[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 19:19:16 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  1 [2]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความจริงเรื่องจิต ที่คุณไม่เคยรู้ หรือรู้กันมาผิดๆ  (อ่าน 18203 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7866


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 2.0.157.2 Chrome 2.0.157.2


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2553 02:42:32 »

เขาว่าเล่นกะอะไรนะมันเลียปากเราท่านแอดมิน หัวเราะลั่น อ้วก

เล่นกับนกเพนกวิ้น นกเพนกวิ้นเลียปากครับ

555555555555555+
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #21 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2553 09:53:06 »

อ้างจาก: armageddon


[color=red
1.[/color] เจ้าชายสิทธัตถะ ไม่เห็นบูชาพระคเนศ ไม่เห้นบูชาเจ้าแม่กวนอิมเลย
เห็นเกิดแก่เจ็บตาย เลยออกบวช

2. อีกอย่าง
เรื่องคนตัวเป็นคนแต่หน้าเป็นสัตว์นี่ ไม่เห็นมีกล่าวถึง
ในพระไตรปิฎกเลย

1.  พระพุทธเจ้าเป็นจิตหนึ่งของพระธรรมสูงสุด เป็นผู้นิรมิตทุกอย่างในโลกและจักรวาลขึ้นมา  พระคเนศ และเจ้าแม่กวนอิม เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นความเมตตากรุณาของพระพุทธเจ้า ที่เป็นจิตบริสุทธิ์เป็นพระธรรมสูงสุด

พูดให้ชัดๆเลย พระพุทธเจ้าทุกพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกัน ท่านมีคณ 3 อย่างคือ 

๑. พระปัญญาธิคุณ
๒. พระบริสุทธิคุณ
๓. พระมหากรุณาธิคุณ

พระคเนศ และเจ้าแม่กวนอิม เป็นการสำแดงออกของพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า ที่มีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่เลือกชาติ หรือชั้นวรรณะแต่ประการใด


พระคเนศ และเจ้าแม่กวนอิม ตราบจนไม่มีผู้ต้องการความเมตตากรุณาจากพระเจ้า(พระพุทธเจ้า)แล้ว   นั่นเป็นหน้าที่ของพระมหาโพธิสัว์ทั้ง 2 ที่พระพุทธเจ้ามอบหน้าที่ให้พวกท่านทำ

2. พระคเนศอยู่ในยุคที่มีสงครามยักษ์ และเทพ  ท่านเป็นกายทิพย์  ไม่ใช่กายเนื้อของมนุษย์ 

พระไตรปิฎกส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวคำสอนต่อมนุษย์  แต่บางครั้งเมื่อมีผู้ถามพระพุทธเจ้าถึงเรื่องราวในมหาภารตะ และรามายนะ  พระพุทธเจ้าก็ยืนยันว่าเรื่องราวนั้นมีจริง  แต่ผิดแผกแตกต่างไป เพราะมนุษย์ไปแต้มเรื่องให้เกินเลย  ไว้วันหลังผมจะนำเรื่องเหล่านี้ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้ามาลง

1  พระอานนท์ ก็จำไม่ได้ ไม่ได้บันทึก ไว้
พระสาวกของพระสมณโคดม ก็ไม่มีชื่อ กวนอิม ไม่มีชื่คเนศ
โอ้โห อิทธิฤทธิ์ ผุ้งกระจายขนาดนั้น
พระโมคคัลานะ ก็คงไม่ถูก ยก เป็น เอตทัคคะ ทางฤทธิ์
และก็เป็นไปไม่ได้ ที่พระพุทธเจ้า และพระอานนท์ จะไม่กล่าวถึงในพระไตรปิฎก
ไปเอาพระไตรปิฎก มายืนยันด้วย

2  ในพระไตรปิฎก สงครามระหว่างอสูร และเทวดา
อันเป็นกายละเอียด ก็ไม่มีพระคเนศ
มีแต่อสูรินราหู

เด่นดังขนาดนั้น พระอานนท์ ก็จดจำไม่ได้ ไม่มีในระบบ พระอรหันต์ทั้งหมด ทุกพระองค์
ก็ไม่มีใครกล่าวถึง พระคเนศที่ว่า
พระพุทธเจ้า ก็ยังไม่กล่าวถึง
ไปเอาพระไตรปิฎกมาอ้างอิงดีกว่าครับ





หาพระไตรปิฎก มายืนยันด้วยครับ

บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #22 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2553 11:48:30 »

เอาพระวินัย มาให้อ่าน อีกรอบ
สมัยพุทธกาล ที่พระสมณโคดมยังมีพระชมน์ อยู่
และยังเป็นสมัยที่ พระอานนท์ ยังทรงพระชมน์อยู่


