22 ธันวาคม 2567 18:38:46
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
สุขใจในธรรม
กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
.:::
มรณานุสติ : เรียนรู้ความตายอย่างมีสติ : พระไพศาล
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: มรณานุสติ : เรียนรู้ความตายอย่างมีสติ : พระไพศาล (อ่าน 11192 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
มรณานุสติ : เรียนรู้ความตายอย่างมีสติ : พระไพศาล
«
เมื่อ:
09 มิถุนายน 2553 10:13:10 »
Tweet
มรณานุสติ : เรียนรู้ความตายอย่างมีสติ : พระไพศาล
มรณา
นุสติ :
เรียนรู้
ความตาย
อย่างมี
สติ
มรณานุสติ :
ตายอย่างสงบ เรื่องที่ฝึกได้
เตรียมได้
จากข่าวภัยพิบัติอันเป็นผลพวงความรุนแรงของพายุไซโคลน นาร์กีส ที่พัดเข้าถล่มแผ่นดินพม่า ทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ไม่แยกแยะและละเว้นว่าสิ่งนั้นจะเป็น คน สัตว์ หรือสิ่งของ ภาพแห่งความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือนที่ถูกทำลายราบแบบที่เรียกว่าพังพินาศไม่มีชิ้นดี ต้นไม้ใหญ่ที่ถูกหักโค่นลงประหนึ่งเหมือนต้นหญ้าเล็กๆ ที่ถูกถอนขึ้นจากดิน สัตว์เลี้ยงน้อยใหญ่พากันล้มตายกลาดเกลื่อน รวมถึงภาพของพลเมืองชาวพม่าที่ได้รับผลกระทบแห่งความรุนแรงครั้งนี้อย่างแสนสาหัส คงอยู่ในความทรงจำของใคร ๆ หลายคน
บางคนไร้บ้าน หมดสิ้นทรัพย์สมบัติ …
บางคนบาดเจ็บ ร้องขอการช่วยเหลือ …
บางคนรอด แต่กลับสูญสิ้น พ่อแม่ พี่น้อง …
และบางคน … เหลือแต่เพียงร่างเป็นอนุสรณ์ ให้อยู่ที่อยู่เบื้องหลังรับรู้ถึงความหายนะที่เกิดขึ้น ในเหตุการณ์ครั้งนี้
สำหรับประเทศไทย ครั้งนี้อาจเป็นความโชคดีที่เราได้รับผลกระทบไม่มากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ประเทศพม่า เพื่อนบ้านของเรา แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะรอดพ้นทุกครั้งหากเกิดเหตุการณ์คล้าย ๆ กันอย่างนี้ในอนาคต
การมีสติเตรียมพร้อมและตั้งรับกับความหายนะและความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นทุกช่วงขณะ ไม่ว่าจะเป็น ทรัพย์สินเงินทอง พี่น้อง ของรัก หรือแม้กระทั่งลมหายใจของตนเอง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อฝึกให้เราได้ตระหนักรู้ถึงคุณค่าของการมีชีวิต เรียนรู้ที่จะกระทำสิ่งอันเป็นที่ถูกที่ควรตามครรลอง และใคร่ครวญคุณค่าของการได้เกิดมามีวิถีชีวิตบนวัฏจักรของโลกใบนี้ เพราะไม่ใครรู้ว่า ความตาย จะมาเยือนเราเมื่อไหร่ การมีสติตั้งรับกับความตาย หนึ่งในวิถีแห่งชีวิต จึงเป็นสิ่งสามัญธรรมดาที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญ อย่างหลีกหนีไม่ได้ …
