[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 17:54:46 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: "เมืองบาดาล" ดินแดนอันเป็นปริศนาว่ามีอยู่จริงหรือไม่  (อ่าน 3073 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2497


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 17 กันยายน 2556 19:41:45 »

.

เมืองบาดาล
กับตำนานอันเป็นปริศนา


แก่งอาฮง-สะดือแม่น้ำโขง-วังพญานาค

เมืองบาดาล ดินแดนอันเป็นปริศนาที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ มักใช้เรียกสถานที่ลึกลับที่มาพร้อมกับตำนานเล่าขาน  ซึ่งโดยมากก็จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเร้นลับที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ แต่ เมืองบาดาล บางแห่ง อาจรวมไปถึงสถานที่ที่จมลงไปสู่พื้นสาครโดยเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์หรือเกิดจากภัยธรรมชาติ แต่ไม่ว่าอย่างไร เมืองบาดาล แต่ละแห่งก็มีมนต์เสน่ห์ที่แตกต่างออกไปให้เราได้ไปสัมผัสกัน

เมืองบาดาลที่มีเรื่องเล่าขานกันมากที่สุด คือเมืองบาดาลแห่ง แม่น้ำโขง แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่ทอดยาวผ่านหลายประเทศ บางส่วนของแม่น้ำโขงกั้นเป็นพรมแดนระหว่างประเทศไทยและลาว ลำน้ำโขงในส่วนนี้เองที่มีตำนานเรื่องเมืองบาดาล เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ความมหัศจรรย์ของปรากฏการณ์ บั้งไฟพญานาค ที่ในคืนวันออกพรรษาจะปรากฏลูกไฟสีแดงพวยพุ่งขึ้นจากลำน้ำโขงขึ้นไปสู่ท้องฟ้าและหายไป เป็นเรื่องเล่าขานถึงพญานาคที่ได้ทำบั้งไฟถวายเป็นพุทธบูชา


วัดอาฮงศิลาวาส

 
ตลอดสายน้ำโขงที่ทอดยาว โดยเฉพาะบริเวณช่วงจังหวัดหนองคาย-บึงกาฬ มีเรื่องเล่ามากมายของผู้คนตลอดสองฟากฝั่งถึงเมืองบาดาลซึ่งถือเป็นเมืองของพญานาคนั่นเอง โดยเฉพาะบริเวณแก่งอาฮง ที่อยู่บริเวณใกล้กับวัดอาฮงศิลาวาส อำเภอเมือง  จังหวัดบึงกาฬ แม่น้ำโขงบริเวณหน้าวัดอาฮงแห่งนี้เชื่อกันว่าเป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขง เรียกกันว่าสะดือแม่น้ำโขง ชาวบ้านเชื่อว่า ณ สะดือแม่น้ำโขงนี้เองคือวังบาดาลของพญานาค


ปากทางเข้า “ถ้ำดินเพียง” เส้นทางสู่เมืองพญานาค


ภายใน “ถ้ำดินเพียง”

ถ้ำดินเพียง ในอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในเรื่องราวความเร้นลับของเมืองบาดาล ถ้ำแห่งนี้ถูกค้นพบโดยชาวบ้านที่ออกล่าสัตว์ป่าจนไปพบถ้ำนี้โดยบังเอิญ ภายในถ้ำแห่งนี้มีห้อง โพรง ช่อง ซอก ซอย รู อันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำใต้ดินที่เต็มด้วยส่วนโค้ง ส่วนเว้า จำนวนมากนับเป็นพันๆ ช่องทาง สามารถใช้สัญจรทะลุเชื่อมถึงกันได้อย่างไม่น่าเชื่อซึ่งเล่ากันว่าคล้ายเส้นทางการเลื้อยของพญานาค ชาวบ้านเชื่อกันว่าถ้ำแห่งนี้เป็นเส้นทางไปสู่เมืองพญานาคที่สามารถเดินทางไปใต้ลำโขง ไปๆ มาๆระหว่างหนองคายกับเวียงจันทน์ได้ โดยมีเรื่องเล่าว่า ในถ้ำแห่งนี้เป็นเส้นทางที่พระธุดงด์จากลาวใช้ข้ามฝั่งลอดใต้แม่น้ำโขงเข้ามายังเมืองไทย เส้นทางเดินนี้ต้องเป็นพระผู้ทรงศีลแก่กล้าเท่านั้นจึงจะมองเห็นเส้นทาง



จุดปลายสุด “ถ้ำน้ำเขาศิวะ”