ปจฺจตฺถิเก  สหธมฺเมน  สุนิคฺคหิตํ  นิคฺคณฺหาติ  ชื่อว่า  ชนผู้เป็นข้าศึกมี  ๒ จำพวก

คือ  ผู้เป็น ข้าศึกแก่ตนเองจำพวก ๑    ผู้เป็นข้าศึกแก่พระศาสนาจำพวก ๑  บรรดาชน

ผู้เป็นข้าศึก ๒ จำพวกนั้น     พวก  ภิกฺขุชื่อ เมตติยะ  และกุมมชก  กับเจ้าลิจฉวี  ชื่อวัฑ

ฒะ  โจทด้วยอนฺติวัตถุอันไม่มีมูล,  ชนพวกนี้  ชื่อว่า  ผู้เป็นข้าศึกแก่ตนเอง. ส่วน อริฏ-

ฐภิกฺขุ  กัณฑกสามเณร ภิกฺขุวัชชีบุตรขาวเมืองเวสาลีผู้ความเห็นวิปริต  และ  พวกภิกฺขุ

ฝ่ายมหายานนิกายมหาสังฆิ   เป็นต้น     ซึ่งเป็นผู้มีสัทธิปรูปหารอัญญาณ  กังขา  และ

ปรวิตรณา *  ทำการยกย่อง  กล่าวอ้างคำสอนมิใช่พุทธศาสนาว่า พุทธศาสนา   ชื่อว่า

ผู้เป็นข้าศึกแก่ศาสนา. 


ดูก่อนอานนท์ ธรรมวินัยใดที่เราแสดง

แล้วบัญญัติแล้วแก่เธอทั้งหลาย,   ธรรมและวินัยนั้น   จักเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย 

โดยกาลล่วงไปแห่งเรา  ดังนี้.




ว่าไง คุณหนู phonsak  ถ้าหาพระไตรปิฎก มาอ้างอิง เรื่อง พระอวโลกิเตศวร พระกวนอิม พระเคเนศ ในพระไตรปิฎก ที่พระพุทธเจ้า(องค์จริง)ตรัส ไม่ได้
ที่พระอานนท์ (องค์จริง) สังคยานาไว้ไม่ได้


ก็ขอแนะนำ ให้ไปหา ตามร้านค้า แผงหนังสือทั่วไป  หรือ ไปหาตามแผงซีดี หรือละครวิทยุ
แบบคณะแก้วฟ้า ก็จะมีเรื่องพวกนั้น
มาอ้างอิง แทน ก็แล้วกัน

บอกแล้วว่า อย่าดิ้นมาก บ่วงจะรัดคอตนเอง





บันทึกการเข้า
แปดคิว
นักโพสท์ระดับ 2
**

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 8


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 7.0.517.44 Chrome 7.0.517.44


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2553 19:55:45 »

เอาพระวินัย มาให้อ่าน อีกรอบ
สมัยพุทธกาล ที่พระสมณโคดมยังมีพระชมน์ อยู่
และยังเป็นสมัยที่ พระอานนท์ ยังทรงพระชมน์อยู่


ปจฺจตฺถิเก  สหธมฺเมน  สุนิคฺคหิตํ  นิคฺคณฺหาติ  ชื่อว่า  ชนผู้เป็นข้าศึกมี  ๒ จำพวก

คือ  ผู้เป็น ข้าศึกแก่ตนเองจำพวก ๑    ผู้เป็นข้าศึกแก่พระศาสนาจำพวก ๑  บรรดาชน

ผู้เป็นข้าศึก ๒ จำพวกนั้น     พวก  ภิกฺขุชื่อ เมตติยะ  และกุมมชก  กับเจ้าลิจฉวี  ชื่อวัฑ

ฒะ  โจทด้วยอนฺติวัตถุอันไม่มีมูล,  ชนพวกนี้  ชื่อว่า  ผู้เป็นข้าศึกแก่ตนเอง. ส่วน อริฏ-

ฐภิกฺขุ  กัณฑกสามเณร ภิกฺขุวัชชีบุตรขาวเมืองเวสาลีผู้ความเห็นวิปริต  และ  พวกภิกฺขุ

ฝ่ายมหายานนิกายมหาสังฆิ   เป็นต้น     ซึ่งเป็นผู้มีสัทธิปรูปหารอัญญาณ  กังขา  และ

ปรวิตรณา *  ทำการยกย่อง  กล่าวอ้างคำสอนมิใช่พุทธศาสนาว่า พุทธศาสนา   ชื่อว่า

ผู้เป็นข้าศึกแก่ศาสนา. 


ดูก่อนอานนท์ ธรรมวินัยใดที่เราแสดง

แล้วบัญญัติแล้วแก่เธอทั้งหลาย,   ธรรมและวินัยนั้น   จักเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย 

โดยกาลล่วงไปแห่งเรา  ดังนี้.




