สรุปเสวนา ทลายมายาคติ มองกรณีศึกษาต่างประเทศ ร่วมออกแบบสิทธิลาคลอดในฝันควรเป็นแบบไหน
<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-10-30 19:45</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก/ภาพประกอบ: The Fort</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2566 '
The Fort' ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร จัดงานศุกร์เสวนา ในหัวข้อ "นโยบายลาคลอด/ลาเลี้ยงลูกในประเทศไทยควรเป็นแบบไหน" พร้อมฟังความเห็นผู้ปกครอง นักกิจกรรม และนักการเมือง ถึงการผลักดันนโยบายลาคลอดลาเลี้ยงลูก ให้เป็นประโยชน์ต่อคน(ทำ)งาน อย่างมีประสิทธิภาพ </p>
<p>โดยมีผู้เข้าร่วมอภิปราย ประกอบด้วย</p>
<ol>
<li>ติมาพร เจริญสุข ตัวแทนแม่จากกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง</li>
<li>รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยรัฐสวัสดิการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์</li>
<li>จะเด็จ เชาว์วิไล ผู้อำนวยการ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล</li>
<li>ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตสายไหม พรรคก้าวไกล</li>
</ol>
<p>กัลยาวีร์ แววคล้ายหงษ์ จากองค์กร "The Fort" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ </p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="
https://www.youtube.com/embed/xiPX2efekRo?si=_ZjrmuDcFVLB3b2M" title="YouTube video player" width="560"></iframe></p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ประสบการณ์ลาคลอดสาวฉันทนา</span></h2>
<p>ติมาพร ในฐานะคุณแม่ และเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน ย่านรังสิต เล่าประสบการณ์การตั้งครรภ์ ขณะทำงานในโรงงานย่านนวนคร จ.ปทุมธานี โดยเธอระบุว่า ตอนตั้งครรภ์เธอได้สิทธิหยุดลาคลอดจำนวน 98 วัน จากประกันสังคม ได้รับค่าคลอดเหมาจ่าย 1.5 หมื่นบาท และได้ค่าแรงที่บริษัทออกให้ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 45 วัน ส่วนเงินจากประกันสังคมได้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งเงินส่วนนี้ทำให้เราอยู่กับลูกเราได้เพิ่มอีก 3 เดือน แต่บางครอบครัวดิ้นรนมากกว่าเรา และมีเวลาน้อยมากในการเลี้ยงลูก</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53297429163_931b3c46e0_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">ติมาพร เจริญสุข</span></p>
<p>ติมาพร ระบุต่อว่า แม้ว่าข้อมูลขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ระบุว่า เด็กทารกคนหนึ่งต้องได้รับนมแม่ เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือ 180 วัน แต่ในประเทศไทยทำไม่ได้แบบนั้น เพราะคุณแม่ต้องกลับไปทำงานเพื่อหาเงินประทังชีวิต และในส่วนของนายจ้างคงไม่ยอมให้ลาถึง 6 เดือน </p>