ต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วนของการเรียนรู้ คุณค่าของความหมายของการเจริญ มรณานุสติ เพื่อพัฒนาและยกระดับความผ่องใสให้เกิดขึ้นในใจของเรา
"เราตายได้ครั้งเดียว เราจะตายอย่างไร ร้านกาแฟบางร้านใช้เวลาถึงสามอาทิตย์เทรนพนักงานให้เชี่ยวชาญในการชงกาแฟ
แต่เรื่องตายที่เป็นเรื่องสำคัญ กลับไม่เคยมีการเทรนการสอนกันในโรงเรียนไหนๆ ทั้งที่การตายให้เป็น
บางทีก็แยกไม่ออกจากการอยู่ให้เป็น"
คำกล่าวข้างต้นของ
พระไพศาล วิสาโล อาจฟังดูเสียดสี หากเต็มไปด้วยน้ำเสียงเตือนสติ
ให้เห็นว่าชีวิตเราช่างเต็มไปด้วยการให้คุณค่าอย่างผิดที่ผิดทาง มิใช่เพราะทุกชีวิตมีความตายเป็นปลายทางหรอกหรือ เราจึงพยายามใช้ทุกนาทีชีวิตอย่างมีคุณค่า มีศิลปะ แม้แต่การกินกาแฟให้ได้รสชาติ แต่เรื่องความตายกลับไม่ค่อยมีใครใคร่ครวญถึงนักว่าจะเผชิญกับความตายอย่างไร
ศิลปะการใช้ชีวิตแบบไหน จึงจะนำไปสู่นาทีของการตายที่งดงามไม่แพ้นาทีของการมีชีวิต หรือพบกับสิ่งที่ทุกคนปรารถนา นั่นคือการตายอย่างสงบ
และจริงๆ แล้วถ้าเรารู้จักความตายดีพอ จะพบว่ามันไม่ได้
มีด้านลบด้านเดียว
ถ้าเราสามารถเป็นเพื่อนกับความตายได้ ชีวิตเราจะมีความสุขมาก และความตายของแต่ละคนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ แต่ละคนตายไม่เหมือนกัน ความตายจึงไม่มีคำตอบสำเร็จรูป
"ทำไมความตาย" จึงน่ากลัว
เหตุหนึ่งที่ทำให้ความตายดูน่ากลัว เพราะเรารู้เกี่ยวกับมันน้อยมาก
ในแง่ที่เราไม่เห็นว่าความตายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ มีการเกิด และตายทั้งที่เห็นได้ และไม่ได้อยู่ตลอดเวลาในตัวเรา
เช่นการเกิดและตายของเซลล์ราว 50 ล้านเซลล์ต่อวัน มีการเกิดดับของอารมณ์อยู่แทบทุกขณะ และที่สำคัญเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในนาทีที่ความตายมาถึง จะมีชีวิตหลังความตายหรือไม่ หากมี - มันเป็นเช่นไร ขณะเดียวกันเราก็พยายามผลักไสความตายออกไป ทั้งให้ไกลตัว และไกลความคิด
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
Re: มรณานุสติ : เรียนรู้ความตายอย่างมีสติ : พระไพศาล
«
ตอบ #1 เมื่อ:
09 มิถุนายน 2553 10:35:03 »
ในอดีต
คนมักสอนให้เห็นว่าความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ ในคติของคนจีนโบราณ เมื่อใครฉลองแซยิดใหญ่แล้ว จะต้องตระเตรียมเสื้อผ้าไว้สำหรับใส่ในวันตาย เพื่อช่วยเตือนสติ มิให้ใช้ชีวิตโดยประมาท
หากมีชีวิตอยู่ในหมู่บ้านหรือชุมชนเล็กๆ เมื่อบ้านไหนมีใครป่วยหรือตาย จะรับรู้กันไปทั่วเวลาจัดงานศพไม่ว่าตั้งที่บ้านหรือที่วัด เพื่อนบ้านก็จะร่วมพิธีสวดศพ สามวันห้าวันเจ็ดวัน แต่ละครอบครัวก็จะผลัดกันไป
ถือเป็นหน้าที่ เป็นการแสดงน้ำใจ