ว่าไง คุณหนู phonsak  ถ้าหาพระไตรปิฎก มาอ้างอิง เรื่อง พระอวโลกิเตศวร พระกวนอิม พระเคเนศ ในพระไตรปิฎก ที่พระพุทธเจ้า(องค์จริง)ตรัส ไม่ได้
ที่พระอานนท์ (องค์จริง) สังคยานาไว้ไม่ได้


ก็ขอแนะนำ ให้ไปหา ตามร้านค้า แผงหนังสือทั่วไป  หรือ ไปหาตามแผงซีดี หรือละครวิทยุ
แบบคณะแก้วฟ้า ก็จะมีเรื่องพวกนั้น
มาอ้างอิง แทน ก็แล้วกัน

บอกแล้วว่า อย่าดิ้นมาก บ่วงจะรัดคอตนเอง






สบายใจ ตกหลุมรัก
บันทึกการเข้า
phonsak
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +1/-2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 306


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #24 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2553 01:58:24 »

[quote author=armageddon

1  พระอานนท์ ก็จำไม่ได้ ไม่ได้บันทึก ไว้
พระสาวกของพระสมณโคดม ก็ไม่มีชื่อ กวนอิม ไม่มีชื่คเนศ
โอ้โห อิทธิฤทธิ์ ผุ้งกระจายขนาดนั้น
พระโมคคัลานะ ก็คงไม่ถูก ยก เป็น เอตทัคคะ ทางฤทธิ์
และก็เป็นไปไม่ได้ ที่พระพุทธเจ้า และพระอานนท์ จะไม่กล่าวถึงในพระไตรปิฎก
ไปเอาพระไตรปิฎก มายืนยันด้วย

2  ในพระไตรปิฎก สงครามระหว่างอสูร และเทวดา
อันเป็นกายละเอียด ก็ไม่มีพระคเนศ
มีแต่อสูรินราหู

เด่นดังขนาดนั้น พระอานนท์ ก็จดจำไม่ได้ ไม่มีในระบบ พระอรหันต์ทั้งหมด ทุกพระองค์
ก็ไม่มีใครกล่าวถึง พระคเนศที่ว่า
พระพุทธเจ้า ก็ยังไม่กล่าวถึง
ไปเอาพระไตรปิฎกมาอ้างอิงดีกว่าครับ

หาพระไตรปิฎก มายืนยันด้วยครับ


[/quote]

1.  ตั้งแต่การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา เถรวาทตัดเรื่องที่พระอานนท์เล่าเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสเกี่ยวกับพระอวโลกิเตศวรไปเกือบหมด เหลือเพียงบางเรื่อง เช่น ในพระไตรปิฎกปรากฏที่พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องนี้ไว้สั้นๆใน จักกวัตติสูตร คุณต้องไปหาอ่านดูเอง

แต่มีเรื่องราวอยู่แต่ในปิฎกของมหายานเต็มไปหมด  ลองไปค้นคว้าดูซิครับ  แล้วคุณจะตกใจเรืองพระอวโลกิเตศวรที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ โดยมีพระอานนท์รับรองเต็มไปหมด  เช่น มหากรุณาหฤทัยธารณีสูตร   ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร สัทธรรมปุณฑริกสูตร ฯลฯ

2.  พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสปฏิเสทเรื่องราวในรามายนะเลย และไม่เคยปฏิเสทเรื่องพระคเนศ   แต่พระพุทธองค์ทรงบอกว่าในรามายนะนั้น   พระรามมาเกิดเป็นท่าน  ลองอ่านดูในทศรถชาดก ตอนท้ายของอรรถกถานี้มีดังนี้:

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะในเวลาจบสัจจะ กุฎุมพีดำรงในโสดาปัตติผล ทรงประชุมชาดกว่า

พระทสรถมหาราชครั้งนั้น  ได้มาเป็นสุทโธทนมหาราช
พระมารดาได้มาเป็นพระมหามายา 
สีดาได้มาเป็นมารดาของราหุล
เจ้าภรตะได้มาเป็นอานนท์
เจ้าลักขณ์ ได้มาเป็นสารีบุตร
บริษัทได้มาเป็นพุทธบริษัท

ส่วนรามบัณฑิตได้มาเป็นเราตถาคตแล.
บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2553 09:22:52 »



1.  ตั้งแต่การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา เถรวาทตัดเรื่องที่พระอานนท์เล่าเรื่องที่พระพุทธเจ้าตรัสเกี่ยวกับพระอวโลกิเตศวรไปเกือบหมด เหลือเพียงบางเรื่อง เช่น ในพระไตรปิฎกปรากฏที่พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องนี้ไว้สั้นๆใน จักกวัตติสูตร คุณต้องไปหาอ่านดูเอง

