[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 มิถุนายน 2567 15:38:42 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๑๙๓ ปรันตปชาดก : ลางบอกความชั่ว  (อ่าน 77 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5536


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 126.0.0.0 Chrome 126.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 12 มิถุนายน 2567 14:23:52 »




พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๑๙๓ ปรันตปชาดก
ลางบอกความชั่ว

          ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ถือกำเนิดในพระครรภ์ของพระอัครมเหสีของพระองค์ เมื่อเจริญวัยแล้วทรงศึกษาศิลปะทุกชนิดที่นครตักสิลา ทรงเรียนมนต์รู้เสียงทุกอย่าง พระกุมารซักถามอาจารย์เพื่อสอบทานความรู้ จนเกิดความมั่นใจ แล้วเสด็จกลับนครพาราณสี
          พระชนกทรงตั้งพระองค์ไว้ในตำแหน่งอุปราช ถึงจะทรงตั้งไว้ในตำแหน่งอุปราชก็จริงอยู่ แต่ก็ทรงมีความประสงค์จะปลงพระชนม์พระโพธิสัตว์อยู่ ไม่ทรงปรารถนาจะให้ท่านเข้าเฝ้า
          อยู่มาวันหนึ่ง แม่สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งพาเอาลูกน้อย ๒ ตัวเข้าไปทางช่องระบายน้ำ ในยามราตรีเมื่อมนุษย์ทั้งหลายกำลังพักผ่อน ที่ข้างห้องบรรทมบนปราสาทของพระโพธิสัตว์มีศาลาหลังหนึ่ง บนศาลาหลังนั้นมีคนเข็ญใจคนหนึ่งถอดรองเท้าหนังวางไว้ที่พื้นดินใกล้ๆ ตัว นอนอยู่บนกระดานแผ่นเดียว แต่ยังไม่หลับ
          ครั้งนั้นลูกน้อย ๒ ตัวของแม่สุนัขจิ้งจอกหิวร้องขึ้น แม่ของมันได้พูดกับลูกทั้ง ๒ ตัวนั้นว่าอย่าทำเสียงดัง คนคนหนึ่งถอดรองเท้าวางไว้ที่พื้นบนศาลาหลังนี้ นอนบนแผ่นกระดานแต่ยังไม่หลับ เมื่อเขาหลับแล้ว แม่จักไปคาบเอารองเท้านั่นมาให้พวกเจ้ากิน   
          พระโพธิสัตว์ทรงรู้ภาษาของมันด้วยอานุภาพของมนต์ จึงเสด็จออกจากห้องบรรทมไป ทรงเปิดพระแกลแล้วตรัสว่า “0ใครอยู่ที่นี่”
          คนเข็ญใจทูลว่า “ข้าพระพุทธเจ้า คนเข็ญใจพระเจ้าข้า”
          พระโพธิสัตว์ตรัสถาม “รองเท้าของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
          คนเข็ญใจตอบ “อยู่ที่พื้นดิน พระเจ้าข้า”
          “จงยกขึ้นมาแขวนไว้เดี๋ยวนี้”
          แม่สุนัขจิ้งจอกครั้นได้ยินคำนั้นแล้ว ก็โกรธพระโพธิสัตว์
          ในวันรุ่งขึ้นชายเข็ญใจตั้งใจว่าจะดื่มน้ำ เมื่อลงไปในสระน้ำก็ตกลงไปจมน้ำตาย แต่เขามีผ้านุ่งห่ม ๒ ผืน และมีแหวนสวมนิ้วราคาพันกหาปณะที่ผ้านุ่ง
          ฝ่ายแม่สุนัขจิ้งจอกนั้นก็พูดกะลูกน้อยของมันที่กำลังร้องด้วยความหิวว่า “ลูกเอ๋ยอย่าส่งเสียงดัง มีคนตายอยู่ในสระนั้น เขามีของสิ่งนี้และสิ่งนี้ แม่จักให้พวกเจ้ากินคนคนนั้น”  พระโพธิสัตว์ทรงสดับคำนั้นแล้ว ทรงเปิดพระแกล แล้วตรัสว่า “บนศาลามีใครไหม”