<p>ติมาพร กล่าวต่อว่า เวลากลับมาทำงานคุณแม่บางคนน้ำนมยังไหลอยู่ ต้องใช้แผ่นซับน้ำนมปิดไว้ หรือบางบริษัทไม่มีพื้นที่หรือห้องให้ปั้มนมแม่ ยิ่งในบริษัทที่เป็นผู้ชายมีจำนวนมากกว่าแรงงานผู้หญิง แม่บางคนไม่มีพื้นที่ เขาต้องใช้ผ้าคลุมเพื่อปั้มนม มันลำบาก และรู้สึกว่าโรงงานไม่สนับสนุน แต่โชคดีที่บริษัทของเธอผู้หญิงเยอะ เราเลยมีห้องสามารถใช้ปั้มน้ำนมได้ ซึ่งมาจากการเรียกร้องของสหภาพแรงงาน บริษัทไม่ได้เอื้ออำนวยให้เราเอง </p>
<p>สมาชิกกลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง ระบุว่า บางครอบครัวลูกอยู่ต่างจังหวัด บางคนปั้มนมแล้วต้องฝากคนส่งรถตู้หรือพนักงานขนส่งนมไปให้ลูกที่บ้าน แม้ว่าจะมีการแก้ปัญหาโดยการซื้อนมผงให้ได้ แต่ว่าแม่อยากให้ลูกได้สารอาหารจากน้ำนมมากกว่า ส่วนนี้สำคัญจริงๆ แม่บางคนรู้สึกแย่ เพราะว่าลูกได้น้ำนมไม่ครบ 6 เดือน หรือบางคนได้เพียงเดือนเดียว เพราะบางคนท้องแก่ใช้สิทธิลาก่อนคลอดในระยะเวลา 3 เดือน ดังนั้น หลังคลอดแล้ว มีเวลาลาได้เพียงเดือนเดียว ก็ต้องกลับมาทำงาน</p>
<p>ติมาพร ระบุว่า ปกติคนต่างจังหวัดไม่อยากห่างจากลูกเลย แต่ด้วยสิทธิลาคลอดแค่ 3 เดือน ก็ต้องออกมาทำงาน ด้วยต้องหาเลี้ยงปากท้อง และมีค่าใช้จ่ายอย่างนมผง เรื่องผ้าอ้อม มีราคาแพงขึ้น ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเงิน ถ้าเป็นไปได้อยากได้สิทธิลาคลอด 6 เดือนดีกว่า แต่โรงงานจะไม่อนุญาต เขาจะบอกว่าคนขาด เขาจะอ้างแบบนี้</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เลี้ยงลูกงานหนัก ส่งผลกระทบต่อจิตใจ</span></h2>
<p>ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.พรรคก้าวไกล และผู้ร่วมผลักดันสิทธิลาคลอด 180 วัน ร่วมแชร์ประสบการณ์ช่วงตั้งครรภ์ลูกทั้ง 2 คนขณะทำงานที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โดยเธอระบุว่าตอนนั้นเธอได้วันลาคลอด 3 เดือน โดยได้เงินเดือนเต็ม และได้จากประกันสังคม 7,500 บาท ทำให้เธอมีเวลาอยู่กับลูก โดยไม่ลำบากมากเรื่องเงิน </p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53297184316_a270594ca9_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์</span></p>
<p>อย่างไรก็ตาม สส.ก้าวไกล ระบุต่อว่า งานเลี้ยงลูก 3 เดือนเป็นช่วงเวลาที่งานหนักมาก เธอแทบไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเวลาเลย ชีวิตประจำวันตอนนั้นคือให้นมลูก หลังจากนั้นเธอจะปั้มนมต่อทุก 2 ชั่วโมง นำน้ำนมแม่ใส่ถุง เขียนระบุวันที่ปั้มนม เอานมเข้าตู้เย็น ล้างเครื่องปั้ม พอหัวแตะหมอนยังไม่ทันจะเข้านอน ลูกร้องหิวนมอีกแล้ว แทบไม่มีเวลาพักผ่อน นอกจากนี้ เธอเคยคำนวณว่า หลังจากหมดสิทธิลาคลอด 3 เดือนแล้ว อีก 3 เดือนที่เหลือที่ต้องกลับไปทำงาน เธอต้องปั้มนมแม่ตุนไว้อย่างน้อย 3-4 พันถุง เพื่อให้เพียงพอระยะเวลาที่ลูกต้องทานนมแม่ครบ 6 เดือน </p>
