[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 20:17:15 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: บังคับบัญชาไม่ได้ - ห้ามไม่ได้  (อ่าน 1226 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 4.0.1 Firefox 4.0.1


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 05 มิถุนายน 2554 16:59:49 »




มรรคาสู่ มาฆะรวมจิตธรรม ละบาปกิเลสงำ จรดนิ่งตามแนวแห่งพุทธ สุขแท้จริง ผดุงสิ่งดีงาม ตามพุทธองค์ จิตว่าง วางแล้ว ละเลิก บุกเบิก ทางสว่าง อย่ามัวหลง ปรับชีวิต ทวนวิถึที่ปักลง ปลดและปลง วิถีเก่า เข้าหาธรรม มรรคาสู่ มาฆะรวมจิตธรรม มรรคาสู่ มาฆะรวมจิตธรรม ละบาปกิเลสงำ จรดนิ่งตามแนวแห่งพุทธ สุขแท้จริง ผดุงสิ่งดีงาม ตามพุทธองค์ จิตว่าง วางแล้ว ละเลิก บุกเบิก ทางสว่าง อย่ามัวหลง ปรับชีวิต ทวนวิถึที่ปักลง ปลดและปลง วิถีเก่า เข้าหาธรรม มรรคาสู่ มาฆะรวมจิตธรรม มรรคาสู่ มาฆะรวมจิตธรรม ละบาปกิเลสงำ จรดนิ่งตามแนวแห่งพุทธ สุขแท้จริง ผดุงสิ่งดีงาม ตามพุทธองค์ จิตว่าง วางแล้ว ละเลิก บุกเบิก ทางสว่าง อย่ามัวหลง ปรับชีวิต ทวนวิถึที่ปักลง ปลดและปลง วิถีเก่า เข้าหาธรรม มรรคาสู่ มาฆะรวมจิตธรรม


..........CLICK ฟังได้เลย..........



<a href="http://www.4shared.com/embed/625194150/827949b1" target="_blank">http://www.4shared.com/embed/625194150/827949b1</a>



(:LOVE:)เสียงอ่านหนังสือ ชวนม่วนชื่น ตอนเด็กนักเรียนห้อง ข  รัก



My Forums..........http://forums.212cafe.com/boxser/



สัตว์อันเขามิได้เชื้อเชิญก็มาจากที่นั้น

เขามิได้อนุญาตก็ไปจากที่นี้เขามาจากที่ไหนกันแน่หนอ

อยู่ได้ 2 - 3 วันก็ไปแล้วสู่ทางอื่นจากที่นี้ก็มี

กำลังไปสู่ทางอื่นจากที่นั้นก็มี

เขาละ{ตาย}ไปแล้ว

ท่องเที่ยวอยู่โดยรูปของมนุษย์จักไปก็มี

เขามาอย่างใดก็ไปอย่างนั้น

จะคร่ำครวญเพราะเหตุนั้นไปทำไม




ถาม...........ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา

บังคับบัญชาไม่ได้ ห้ามไม่ได้อย่างตาเห็นรูป

จะห้ามไม่ให้เห็นไม่ได้ หูได้ยินเสียงจะห้ามไม่ให้ได้ยินก็ไม่ได้

จากคำกล่าวนี้มีผู้แสดงความเห็นแย้งว่าสมมุติว่าเราเห็นรูปจากโทรทัศน์ถ้าเรา

ไม่อยากเห็นเราก็ปิดโทรทัศน์เสียหรือเพียงแค่หลับตาเสีย ก็ไม่เห็นรูปแล้วนี่เท่ากับ

ห้ามไม่ให้เห็นรูปได้(หมายเฉพาะรูปจากโทรทัศน์ตามที่ยกตัวอย่าง)หรือสมมุติว่าได้ยิน

เสียงเพลงจากวิทยุ ถ้าปิดวิทยุเสียก็ไม่ได้ยินเสียงแล้ว นี่ก็เท่ากับห้ามไม่ให้ได้ยินเสียง

ได้(หมายเฉพาะเสียงจากวิทยุนั้น)

กระผมทราบดีว่าคำแย้งนี้คงไม่ถูกต้องตามหลักสัจธรรมจึงขอทราบคำอธิบายว่า

การที่ผู้แย้งอ้างว่าสามารถห้ามไม่ให้เห็นห้ามไม่ไห้ได้ยินได้ ตามตัวอย่างที่กล่าวมานั้น

เป็นการห้ามได้จริง หรือว่าเป็นเพียงการกระทำได้ในระดับไหนและที่คำกล่าวข้างต้น

โน้นกล่าวว่า อย่างตาเห็นรูป จะห้ามไม่ให้เห็นไม่ได้ หูได้ยินเสียงจะห้ามไม่ให้ได้ยินก็

ไม่ได้นั้นมีความหมายในระดับไหนอย่างไร ?