แต่มีเรื่องราวอยู่แต่ในปิฎกของมหายานเต็มไปหมด  ลองไปค้นคว้าดูซิครับ  แล้วคุณจะตกใจเรืองพระอวโลกิเตศวรที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ โดยมีพระอานนท์รับรองเต็มไปหมด  เช่น มหากรุณาหฤทัยธารณีสูตร   ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร สัทธรรมปุณฑริกสูตร ฯลฯ

2.  พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสปฏิเสทเรื่องราวในรามายนะเลย และไม่เคยปฏิเสทเรื่องพระคเนศ   แต่พระพุทธองค์ทรงบอกว่าในรามายนะนั้น   พระรามมาเกิดเป็นท่าน  ลองอ่านดูในทศรถชาดก ตอนท้ายของอรรถกถานี้มีดังนี้:

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะในเวลาจบสัจจะ กุฎุมพีดำรงในโสดาปัตติผล ทรงประชุมชาดกว่า

พระทสรถมหาราชครั้งนั้น  ได้มาเป็นสุทโธทนมหาราช
พระมารดาได้มาเป็นพระมหามายา 
สีดาได้มาเป็นมารดาของราหุล
เจ้าภรตะได้มาเป็นอานนท์
เจ้าลักขณ์ ได้มาเป็นสารีบุตร
บริษัทได้มาเป็นพุทธบริษัท

ส่วนรามบัณฑิตได้มาเป็นเราตถาคตแล.


 1  ไม่น่าตกใจหรอกครับ ที่สังคายานาทุกครั้ง ตัดทิ้งเสียทุกครั้ง ๆๆๆๆๆ
เพราะของละเมิดลิขสิทธิ์ ของเลียนแบบ
พระอานนท์ เข้านิพพาน ไปในการสังคยานาครั้งที่1

มหายาน จึงปรากฎขึ้น หลังจากครั้งที่2และก็เอาชื่อพระพุทธเจ้า พระอรหันต์
มาอ้างเท่านั้นเอง

และที่น่าตกใจมากกว่านั้น  แถมมีวิมลเกียรติ เอตทัคคะ กว่าพระอรหันต์ องค์ใดๆ โผล่มาอีก


2 ทศรสชาดก มีจากสังคายานาครั้งที่1 จนปัจจุบัน

ทสรถชาดก ว่าด้วยผู้มีปัญญาย่อมไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่เสียไปแล้ว
  ในอดีตกาล พระเจ้าทสรถมหาราช ทรงละความถึงอคติ เสวยราชสมบัติโดยธรรมในกรุงพาราณสี พระอัครมเหสีผู้เป็นใหญ่กว่าสตรี ๑๖,๐๐๐ นางของท้าวเธอ ประสูติพระโอรส ๒ พระองค์ พระธิดา ๑ พระองค์ พระโอรสองค์ใหญ่ทรงพระนามว่า รามบัณฑิต องค์น้องทรงพระนามว่า ลักขณกุมาร พระธิดาทรงพระนามว่า สีดาเทวี ครั้นจำเนียรกาลนานมา พระอัครมเหสีสิ้นพระชนม์ พระราชาเมื่อพระนางสิ้นพระชนม์แล้ว ทรงถึงอำนาจแห่งความเศร้าโศกตลอดกาลนาน หมู่อำมาตย์ช่วยกันกราบทูลให้ทรงสร่าง ทรงกระทำกาเกี่ยวกับพระศพที่ควรกระทำแก่พระนางแล้ว ทรงตั้งสตรีอื่นไว้ในตำแหน่งอัครมเหสีพระนางเป็นที่รัก เป็นที่จำเริญพระหฤทัยของพระราชา ......


.......พระรามบัณฑิตจึงเสด็จออกจากป่าบรรลุถึงพระนครพาราณสี เสด็จเข้าสู่พระราช อุทยาน พระกุมารทั้งหลายทรงทราบความที่พระองค์เสด็จมา มีหมู่อำมาตย์แวดล้อมเสด็จไปพระอุทยาน ทรงกระทำนางสีดาเป็นอัครมเหสีแล้วอภิเษกทั้งคู่


พระรามบัณฑิต  ได้น้องสาว ชื่อสีดาเป็นมเหสี
ซึงเป็นคนละเรื่องกับรามายนะ ที่สีดา เป็นลูกยักษ์
และเป็นคนละพ่อคนละแม่ กัน

พระพุทธเจ้า และพระอานนท์ ไม่กล่าวผิดพลาดแน่นอน ครับ

 คุณหนู Phonsak ก็แถไปผิดๆๆ  เช่นเคย




บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #26 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2553 09:38:07 »

ส่วนธรรมกาย ถ้าจะมาอ้างว่า เกี่ยวข้องกับพระอวโลกิเตศวร

ก็ให้ไปดู มหาปุริสลักษณะ 32 ประการ
กายที่เกิดจากบุพกรรม ในธรรม
ว่าพระอวโลกิเกตวร นั้นมีพระมหาบุริสลักษณะ 32 ประการครบถ้วนหรือไม่