<p>"ที่เขาบอกว่านอนให้พอนะก่อนเลี้ยงลูก เพราะว่ามันไม่ได้นอนจริงๆ ที่มีข่าวว่าลูกเสียชีวิตตอนอาบน้ำ เพราะว่าแม่หน้ามืด อยากบอกว่าตัวเองเคยเป็น เพราะว่าไม่ได้นอนเลย" ศศินันท์ กล่าว</p>
<p>ศศินันท์ กล่าวยอมรับด้วยว่า การที่ไม่ได้รับการพักผ่อนจากการเลี้ยงลูกส่งผลต่อสุขภาพจิตของเธอ ส่งผลกลายเป็นโรคซึมเศร้า และตั้งคำถามกับคุณค่าของตัวเองเหมือนเป็นเครื่องผลิตนมแม่ หรือเคยเหนื่อยถึงขนาดมีความคิดที่จะเอาหมอนปิดหน้าลูกและเธอเอง เพื่อให้ชีวิตกลับมาเป็นเหมือนเดิมและได้พักผ่อน ซึ่งประสบการณ์ดังกล่าวทำให้ สส.ก้าวไกล เข้าอกเข้าใจว่า เวลาที่ข่าวรายงานว่ามีแม่ที่ฆ่าลูก เพราะมันเป็นสภาวะแบบนั้นจริงๆ ที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น </p>
<p>ศศินันท์ มองว่าปัญหารัฐไทยตอนนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนเป็นแม่มากพอ ทั้งในเรื่องวันลาคลอด สุขภาพจิต หรือโดยเฉพาะห้องให้นมลูก ตอนไปเที่ยวที่ไต้หวัน เธอพบว่าไต้หวันมีห้องนมให้เยอะมาก ซึ่งทำให้เรารู้สึกดี และเหมือนให้ความสำคัญกับเรา ซึ่ง สส.ก้าวไกล มองว่านี่จะเป็นนโยบายต่อไปที่เธออยากทำต่อหลังจากเรื่องลาคลอด </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">สิทธิลาคลอดสามี แบ่งเบาภาระภรรยา</span></h2>
<p>จะเด็ด เชาวน์วิไล จากมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มองในฐานะผู้เคยมีประสบการณ์ช่วยภรรยาเลี้ยงลูกนั้น ทำให้เข้าใจผู้หญิงมากขึ้นว่างานเลี้ยงลูกไม่ได้เป็นงานที่สบาย และมองว่านโยบายลาคลอดจะช่วยแบ่งเบาภาระทางด้านสุขภาพร่างกาย และจิตใจ ของฝ่ายภรรยาได้ </p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53297184261_9aa3516a96_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">จะเด็ด เชาวน์วิไล</span></p>
<p>นอกจากนี้ จะเด็ดอยากให้ผู้ชายมองว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องเสียศักดิ์ศรี เป็นเรื่องของทุกคนเพศไหนทำได้หมด จริงๆ แล้วมันฝึกเราให้เข้าใจมากขึ้น และมองว่าอยากให้สิทธิลาคลอดกับฝ่ายชาย โดยให้สิทธิลาคลอด 180 วันให้เฉพาะผู้หญิงไปเลย และให้ผู้ชายมีสิทธิลาคลอดแยกออกมาอย่างน้อย 1 เดือน ตอนนี้ข้าราชการลาได้ 15 วัน แต่ยังไม่เห็นผลตอบรับว่าเป็นอย่างไร อันนี้อยากเก็บข้อมูลว่าเป็นอย่างไร แต่ตนเองมองด้วยว่า 15 วันอาจจะน้อยเกินไปที่จะเข้าใจเรื่องราวต่างๆ </p>
<p>จะเด็ด มองด้วยว่า หลังจากผลักดันสิทธิลาคลอดของฝ่ายชายได้แล้ว เขามองว่าสิทธิลาคลอดหลังจากนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมองว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกัน อย่างที่ศศินันท์ ระบุว่า หลายคนคิดจะทำร้ายลูกเพราะว่าฝ่ายชายไม่ช่วยเหลือ มันจะช่วยลดเรื่องนี้ด้วย และต้องปรับทัศนคติฝ่ายชาย และขยายผลว่าเพศสภาพอื่นๆ ต่อไปสามารถทำได้ ซึ่งตนเองเชื่อว่างานนี้สามารถทำได้ทุกเพศ</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ทลายมายาคติ 'ภาวะชายเป็นพิษ' </span></h2>