ข่าวคราวการตายนั้นก็จะวนเวียนให้รับรู้อยู่จนวันเผา หรือจนสิ้นพิธีไว้ทุกข์ โดยเฉพาะวันเผาผู้คนจะมากันพร้อมหน้าพร้อมตา ร่วมพิธีบังสุกุล ปลงศพ จนถึงเชิญศพเข้าเตาเผา
ขั้นตอนการเปิดโลงให้ลาศพเป็นครั้งสุดท้าย จนถึงการเก็บอัฐิ และลอยอังคาร นอกจากเป็นการทำบุญแก่ผู้ล่วงลับ
ก็เป็น
มรณานุสติแก่คนเป็น
ให้เห็นว่า ท้ายที่สุดชีวิตก็มีเพียงเท่านี้
แต่ทุกวันนี้ ความตายถูกทำให้กลายเป็นเรื่องของหมอ พระ และสัปเหร่อ พิธีศพมักถูกตกแต่งจนทุกขั้นตอนของพิธีกลายเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่ยากแก่คน สมัยใหม่จะเข้าใจนัยเดิม
การไปงานศพหากไม่ใช่ญาติสนิทมิตรใกล้ชิดจริงๆ ก็กลายเป็นหน้าที่และพิธีกรรมทางสังคม ขณะเดียวกันข่าวความตายที่พรั่งพรูผ่านสื่อต่างๆ ให้ดูและเห็นก็มีจำนวนคนเจ็บตายทีละเป็นสิบเป็นร้อย
ทำให้ผู้รับข่าวเองไม่ทันมีโอกาส "ย่อย" สารของความตาย
มาพิจารณา
พระไพศาลขยายภาพให้เห็นถึงสิ่งซึ่งความตายกระทบต่อชีวิตเราว่า มันนำเราไปพบกับสิ่งที่ไม่ปรารถนาในทุกมิติ นับจากกาย สังคม และจิตวิญญาณ
บ่อยครั้งมันก็รุกมาพร้อมกันทุกแนวรบ และสิ่งที่ถูกกระทบอย่างสำคัญคืออัตตา - ลึกๆ คนเรามีความรู้สึกว่าเรามีอำนาจ แต่พอป่วยหนัก แม้แต่ยกมือ เดินไปเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ถูฟัน ก็ทำเองไม่ได้ หายใจก็ไม่ออก นอกจากจะ
ทรมานกายแล้วยังกระทบ
ไปถึงอัตตา
"ในแง่สังคม ความตายก็ทำให้เกิดการพลัดพราก ความไม่รู้ว่าตายแล้วไปไหนนี้ร้ายแรงมาก อย่างคนที่เป็น perfectionist จะทำการงานอะไรก็ well plan ต้องรู้ให้ชัดทุกขั้นทุกตอน ทนไม่ได้ถ้าไม่รู้อะไรที่แน่นอน หรือต้องมารอ พอต้องเผชิญกับความตายซึ่งไม่มีใครรู้ จะรู้สึกอ้างว้างไปหมด"
"ตัวตนเป็นมายาภาพแล้ว มันยังสร้างมายาภาพให้เห็นว่าโลกนี้สวยสดงดงาม ชีวิตต้องควบคุมทุกอย่างได้
เวลาเราดูโฆษณา ดูโทรทัศน์เห็นนายแบบนางแบบดาราที่หน้าตาสะสวย หุ่นดี ดู healthy ไปห้างสรรพสินค้า โรงแรม เห็นทุกอย่างดูเพอเฟ็กต์ สวยงาม แต่ความตาย
มันไม่รับรู้อะไรลวงๆ ที่เราสร้างขึ้นในจิตใจ มันก็ทำหน้าที่ของมัน
มาเตือนให้เราระลึกว่า ชีวิตนั้นมีสองด้าน มีสุขมีทุกข์ มาเตือนว่าอะไรที่เป็นของเรา ไม่ว่าบ้าน รถ เงินทอง หรือตัวเราเอง ก็ไม่ใช่ของเรา"
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 มิถุนายน 2553 04:16:32 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: เพิ่มภาพค่ะ
»
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
Re: มรณานุสติ : เรียนรู้ความตายอย่างมีสติ : พระไพศาล
«
ตอบ #2 เมื่อ:
09 มิถุนายน 2553 12:10:02 »
ภาวะใกล้ตาย
คำถามสำคัญประการหนึ่งของการเผชิญกับความตายคือ
"อะไรคือสัญญาณของภาวะใกล้ตาย"