หรือแต่งนิยาย เนรมิตมาได้อย่างไม่สมประกอบ
ไม่มีธรรมะอันประกอบให้เกิด มหาปุริสลักษณะ 32

และธรรมกายนี้ ประกอบด้วยรัตน คือโพชฌงค์ 7 ประการ

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะพระตถาคต (ธรรมกาย) อรหันตสัมพุทธเจ้าปรากฏ รัตนะคือโพชฌงค์ ๗ จึงปรากฏ" ดังนี้

1สติ ความระลึกได้
2ธรรมวิจยะ การวินิจฉัยธรรม
3วิริยะ ความเพียร
4ปีติ ความอิ่มใจ
5ปัสสัทธิ ความสงบ
6สมาธิ จิตตั้งมั่น
7อุเบกขา ความวางเฉย

ไปศึกษาดูให้ดี ว่าพระอวโลกกิเตศวร ที่กล่าวอ้าง
มีโพชฌงค์ ครบเจ็ดหรือไม่

ไม่ใช่ลูกแก้ว สามวา สี่วา ห้าวา
หรอกครับ

ไปเอาหลักฐาน
ตามแผงแมกกาซีน ตามแผงซีดี หรือพวกละครวิทยุ
มาอ้างอิงต่อได้เลยครับคุณหนู phonsak



บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #27 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2553 09:57:03 »

พระพุทธองค์ทรงเทศนาไว้โดยตรงว่า พระโสดาบันนั้นจำแนกได้เป็น ๓ จำพวก คือ

        ๑. เอกพิชีโสดาบัน เป็นพระโสดาบันที่มีพืชกำเนิดอีกเพียงหนึ่งหมายความว่า พระโสดาบันผู้นั้นจะต้อง
ปฏิสนธิเป็น มนุษย์หรือเทวดาอีกชาติเดียวก็บรรลุอรหัตตผล

         ๒. โกลังโกลโสดาบัน คือพระโสดาบันผู้ต้องปฏิสนธิเป็นมนุษย์หรือเทวดาอีกในระหว่าง ๒ ถึง ๖ ชาติ จึงจะบรรลุ อรหัตตผล

         ๓. สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน คือพระโสดาบันผู้ต้องปฏิสนธิอีกถึง ๗ ชาติ จึงจะบรรลุอรหัตตผล


แล้วลองเอาพระอวโลกิเตศวร มาสแกนธรรมะ ด้วยสัมมาโพชฌงค์ 7 ประการ
ว่ามีธรรมะ พอที่จะได้เป็นโสดาบัน ได้หรือเปล่า
ก็จะเห็นได้ ชัดเจนเอง

บันทึกการเข้า
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7866


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 2.0.157.2 Chrome 2.0.157.2


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2553 10:33:30 »

โอ... แย้งกันด้วยข้อมูล

แน่นทั้งคู่ ฝ่ายนึงแน่นเพราะเชื่อว่าตัวเองถูกต้อง

อีกผ่ายแน่นเพราะต้องการให้ผู้อ่านเชื่อในสิ่งถูกต้องจริง ๆ

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #29 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2553 11:16:17 »

สัมมาโภชฌงค์ เจ็ดประการ
ก็ต้องประกอบด้วย มหาสติปัฎฐาน4

ก็จับเอาพระอวโลกิเตศวร มาแสกน ว่ามีสติในปนิธาน ในนิวรณ์ ว่าเป็นอย่างไร
ด้วยมหาสติปัฎฐานสี่

