. สวิตเซอร์แลนด์ ดินแดนแห่งขุนเขา & ทะเลสาบ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สมาพันธรัฐสวิส (Swiss Confederation) ตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรปตะวันตก มีพรมแดนติดกับประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ออสเตรีย และลิกเตนสไตน์
สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศเล็กๆ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับทุ่งหญ้าและทะเลสาบ มีพื้นที่ประมาณ ๔๑,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร หรือมีขนาดราว ๑ ใน ๑๐ ของพื้นที่ประเทศไทย มีกรุงเบิร์น (Bern) เมืองโบราณเก่าแก่ที่ UNESCO ประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลกและเป็นที่ตั้งอาคารรัฐสภา เป็นเมืองหลวง
ปัจจุบัน สวิตเซอร์แลนด์มีประชากรราว ๗ ล้านคน อยู่กันอย่างกระจายตัว และไม่มีเมืองใดมีประชากรอยู่อาศัยถึง ๑ ล้านคน จึงทำให้สวิตเซอร์แลนด์ปราศจากปัญหามลพิษจากสิ่งแวดล้อม กอปร เป็นดินแดนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมประเพณี มีชื่อเสียงติดอันดับโลกในด้านของภูมิอากาศและทัศนียภาพของภูมิประเทศ ได้แก่ ธรรมชาติที่งดงามของขุนเขาที่สูงตระหง่านซึ่งยอดเขาปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนเกือบตลอดปี มีธารน้ำแข็ง มีเมืองตากอากาศแสนสวยริมทะเลสาบที่เกิดจากหิมะบนยอดเขาละลายนับพันแห่ง มีบ้านแบบสวิสชาเลต์ (บ้านชนพื้นเมือง ทำด้วยไม้) มีความงามแห่งทุ่งหญ้าที่แต่งแต้มด้วยดอกไม้ป่าเมืองหนาวในเขตชนบท
สวิตเซอร์แลนด์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่สูงที่สุดในโลก ผู้คนรักความสงบและเปี่ยมสันติสุข มีนโยบายต่างประเทศเคร่งครัด คือ วางตัวเป็นกลางด้านการเมือง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (จนบางครั้งทำให้เพื่อนบ้านรอบข้างมองว่า สวิตเซอร์แลนด์ยึดถือแต่ผลประโยชน์ของตนเองเป็นสำคัญเท่านั้นและเกิดความหมั่นไส้เอาเสียด้วยซ้ำ)
นอกจากนี้ สวิตเซอร์แลนด์ยังมีความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจแบบประเทศอุตสาหกรรมไม่แพ้ประเทศอังกฤษ การผลิตขึ้นชื่อในเรื่องของคุณภาพและฝีมือ สินค้าสำคัญของสวิตเซอร์แลนด์ ได้แก่ นาฬิกา ช็อกโกแลต กระดาษ เสื้อผ้าแพรพรรณ ผ้าลูกไม้ ไม้แกะสลัก เครื่องจักรกล สารเคมี ฯลฯ
แต่ในด้านการเกษตร นั้น สร้างผลผลิตได้น้อยกว่าร้อยละ ๕ ของความจำเป็นในการบริโภค ต้องนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ เพราะปัญหาของสภาพภูมิอากาศและคุณภาพดินไม่เอื้ออำนวยในการเพาะปลูก ทำให้มูลค่าของการนำเข้าสูงกว่ามูลค่าการส่งออก อย่างไรก็ตาม การขาดดุลการค้าของสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้รับการชดเชยจากธุรกิจการท่องเที่ยวที่นำรายได้มหาศาลมาสู่ประเทศ อันเป็นผลจากความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ของอากาศและธรรมชาติที่สวยงาม การคมนาคมที่สะดวกสบาย กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง สิ่งเหล่านี้ยั่วยวนใจให้นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกรู้สึกว่าสวรรค์นั้นอยู่ใกล้แค่มือเอื้อม จึงหลั่งไหลมุ่งหน้าสู่สวิตเซอร์แลนด์ทุกฤดูกาล. รอยยิ้มอย่างเอียงอายของหนูน้อยชาวเมืองเซอร์แมท สวิตเซอร์แลนด์
...นั่งรถไฟ...ไปเมืองเซอร์แมท Zermatt ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ประตูหน้าต่างอาคารในสวิสเซอร์แลนด์ แม้แต่โรงแรมที่พักหน้าต่างก็ทำด้วยกระจก
