.............................สังคมไทยจะออกจากวิกฤตินี้อย่างไร......................
ทุก ๆ คนต้องมาเรียนรู้ร่วมกันว่าอะไรคือเหตุปัจจัย ที่ทำให้เราคนไทยเดินทางมาถึงจุดที่วิกฤติที่สุดเช่นนี้ได้ อาตมาคิดว่าสิ่งสำคัญ
ที่สุดคือ คุณภาพคนไทยยังด้อยเกินไปสำหรับการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตย ที่ว่าด้อยเกินไปไม่ใช่ว่าญาติโยมไม่มีปัญญานะ มีแต่จะพูด
ถึงคนไทยชั้นบนสุดที่มีปัญญานั้น เขามีปัญญาแบบศรีธนญชัย คือกะล่อน และด้วยความกะล่อนนี่เองจึงพยายามใช้นโยบายต่าง ๆ ครอบครองคนไทยชั้นล่างให้อยู่ในอาณัติของตัวเอง แล้วพยายามทำให้คนไทยส่วนใหญ่อ่อนแอ เพื่อจะได้ปกครองง่ายและคอรัปชันได้ง่าย
การคอรัปชันง่าย ๆ คือการทำร้ายประเทศที่เจ็บปวดที่สุด เพราะตัวเองได้ประโยชน์คนเดียว แต่คนทั้งประเทศเสียประโยชน์กันพร้อมหน้า แม้ว่าเรา
จะมีระบบประชาธิปไตยที่ดี แต่เมื่อคนที่ไม่มีคุณภาพเข้าไปสู่ระบอบนั้น ระบอบก็เสีย อันที่จริงเราจะออกแบบรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดเราก็ทำได้ แต่
เราลืมไปว่า เราไม่ได้ออกแบบคนที่จะไปใช้รัฐธรรมนูญนั้น เพราะฉะนั้นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดจึงเปิดช่องให้มีคอรัปชันได้มากที่สุด
สำหรับทางออกที่จะช่วยให้สังคมไทยกลับมาสงบสุขมี 2 ทางในขณะนี้ คือ........................
1. ทางออกเฉพาะหน้า เราต้องก้าวข้ามความขัดแย้งครั้งนี้ด้วยสันติวิธี การใช้สันติวิธี หมายความว่าให้ใช้การเจรจาเป็นเครื่องมือในการก้าวข้ามความขัดแย้งครั้งนี้ โดยที่ไม่ให้มีคนตายเกิดขึ้นอีก และไม่ทิ้งความเกลียดชังไว้เป็นมรดกของสังคมไทย และไม่ทิ้งให้คนไทยแบ่งกันเป็นฝ่ายอย่างทุกวันนี้
2. ทางออกระยะยาว เราต้องปฏิรูปประเทศ แต่ไม่ใช่ปฏิรูปการเมืองไทยนะ ปฏิรูปประเทศไทยคือ ต้องปฏิรูปตั้งแต่ค่านิยมของสังคมไทย การเมืองการปกครอง การศึกษา เศรษฐกิจ ศาสนา และที่สำคัญสุดต้องปฏิรูปวัฒนธรรมประชาธิปไตย ให้หยั่งลึกลงไปในชีวิตของคน ทุกวันนี้คนเข้าใจคำว่าประชาธิปไตยน้อยมาก ฉะนั้นเราต้องปฏิรูปประเทศไทยทั้งระบบจึงจะสามารถนำบรรยากาศบ้านเมืองกลับไป สู่ความร่มเย็นได้อีกครั้งหนึ่ง
พระอาจารย์คิดว่าผู้นำแบบไหน ที่จะช่วยให้สังคมไทยก้าวหน้าและสงบสุข
ผู้นำที่ดีต้องมีธรรมะ ถ้าผู้นำถ้าไม่มีธรรมะก็ยากที่จะเป็นผู้นำที่ดี พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ผู้นำเปรียบเสมือนโคจ่าฝูง เวลาว่ายน้ำข้ามแม่น้ำ ถ้าโคจ่าฝูงว่ายตรง โคตัวอื่นก็ว่ายตรง ถ้าโคจ่าฝูงว่ายคด โคตัวอื่นก็ว่ายคด คนเป็นผู้นำถ้ามีธรรมะประชาชนก็มีธรรม ถ้าไม่มีธรรมะประชาชนก็ไม่มีธรรม เห็นไหมว่าผู้นำกับธรรมะมีเกี่ยวข้องกัน พูดง่าย ๆ ว่า ผู้นำจะเป็นคนดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับระดับธรรมะในหัวใจผู้นำเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ผู้นำในปัจจุบันยังต้องมีความรู้ความสามารถ 4 อย่างเป็นอย่างน้อย คือ.............................