[๒๙๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ อย่างไร เล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือนิวรณ์ ๕ ภิกษุพิจารณา เห็นธรรมในธรรมคือนิวรณ์ ๕ อย่างไรเล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อกามฉันท์ มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า กามฉันท์มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อ กามฉันท์ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า กามฉันท์ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ของเรา อนึ่ง กามฉันท์ที่ยังไม่เกิดจะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้น ด้วย กามฉันท์ที่เกิดขึ้นแล้วจะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย กามฉันท์ที่ละได้แล้วจะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อพยาบาทมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า พยาบาทมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อพยาบาทไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า พยาบาท ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา อนึ่ง พยาบาทที่ยังไม่เกิดจะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย พยาบาทที่เกิดขึ้นแล้วจะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อม รู้ชัดประการนั้นด้วย พยาบาทที่ละได้แล้วจะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อม รู้ชัดประการนั้นด้วย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อถีนมิทธะมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า ถีนมิทธะมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อถีนมิทธะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า ถีนมิทธะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา อนึ่ง ถีนมิทธะที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย ถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้ว จะ ละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย ถีนมิทธะที่ละได้แล้ว จะไม่ เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อ อุทธัจจกุกกุจจะมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า อุทธัจจกุกกุจจะมีอยู่ ณ ภายใน จิตของเรา หรือเมื่ออุทธัจจกุกกุจจะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า อุทธัจจ กุกกุจจะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา อนึ่ง อุทธัจจกุกกุจจะที่ยังไม่เกิดจะเกิด ขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย อุทธัจจกุกกุจจะที่เกิดขึ้นแล้ว จะ ละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย อุทธัจจกุกกุจจะที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อ วิจิกิจฉามีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า วิจิกิจฉามีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อวิจิกิจฉาไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า วิจิกิจฉาไม่มีอยู่ ณ ภายใน จิตของเรา อนึ่ง วิจิกิจฉาที่ยังไม่เกิดจะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้น ด้วย วิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย วิจิกิจฉาที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมภายในบ้าง พิจารณาเห็น ธรรมในธรรมภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง พิจารณา เห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในธรรมบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในธรรมบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในธรรมบ้าง ย่อมอยู่ อีกอย่าง หนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า ธรรมมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัย ระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือนิวรณ์ ๕ อยู่ ฯ           จบนีวรณบรรพ


เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือนิวรณ์ ๕ อยู่ ฯ  

แต่งนิยาย  เนรมิตพระอวโลกิเตศวร
มาได้อย่างไม่สมประกอบ ด้วยธรรมะทั้งหลาย ด้วยประการทั้งปวง

ทั้งธรรมกาย อันเป็นมหาปุริสลักษณะ 32 ประการ
ทั้งโพชฌงค์ เจ็ด อันเป็นมหาธรรมกาย
ทั้งไม่มีกึ๋น ในมหาสติปัฎฐาน สี่

ขัดกับพระไตรปิฎก สิ้นเชิง

มหาปนิธาน เกิดจากอะไร?
 นี่คือสิ่งที่แสดง ความไม่มีกึ๋น ในมหาสติปัฎฐาน
ไม่เห็นในธรรม อันเป็นเหตุ ทำให้เกิด ปนิธาน
จึงไม่อาจดับได้


โดยพิจารณา  ไม่เห็นธรรมในธรรม
กลายเป็น ปนิธาน ที่ยึดมั่นถื่อมั่น จนไม่อาจเข้ากระแสพระนิพพาน
ต้องรอจวบจนสรรพสัตว์เข้านิพพานหมด

เพราะพิจารณา ยังไม่เห็นกายในกาย ของสรรพสัตว์
ยังไม่เห็น เวทนาในเวทนา ในสรรพสัตว์

เรื่อง จิตในจิต ก็คงไม่ต้องพูดถึง





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 พฤศจิกายน 2553 11:26:53 โดย armageddon » บันทึกการเข้า
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7866


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 2.0.157.2 Chrome 2.0.157.2


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #30 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2553 11:19:13 »

สาธุ ๆ
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #31 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2553 11:32:22 »

กาลามาสูตร
จึงสอนให้รู้ ให้เห็น ก่อนที่จะเชื่อ

ความไม่มีกึ๋นทางธรรม
จึงแต่เรื่องที่ขัดต่อ พระธรรมมาหลากหลาย

จับมาสแกนให้ดู คร่าวๆ แล้ว

ท่านเว่ยหล่าง จึงฉีกทิ้ง  ไง
บันทึกการเข้า
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7866


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 2.0.157.2 Chrome 2.0.157.2


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #32 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2553 13:33:12 »

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
phonsak
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +1/-2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 306


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #33 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2553 01:20:38 »

อ้างจาก: armageddon

 [color=red
ทศรสชาดก มีจากสังคายานาครั้งที่1 จนปัจจุบัน [/color]

ทสรถชาดก ว่าด้วยผู้มีปัญญาย่อมไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่เสียไปแล้ว
  ในอดีตกาล พระเจ้าทสรถมหาราช ทรงละความถึงอคติ เสวยราชสมบัติโดยธรรมในกรุงพาราณสี พระอัครมเหสีผู้เป็นใหญ่กว่าสตรี ๑๖,๐๐๐ นางของท้าวเธอ ประสูติพระโอรส ๒ พระองค์ พระธิดา ๑ พระองค์ พระโอรสองค์ใหญ่ทรงพระนามว่า รามบัณฑิต องค์น้องทรงพระนามว่า ลักขณกุมาร พระธิดาทรงพระนามว่า สีดาเทวี ครั้นจำเนียรกาลนานมา พระอัครมเหสีสิ้นพระชนม์ พระราชาเมื่อพระนางสิ้นพระชนม์แล้ว ทรงถึงอำนาจแห่งความเศร้าโศกตลอดกาลนาน หมู่อำมาตย์ช่วยกันกราบทูลให้ทรงสร่าง ทรงกระทำกาเกี่ยวกับพระศพที่ควรกระทำแก่พระนางแล้ว ทรงตั้งสตรีอื่นไว้ในตำแหน่งอัครมเหสีพระนางเป็นที่รัก เป็นที่จำเริญพระหฤทัยของพระราชา ......