          เมื่อชายคนหนึ่งลุกขึ้นแล้วทูลว่า “ข้าพระองค์พระเจ้าข้า” จึงตรัสว่า “เจ้าจงลุกขึ้นไปเอาผ้าและแหวนของชายที่ตายอยู่ในสระนั่น แล้วปล่อยร่างของมันให้จมอยู่ในน้ำ อย่าให้ลอยขึ้นมา” เขาได้ทำอย่างนั้นแล้ว แม่สุนัขจิ้งจอกนั้นก็โกรธอีก แล้วร้องขู่พระโพธิสัตว์ว่า “ในวันก่อนก็ไม่ได้ให้ลูกข้ากินรองเท้า วันนี้ไม่ให้กินคนตาย ในวันที่ ๓ พระเจ้าสมันตราชองค์หนึ่งจักมาล้อมพระนครไว้ ครั้งนั้นพระราชบิดาจักส่งเจ้าไปออกรบ  พระเจ้าสมันตราชจักตัดศีรษะของเจ้า ณ ที่นั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นเราจักดื่มเลือดในลำคอของแก” ดังนี้แล้วพาลูกออกไป
          ในวันที่ ๓ พระเจ้าสมันตราชเสด็จมาล้อมพระนครไว้ พระราชาตรัสกะพระโพธิสัตว์ว่า “ไปเถิดลูกเอ๋ย! จงต่อสู้กับพระเจ้ามันตราชนั่น”
          พระโพธิสัตว์ทูลว่า “ข้าแต่สมมติเทพ! มีเหตุอย่างหนึ่งที่ข้าพระองค์เห็นแล้ว ข้าพระองค์ไม่สามารถไปได้ ข้าพระองค์กลัวอันตรายแห่งชีวิต”
          พระราชาตรัสว่า “เมื่อเจ้าตายหรือไม่ตายก็ตาม จะมีประโยชน์อะไรสำหรับฉัน เจ้าจงไปเถิด”
          พระโพธิสัตว์รับกระแสพระบรมราชโองการแล้วพาบริษัทไป ไม่ได้ออกทางประตูด้านที่พระเจ้าสมันตราชทรงตั้งทัพ ทรงเปิดประตูด้านอื่นเสด็จออกไป เมื่อพระโพธิสัตว์นั้นเสด็จออกไป พระนครได้ว่างเปล่า คนทั้งหลายได้ออกไปกับพระโพธิสัตว์หมดทีเดียว พระโพธิสัตว์ทรงให้พักค่ายอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง
          พระราชาทรงดำริว่า “อุปราชทำพระนครให้ว่างเปล่า พากำลังหนีไปแล้ว”
          ฝ่ายพระเจ้าสมันตราชก็ล้อมพระนครตรึงไว้ บัดนี้ชีวิตของเราจะไม่มี
          พระองค์ทรงดำริว่า “เราจักรักษาชีวิตไว้ แล้วทรงพาเอาพระราชเทวี ปุโรหิตและคนรับใช้คนหนึ่ง ชื่อปรันตปะปลอมพระองค์หนีเข้าป่าไป”
          พระโพธิสัตว์ทรงทราบการเสด็จหนีไปของพระราชาแล้ว จึงเสด็จเข้าพระนคร ทรงทำการรบขับไล่พระเจ้าสมันตราชให้หนีไป แล้วทรงยึดราชสมบัติไว้ได้ ฝ่ายพระราชบิดาของพระองค์ได้ทรงสร้างบรรณศาลาใกล้ฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่ง ทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่ได้ด้วยผลไม้น้อยใหญ่ พระราชเทวีได้ทรงพระครรภ์แม้ในสถานที่นั้น พระราชากับปุโรหิตไปหาผลไม้น้อยใหญ่ ที่บรรณศาลานั่นเองมีแต่ทาสชื่อปรันตปะกับพระราชเทวีและพระนางได้ประพฤตินอกใจพระราชากับทาสปรันตะปะนั่น ด้วยอำนาจแห่งความคุ้นเคยกัน
