[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มิถุนายน 2567 07:27:40 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - ครป.ตรวจการบ้าน ประเมินผลงาน 3 เดือน 'รัฐบาลเศรษฐา'  (อ่าน 129 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สุขใจ ข่าวสด
I'm Robot
สุขใจ บอทนักข่าว
นักโพสท์ระดับ 15
****

คะแนนความดี: +101/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Italy Italy

กระทู้: มากเกินบรรยาย


บอท @ สุขใจ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 02 ธันวาคม 2566 13:24:54 »

ครป.ตรวจการบ้าน ประเมินผลงาน 3 เดือน 'รัฐบาลเศรษฐา'
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-12-02 13:02</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ตรวจการบ้าน ประเมินผลงาน 3 เดือน 'รัฐบาลเศรษฐา' </p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53370363920_47842935f6_o_d.jpg" /></p>
<p>2 ธ.ค. 2566 เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีบริหารราชการแผ่นดินมาครบ 3 เดือนในวันนี้ ครป.ได้ติดตามการทำงานของรัฐบาลมาโดยตลอด 3 เดือน เพื่อให้โอกาสรัฐบาลใหม่ได้ทำงาน ด้วยความหวังว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและวิกฤตการเมืองที่สั่งสมมาในอดีตได้ แต่ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา หลังจากได้ตรวจการบ้านและประเมินผลงานรัฐบาลพบว่า ยังไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองมากนัก เนื่องจากระบบการทำงานยังขาดประสิทธิภาพ รัฐมนตรีบางส่วนยังขาดวิสัยทัศน์และภาวะผู้นำในการแก้ปัญหา โดยสรุปเบื้องต้น 10 ประการ ดังนี้</p>
<p>1. ในด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รับปากประชาชนอาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโดยประกาศเป็นวาระเร่งด่วนเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น โดยมีนโยบายแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท แก้ปัญหาหนี้สินทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจและภาคประชาชน การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว งานแสดงสินค้าและงานเทศกาลระดับโลก และแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันและปราบปรามการเอาเปรียบนักท่องเที่ยว แต่ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมานั้น รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจและทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ตามที่รับปากกับประชาชนมากนัก แม้ว่าจะลดค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ประเดิม 2 เส้นทางตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2566 ลดราคาน้ำมันดีเซลลง 2 บาท/ลิตรถึงสิ้นปี และลดค่าไฟฟ้าลงเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วยเป็นเวลา 4 เดือน แต่ปัญหาทางโครงสร้างยังไม่ถูกแก้ไข และรัฐบาลถูกครหาว่าอยู่ภายใต้การกำกับของกลุ่มทุนผูกขาดและกลุ่มการเมืองเก่า</p>
<p>2. นโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet เพื่อจุดชนวนกระตุกเศรษฐกิจประเทศให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งนั้น ยังไม่ได้ดำเนินการก็ประสบความขัดแย้งก่อน เนื่องจากการออกพ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทไม่เป็นไปตามที่แถลงนโยบายและอาจไม่ผ่านการตีความจากคณะกรรมการกฤษฎีกาและเสียงเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภา แนวคิดการใส่เงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึงและกระจายไปยังทุกพื้นที่ให้หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้ยังขาดความรอบคอบ เป็นเพียงแนวคิดประชานิยมที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจชั่วคราวแต่ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนคืนกลับไปยังกลุ่มทุนและเจ้าสัวที่ผูกขาดในที่สุด และอาจไม่เกิดเกิดการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกหลายรอบตามที่คาดหวัง เพราะเงินหมดแล้วก็หมดไป รัฐยังจะไม่ได้รับผลตอบแทนคืนมาในรูปแบบของภาษีเท่าที่ควร โดยที่นโยบายนี้ยังมีช่องโหว่มากมายและมีนโยบายแอบแฝง ทั้งยังทำให้รัฐบาลสั่งตรวจสอบบัญชีเงินฝากประชาชนได้ทั่วประเทศจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันทางการเงิน ขณะที่ไม่สามารถตรวจสอบบัญชีเงินฝากในธนาคารต่างประเทศได้ และหากนโยบายนี้ผ่านอาจจะทำให้นายกฯ และคณะรัฐมนตรีเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายได้</p>
<p>3. รัฐบาลยังไม่แก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจทางโครงสร้างภายในประเทศ เพื่อรองรับความขัดแย้งทางด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างประเทศของชาติมหาอำนาจที่ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ประเทศไทยกำลังเผชิญภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงกว่าร้อยละ 90 ของ GDP ขณะที่คนกลุ่มหนึ่งร่ำรวยยิ่งขึ้นและสร้างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจทุกขณะ แม้ว่าสถานการณ์โลกจะเปลี่ยนไปและประเทศไทยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยย้อนหลังต่ำกว่าศักยภาพที่แท้จริงเพียงใดก็ตาม รัฐบาลเคยแถลงว่าความเหลื่อมล้ำที่ทวีความรุนแรงขึ้นทำให้มีประชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่รอการช่วยเหลือจากรัฐมากกว่า 14 ล้านคน รัฐบาลจึงต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจผูกขาดและความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยโดยเร่งด่วน โดยการออกกฎหมายควบคุมการสะสมความมั่งคั่งที่กระจุกตัว แก้ปัญหาการผูกขาดตลาด และให้คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ถูกแทรกแซงจากกลุ่มทุนรายใหญ่ เพื่อจัดการระบบตลาดที่เป็นธรรมมากขึ้นเหมือนในประเทศสหภาพยุโรป โดยไม่ใช้นโยบายประชานิยมที่ผันเงินเข้าระบบนายทุนผูกขาดประเทศที่อยู่ส่วนบนของห่วงโซ่เศรษฐกิจ และออกกฎหมายกู้เงินให้ประชาชนเป็นหนี้ รวมถึงการยกเลิกนโยบายส่งเสริมการลงทุนแบบเก่า โดยเปลี่ยนนโยบายให้สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นหน่วยงานที่ส่งเสริมการลงทุนแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อยแทนกลุ่มทุนรายใหญ่ที่ได้เปรียบ และการแก้ไขปัญหาการขูดรีดของสถาบันทางการเงินและธนาคารต่างๆ โดยเฉพาะอัตราภาษีเงินกู้ซื้อบ้าน ซื้อรถ ของประชาชนทั่วไป ซึ่งจะสามารถแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจได้มากกว่า</p>
<p>4. การแก้ปัญหาค่าครองชีพของประชาชน คณะรัฐมนตรีมีมติปรับลดค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2566 จาก 4.10 บาทต่อหน่วย ลดลงเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วยเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศขึ้นค่าไฟงวดใหม่เป็น 4.68 บาทต่อหน่วย งวดมกราคม-เมษายน 2567 เพื่อซ้ำเติมประชาชนเหมือนเดิมโดยไม่แก้ปัญหาที่ต้นตอ รัฐบาลเคยแถลงว่าการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชนและจะสนับสนุนให้เกิดการบริหารจัดการราคาพลังงานทั้งค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม แต่รัฐบาลยังไม่แก้ไขการให้รัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนในระยะยาวและทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจาก กฟผ. สามารถผลิตไฟฟ้าเองได้ แต่รัฐบาลก่อนไปกำหนดควบคุมให้ลดการผลิตลง แต่ให้ไปซื้อเอกชนให้มากขึ้น ขณะนี้ กฟผ. ซื้อไฟจากเอกชนราคาหน่วยละ 6 บาท ในขณะที่ขายให้แก่ประชาชนหน่วยละ 4 บาท ทำให้รัฐบาลโดย กฟผ.