นายแพทย์ พรเลิศ ฉัตรแก้ว คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่าไม่มีใครสามารถตอบได้แน่ชัดว่าเวลาของคนไข้แต่ละคนเหลือเท่าไหร่ เพราะทุกอย่างเป็นการ
คาดคะเนจากค่าเฉลี่ย
พร้อมกับเปรียบให้ฟังว่าร่างกายคนเราก็เหมือนเครื่องจักร เมื่อเสื่อมสมรรถภาพ ก็จะหยุดทำงานเป็นส่วนๆ
"การเดิน เคลื่อนไหวแขนขา การกิน ขับถ่าย ถ้าระบบเหล่านี้ไม่ทำงานก็อาจจะมีชีวิตอยู่ได้เป็นวันหรือเป็นเดือน แต่ถ้าส่วนอื่นหยุดอาจเป็นชั่วโมง หรือนาที ถ้ามองแบบแยกส่วน เรามักพูดว่าสมองตาย หัวใจตาย ไตวาย ที่ชัดที่สุดคือสมองกับหัวใจ แต่บางทีสมองตายแต่หัวใจทำงานอาจอยู่ได้เป็นนาที ซึ่งการตายในปัจจุบัน ถ้าร่างกายส่วนใดหยุดทำงานแล้ว จะไปช้าเร็ว ก็ขึ้นกับว่าตายที่ไหนอีก บ้านหรือโรงพยาบาล โรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน"
ขณะที่ พระไพศาล กล่าวว่าตัวเราประกอบขึ้นด้วยมิติของกายและจิต การแตกสลายของรูปหรือร่างกาย
เริ่มจากการแปรปรวนหรือดับของธาตุทั้งสี่
คือ ดิน น้ำ ไฟ และลม เริ่มจากดินหรือส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อ เช่น ไม่มีแรง เดินไม่ได้ น้ำคือคอแห้ง ริมฝีปากแห้ง จากนั้นตัวจะเย็นลง เป็นสัญญาณว่า
ธาตุไฟเริ่มดับ
สุดท้าย
คือลม
หรือที่เรียกกันว่าสิ้นลม ขณะที่ธาตุทั้งสี่แปรปรวนนั้น
จิตอาจเริ่มแสดงอาการ เช่น จำอะไรไม่ได้ หรือจำได้สั้นๆ การับรู้เห็นภาพแปรปรวน แต่การสิ้นชีวิตเกิดขึ้นเมื่อใดยังเป็นสิ่งที่ตอบได้ยาก เดิมเราเชื่อว่าสิ้นสุดเมือสิ้นลม แต่ในความจริงอาจเป็นการค่อยๆ รางเลือนไปของจิตรับรู้
"เมื่อใกล้ตายการรับรู้ทางเวทนาอาจหมดไป คือ
ไม่เจ็บปวด
เพราะความเจ็บปวดทำให้เราหนีทุกข์เอาตัวรอด แต่บางทีเมื่อไม่มีทางรอดแล้ว กลไกความเจ็บปวดก็อาจหยุดทำงาน นั่นอาจอธิบายว่า ทำไมผู้ป่วยบางคนในชั่วโมงท้ายๆ เขาไม่
แสดงอาการ
เจ็บปวดอีกแล้ว"
ส่วนอาการทุรนทุราย หรือการเห็นภาพต่างๆ ก่อนสิ้นใจ เช่น เห็นคนที่ตายไปแล้ว เห็นคนมารับ ฯลฯ เหล่านี้เป็นนิมิตบอกถึงกรรมเก่าหรือไม่ นั้น พระไพศาล กล่าวว่า "นิมิตก่อนตายอาจเป็นได้
สองลักษณะ ได้แก่กรรมนิมิต และคตินิมิต
กรรมนิมิตเป็นนิมิตที่เกิดจากกรรมที่เราได้ทำมา
ในชีวิต อันเป็น
ตัวกำหนดว่า
เราจะไปไหนหลังตาย
คตินิมิตเป็นภพภูมิ
ที่เรากำลังจะไป - สมองเราเก็บความจำไว้มากมาย พอใกล้ตายมันจะคายออกมา คนใกล้ตายอาจมีภาวะ life review เหมือนฉายหนังเก่า อะไรที่เคยกระทบใจ หรือคั่งค้างอาจปรากฏขึ้นมา
บางอย่างอาจทำให้เขาตื่นตกใจ ผวา ถ้าไปตอนนั้นเขาจะตกใจ
คนที่ดูแลต้องช่วยโน้มน้าว
ให้ไปในทางที่ดี"
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 มิถุนายน 2553 04:22:28 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: เพิ่มภาพค่ะ