          วันหนึ่งพระนางรับสั่งทาสปรันตปะว่า “เมื่อพระราชาทรงทราบเรื่องแล้ว ชีวิตของเจ้าก็จะไม่มี ชีวิตของฉันก็จะหามีไม่ เพราะฉะนั้น เจ้าจงปลงพระชนม์พระราชานั้นเสีย”
          ทาสปรันตปะทูลว่า “ข้าพระองค์จะปลงอย่างไร”
          พระราชเทวีรับสั่งว่า “พระราชานี่จะให้เจ้าถือพระขรรค์นั้นและภูษาชุบสรงแล้วไปสรงสนาน เจ้าจงคอยดูความเผลอของพระราชานั้นในที่สรงสนานนั้น ใช้พระขรรค์ตัดพระเศียร แล้วสับพระสรีระออกเป็นท่อนๆ ฝังไว้ในพื้นดิน” เขารับพระเสาวนีย์ว่า “พระเจ้าข้า”
          อยู่มาวันหนึ่งปุโรหิตนั่นเอง เดินไปเพื่อต้องการผลไม้น้อยใหญ่ขึ้นต้นไม้ต้นหนึ่ง ใกล้ท่าที่พระราชาทรงสรงสนานเก็บผลไม้น้อยใหญ่อยู่ พระราชาทรงดำริว่า “เราจักอาบน้ำ” แล้วทรงให้ทาสปรันตปะ ถือพระขรรค์และภูษาชุบสรง แล้วได้เสด็จไปสู่ฝั่งแม่น้ำ
          ทาสปรันตปะทูลพระองค์ผู้ทรงประสบความประมาท ในเวลาสรงสนานแม้ ณ ที่นั้นว่า “ข้าพระองค์จักฆ่าละ แล้วจับพระศอพระองค์เงื้อพระขรรค์ขึ้น”
          พระราชาทรงร้องเพราะทรงกลัวความตาย ปุโรหิตได้ยินเสียงนั้นแล้วมองดู เห็นทาสปรันตปะกำลังปลงพระชนม์พระราชาก็สะดุ้งกลัว จึงเขย่ากิ่งไม้แล้วลงจากต้นไม้เข้าไปนั่งที่พุ่มไม้พุ่มหนึ่ง ทาสปรันตปะได้ยินเสียงเขย่ากิ่งไม้ของปุโรหิตนั้นแล้วปลงพระชนม์พระราชา ฝังไว้ในพื้นดิน แล้วพิจารณาดูว่าได้มีเสียงเขย่ากิ่งไม้ในที่นี้ ใครหนออยู่ในที่นี้ เมื่อไม่เห็นใคร จึงอาบน้ำแล้วกลับบรรณศาลา
          หลังจากทาสปรันตปะไปแล้ว ปุโรหิตก็ออกจากพุ่มไม้นั้น รู้ว่าพระราชาถูกสับพระสรีระออกเป็นท่อนๆ แล้วฝังไว้ในหลุม จึงอาบน้ำแล้วปลอมตัวเป็นคนตาบอด แล้วได้ไปบรรณศาลา เพราะกลัวเขาฆ่าตน
          ปรันตปะเห็นเขาแล้วพูดว่า “พราหมณ์! ท่านได้ทำอะไร” เขาทำเป็นเหมือนไม่รู้พูดว่า “ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์นัยน์ตาทั้ง ๒ เสีย จึงได้มาที่นี่ ข้าพระองค์ได้ยืนอยู่ที่ข้างจอมปลวกแห่งหนึ่งในป่าที่มีอสรพิษชุกชุม อสรพิษตัวหนึ่งจักพ่นพิษใส่”
          ปรันตปะคิดว่าเขาไม่รู้จักเราเขาจึงพูดว่า “ข้าแต่สมมติเทพ” เราจักปลอบใจเขา แล้วได้ปลอบใจเขาว่า “พราหมณ์! ท่านอย่าคิดอะไร เราจักปฏิบัติท่าน แล้วได้ให้ผลไม้น้อยใหญ่ ให้กินอิ่มหนำสำราญ”
          ต่อแต่นั้นมา ทาสปรันตปะก็นำผลไม้น้อยใหญ่มาให้ พระราชเทวีประสูติพระราชโอรสแล้ว เมื่อพระราชโอรสทรงเจริญขึ้นพระนางก็บรรทมนอนได้อย่างสบาย
          ในเช้ามืดวันหนึ่งได้ตรัสกับทาสปรันตปะเบาๆ ว่า “เมื่อเจ้าปลงพระชนม์พระราชา ไม่มีใครรู้หรือ เขาตอบกลับพระนางว่า “ใครๆ มิได้เห็นข้าพระองค์ แต่ว่าได้ยินเสียงเขย่ากิ่งไม้ แต่ไม่ทราบว่ากิ่งไม้นั้นมนุษย์หรือสัตว์เดียรฉานเขย่า ไม่คราวใดก็คราวหนึ่งภัยจะมาถึงข้าพระองค์ และจักมาจากผู้เขย่ากิ่งไม้” แล้วจึงกล่าวว่า “บาปจักมาถึงข้าพระองค์ ภัยจักมาถึงข้าพระองค์ เพราะมนุษย์หรือมฤคก็ไม่รู้ เขย่ากิ่งไม้ในครั้งนั้น”    “ความใคร่ของเราในภรรยาผู้หวาดกลัวที่อยู่ไม่ไกลจักทำให้เราผอมเหลือง เหมือนกิ่งไม้ทำให้นายปรันตปะผมเหลืองไป ฉะนั้น”
          ลำดับนั้น พระราชเทวีจึงกล่าวกะปุโรหิตนั้นว่า “พราหมณ์ ท่านพูดอะไร”
          ฝ่ายปุโรหิตพูดว่า “ข้าพระองค์กำหนดรู้แล้วแหละ” ในวันรุ่งขึ้นก็กล่าวว่า “ภริยาผู้น่ารักใคร่ไม่มีที่ติอยู่ในบ้าน จักเศร้าโศกถึงเรา ความเศร้าโศกจักทำให้เธอผอมเหลือง เหมือนกิ่งไม้ทำนายปรันตปะให้ผอมเหลือง ฉะนั้น”
          ในวันรุ่งขึ้นปุโรหิตได้กล่าวว่า “หางตาที่หล่อนชำเลืองมาหาฉันก็ดี การยิ้มของหล่อนก็ดี ถ้อยคำที่หล่อนเปล่งออกมาก็ดี มันจักทำให้เราผอมเหลือง เหมือนกิ่งไม้ทำให้นายปรันตปะผอมเหลือง ฉะนั้น”
          ในกาลต่อมา พระราชกุมารได้ทรงเจริญวัยขึ้นมีพระชนมายุได้ ๑๖ ชันษา พราหมณ์ได้ให้พระองค์ทรงจับปลายไม้เท้าจูงไปถึงท่าอาบน้ำแล้ว ได้ลืมตาขึ้นมองดู
          พระราชกุมารตรัสว่า “พราหมณ์ ท่านเป็นคนตาบอดไม่ใช่หรือ”
          เขาทูลว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่คนตาบอด แต่ใช้อุบายนี้รักษาชีวิตไว้” แล้วทูลว่า “ท่านรู้จักบิดาของท่านไหม” เมื่อพระราชกุมารตรัสบอกว่า “เรารู้คนคนนั้นเป็นบิดาของเรา” พราหมณ์กล่าวตอบ “คนคนนี้ไม่ใช่บิดาของท่าน แต่บิดาของท่านได้แก่พระเจ้าพราหมณ์ คนคนนี้เป็นทาสของท่าน เขาปฏิบัติผิดในมารดาของท่านแล้วฝังไว้ตรงนี้” จากนั้นพราหมณ์จึงนำเอากระดูกมาให้ดู พระราขกุมารได้ทรงเกิดความกริ้วขึ้นเป็นกำลัง  ลำดับนั้น เมื่อพระราชกุมารตรัสถามปุโรหิตนั้นว่า “เราจะทำอย่างไร” ปุโรหิตจึงทูลว่า “สิ่งใดที่เขาทำแก่พระบิดาของพระองค์ที่ท่าน้ำนี้นั่นเอง พระองค์จงทรงกระทำสิ่งนั้นเถิด”  แล้วได้ทูลบอกความเป็นไปได้ทั้งหมดให้ทรงทราบ แล้วจึงให้พระราชกุมารทรงศึกษาการตีกระบี่กระบองอยู่ ๒-๓ วัน
          อยู่มาวันหนึ่ง พระราชกุมารทรงถือพระขรรค์กับพระภูษาชุบสรงแล้วกล่าวว่า “ไปอาบน้ำเถิดพ่อครับ”  ปรันตปะตอบว่า “ดีละ” แล้วก็ไปกับพระราชกุมาร ขณะที่เขาลงอาบน้ำ พระราชกุมารจึงใช้พระหัตถ์ขวาทรงถือดาบ พระหัตถ์ซ้ายทรงจับมวยผมแล้วตรัสว่า “ได้ทราบว่าเจ้าจับพระจุฬาของเสด็จพ่อของฉันแล้วลงประชนม์ของพระองค์ผู้ทรงร้องอยู่ที่ท่าน้ำนี้นั่นเอง ฝ่ายฉันก็จักทำอย่างนั้นเหมือนกัน”
          เขากลัวภัยคือความตาย โอดครวญไปพลางกล่าวไปพลางว่า “เสียงกิ่งไม้ได้มาประจักษ์แน่นอนแล้ว เสียงนั้นเห็นจะมาแจ้งเหตุให้ตัวเจ้าทราบแน่นอนแล้ว ผู้ที่สั่นกิ่งไม้นั้นได้บอกเรื่องนั้นอย่างแน่นอน เรื่องนี้เจ้าแลที่ตัวคนโง่คิดว่ากิ่งไม้ที่มนุษย์หรือมฤคก็ไม่ทราบ เขย่าแล้วในครั้งนั้นได้มาถึงเจ้าแล้ว”
