ผู้ที่ได้โสดาบัน : พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี

ผู้ที่ได้โสดาบันจะเชื่อพระพุทธเจ้า ๑๐๐%

ปัญญาของขั้นโสดาบันก็คือต้องพิจารณาร่างกายและเวทนาคือความรู้สึกที่มาทางร่างกายว่ามันไม่เที่ยง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา อนัตตาห้ามมันไม่ได้ มันจะเจ็บจะสั่งให้มันหายเจ็บไม่ได้ เดี๋ยวมันหายเองไม่ต้องไปสั่งมัน เราเคยเจ็บตั้งแต่เกิดมาจนวันตายหรือเปล่า มันก็เจ็บบ้างไม่เจ็บบ้างสลับกันไปสลับกันมา เราก็อยู่กับมันมาได้ไม่ใช่เหรอ มันเจ็บเราก็ผ่านมาได้ มันไม่เจ็บเราก็ผ่านมาได้ เพียงแต่ปัญหาที่ทำให้เราทุกข์ก็คือเราไม่อยากเจ็บเท่านั้นเอง ถ้าเราหยุดความไม่อยากเจ็บได้มันก็จะไม่มีความทุกข์กับมัน ในเมื่อเราหนีมันไม่พ้นเราจะไปอยากไม่เจ็บทำไม อยากไม่เจ็บแล้วมันทุกข์หรือเปล่าเวลามันเจ็บ ก็ปล่อยมันสิ มันอยากเจ็บก็ปล่อยให้มันเจ็บไป เปลี่ยนจากความอยากไม่เจ็บเป็นอยากเจ็บ ไม่ดีกว่าหรือ เวลาเราอยากอะไรแล้วเราได้เราดีใจหรือเสียใจ ดีใจใช่ไหม อยากให้เขาด่า พอเขาด่าเราๆ ก็ดีใจ อยากให้เขาไม่ด่าพอเขาไม่ด่าก็ดีใจ แต่พอเขาด่าก็จะเสียใจ งั้นทางที่ดีอย่าไปอยากดีกว่า เฉยๆ ดีกว่า ต้องมีสมาธินะถึงจะเฉยๆ ได้ ปัญญาบอกให้เฉย ปัญญาจะบอกใจให้เข้าเกียร์ว่าง อย่าไปยินดียินร้าย อย่าไปรักอย่าไปชัง ให้เฉยๆ กับทุกสิ่งทุกอย่างที่จิตใจไปสัมผัสรับรู้ แล้วต่อไปจิตใจก็จะไม่ทุกข์กับเรื่องราวของร่างกาย ไม่ทุกข์กับเรื่องราวของความเจ็บความทุกข์ทางร่างกาย จิตใจจะเฉยจะไม่ทุกข์ นี่ถ้าไม่ทุกข์กับเรื่องของความแก่ความเจ็บความตายของร่างกายแล้ว ก็ได้ขั้นของพระโสดาบันแล้ว ผู้ที่ได้โสดาบันก็จะเชื่อพระพุทธเจ้า ๑๐๐% แล้วทีนี้ เพราะนี่คือคำสอนของใครถ้าไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อได้เห็นธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า แสดงผลให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าสามารถกำจัดความทุกข์ของตนเองได้นี้ จะสงสัยในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ทำไม แล้วจะไปสงสัยเรื่องการรักษาศีลทำไม จะเชื่อเรื่องการรักษาศีลว่าทำบาปแล้วจะทำให้ใจทุกข์ พระอริยบุคคลทุกคนนี้จะไม่ทำบาป เพราะรู้ว่าความทุกข์มันเกิดจากการที่เราไปมีความอยากหรือไม่อยากต่างหาก แต่การไปแก้ความทุกข์ด้วยการไปทำบาปนี้ ไม่ได้เป็นการแก้ กลับเป็นการเพิ่มความทุกข์ขึ้นมา เพราะเวลาทำบาปใจมันจะร้อน ใจมันจะทุกข์ขึ้นมานั่นเอง

สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๓
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน [/size]