.......พระรามบัณฑิตจึงเสด็จออกจากป่าบรรลุถึงพระนครพาราณสี เสด็จเข้าสู่พระราช อุทยาน พระกุมารทั้งหลายทรงทราบความที่พระองค์เสด็จมา มีหมู่อำมาตย์แวดล้อมเสด็จไปพระอุทยาน ทรงกระทำนางสีดาเป็นอัครมเหสีแล้วอภิเษกทั้งคู่


พระรามบัณฑิต  ได้น้องสาว ชื่อสีดาเป็นมเหสี
ซึงเป็นคนละเรื่องกับรามายนะ ที่สีดา เป็นลูกยักษ์
และเป็นคนละพ่อคนละแม่ กัน

พระพุทธเจ้า และพระอานนท์ ไม่กล่าวผิดพลาดแน่นอน ครับ

 คุณหนู Phonsak ก็แถไปผิดๆๆ  เช่นเคย


ตั้งแต่ผมเกิดมา  เจอคนโง่ๆมามาก  แต่ยังไม่เคยเจอคนที่โง่แบบคุณเลย  ผมขอคารวะในความโง่ของคุณ

รามายณะ เป็นวรรณคดีประเภทมหากาพย์ของอินเดีย เป็นนิทานที่เล่าสืบต่อกันมายาวนานในหลากหลายพื้นที่ของชมพูทวีป  เล่าจากปากหนึ่งไปสู่ปากหนึ่ง  เป็นร้อยเป็นพันปาก  การเสริมเรื่องขึ้นเพื่อให้เกิดความมันส์  จึงต้องมีเป็นธรรมดา  สีดาที่เคยเป็นน้องสาว เล่าไปเล่ามาก็กลายเป็นเมียไป

ทศรถชาดก เป็นเรื่องที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า  ซึ่งตรัสแต่เฉพาะเรื่องจริง  ไม่มีโกหก  เรื่องราวแท้จริงของรามายณะ จึงเป็นเรื่องราวในทศรถชาดก

ผมคงไม่ตอบคำถามของคุณอีก  เพราะขนาดเรื่องจริงกับเรื่องเล่าเป็นพันๆปาก  คุณก็ยังไม่เข้าใจ  เสียเวลาของผมเปล่าๆ  ที่ผมเขียนนี้เขียนเพื่อผู้อ่านท่านอื่น จะได้ความรู้มากขึ้นเท่านั้น
บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #34 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2553 09:20:34 »

อ้างจาก: armageddon

 [color=red
ทศรสชาดก มีจากสังคายานาครั้งที่1 จนปัจจุบัน [/color]

ทสรถชาดก ว่าด้วยผู้มีปัญญาย่อมไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่เสียไปแล้ว
  ในอดีตกาล พระเจ้าทสรถมหาราช ทรงละความถึงอคติ เสวยราชสมบัติโดยธรรมในกรุงพาราณสี พระอัครมเหสีผู้เป็นใหญ่กว่าสตรี ๑๖,๐๐๐ นางของท้าวเธอ ประสูติพระโอรส ๒ พระองค์ พระธิดา ๑ พระองค์ พระโอรสองค์ใหญ่ทรงพระนามว่า รามบัณฑิต องค์น้องทรงพระนามว่า ลักขณกุมาร พระธิดาทรงพระนามว่า สีดาเทวี ครั้นจำเนียรกาลนานมา พระอัครมเหสีสิ้นพระชนม์ พระราชาเมื่อพระนางสิ้นพระชนม์แล้ว ทรงถึงอำนาจแห่งความเศร้าโศกตลอดกาลนาน หมู่อำมาตย์ช่วยกันกราบทูลให้ทรงสร่าง ทรงกระทำกาเกี่ยวกับพระศพที่ควรกระทำแก่พระนางแล้ว ทรงตั้งสตรีอื่นไว้ในตำแหน่งอัครมเหสีพระนางเป็นที่รัก เป็นที่จำเริญพระหฤทัยของพระราชา ......