          ต่อจากนั้น พระราชกุมารก็ได้ตรัสว่า “เจ้าได้รู้อย่างนั้นแล้ว เจ้ายังลวงเสด็จพ่อของฉันไปฆ่าแล้วเอากิ่งไม้ปิดไว้ บัดนี้ภัยจักมาถึงเจ้าบ้าง”
          พระราชกุมารครั้นตรัสดังที่กล่าวมาแล้วนี้ แล้วก็ให้ทาสปรันตปะถึงความสิ้นชีวิตฝังไว้แล้ว เอากิ่งไม้คลุมไว้ ทรงล้างพระขรรค์ สรงสนานแล้วเสด็จไปสู่บรรณศาลา ตรัสบอกปุโรหิตนั้นถึงภาวะที่ตนได้ฆ่าแล้ว จึงทรงต่อว่าพระมารดา ทั้ง ๓ คนหารือกันว่าพวกเราจักอยู่ทำไมที่ตรงนี้ แล้วจึงได้พากันไปนครพาราณสีนั่นเอง พระโพธิสัตว์ทรงประทานตำแหน่งอุปราชแก่พระกนิษฐา ทรงแล้วบำเพ็ญบุญมีทานเป็นต้น ทรงสร้างทางสวรรค์ให้เต็มที่
   

นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“จงรู้จักระแวงระวังความชั่วและภัยอย่าให้มาถึงตัวได้”

พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
รกฺเขยยฺานคตํ ภยํ
พึงป้องกันภัยที่ยังมาไม่ถึง (๒๗/๕๔๕)

ที่มา : นิทานชาดกจากพระไตรปิฎก : พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ จัดพิมพ์เผยแพร่ธรรมโดยธรรมสภา สถาบันบันลือธรรม

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ เรื่องที่ ๑๙ เภริวาสชาดก : ช่างตีกลองกับบุตรชาย
ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
Kimleng 0 940 กระทู้ล่าสุด 15 กรกฎาคม 2563 20:06:56
โดย Kimleng
พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ เรื่องที่ ๒๐ วัณณุปถชาดก : ความเพียรของพ่อค้า
ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
Kimleng 0 1728 กระทู้ล่าสุด 15 กรกฎาคม 2563 20:09:53
โดย Kimleng
พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ เรื่องที่ ๓๙ เจติยราชชาดก : พระเจ้าเจติยราช
ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
Kimleng 0 882 กระทู้ล่าสุด 05 พฤศจิกายน 2563 20:50:13
โดย Kimleng
พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ เรื่องที่ ๔๐ กายนิพพินทชาดก : ชายขี้โรคบวชไม่สึก
ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
Kimleng 0 740 กระทู้ล่าสุด 06 กุมภาพันธ์ 2564 19:55:41
โดย Kimleng
พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ เรื่องที่ ๔๑ กัสสปมันติยชาดก : บิดาชรากับบุตรน้อย
ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
Kimleng 0 809 กระทู้ล่าสุด 06 กุมภาพันธ์ 2564 19:58:21
โดย Kimleng
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.435 วินาที กับ 35 คำสั่ง

Google visited last this page 12 มิถุนายน 2567 16:41:36