รับภาระส่วนต่างโดยทำบัญชีขาดทุนทำให้หนี้ของ กฟผ. บานปลายเพิ่มขึ้นเกิน 1 แสนล้านบาทไปแล้ว แทนที่จะแก้ปัญหาโครงสร้างไฟฟ้าโดยสั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานห้ามมิให้ กฟผ. ซื้อไฟจากเอกชนในราคาที่เกินกว่าเพดานต้นทุนที่ กฟผ. สามารถผลิตเองได้เพียงหน่วยละ 2 บาทเท่านั้นตามราคาไฟฟ้ามาตรฐาน แต่การไปบังคับซื้อไฟจากเอกชนราคาหน่วยละ 6 บาท และบางรายแพงกว่านั้น เพื่อต้องการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนของรัฐบาลใช่หรือไม่ เพราะในอดีตมีการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าเอกชนในราคาแพงและมีการคอร์รัปชั่นเก็บเงินเข้ากระเป๋านักการเมืองจำนวนมาก รัฐบาลจะแก้ไขอย่างไร เมื่อหนี้ของ กฟผ. เพิ่มสูงขึ้นจนวันหนึ่งรัฐบาลก็ต้องเก็บภาษีประชาชนมาใช้หนี้ให้ กฟผ. อยู่ดี หรือนี่จะเป็นนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจแปบแฝงของรัฐบาลโดยปล่อยให้ล้มละลายเพื่อให้เอกชนเข้าหาผลประโยชน์แทนเหมือนกับการบริหารจัดการการบินไทยในอดีตที่มีการคอร์รัปชั่นภายในมโหฬาร หรือการแปรรูป ปตท. นอกจากนี้รัฐบาลมีนโยบายจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างการใช้พลังงานของประเทศ และเร่งเจรจาการใช้พลังงานในพื้นที่อ้างสิทธิกับประเทศข้างเคียงและสำรวจแหล่งพลังงานเพิ่มเติม ซึ่งสอดคล้องกับการที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแวะพบผู้นำกัมพูชาก่อนเดินทางกลับไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทยกำลังเดินทางไปเยือนผู้นำกัมพูชาอย่างเป็นทางการในเวลานี้หรือไม่</p>
<p>5. การแก้ไขปัญหาภาคการเกษตรและแรงงาน รัฐบาลเห็นว่าคนไทย 10 ล้านคนหรือราว 1 ใน 3 ของกำลังแรงงานอยู่ในภาคการเกษตรที่ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงชีพ แต่มีมูลค่าเพียงร้อยละ 7 ต่อ GDP ซึ่งมีประสิทธิภาพของผลผลิตต่ำ แต่ค่าใช้จ่ายในการผลิตมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรไทยมีหนี้สินเฉลี่ยครัวเรือนละกว่า 3 แสนบาท จึงมีนโยบายพักหนี้เกษตรกร และเปลี่ยน สปก.เป็นโฉนดที่ดิน เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ได้ แต่นโยบายนี้อาจจะทำให้โฉนดที่ดินของเกษตรกรเปลี่ยนไปอยู่ในมือนายทุนมากขึ้นหากไม่มีมีนโยบายรองรับและป้องกัน โดยการส่งเสริมเกษตรกรและแรงงานอย่างเป็นระบบ เหมือนดังประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาที่ชาวนาได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเต็มที่ ไม่ปล่อยให้ต้นทุนการทำเกษตรกรรมเลี้ยงคนทั้งประเทศขึ้นอยู่กับบริษัทอุตสาหกรรมการเกษตรปุ๋ยและยา ที่ผูกขาดราคาสูงกว่าความเป็นจริง รวมถึงการสนับสนุนการแปรรูปสินค้าทางการเกษตรอย่างเป็นระบบและส่งเสริมรัฐวิสาหกิจชุมชน โดยเฉพาะรัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการปลดล็อกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสุราพื้นบ้านเพื่อแก้ปัญหาการผูกขาดตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา นอกจากนี้การประกาศให้การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ โดยให้ ธกส.เป็นเจ้าภาพแก้ปัญหา และสนับสนุนสินเชื่อกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจนนั้นนับเป็นนโยบายที่ดี ที่กระทรวงการคลังจะรับผิดชอบดูแลกลุ่มที่เป็นลูกหนี้นอกระบบในภาคเกษตรกรและตลาดแรงงานอย่างจริงจัง เพราะกระทรวงเกษตร กระทรวงแรงงาน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ควรเป็นตัวแทนของเกษตรกร ชาวนา และแรงงาน ไม่ใช่ตัวแทนผลประโยชน์ของนายทุน</p>