<p>ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี ในฐานะผู้ที่ผลักดันเรื่องรัฐสวัสดิการ ช่วยวิเคราะห์ว่า ทำไมสิทธิลาคลอดยังไปไม่ถึง 180 วัน กล่าวว่า ตอนสมัยที่ทำงานให้พรรคอนาคตใหม่ สำนักนายกฯ หรือองค์กรอื่นๆ มีการผลักดันแก้ไขร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ซึ่งเพิ่มสิทธิวันลาคลอดจาก 90 วันเป็น 180 วัน แต่เนื่องจากเป็นร่างการเงิน จึงต้องให้ทางนายกรัฐมนตรีพิจารณาก่อน แต่สุดท้ายในสมัยประยุทธ์ จันทร์โอชา ร่างดังกล่าวถูกตีตก ให้เหตุผลแนบมาว่าจะกระทบต่อเงินประกันสังคมทั้งที่จริงๆ กระทบก็กระทบน้อยมาก </p>
<p>นักวิชาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุต่อว่า ในประสบการณ์ที่เคยผลักดันเรื่องสวัสดิการนั้น มี 2 นโยบายที่ถูกต่อต้านเยอะคือเรื่องยกเลิกหนี้ กยศ. และสิทธิวันลาคลอด 180 วัน ซึ่งทั้งสองนโยบายไม่ได้ใช้งบประมาณเยอะ</p>
<p>ษัษฐรัมย์ ระบุว่า โดยเฉพาะเรื่องการลาคลอด 180 วัน พอเรื่องนี้ถูกจุดประเด็นขึ้นมา เราจะเห็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า 'Toxic Masculinity' หรือว่าสภาวการณ์ชายเป็นพิษ ในการที่จะบอกว่าถ้าเป็นแบบนี้จะกลายเป็นการลาหัวปีท้ายปี ผู้หญิงจะไม่สามารถทำงานได้ จะไม่แฟร์กับคนที่ไม่มีสิทธิ ถ้าคุณเป็นคนโสดจะถูกเอาเปรียบ จะมีการสร้างวาทกรรมนี้ขึ้นมา</p>
<p>"ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อพิสูจน์เลยว่า ประเทศที่มีวันลาคลอดเยอะ จะเป็นภัยกับผู้หญิง ไม่มีประเทศที่บอกว่าถ้าเพิ่มวันลาคลอดของผู้หญิง จะทำให้ผู้หญิงจะสูญเสียงาน สูญเสียรายได้ สูญเสียโอกาสในชีวิต… แต่มีงานวิจัยจำนวนมากอธิบายให้เห็นว่าหากผู้หญิงลาได้ถึง 7 เดือน สามารถเก็บงาน มากกว่าการเก็บงานคือการเก็บชีวิต เก็บความฝัน และประเทศที่สามารถลาคลอดได้เยอะ เราจะพบว่ารายได้ผู้หญิงระยะยาวจะสูงมากกว่า ประเทศที่มีวันลาคลอดน้อย" ษัษฐรัมย์ กล่าว</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ทำไมสิทธิวันลาคลอด 180 วันในไทยยังไม่เกิดขึ้น </span></h2>
<p>ษัษฐรัมย์ ระบุว่า ทำไมประเทศไทยไม่เกิดขึ้น ไม่ใช่ประเทศไทยไม่มีงบฯ มันใช้งบฯ น้อยมาก โดยใช้งบประมาณราว 5 เปอร์เซ็นต์ ของนโยบายดิจิทัลวอลเลตซึ่งใช้งบฯ จำนวน 4 แสนล้านบาท ส่วนที่รัฐต้องจ่ายใช้น้อยมาก นอกจากนี้ ในแง่การเมือง เราจะเห็นว่าทุกพรรคพูดเหมือนกันหมด เรื่องผู้หญิง เรื่องลาคลอด หรือคนแก่ ไม่มีพรรคไหนไม่พูด ซึ่งในการเมืองมันเป็นฉันทามติประมาณหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ยากก็คือไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ หรือการเมือง แต่ที่เป็นอุปสรรคมากที่สุดคือฐานความคิดที่ว่า 'ภาวะชายเป็นพิษ' </p>