ตอบ.................

ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ห้ามไม่ได้ อย่างตาเห็นรูปจะ

ห้ามไม่ให้เห็นไม่ได้หูได้ยินเสียงจะห้ามไม่ให้ได้ยินก็ไม่ได้

ธรรมทั้งปวงเป็น{อนัตตา}หมายถึงมีเหตุปัจจัยให้เกิดคืออาศัยสภาพธรรมอื่นเมื่อ

เหตุพร้อมธรรมนั้นก็เกิดขึ้น เช่นเมื่อมีตา(จักขุปสาท)มีรูป(สี)และมีแสงสว่างมีจิตที่

รำพึงถึงเกิดขึ้นการเห็นก็เกิดขึ้นดังนั้นการเห็นจึงต้องอาศัยเหตุคือสภาพธรรมอื่น ๆ

มาประชุมกันจนถึงพร้อมดังนั้น ตาก็เป็นธรรมไม่ใช่เรา(รูป)ก็เป็นธรรมไม่ใช่เรา

แสงสว่างก็ไม่ใช่เรารวมทั้งจิตที่รำพึงถึงก็เป็น(จิต)ไม่ใช่เราเช่นกันดังนั้นอาศัย

สิ่งที่ไม่ใช่เราประชุมกันก็เกิดสภาพธรรมที่เป็นจิตเห็น ซึ่งไม่ใช่เราดังนั้นถ้าจะ

เห็นจะห้ามไม่ให้เห็นไม่ได้ เพราอะไรเพราะเห็นเกิดแล้วก่อนที่คิดจะห้ามเสียอีก

หูได้ยินเสียงจะห้ามไม่ให้ได้ยินก็ไมได้เพราะได้ยินเกิดแล้วก่อนที่คิดจะห้ามยังไม่

ต้องไปถึงการกระทำที่จะห้ามได้ยินก็เกิดแล้วและก็ดับไปดังนั้นสภาพธรรมจึง

บังคับบัญชาไมได้เลยเพราะเป็นเรื่องของธรรมไม่ใช่เราไม่มีใครรู้เลยว่าขณะต่อไปจะ

เห็นหรือไม่เห็นไม่มีใครรู้เลยว่าขณะต่อไปจะได้ยินหรือไม่ได้ยินเหมือนจะห้ามการ

เห็นได้




ถ้าด้วยความยึดถือด้วยความเป็นเราไม่รู้ว่าเป็นสภาพธรรมทีเกิดจากเหตุปัจจัย

ปิดตาก็ไม่เห็น นี่คือคิดใช่ไหม ? แล้วตอนนี้ก็ยังเห็นอยู่ เห็นสิ่งที่ปรากฎทางตา คือ............

รูปแต่การเห็นเป็นสิ่งต่าง ๆ เป็นคนในโทรทัศน์ขณะนั้นเป็นการคิดนึกในสิ่งที่เห็นแล้ว

ดังนั้นก็จะต้องแยกก่อนว่าขณะที่เห็นเห็นเพียงสิ่งที่ปรากฎทางตาเท่านั้น คือ เป็น

เพียงสียังไม่เป็นอะไรยังไม่เป็นสัตว์ บุคคลอะไรดังนั้นขณะที่ปิดตาก็ยังเห็นก็

เห็นสิ่งที่ปรากฎทางตาเหมือนกัน คือเป็นรูปธรรมเหมือนกันใม่ว่าจะดูที่โทรทัศน์

ขณะที่เห็นก็ต้องเห็นเพียงสิ่งที่ปรากฎทางตา คือ เป็นเพียงสี เหมือนกัน จะเป็นสีอะไร

ก็ตาม ก็ต้องเป็นเพียงรูปธรรมที่เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฎทางตาเช่นดียวกับหลับตาก็

