บ้านสมเด็จโพลชี้คนอยากให้รัฐควบคุมสถานที่สะเดาะเคราะห์เพื่อป้องกันการหลอกลวง
<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-12-16 11:52</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>บ้านสมเด็จโพลสำรวจคน กทม. 1,156 คน พบ 80% เคยไปสะเดาะเคราะห์ 87.5% คิดว่าสะเดาะเคราะห์ทำให้ชีวิตดีขึ้น 73.6% อยากให้รัฐควบคุมสถานที่สะเดาะเคราะห์เพื่อป้องกันการหลอกลวง </p>
<p><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53401031069_8fc4334489_o_d.png" /></p>
<p>16 ธ.ค. 2566 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพล สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้ดำเนินโครงการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการสะเดาะเคราะห์ โดยเก็บจากกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,156 กลุ่มตัวอย่าง เก็บข้อมูลในวันที่ 9 - 13 ธ.ค. 2566 กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ใช้เกณฑ์ตารางสำเร็จรูปของ Taro Yamane กำหนดว่า ประชากรเกิน 100,000 คนต้องการความเชื่อมั่น 95% และความผิดพลาดไม่เกิน 3% ต้องใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,111 กลุ่มตัวอย่าง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สิงห์ สิงห์ขจร ประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ กล่าวว่า ผลการสำรวจในครั้งนี้เรื่องการสะเดาะเคราะห์ เนื่องจากปัจจุบันสังคมไทยมีปัญหาต่างๆ ทำให้คนในสังคม พยายามหาทางออก หาที่พึ่งทางใจ การสะเดาะเคราะห์เป็นความเชื่อและพิธีกรรมที่ได้รับความนิยมในสังคมไทยมาช้านาน ซึ่งการสะเดาะเคราะห์ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เมื่อ คนมีความรู้สึกไม่สบายใจ มีเรื่องทุกข์ใจ หรือรู้สึกว่าทำอะไรก็ติดขัด ก็จะไปสะเดาะเคราะห์ โดยการสะเดาะเคราะห์นี้เป็นการทำพิธีตามความเชื่อโบราณว่าจะสามารถช่วยแก้เคล็ด เสริมดวงชะตาให้ดีขึ้น และต่ออายุขัย โดยเชื่อว่าเป็นการขจัดปัดเป่าเคราะห์ร้าย สิ่งอัปมงคลต่างๆ ออกไปจากชีวิต เพื่อเปิดรับสิ่งดีๆ เข้ามา ในวัฒนธรรมไทย โดยวิธีการสะเดาะเคราะห์ที่นิยมทำกัน ได้แก่การสะเดาะเคราะห์ โดยการไปวัดทำบุญ ถวายสังฆทาน ปิดทองพระ อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร การแก้ปีชง คือการไปขอพรจากเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยะ ซึ่งเป็นเทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตาในแต่ละปีตามความเชื่อของจีน โดยผู้ที่เกิดในปีชง (ปีนักษัตรที่ไม่ถูกกันกับปีปัจจุบัน) เชื่อว่าจะประสบเคราะห์ร้ายต่างๆ การทำพิธีแก้ปีชงจึงถือเป็นการสะเดาะเคราะห์เพื่อปัดเป่าเคราะห์ภัยเหล่านั้นออกไป การถือศีล การเข้าวัดปฏิบัติธรรม ถือศีล 8 ศีล 10 เป็นเวลาหนึ่งวันหรือหลายวัน เชื่อว่าจะช่วยให้จิตใจสงบ สะอาด บริสุทธิ์ เป็นการสะเดาะเคราะห์ล้างมลทิน สิ่งอัปมงคลต่างๆ ออกจากชีวิต แต่การสะเดาะเคราะห์เป็นความเชื่อที่ทำให้มีผู้ไม่หวังดีหลอกลวงคนในสังคมทำให้ศูนย์เสียเงินทองเป็นจำนวนมาก หรือถึงขนาดทำให้เกิดการกระทำล่วงละเมิดทางเพศ โดยผลการสำรวจในครั้งนี้ต่อเรื่องการสะเดาะเคราะห์ มีข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้</p>