<p>"ผมว่ามันมีสัญญาณเปลี่ยนที่ดี อย่างเช่น คำว่า 'ชายแท้' เป็นคำชม แต่ว่าช่วงปี 2 ปีที่ผ่านมา คำว่า 'ชายแท้' เป็นคำด่า อันนี้ผมคิดว่า มันเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีสำคัญที่จะทำให้การเรียกร้องเรื่องความเสมอภาคมันก้าวกระโดดได้" ษัษฐรัมย์ </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">นโยบายลาคลอดในฝัน</span></h2>
<p>ติมาพร ระบุว่า อยากให้นโยบายสิทธิลาคลอด 6 เดือน หรือ 180 วัน จ่ายเงินเดือนเต็มตลอด 6 เดือน และอยากให้สามีมีสิทธิลาคลอดได้ 1 เดือน โดยจ่ายค่าแรงเต็ม และอยากได้เงินอุดหนุนบุตร โดยตอนนี้เราได้รับ 600 บาทจากรัฐบาล และได้รับจาก 800 บาทจากประกันสังคม ซึ่งเงินจากรัฐบาลมันน้อยไป อย่างน้อยควรได้สัก 3,000 บาท เพราะว่าค่าของใช้ หรือผ้าอ้อม ราคาแพงขึ้นด้วย </p>
<p>นอกจากนี้ ติมาพร กล่าวว่า คุณแม่บางคนเขาไม่มีคนช่วยดูแลลูกให้ อย่างน้อยต้องจ้างเดือนละ 5,000 บาท มนุษย์โรงงานได้รับเงินค่าจ้าง 15,000 บาทต่อเดือน เจียดไปเป็นเงินเลี้ยงลูกอีก 5,000 บาท ค่าน้ำ และค่าไฟ บางคนมีค่ารถหรือค่าเช่าบ้านที่ต้องรับภาระ เลยอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือเรื่องสถานเลี้ยงดูเด็กเล็กใกล้แหล่งที่ทำงาน</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ความหวังสังคมเปลี่ยนแปลง</span></h2>
<p>ศศินันท์ กล่าวว่า เนื่องจากการแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน เพื่อผลักดันสิทธิลาคลอด 180 วัน (พ่อ-แม่แชร์กัน) เป็นร่างกฎหมายการเงิน ต้องรอว่านายกรัฐมนตรีจะปัดตกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พยายามทำแคมเปญให้สังคมเห็นความสำคัญกับการลาคลอด เพื่อที่รัฐบาลจะได้ไม่ปัดตก และนอกจากกระบวนการทางสภาฯ แล้ว กระบวนการทางสังคมก็สำคัญ ต้องพูดเรื่องนี้ให้มากขึ้น</p>
<p>สส.พรรคก้าวไกล มองว่า มีความหวังเรื่องความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เพราะสังคมเปลี่ยนไปเยอะ เราเห็นผู้ชายเลี้ยงดูลูกเยอะมากขึ้น มีการเปิดเพจเลี้ยงลูกของตัวเองมากขึ้น มีการแชร์ความคิดเกี่ยวกับความสำคัญของการเลี้ยงลูก หรือเรื่องนมแม่ ตอนนี้สังคมกำลังไปในทิศทางที่ดี และรัฐต้องพยายามตามสังคมให้ทัน ตอนนี้เราเริ่มเห็นหินก้อนแรกแล้ว แต่เราค่อยๆ ช่วยกันปาหินเข้าไปบ่อยๆ ทำให้เกิดคลื่น เกิดเป็นแรงกระเพื่อมให้เห็นความเปลี่ยนแปลง </p>
<p>นอกจากนี้ สส.ก้าวไกล เสนอด้วยว่า เราอาจจะต้องชื่นชมบริษัทที่เริ่มสิทธิลาคลอด 6 เดือน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทอื่นๆ จะเริ่มสนใจทำมากขึ้น </p>
<p>"ลาคลอด 6 เดือนแล้ว (ผู้สื่อข่าว - กลัว) จะสูญเสียแรงงาน แต่ถ้าไม่ลาคลอด 6 เดือน ระวังจะไม่มีแรงงาน ไม่มีใครมีลูก ต่อไปสังคมเราจะยิ่งแย่กว่าเดิมอีก ถ้าเราไม่มีนโยบายเกี่ยวกับสวัสดิการแม่และเด็กมากขึ้น ไม่มีใครอยากมีลูกแน่นอน" ศศินันท์ กล่าว </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">มองกรณีศึกษากลุ่มประเทศนอร์ดิก ให้หยุด 480 วัน </span></h2>
