ : "
พวกที่ได้มโนมยิทธิแล้วนี่ ถ้าไม่เป็นครูสอนเขา ของเรามันจางง่าย พยายามสอนเขา
ถ้าเราเริ่มสอนเขาจะได้ระมัดระวังตัวเอง คือ เราจะได้ฝึกฝนตัวเอง การสอนเขามันมีประโยชน์มาก มันได้ ๒ อย่าง
ประการที่ ๑ การทรงตัว การคล่องแคล่ว แจ่มใส มันจะเกิดขึ้น
ประการที่ ๒ ได้ "ธรรมทาน" เป็นการเร่งรัดบารมีเดิมให้มันแจ่มใสเร็วขึ้น เพราะธรรมทานมีอานิสงส์สูงมาก คือว่า ผลที่เราจะพึงได้ แทนที่จะ ๑๐ ปี อาจจะเหลือ ๓ ปี อานิสงส์สูงมาก
สอนเขาใหม่ ๆ มันอาจจะงงก็ได้
ถ้าตามทันหรือไม่ทันไม่สำคัญ ให้มีความเข้าใจเรื่องตั้งอารมณ์เอาไว้
เพราะเราผ่านมาเรารู้ใช่ไหม ถ้าเราไปถึงที่นั่นแล้ว เผอิญเราตามไม่ทัน ก็กวดไปทีหลังได้ ถามความรู้สึก ถ้าเขาไม่รู้สึกก็แก้อารมณ์ที่ขัดข้องให้
ถ้าเป็นครูสอนเขา สมเด็จฯ ท่านก็จะช่วยมากขึ้น คือว่าเป็นครูสอนเขา ให้ขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าตรง บอกว่า การสอนก็ดี การติดตามก็ดี ขอเป็นภาระของพระองค์ บางทีเราจะพูดสิ่งที่เราไม่เคยคิดไว้เลย ถ้าพูดไปนั้นมันเหมาะสมสำหรับบุคคลผู้นั้นก็ต้องใช้แบบนั้นนะ พอเริ่มก็ขออาราธนาท่าน ขอเป็นภาระของพระองค์ จะเป็นผลดีแก่ผู้ที่รับฝึกต่อไป
สำหรับการฝึกมโนมยิทธิแบบเต็มอัตรา จะลองซ้อม ๆ ที่บ้านก็ได้ แต่เครื่องบูชาครูนี่ขาดไม่ได้นะ มีดอกไม้ ๓ สี ธูป ๓ ดอก เทียนหนัก ๑ บาท ๑ เล่ม สตางค์ ๑ สลึง ต้องตั้งไว้ทุกครั้งที่ทำการภาวนา
หายใจเข้า
นะมะ
หายใจออก
พะธะ
เฉย ๆ โดยไม่ต้องการรู้การเห็นอะไร ทำเป็นสมาธิ ถ้ามันจะเต้นจะรำก็ปล่อยมันเลย การเต้นนี่มันจะเริ่มต้นตั้งแต่อุปจารสมาธิ แต่บางคนก็ไม่เต้นเลย
พอถึงฌาน ๔ มันก็เลิกเต้น เพราะกำลังของจิตทรงตัว จะสังเกตได้ถ้ามันจะมีความสว่าง คือ เห็นจุดข้างหน้าขาวโพลน เป็นทางไปไกล เป็นทางขาวใหญ่ ถ้าเห็นข้างหน้าก็ลองใช้กำลังใจพุ่งจิตไปตามสายของทางนั้น
คิดว่าเราไปล่ะ พอนึกว่าไปล่ะ ถ้ากำลังจิตของเราพอมันก็ไป พอมันออกไปแล้ว มันไม่ใช่ออกไปแบบความฝัน มันจะออกไปแบบชนิดมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ เหมือนกับออกจากตุ่มหรือกระบอก หรือเหมือนกับถอดไส้หญ้าปล้องออกจากหญ้าปล้อง ออกไปแล้วไปได้ชัดสว่างเหมือนกลางวัน มันจะเหลียวหน้าเหลียวหลังมาดูได้ มาดูไอ้โลกต่าง ๆ จะเห็นตัวเรานี่นั่งโด่อยู่ ดูแล้วก็เป็นคนสองคน
ต่อไปถ้าฉันสร้างที่ใหม่เสร็จ จะต้องพักการเดินทางออกต่างจังหวัด จะลองเอาคนที่ได้แล้วนี่แหละ มาฝึกแบบเต็มอัตรา คนที่ได้แล้วนี่ไม่ยาก ได้ใหม่หรือไม่ได้ไม่สำคัญ แต่ถ้าไม่เต็มแบบก็ยังดี ได้ผลเท่ากันนั่นแหละ แต่แบบนี้กำลังสูงหน่อย
เอาละ ฉบับนี้ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ไว้พบกันใหม่ฉบับหน้า...
สวัสดี
"
http://palungjit.com/smati/apinya6/apinya4.htm
บันทึกการเข้า
B l a c k B e a r
: T h e D i a r y
คำค้น:
อภิญญา เล่ม ๑
ตอบปัญหา
หลวงพ่อ
ฤๅษีลิงดำ
อภิญญา
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...