<p>6. รัฐบาลประเมินว่าผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจและสังคมของโลกที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทำให้ยุคสมัยของเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์กำลังสิ้นสุดลงและได้เปลี่ยนเป็นเศรษฐกิจโลกแบบแบ่งขั้ว รัฐบาลจึงมีแนวทางที่จะสร้างรายได้โดยการใช้การทูตเศรษฐกิจเชิงรุกเพื่อเปิดประตูการค้าสู่ตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะการผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นและสร้างงานให้กับประชาชน โดยการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมหรือฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีนโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566-กุมภาพันธ์ 2567 แต่ยังไม่สามารถดึงนักท่องเที่ยวชาวจีนให้มาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้นได้ เนื่องจากปัญหาหลายสาเหตุที่เกิดจากการทุจริตคอร์รัปชั่นในการใช้อำนาจ ภาพลักษณ์ตำรวจไทย รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเดินทางและสายการบิน ยังมีข้อครหาว่าการบินพลเรือนและการท่าอากาศยานยังคงมีการเรียกเก็บค่าสล็อตหรือหลุมจอดใต้โต๊ะจนเกิดปัญหาด้วย  โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมก็เคยต้องคดีทุจริตมาก่อน และรัฐบาลยังไม่สามารถทำให้เกิดความโปร่งใสทั้งระบบได้ ขณะที่รัฐบาลยังสร้างนโยบายระยะยาวเพื่อผลักดัน Soft Power ไม่ได้ เพื่อใช้เป็นนโยบายต่างประเทศในการขยายอิทธิพลและคุณค่าต่อประชาคมโลกเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและความมั่นคงภายใน</p>
<p>7. ในด้านการเมือง รัฐบาลมีนโยบายว่าประเทศไทยได้เข้าสู่จุดเปลี่ยนผ่านด้านกฎหมาย การเมืองและการปกครอง ที่เกิดความเห็นต่างและการแบ่งแยกทางความคิด ข้อกฎหมายที่ไม่ทันต่อสถานการณ์บ้านเมืองกลายเป็นต้นเหตุของอุปสรรคปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน สินบน อาชญากรรม การหลอกลวงฉ้อฉล การพนัน และยาเสพติดที่ทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นความสิ้นหวังของประชาชนที่มีต่อระบบการเมืองและระบบราชการของประเทศไทย แต่รัฐบาลยังไม่ดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่ล้าหลังตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเคยดำเนินการค้างไว้ รวมถึงการออกกฎหมายยกเลิกคำสั่ง คสช.ในอดีตโดยเร็ว เพื่อให้กลไกการบริหารราชการแผ่นดินดำเนินไปตามปกติในรัฐบาลพลเรือน และผลักดันการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากการผลักดันผู้ว่าซีอีโอเป็นการรวมศูนย์อำนาจที่สอดคล้องกับกฎหมายความมั่นคงภายในที่ล้าหลังและการจัดวางบทบาท กอ.รมน.ที่เป็นรัฐซ้อนรัฐ ขัดกับนโยบายของรัฐบาลที่จะปรับอัตรากำลังใหม่ให้ทันสมัยและแก้ไขปัญหาปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในระบบราชการ นอกจากนี้รัฐบาลประกาศดำเนินการประชามติและจัดทำรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วน แต่การดำเนินการตามแผนของคณะกรรมการศึกษาแนวทางทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นกลับเป็นแผนระยะยาวถึง 4 ปี จึงไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤตการเมืองที่สะสมได้โดยเร็วเพื่อผลักดันให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย และขจัดการสืบทอดอำนาจเผด็จการ</p>