<p>ษัษฐรัมย์ กล่าวกรณีศึกษากลุ่มประเทศ 'นอร์ดิก' (ประกอบด้วย เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน) นั้นเขาให้หยุดลาคลอด 480 วัน (ราว 1 ปี กับ 4 เดือน) แม้ว่ามันก็แตกต่างกันตามแต่ละประเทศ แต่เขาจะกำหนดเลยว่าผู้ชายได้หยุดลาคลอด 6 เดือน ซึ่งตรงนี้มันเชป (shape) ค่านิยมด้วย เช่น ผู้ชายที่ไม่ใช้สิทธิลาเพื่อไปเลี้ยงดูบุตร ถือว่าเป็นผู้ชายที่แย่ หรือเห็นแก่ตัว และให้ผู้หญิงไปใช้สิทธิ ต่อให้ประเทศเขาสวัสดิการดีมาก ซึ่งผู้หญิงได้ค่าจ้างเต็ม หรือได้ค่าจ้าง 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าผู้ชายไม่ออกไปช่วย สังคมจะมองว่าผู้ชายคนนี้แย่ ในทางกลับกัน ถ้าผู้ชายที่ออกไปเลี้ยงลูก จะได้รับการชื่นชมจากสังคม</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53297656385_f58a2c7da3_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี</span></p>
<p>นักวิชาการจากธรรมศาสตร์ ระบุว่า ในรายละเอียดเชิงเทคนิค ลาหยุด 480 วัน ยังเป็นสิ่งที่เราควรจะพูดถึง แต่ในเรื่องตัวตนของผู้หญิง หรือแรงงาน เวลาที่ลามาเลี้ยงดูบุตรเกิน 7 เดือนแล้ว แรงงานหญิงจะเริ่มไม่สามารถกลับเข้าไปจูนระบบการทำงานเลี้ยงดูบุตรได้ และสูญเสียงานระยะยาว หลายประเทศจึงล็อกให้ผู้หญิงใช้สิทธิแค่ 7 เดือน และจากนั้นให้ผู้ชายมาใช้สิทธิลาหยุดได้ ผู้ชายแบ่งมาใช้ เพื่อที่ผู้หญิงจะได้กลับไปทำงาน ตัวตนยังคงอยู่ และไม่สูญเสียงาน </p>
<p>บางคนใช้ไม่หมดเพราะ 480 วันเยอะมาก เขาให้ได้ใช้ได้จนกระทั่งถึงลูกอายุ 9 ขวบ สมมติว่า ใช้ลาหยุดไป 400 วันแล้ว ที่เหลือสามารถเก็บไว้ใช้ได้ปีละ 10 วัน โดยใช้อันนี้นอกเหนือจากวันลาพักร้อน หรือวันลาอื่นๆ ให้ 10 วันนี้พาลูกไปเที่ยวทะเล หรือเข้าค่าย </p>
<p>บางคนอาจมองว่านี่เป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่เรากำลังบอกว่ามีคนหลาย 10 ล้านคนได้ประโยชน์ และในประเทศไทยเอง หากคุณไปดูชนชั้นนำ เขาก็ใช้ชีวิตแบบนี้ ไม่มีใครตาย และลูกหลานเขาเติบโตมามีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่มีใครล้มละลายด้วยนโยบายนี้ เพราะฉะนั้น ในมุมของตนเอง มันสามารถออกแบบโมเดลได้ </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ขยายไปในกลุ่มแรงงานนอกระบบ</span></h2>
<p>ษัษฐรัมย์ มองว่า โจทย์ต่อไปคือทำยังไงให้สิทธิลาคลอดสอดคล้องกับระบบเศรษฐกิจการเมืองไทยที่มีแรงงานอิสระปริมาณมหาศาลกว่า 20 ล้านคน โดยจำนวนนี้มีผู้หญิง 10 ล้านคน ที่ยังไม่ได้ประโยชน์จากตัวนโยบายนี้ ซึ่งมันมีแนวคิดหนึ่งคือ 'ประกันสังคมถ้วนหน้า' คือให้ทุกคนอยู่ระบบประกันสังคมที่รัฐสมทบให้ ซึ่งตอนนี้ไทยไม่มี มีแต่เป็นภาคสมัครใจ และภาคบังคับผ่านนายจ้าง ซึ่งถ้ามีประกันสังคมถ้วนหน้า จะทำให้สิทธิสวัสดิการถูกส่งต่อไปยังแรงงานอิสระที่เป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ลำบากทึ่สุด มีความเปราะบาง และไม่มีรายได้ประจำ ซึ่งเคยคำนวณว่าน่าจะใช้งบประมาณ 4 แสนล้านบาท หลายคนอาจจะวิจารณ์เรื่องการใช้งบฯ ที่เยอะ แต่นี่คือหัวใจของคำว่า "รัฐสวัสดิการ" ที่บาทแรกจนบาทสุดท้ายถูกนำมาใช้คนธรรมดา </p>