.......พระรามบัณฑิตจึงเสด็จออกจากป่าบรรลุถึงพระนครพาราณสี เสด็จเข้าสู่พระราช อุทยาน พระกุมารทั้งหลายทรงทราบความที่พระองค์เสด็จมา มีหมู่อำมาตย์แวดล้อมเสด็จไปพระอุทยาน ทรงกระทำนางสีดาเป็นอัครมเหสีแล้วอภิเษกทั้งคู่


พระรามบัณฑิต  ได้น้องสาว ชื่อสีดาเป็นมเหสี
ซึงเป็นคนละเรื่องกับรามายนะ ที่สีดา เป็นลูกยักษ์
และเป็นคนละพ่อคนละแม่ กัน

พระพุทธเจ้า และพระอานนท์ ไม่กล่าวผิดพลาดแน่นอน ครับ

 คุณหนู Phonsak ก็แถไปผิดๆๆ  เช่นเคย


ตั้งแต่ผมเกิดมา  เจอคนโง่ๆมามาก  แต่ยังไม่เคยเจอคนที่โง่แบบคุณเลย  ผมขอคารวะในความโง่ของคุณ

รามายณะ เป็นวรรณคดีประเภทมหากาพย์ของอินเดีย เป็นนิทานที่เล่าสืบต่อกันมายาวนานในหลากหลายพื้นที่ของชมพูทวีป  เล่าจากปากหนึ่งไปสู่ปากหนึ่ง  เป็นร้อยเป็นพันปาก  การเสริมเรื่องขึ้นเพื่อให้เกิดความมันส์  จึงต้องมีเป็นธรรมดา  สีดาที่เคยเป็นน้องสาว เล่าไปเล่ามาก็กลายเป็นเมียไป

ทศรถชาดก เป็นเรื่องที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า  ซึ่งตรัสแต่เฉพาะเรื่องจริง  ไม่มีโกหก  เรื่องราวแท้จริงของรามายณะ จึงเป็นเรื่องราวในทศรถชาดก

ผมคงไม่ตอบคำถามของคุณอีก  เพราะขนาดเรื่องจริงกับเรื่องเล่าเป็นพันๆปาก  คุณก็ยังไม่เข้าใจ  เสียเวลาของผมเปล่าๆ  ที่ผมเขียนนี้เขียนเพื่อผู้อ่านท่านอื่น จะได้ความรู้มากขึ้นเท่านั้น

555+
ขอบใจ ที่เห็นข้าพเจ้า เป็นรสแห่งธรรมรสทั้งปวง
รสชาติแห่งความโง่ และความฉลาด และปัญญาอันเป็นเหตุให้ตรัสรู้  ทั้งหมดเป็นรสเดียวกัน

เรื่องสีดา รามายนะเล่าไปเล่ามา เล่าปากต่อปาก
พระราม ก็ได้เมียแต่คนละครอบครัว

เรื่องทศรถ เรื่องจริง เล่าจากปากพระองค์ ก็ได้น้องสาวแท้ๆคลานตามมา  เป็น เมีย

ทั้งสองเรื่อง จริงและตรงกัน เพียง ได้เมีย

วังวนแห่งกาม

ที่ไม่ตอบคำถามต่างๆที่ถามไป เพราะไม่สามารถเอาพระไตรปิก มายืนยันได้

เพราะบ่วงหมาเน่า นี้รัดคอมาร พลศักดิ์  จนดิ้นไม่ออก ชิมิๆ

ที่ถามไป

ว่าใครหนอ  พหูสูตรยิ่งกว่าเอตทัคคพระอานนท์
แต่งเรื่องพระสูตร อื่นๆ ที่พระอานนท์ไม่ได้ยิน ไม่ได้ฟัง ?
ใครหนอ ฤทธิ์มาก เกินพระโมคคัลานะเอตทัคคทางฤทธิ์ วรยุทธ์มากมายกว่า  ?
ใครหนอ ปัญญา เอตทัคค มากกว่าพระสารีบุตร สั่งสอนพระอรหันต์ จนเข็ดขยาด ?

นิกายที่แยกไป ไปสร้างตัวละคร เหล่านี้ มาทำลายพระศาสนาเถรวาท
ทำลาย พระอานนท์ ทำลายพระโมคคลานะ ทำลายพระสารีบุตร ทำลายพระพุทธเจ้าเถรวาท

เป็นข้าศึกแห่งตนเอง และข้าศึกแห่งพระศาสนา
สมดังพระวินัย ที่ปรากฎในพระไตรปิฎก


โย โว อานนฺท มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญตฺโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา. (ที.ม.๑๐/๑๔๑/๑๗๘)

       แปลว่า : ดูกรอานนท์ ธรรมแลวินัยใด ที่เราได้แสดงแล้ว และบัญญัติแล้ว แก่เธอทั้งหลาย ธรรมและวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย ในเมื่อเราล่วงลับไป
 


แถไม่ออก อะจิ

บันทึกการเข้า
แปดคิว
นักโพสท์ระดับ 2
**

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 8


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 7.0.517.44 Chrome 7.0.517.44


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #35 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2553 18:49:54 »



สงสารแมวเนาะนั่งงงเลย  ขี้
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า:  1 [2]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.449 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 20 กุมภาพันธ์ 2567 03:38:38