เห็นสี ที่เป็นสิ่งที่ปรากฎทางตา เช่นกันดังนั้นไม่ว่าจะปิดตา หรือ ไม่ปิดตา ถ้ามีเหตุ

ปัจจัยให้เห็น ตัวสภาพเห็นเกิดแล้ว ตัวจิตเห็นที่เห็นที่โทรทัศน์ กับตัวจิตเห็นที่หลับตา

ไม่ต่างกันเลย เป็นวิบากจิต ทำกิจรู้สิ่งที่ปรากฎทางตา ดังนั้นไม่ว่าเห็นของพระอรหันต์

เห็นของปุถุชน เห็นสิ่งที่อยู่ในโทรทัศน์ เห็นในขณะที่หลับตา สภาพเห็นเหมือนกันไม่

เปลี่ยนแปลง เป็นชาติวิบาก เป็นผลของกรรม และที่สำคัญทำหน้าที่รู้สิ่งที่ปรากฎทาง

ตาเหมือนกันครับยังไม่เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่เมื่อเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นสัตว์ บุคคล

ใช่ขณะที่เห็นแต่เป็นขณะที่คิดนึกในสิ่งที่เห็น




ดังนั้นการเห็น เป็นสิ่งที่บังคับบัญชาไมได้

เพราะเป็นวิบาก เป็นผลของกรรม กรรมใด

ให้ผลก็ทำให้เห็นต่าง ๆ กันและก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเห็นอะไรต่อไปคิดได้ว่าจะทำให้

เห็นอย่างนั้นอย่างนี้จะไม่ให้เห็นแต่ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดเพราะเป็นเรื่องของธรรม

และ{อนัตตา}นี่พูดถึงเรื่องการเห็นการได้ยินและสภาพธรรมอื่น ๆ ก็โดยนัยเดียวกัน

ขออนุญาตนำความเห็นที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงในเรื่องความเป็น{อนัตตา}ซึ่งมีบาง

คนยืนยันว่าบังคับบัญชาได้ ซึ่งก็ได้มาสนทนากับพระพุทธเจ้า คือ{สัจจกนิครนถ์}ผู้ที่

คิดว่าตัวเองมีปัญญามาก(สัจจกนิครนถ์)ยืนยันว่าบังคับบัญชาได้และก็คนอื่นโดยส่วน

มากก็เห็นด้วยกับเขาพระพุทธเจ้าจึงตรัสถามว่าพระราชา มีอำนาจสามารถสั่งฆ่า

ริบทรัพย์ผู้คนต่าง ๆ มีพระเจ้าปเสนทิโกศล เป็นต้นมีหรือไม่และมีอำนาจอย่างนั้นใช่ไหม

สัจจกนิครนถ์ก็กราบทูลตอบว่าเป็นอย่างนั้นพระเจ้าข้าพระราชาผู้มีอำนาจสามารถทำ

อย่างนั้นได้กับชนเหล่าอื่นมีการสั่งฆ่าและจองจำ เป็นต้น พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า รูป

เป็นตัวของเราดังนี้อำนาจของท่านเป็นไปในรูปนั้นว่ารูปของเราจงเป็นอย่างนั้น

เถิดอย่าได้เป็นอย่างนี้เลยดังนี้หรือ

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามอย่างนี้สัจจกะได้นิ่งอยู่พระองค์ตรัสถาม

อย่างนี้ถึงครั้งที่สามจึงได้ทูลตอบว่าข้อนี้ไม่เป็นอย่างนั้นได้พระโคดม

จะเห็นได้ว่า คิดได้ว่าทำได้ บังคับได้ บังคับตัวเราได้ แต่บังคับไมได้จริง ๆ เพราะ

เป็นไปตามเหตุปัจจัยของสภาพธรรมอื่นที่ไม่ใช่เราทั้งนั้น




ข้อมูลนี้มาจาก มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาบ้านธัมมะ 136 หมู่ 5 ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 50230



My Blog...........http://butterfly2554.wordpress.com

My Blog...........http://7star2011.wordpress.com

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 มิถุนายน 2554 17:34:12 โดย 時々sometime » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

คำค้น: บังคับ 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.373 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 20 พฤศจิกายน 2567 03:34:57