ส่วนที่ ถ้ำน้ำเขาศิวะ อำเภอคลองหาด จังหวัดสระเเก้ว ที่เพิ่งถูกค้นพบและเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเมื่อไม่นานมานี้ ก็นับได้ว่าเป็นเมืองบาดาลเช่นกัน ตลอดเส้นทางที่ทอดยาวเข้าไปในถ้ำนั้นมืดมิด นักท่องเที่ยวต้องเดินลุยน้ำเข้าไปชมซึ่งบางส่วนมีความลึกมาก ปลายถ้ำนั้นเป็นทางตัน เมื่อชมถึงจุดปลายสุดแล้วจะต้องเดินย้อนกลับมา แต่ที่ปลายสุดแห่งนี้เองวิทยากรผู้นำทางได้เล่าถึงเรื่องราวความเร้นลับว่า ก่อนที่จะเปิดให้เข้ามาท่องเที่ยวได้มีการสำรวจโดยเจ้าหน้าที่ ซึ่งเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำมาด้วย เมื่อถึงปลายสุดของถ้ำได้มีการดำน้ำลงไปสำรวจเพราะบริเวณนี้เป็นบริเวณตาน้ำที่ลึกที่สุด และหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ดำลงไปสำรวจเเล้ว เมื่อกลับขึ้นมาเล่าว่าข้างล่างนั้นเป็นเหมือนเมืองบาดาล เจ้าหน้าที่คนนั้นเพียงแค่เล่าเรื่องราวแต่ไม่หันกลับไปมองบริเวณนั้นอีกและยังไม่มีใครกล้าที่จะดำลงไปอีก จึงกลายมาเป็นเรื่องราวปริศนาที่เล่าต่อๆ กันมาของถ้ำน้ำเขาศิวะแห่งนี้


เมืองบาดาล “สังขละบุรี” โผล่ให้ชมยามน้ำลด

สำหรับเมืองบาดาลที่ไม่ได้มาพร้อมตำนานเร้นลับ หากเกิดจากน้ำมือมนุษย์ก็คือที่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยเมื่อครั้งอดีตชุมชนดั้งเดิมของชาวมอญได้มีการสร้างหมู่บ้านบริเวณจุดรวมของแม่น้ำ 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำรันตี และแม่น้ำบีคลี่ ต่อมาในปี 2527 มีการสร้างเขื่อนเขาแหลม หรือเขื่อนวชิราลงกรณ์ ทำให้บ้านเมืองบริเวณนี้ต้องจมลงใต้สายน้ำ ชาวบ้านต้องย้ายที่อยู่และที่ทำกินไปอยู่บนพื้นที่สูงกว่าเดิม ส่วนหมู่บ้านเก่าที่ยังคงมีสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ทิ้งร้างไว้นั้นกลายเป็นก้นเขื่อน เมื่อน้ำลดจึงจะมองเห็นสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ วัดวังก์วิเวการาม (หลังเก่า) ที่ในหน้าแล้งน้ำลดลงจนสามารถลงไปเดินชมซากโบสถ์หลังเก่าได้ ส่วนในหน้าน้ำหากล่องเรือออกไปจะมองเห็นตัววัดรำไรอยู่ใต้สายน้ำ เกิดเมืองบาดาลแห่งสังขละบุรีขึ้น


เวียงหนองหล่ม ที่ตั้งเมืองโยนกนครเมื่อครั้งอดีต

ส่วนเมืองบาดาลที่เกิดขึ้นจากภัยธรรมชาตินั้นได้แก่ โยนกนคร มีเรื่องราวการล่มสลายของโยนกนครจนเป็นเมืองบาดาลอยู่มากมาย แต่ทฤษฎีที่เป็นวิทยาศาสตร์และน่าเชื่อถือนั้นก็คือ เมืองโยนกนครแห่งนี้ล่มสลายลงเพราะแผ่นดินไหว เนื่องจากเมืองได้สร้างอยู่บริเวณที่ดอนกลางหนองน้ำในปล่องภูเขาไฟซึ่งดับไปแล้ว โดยเป็นพื้นที่ที่ไม่มั่นคง ประกอบกับเมืองยังตั้งอยู่บนรอยเลื่อนสองแห่ง เมื่อเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมืองโยนกนครจึงล่มลงกลายเป็นเมืองบาดาลทิ้งปริศนาความเร้นลับให้แก่คนรุ่นหลังได้ไขกันต่อไป
       
เนื่องจาก เมืองบาดาล แต่ละแห่งล้วนแล้วแต่ลึกลับ มีมนต์เสน่ห์และมาพร้อมตำนานความเชื่อ การเข้าชมสถานที่แต่ละแห่งจึงควรให้ความเคารพในสถานที่และปฏิบัติตามข้อบังคับอย่างเคร่งครัดด้วย


จาก - www.manager.co.th

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.314 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 20 พฤศจิกายน 2567 06:14:38