<p>"คุณจะเอาเรือดำน้ำไปทำไม คุณจะเอาทหารประจำการ 3 แสนนายไปทำไม คุณเอาเป็นห้องให้นม เป็นศูนย์เด็กเล็ก มาเป็นวันลาคลอด มาเป็นเงินให้เปล่าให้แม่ที่เป็นแรงงานอิสระ สิ่งเหล่านี้คือหัวใจของรัฐสวัสดิการ ประเทศไทยเรา 3 ล้านล้านเอามารวมกันหมดทั้งหมดยังไม่ถึงงบ 60 เปอณืเซ็นต์ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีเลย นี่แหละคือคำว่า 'รัฐสวัสดิการ' บาทแรกถึงบาทสุดท้ายมาสู่คนธรรมดาให้ได้มากที่สุด" ษัษฐรัมย์ กล่าว</p>
<p>ษัษฐรัมย์ ระบุว่า ร่างกฎหมายของก้าวไกลมีความยืดหยุ่นและก้าวหน้ามาก คือไม่ใช่ระบุเฉพาะชายหรือหญิง แต่สามารถแชร์กันได้ ไม่ได้กำหนดเป็นเฉพาะแม่ผู้ให้กำเนิดบุตร ดังนั้น ตรงนี้เป็นเงื่อนไขสำหรับการรับเลี้ยงดูบุตร หรือเป็นหลาน อยู่ภายใต้การดูแลของคุณ ก็ให้ได้รับสิทธินี้ เราถือว่าก้าวหน้ามากในด้านความเท่าเทียมทางเพศ เราพบว่าปัจจุบัน เราพบความสำคัญที่มันหลากหลาย มากกว่าความสำคัญระบบเพศคู่ชาย-หญิง หรือไบนารี คำว่าชายและหญิงจะเป็นคำที่ล้าหลังในอนาคตอันใกล้</p>
<p>จะเด็ด มองนโยบายสิทธิลาคลอดเห็นด้วยกับษัษฐรัมย์ ถึงเวลาปฏิรูปประกันสังคมให้สอดรับคนงานให้มีความยืดหยุ่น ตอนนี้อาจจะหมดยุคของสาวฉันทนาแล้ว ต่อไปในอนาคตอาจจะไม่มีโรงงานเหลืออยู่มาก ประกันสังคมต้องเข้าไปรองรับแรงงานตลาดไม่ว่าหญิงหรือชาย หรือเพศสภาพอื่นๆ ก็ได้ นายจ้างอาจบอกว่าไม่มีเงิน ก็ให้ประกันสังคมช่วย ซึ่งน่าจะทำแบบนี้ได้ และอาจจะโยงเรื่องอื่นๆ ตามมา เช่น เงินอุดหนุนเด็ก หรือศูนย์เด็กเล็ก เห็นด้วยกับแนวคิดให้เป็นประกันสังคมถ้วนหน้า และให้ประกันสังคมออกจากรัฐราชการ ให้มันเป็นระบบซึ่งมีส่วนร่วมของคนที่เสียเงิน ตอนนี้คนจ่ายเงินมีส่วนร่วมน้อย </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">สนับสนุนบทบาทสหภาพแรงงาน</span></h2>
<p>จะเด็ด มองว่า นโยบายอื่นๆ ที่จะเข้ามาเสริมสิทธิลาคลอดมีหลายตัว เช่น สวัสดิการผู้หญิง เด็ก และครอบครัว ซึ่งอาจหมายรวมถึงครอบครัวรูปแบบใหม่ ไม่ได้เป็นรูปแบบเดิม และอยากสนับสนุนบทบาทสหภาพแรงงาน สหภาพเป็นตัวแทนของลูกจ้าง และสามารถเป็นตัวหลักออกมาช่วยขับเคลื่อนร่วมกับภาคประชาสังคมอื่นๆ ที่ทำเรื่องประเด็นผู้หญิง หรือประเด็นอื่นๆ </p>
<p>สมาชิกมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า โอกาสมันมีสูงที่จะผลักดันสิทธิลาคลอด เพราะว่าสังคมเริ่มเปลี่ยน แม้ว่าต้องใช้เวลา แต่เราสามารถทำได้ ตนเชื่อแบบนั้น เราต้องสู้กับความคิดแบบชายเป็นใหญ่ มันหมดยุคที่ผู้หญิงต้องดูแลคนเดียวอีกแล้ว และตอนนี้เราเห็นโรงงานที่ทำแล้วได้ผล ไม่มีปัญหาเรื่องที่ว่าทำให้ผู้หญิงมีปัญหากันเองอย่างมันมีการรสร้างมายาคติก่อนหน้านี้ แต่มันเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน</p>