1. มีศิลปะในการใช้คน เลือกคนมาทำงานให้เหมาะสมกับตำแหน่ง ไม่ใช่เลือกจากพรรคพวกหรือคนใกล้ชิด
2. ต้องเป็นคนที่เก่งเรื่องเศรษฐกิจ บ้านเมืองกำลังได้รับผลจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ถ้าผู้นำไม่มีความสามารถหรือ
แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ บ้านเมืองก็จะลำบาก
3. ต้องเข้าไปนั่งในใจประชาชน ถ้าประชาชนไม่ศรัทธาผู้นำประเทศ ความเชื่อมั่นหรือความ
สามัคคีในประเทศก็จะเกิดยากและจะมีแต่ปัญหาทะเลาะ เบาะแว้งเกิดขึ้น
4. ต้องมีวาทศิลป์ในทางการพูด เพื่อทำให้คนในสังคมเกิดความสามัคคี ไม่ใช้พูดให้เกิดความแตกแยก
ท่ามกลางปัญหาสังคมในขณะนี้ พระอาจารย์คิดว่าเราจะหาความสุขได้จากที่ไหน
อย่างที่รู้ๆ กันว่า คนส่วนใหญ่ยังใส่ใจความสุขทางวัตถุมากกว่าทางจิตใจ ซึ่งการที่คนมีความสุขกับวัตถุมากกว่านั้นแสดงว่า
บ้านเมืองนั้น ๆ ยังไม่พัฒนา ถ้าผู้คนพัฒนาแล้ว มีการศึกษาแล้ว ผู้คนก็จะมีความสุขทางปัญญา
สำหรับความสุขทางวัตถุนั้นก็คือ ความสุขทางกามารมณ์ ที่มาจากจากตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ได้รับการเติมเต็ม เป็นความสุขแค่เพียงภาย
นอก ชั่วครู่ชั่วยาม แต่ความสุขที่แท้จริงมันมีความหมายลึกซึ้งมากกว่านั้น เช่น ความสุขจากการใช้ปัญญาศึกษาค้นคว้าหาความรู้ในสิ่งที่ตัวเอง
อยากรู้และเป็น ประโยชน์ ก็เป็นความสุข หรือความสุขจากการมุ่งมั่นภาวนาที่จะพัฒนาตัวเองไปสู่การช่วยเหลือผู้อื่น หรืออุทิศตนเพื่อรับใช้มนุษย
ชาติอาตมาจึงแนะนำให้ญาติโยมทุกท่าน เรียนรู้หาความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ถ้าเราเปลี่ยนกระบวนทัศน์หรือความคิดของคนให้รู้ว่าความสุขมีพัฒนาการหลาย ขั้นตอน คนส่วนใหญ่ก็จะมีแนวทางในการแสวงหาวามสุขที่สูงขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่น่าเสียดายที่ว่าระบบการศึกษาไทยไม่ได้สอนให้คนรู้จักการมีความสุข การศึกษาไทย สอนให้คนเรียนรู้การทำมาหากิน เพราะฉะนั้นเมื่อทำมาหากินไม่เป็น ก็จะกลายเป็นการทำมาหากรรม มันเลยเกิดความยุ่งเหยิงวุ่นวาย ไม่รู้จักความสุขหรือตามหาความสุขที่แท้จริงไม่เจอสักที
อาตมาคิดว่า ถ้าอยากให้ทุกคนมีความสุขและหาความสุขของในภาวะสังคมแบบนี้เจอ ก็ต้องทำการเรียนการสอนสองบทบาท ระดับแรกคือ สอนให้เด็กและเยาวชนได้ปริญญาสองใบ คือปริญญาวิชาชีพ ทำมาหากินสุจริตเป็น และปริญญาวิชาชีวิต ทำให้เขาเรียนรู้ที่จะอยู่ท่ามกลางความทุกข์ได้อย่างมีความสุขซึ่งจะช่วยให้ เขาสามารถบริหารจัดการกิเลสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าเขาได้ปริญญาสองใบจะกลายเป็นคนที่มีคุณภาพ เขาก็จะรู้เองว่า ชีวิตไม่ได้จบแค่การครอบครองวัตถุ แต่มีอะไรที่สูงกว่านั้นอีกมากมาย อยู่กับวัตถุน้อยลง แต่ความสุขในหัวใจมากขึ้น