<p>8. ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองจากการยกเลิกข้อตกลงหรือ MOU 8 พรรคในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยยังคงมีข้อตกลงระหว่างพรรคในการเสนอชื่อประธานรัฐสภาและรองประธานรัฐสภาร่วมกัน โดยยืนยันร่วมกันให้ความเห็นชอบกฎหมายสำคัญเพื่อประชาชน ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมคดีแสดงออกทางการเมือง และการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพด้วย ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าวโดยเร็วเนื่องจากตลอด 3 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้แสดงท่าทีที่จะผลักดันให้เกิดการดำเนินการนิรโทษกรรมคดีการเมืองของประชาชนจากผลพวงการชุมนุมทางการเมืองในอดีตเพื่อสร้างความปรองดองแห่งชาติ  เพื่อให้สังคมไทยได้ไปต่อและมีเสถียรภาพก่อนการเริ่มต้นรัฐธรรมนูญใหม่ที่เป็นกติกาประชาธิปไตยร่วมกัน และประกาศให้คดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองเป็นคดีนโยบายที่เสนอให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือให้ประกันตัวตามหลักการแห่งกฎหมายและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยพึงได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองทั้งหมด รวมถึงการผลักดันการแก้ไขกฎหมายจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม และกฎหมายการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เพื่อฟื้นฟูหลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่เข้มแข็งและโปร่งใส</p>
<p>9. นโยบายด้านการศึกษาเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญน้อยมาก เพื่อปฏิรูปการศึกษาให้สอดรับกับความต้องการทางสังคมและวิกฤตประเทศ ขณะที่ผลสำรวจพบว่าการศึกษาไทยรั้งท้ายในอาเซียนและความเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษของนักเรียนไทยต่ำมาก ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา รัฐบาลจะดำเนินนโยบายปฏิรูปการศึกษาและสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต และใช้ระบบเทคโนโลยีการศึกษาสมัยใหม่ แต่ไม่มีรูปธรรมในเชิงปฏิบัติแต่ละด้าน ที่รัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่เป็นรากฐานสำคัญของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในสังคมไทย นโยบายเร่งด่วนจริงๆ คือ การปรับปรุงระบบการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และการพัฒนาฝีมือแรงงานไทย ทำให้การศึกษาไม่มีคำตอบให้แก่สังคมและจะทำให้คนตกงานจำนวนมาก ขณะที่รัฐบาลนี้ยังไม่ทำอะไรเลยนอกจากไปเน้นการนำเสนอพลังสร้างสรรค์หรือ Soft Power เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยให้สร้างมูลค่า  แต่ไม่มีนโยบายด้าน Civic Education แก่พลเมือง</p>
<p>10. การทำงานด้านการต่างประเทศ รัฐบาลไทยตั้งเป้าหมายว่าจะสร้างบทบาทในเวทีโลก ให้ความสำคัญกับการดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศต่างๆ อย่างสมดุล โดยเฉพาะระหว่างมหาอำนาจที่ขัดแย้งกัน ประเทศไทยอยู่ท่ามกลางยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิคของสหรัฐอเมริกา และนโยบาย Belt and Road Initiative (BRI) ของจีนเพื่อเชื่อมโลก ไทยจะวางตัวเป็นประเทศเป็นกลางไม่เลือกข้างอย่างมั่นคงได้อย่างไรโดยยืนอยู่บนหลักการสากลและบรรทัดฐานกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ใช่ใช้การทูตไผ่ลู่ลม (Bamboo Diplomacy) หรือการทูตที่แปรผันตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองระหว่างประเทศอย่างเดียวเช่นหลายครั้งในอดีต โดยเฉพาะบทบาทในการส่งเสริมสันติภาพโลกและการไม่รุกรานกัน