<p>ทั้งนี้ ช่วงท้ายของการเสวนา ได้เปิดโอกาสให้ผู้ชมซักถามเรื่องรัฐจะมีบทบาทในการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยอย่างไร เพื่อสนับสนุนสวัสดิการการลาคลอด 180 วัน และให้ผู้เข้าร่วมอภิปรายทิ้งท้ายเสวนา</p>
<p>โดยษัษฐรัมย์ ได้เสนอมุมมองว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายหญิงเท่านั้นถึงจะเริ่มผลักดันนโยบายลาคลอด แต่ทุกคนสามารถมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ และร่วมผลักดันสวัสดิการส่วนนี้ได้ </p>
<p>"จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องมนุษย์ และเราควรได้ในฐานะมนุษย์ และสิ่งเหล่านี้ทำให้มนุษย์เราต่างจากสัตว์ เราสามารถเจ็บปวดกับคนที่เราไม่รู้จักได้ คนที่ตั้งครรภ์ ไม่สามารถลาคลอดได้ นี่ละความเป็นมนุษย์ อย่างตอนนี้ภรรยา ตั้งท้อง 7 เดือน เป็นประสบการณ์ใหม่ของผม เป็นอะไรที่ท้าทายในชีวิตมาก และผมรู้ว่าเป็นเวลาที่ยากลำบากสำหรับคน โดยเฉพาะคนชนชั้นกลางระดับล่างอย่างเราๆ ผมคิดว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของทุกคนที่สามารถรู้สึกได้" นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทิ้งท้าย
</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">/url]</div><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%A8%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C-%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%90%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/10/106583 ![Share this topic on Ask Share this topic on Ask](http://www.sookjai.com/Themes/default/images/share/ask.gif)
![Share this topic on Digg Share this topic on Digg](http://www.sookjai.com/Themes/default/images/share/digg.gif)
![Share this topic on Facebook Share this topic on Facebook](http://www.sookjai.com/Themes/default/images/share/facebook.gif)
![Share this topic on Google Share this topic on Google](http://www.sookjai.com/Themes/default/images/share/google.gif)
![Share this topic on Live Share this topic on Live](http://www.sookjai.com/Themes/default/images/share/live.gif)
![Share this topic on Reddit Share this topic on Reddit](http://www.sookjai.com/Themes/default/images/share/reddit.gif)
![Share this topic on Twitter Share this topic on Twitter](http://www.sookjai.com/Themes/default/images/share/twitter.gif)
![Share this topic on Yahoo Share this topic on Yahoo](http://www.sookjai.com/Themes/default/images/share/yahoo.gif)
![Share this topic on Google buzz Share this topic on Google buzz](http://www.sookjai.com/Themes/default/images/share/gbuzz.gif)