<p>กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ คิดว่าคนในสังคมไทยมีปัญหารุมเร้า ทำให้เกิดการไปสะเดาะเคราะห์ ร้อยละ 87.9 และ เคยไปทำการสะเดาะเคราะห์ ร้อยละ 80</p>
<p>สาเหตุที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไปทำการสะเดาะเคราะห์ อันดับที่ 1 คือ รู้สึกดวงไม่ดี ร้อยละ 21.8 อันดับที่ 2 คือ เจอปัญหาหาทางออกไม่ได้ ร้อยละ 19.7 อันดับที่ 3 คือ มีความไม่สบายใจ ร้อยละ 16.3 อันดับที่ 4 คือ ไม่เคยไป ร้อยละ 14.9 อันดับที่ 5 คือ เพื่อนชวนไป ร้อยละ 13.9 และอันดับสุดท้ายคือ ปีชง ร้อยละ 13.6</p>
<p>ในส่วนของสถานที่เคยไปทำการสะเดาะเคราะห์ อันดับที่ 1 คือ วัด ร้อยละ 45.2 อันดับที่ 2 คือ ศาลเจ้าจีน ร้อยละ 41.9 อันดับที่ 3 คือ สำนักเข้าทรง ร้อยละ 28.9 อันดับที่ 4 คือ วัดพราหมณ์ ร้อยละ 28.2 อันดับที่ 5 คือ ศาลเทพ ร้อยละ 19.5 และอันดับสุดท้ายคือ ไม่เคยไป ร้อยละ 15</p>
<p>กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่วิธีที่ไปทำการสะเดาะเคราะห์ อันดับที่ 1 คือ ทำบุญที่วัด ร้อยละ 45.8 อันดับที่ 2 คือ ทำทานคนยากไร้ ร้อยละ 36.4 อันดับที่ 3 คือ บริจาคเลือด ร้อยละ 33.3 อันดับที่ 4 คือ บริจาคโรงศพ ร้อยละ 26.2 อันดับที่ 5 คือ ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ร้อยละ 24.1 และอันดับสุดท้ายคือ ไม่เคยไป ร้อยละ 14.8</p>
<p>การใช้จ่ายในการสะเดาะเคราะห์เป็นจำนวนเงิน อันดับที่ 1 คือ 101 – 500 บาท ร้อยละ 48.8 อันดับที่ 2 คือ 501 – 1,000 บาท ร้อยละ 39.6 อันดับที่ 3 คือ มากกว่า 1,000 บาทขึ้นไป ร้อยละ 6.1 และอันดับสุดท้ายคือ น้อยกว่า 100 บาท ร้อยละ 5.5</p>
<p>กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ คิดว่าการไปทำการสะเดาะเคราะห์ ทำให้ชีวิตดีขึ้น ร้อยละ 87.5 และคิดว่าสังคมไทย มีความเชื่อที่งมงาย ทำให้เกิดความคิดในการไปสะเดาะเคราะห์ ร้อยละ 74.7 </p>
<p>ในส่วนของการรู้จักสถานที่ในการสะเดาะเคราะห์ อันดับที่ 1 คือ สื่อบุคคล ร้อยละ 27.9 อันดับที่ 2 คือ สื่อโทรทัศน์ ร้อยละ 20 อันดับที่ 3 คือ เฟซบุ๊ก (Facebook) ร้อยละ 23.7 อันดับที่ 4 คือ ยูทูบ(Youtube) ร้อยละ 15.7 อันดับที่ 5 คือ ติ๊กต็อก (Tiktok) ร้อยละ 8</p>
<p>คิดว่าข่าวของเคยที่ไปสะเดาะเคราะห์ แล้วเกิดปัญหาทุกหลอกลวงเงินทอง และอาชญกรรมทางเพศ ทำให้คิดว่าการสะเดาะเคราะห์มีความอันตราย ร้อยละ 71.8 และ คิดว่าหน่วยงานของรัฐควรมีการควบคุมสถานที่สะเดาะเคราะห์ เพื่อป้องกันการหลอกลวงเงินทอง และอาชญกรรมทางเพศ ร้อยละ 73.6</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/12/107261