ระดับสอง คือการเรียนรู้หลักธรรมทางพุทธศาสนา พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการศึกษา หลักการศึกษาเราเรียกว่าไตรสิกขา คือการศึกษา 3 ด้าน ศีล คือพฤติกรรม สมาธิ คือจิตใจ และ ปัญญาคือความรู้ ความเข้าใจต่อโลกอย่างถ่องแท้ ฉะนั้นกระบวนการต่างๆ ในพุทธศาสนาจึงเป็นกระบวนการของการศึกษาทั้งหมด ถ้า คุณอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือเปลี่ยนแปลงอะไร พุทธศาสนาจะช่วยคุณได้อย่างดีที่สุดและลึกที่สุด ไม่ต้องไปหาความสุขที่ไหน เพราะความสุขได้เข้าไปอยู่ในจิตใจของคุณแล้ว
หลักธรรมที่สำคัญที่สุดสำหรับการคลายทุกข์ของผู้คนในยุคนี้คืออะไร
อาตมาอยากบอกว่า ความทุกข์เป็นอนิจจัง เกิดขึ้นได้ก็ดับลงได้ คนจำนวนมากเวลาความทุกข์เกิดขึ้นชอบคิดว่าตัวเองสิ้นหวัง ทั้งที่จริงแล้ว หารู้ไม่ว่าความทุกข์มันจะเกิดขึ้นมาพักหนึ่งก็จะดับลงไปเอง ไม่ต้องไปนั่งทุกข์หรือดับชีวิตตัวเองหรอก ถ้าทุกคนเข้าใจว่าความทุกข์ต่างๆ มันเป็นอนิจจัง คือเกิดขึ้น ดำรงอยู่ และดับไป เราก็จะไม่มานั่งจมกับทุกข์และเรียนรู้ที่จะสู้ต่อไป โยมต้องคิดว่าเกิดมาเราก็มาตัวเปล่า ต่อให้เราเหลือเสื้อผ้า 1 ชุดตอนตาย เราก็ยังเหลือกำไรอยู่ดี อย่าไปกลัวเลยกับความทุกข์
แต่ให้มองว่าความทุกข์คือฤดูกาลของชีวิต คนฉลาดเวลาหน้าฝน หน้าร้อน หน้าหนาว เข้ามาจะไม่ย้ายตัวเองหนีฤดูกาล แต่เรียนรู้ที่จะอยู่ท่ามกลางฤดูกาลของชีวิต ด้วยการปรับตัวอย่างเท่าทัน รอบคอบ และมี{สติ}
จงเรียนรู้และรับมือกับความทุกข์ไปเถอะ เพราะทุก ๆ ครั้งที่เราเผชิญวิกฤติแล้ว แล้วเราเป็นฝ่ายชนะ เราก็จะมีประสบการณ์มาเป็นของแถมเสมอ สุดท้ายเราก็จะเป็นผู้ที่อยู่กับวิกฤติอย่างมีความสุข และจะขอบคุณวิกฤติต่าง ๆ ที่ผ่านมาเข้ามา เพราะได้รู้ว่าวิกฤตินั่นแหละ สอนให้เราเรียนรู้ที่จะหยัดยืนอย่างสง่างามในโลกใบนี้
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ผู้เผชิญชีวิตด้วยปัญญานับว่าเป็นผู้ประเสริฐที่สุด การดำเนินชีวิตด้วยปัญญาคือ มีชีวิตที่ดีที่สุด คนทุกรุ่นควรดำเนินชีวิตด้วยปัญญา ถ้าเราดำเนินชีวิตด้วยปัญญา เราจะมีชีวิตที่ดีที่สุด แต่คนส่วนใหญ่ดำเนินชีวิตด้วยโลภ วิ่งไปหาเงิน วิ่งไปหาความโกรธ วิ่งไปหาความอิจฉาริษยา แก่งแย่งชิงดี ทำลายกันเอง เสียเวลาในชีวิตแสวงหาวัตถุมากมาย ก่อนที่จะค้นพบความจริงค้นภายหลังว่า ทรัพย์สินที่หาเอาไว้ ตายไปก็เอาไปไม่ได้สักอย่าง คนยุคนี้จึงไม่มีความสุข เพราะตลอดชีวิตดำเนินชีวิตภายใต้การบงการของความโลภ โกรธ หลง...................................