และไม่มีลูกกรงเหล็ก หรือเหล็กดัดกั้นแต่อย่างใด
"ปัญหาอาชญากรรม" ที่จะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินคงไม่มีในเมืองเซอร์แมท
ที่พักของ "เรา" โรงแรม
Ambassador Hotel Zermattพักอยู่ชั้นล่างสุด ตื่นเช้ามองไปนอกหน้าต่างกระจก เห็นนกคล้ายนกเอี้ยงและนกกระจอก
คุ้ยเขี่ยหาอาหารบนกองหิมะ (จึงเพิ่งทราบวันนี้เองว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์มี "
นกกระจอก"
ซึ่งมีขนาด สีสัน เหมือนนกกระจอกเมืองไทยไม่ผิดเพี้ยนอาศัยอยู่)
น้ำในลำธารใสแจ๋ว ไหลไปรวมกันยังทีลุ่มทำให้เกิดทะเลสาบในประเทศสวิตฯ มากกว่าหนึ่งพันสี่ร้อยแห่ง
ธารน้ำเหล่านี้เกิดจากการละลายตัวของหิมะบนยอดเขาที่ถูกปกคลุมตลอดทั้งปี
บ้านแบบสวิสชาเลต์ สร้างลดหลั่นบนสันเขาที่ยอดเขายังปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน
แม้จะล่วงเลยฤดูหนาวไปแล้ว
ชาวเมืองเซอร์แมท ยืนก้มหน้าไว้อาลัยที่ "สุสาน" ของท้องถิ่น ที่ปกคลุมด้วยหิมะสูงเลยศีรษะ
รถที่ได้รับอนุญาตใหวิ่งในเมืองเซอร์แมท ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าเท่านั้น
เป็นครั้งที่สองของ "เรา" ที่ไปเยือนสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากเกือบ ๔ ปีที่ผ่านมา เรานั่งรถยนต์จากเมืองมิลาน หรือมิลาโน ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอิตาลี มุ่งหน้าสู่เมืองลูกาโน (Lugano) เที่ยวชมทะเลสาบแสนสวยและตัวเมืองลากูโน ๑ วัน จึงเดินทางกลับอิตาลี (อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ในเขตเชงเก็น ซึ่งประเทศที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป มีนโยบายด้านวีซ่าร่วมกัน ซึ่งหมายความว่า จะไม่มีการขอตรวจวีซ่าที่ชายแดนของแต่ละประเทศ)
เช้าวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๗ "เรา" เดินทางจากที่พัก Camberland Hotel ในกรุงลอนดอน สู่สนามบินฮีทโธวร์ ประเทศอังกฤษ เดินทางสู่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๒ ชั่วโมง ถึงสนามบินเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากผ่านวิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว จึงเดินทางสู่เมืองโลซานน์ ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งทะเลสาบเจนีวา มีเทือกเขาแอลป์ที่สูงตระหง่านเป็นฉากหลัง
เมืองโลซานน์แห่งนี้เป็นเมืองที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลทื่ ๘ และรัชกาลที่ ๙ เคยประทับเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ และสมเด็จย่าก็ยังทรงเคยเสด็จมาประทับที่นี่อีกด้วยเช่นกัน
หลังจากนั้น "เรา" เดินทางโดยรถยนต์ไปเมืองทาสซ์ Tasch เมืองสุดท้ายที่สิ้นสุดสำหรับรถยนต์ (ชุมทางรถไฟ) เพื่อนั่งรถไฟสู่เมืองเซอร์แมท Zermatt เมืองที่ไม่อนุญาตให้รถยนต์วิ่ง (วิ่งได้เฉพาะรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า - แบตเตอร์รี่ เท่านั้น)
เซอร์แมท Zermatt เป็นเมืองเล็กๆ หรืออาจจะเรียกว่าหมู่บ้านก็ได้ เพราะว่ามีประชากรในเมืองไม่ถึง ๑๐,๐๐๐ คน ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ ติดกับชายแดนอิตาลี บนความสูงกว่า ๑,๖๒๐ เมตร (๕,๓๕๐ ฟุต) โดยมี Pennine Alps ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขา Alps เป็นแนวกั้นระหว่าง ๒ ประเทศ
ในเมืองเซอร์แมท ไม่อนุญาตให้รถยนต์วิ่ง และได้รับการยกย่องว่าปลอดมลพิษที่ดีของโลก และยังเป็นเจ้าของยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของสวิตเซอร์แลนด์