ไม่ว่าจะในสงครามยูเครน-รัสเซีย และความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล–ปาเลสไตน์ รวมถึงการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และรักษาบทบาทนำของประเทศไทยในภูมิภาคและอนุภูมิภาค แต่การทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมานั้นยังไม่เป็นเอกภาพและไม่สามารถบูรณาการอย่างเป็นระบบได้ โดยเฉพาะกรณีคนไทยถูกจับเป็นตัวประกันและต้องการความช่วยเหลือเพื่ออพยพจากเมืองเล่าก์ก่าย ประเทศเมียนมา นั้นกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้ หน่วยงานรัฐไทยก็ต่างคนต่างทำจนมั่วไปหมด ทหารทำอย่าง-ตำรวจทำอย่าง จนขาดเอกภาพ ในขณะที่สถานการณ์ไม่แน่นอนนี้ โดยเฉพาะการสู้รบในรัฐกะเหรี่ยงและรัฐคะยาอาจจะส่งผลกระทบหลายอย่างต่อประเทศไทยได้ รัฐบาลไทยควรมอบหมายให้บุคคลระดับรองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งมานั่งหัวโต๊ะดูแลเรื่องนี้ เพราะลำพังหากยกให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ หรือเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ก็ไม่สามามารถบูรณาการหรือสั่งการส่วนราชการหรือกองทัพทั้งหมดได้  ที่ผ่านมานั้นรัฐบาลไม่ได้ใส่ใจประเด็นความมั่นคงของประเทศอย่างจริงจัง เพราะไม่มีแม้กระทั่งการแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านความมั่นคงแต่อย่างใด</p>
<p>หากรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองได้ตามที่รับปากกับประชาชนและดำเนินการแก้ไขตามรายงานการส่งการบ้านประเมินผลงานรัฐบาลในรอบ 3 เดือนนี้อย่างจริงจัง อาจจะทำให้นายกรัฐมนตรีไม่สามารถได้รับความไว้วางใจจากประชาชนต่อไปเพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ ซึ่งอาจทำให้ชะตาของนายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกิน 6 เดือน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/12/107067
 

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

นักข่าวหัวเห็ด แห่งเวบสุขใจ
อัพเดตข่าวทันใจ ตลอด 24 ชั่วโมง

>> http://www.SookJai.com <<
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
[ข่าวมาแรง] - ยูนิเซฟชี้ทารก 1 ใน 3 คนในไทยได้กินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน ต่ำกว่าเป้าหมายโลก
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 103 กระทู้ล่าสุด 01 สิงหาคม 2566 11:47:16
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - 3 ข้อชม 2 ข้อติ 'ปิยบุตร' ตรวจการบ้าน 'ก้าวไกล' อภิปรายแถลงนโยบาย แนะลดเลิกห
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 209 กระทู้ล่าสุด 13 กันยายน 2566 13:50:26
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - ครม. มีมติ ต่อพรก.ฉุกเฉินชายแดนใต้อีก 1 เดือน
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 108 กระทู้ล่าสุด 18 กันยายน 2566 19:11:50
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - 9 เดือน หลังพ.ร.บ.ซ้อมทรมานและอุ้มหายฯ บังคับใช้ พบ 4 หน่วยงานยังไม่ฟ้องใคร แม้เข้
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 96 กระทู้ล่าสุด 04 ธันวาคม 2566 22:41:47
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - 7 เดือน 'รัฐบาลเศรษฐา' ม. 112 เพิ่ม 15 คดี การคุกคาม ปชช. อีกกว่า 100 กรณี
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 71 กระทู้ล่าสุด 03 เมษายน 2567 15:41:18
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.555 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 24 มิถุนายน 2567 15:58:21