»
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
Re: มรณานุสติ : เรียนรู้ความตายอย่างมีสติ : พระไพศาล
«
ตอบ #3 เมื่อ:
09 มิถุนายน 2553 12:43:56 »
พินัยกรรมชีวิต
ทุกวันหลังเลิกงาน เรามัก
ทำบันทึกช่วยจำ
ว่าพรุ่งนี้มีอะไรที่เราต้องสะสางต่อไป
แต่ทำไม - กับชีวิตที่ไม่แน่นอน
น้อยคนนักที่คิดทำ
บันทึกช่วยจำ
หรือพินัยกรรมชีวิต
ลองคิดดูว่าหากคุณต้องจากไปโดยมิได้สะสางสิ่งที่คั่งค้าง ทั้งเรื่องที่คับข้องใจและงานการในหน้าที่
ในเวลาที่กำลังจะสิ้นลม จิตใจเราจะห่วงกังวล กระสับกระส่ายแค่ไหน แน่นอนว่า
คนที่อยู่ข้างหลังย่อมช่วยเหลือสะสางเรืองต่างๆ อย่างเต็มใจ เพราะอยากให้เราตายตาหลับ
แต่ก็บ่อยครั้งมิใช่หรือ ที่เราได้รับรู้เรื่องราวความขัดแย้งนานาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับความตาย
ไม่ว่าการตัดสินใจเรื่องการรักษาพยาบาล การจัดพิธีศพ หรือเรื่องทรัพย์สินกองมรดก
ในค่ำคืนแรกของการอบรม วิทยากรชักชวนผู้เข้าอบรมให้ตั้งสติทบทวนชีวิต
และจรดปากกาลงบนหน้ากระดาษ นี่เป็นเพียง
แบบฝึกหัดแรก
ของการเตรียมเผชิญกับความตาย หากนาทีนั้นมาถึง เราประสงค์ให้มีการจัดการกับสิ่งเหล่านี้อย่างไร
๐ การจัดการกับร่างกายของเรา
๐ การจัดการทรัพย์สินของเรา
๐ คำสั่งเสียและร่ำลาต่อคนรัก คนใกล้ชิด เพื่อน หรือคำขออโหสิกรรมต่อผู้อื่นที่เคยมีเรื่องบาดหมางคับข้องใจ
หรือได้กระทำผิดพลาดต่อกันในอดีต
๐ ประโยชน์แก่สังคมที่อยากให้คนทำแทนเรา
๐ งานที่คั่งค้างไว้
๐ งานศพ
หรืออาจมีเรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่คุณอยากบันทึกไว้ เขียนทุกสิ่งทุกข้อให้ชัด ทั้งที่จะเป็น
ประโยชน์แก่จิตใจตนเอง และคนที่อาจอยู่ข้างหลัง
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 มิถุนายน 2553 04:54:02 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: จัดหน้าค่ะ
»
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
Re: มรณานุสติ : เรียนรู้ความตายอย่างมีสติ : พระไพศาล
«
ตอบ #4 เมื่อ:
09 มิถุนายน 2553 13:32:35 »
มรณสติ : ตายก่อนตาย
พระไพศาล ได้กล่าวว่า
เราสามารถฝึกได้กับการพลัดพรากในชีวิตประจำวัน
เวลา
ดูข่าวลองคิด
ว่า ถ้าเราอยู่ใน
สถานการณ์แบบนั้นจะทำอย่างไร รู้สึกอย่างไรน้อมมาบ่อยๆ
เราจะเห็นว่าเราไม่พร้อม หรืออย่างของหาย เจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ
ก็ให้รู้ว่าเขามาเตือน
หรือคนนินทาก็ให้เห็นเป็นเรื่องปรกติ อันนี้
เป็นการฝึกมุมมอง
ดีกว่านั้น
คือฝึกสติ
กายเจ็บแต่ใจไม่เจ็บไม่ปวดไปด้วย
คือการฝึก
ใช้สติ
พิจารณา
สิ่งที่ไม่พึงปรารถนา
ดีกว่านั้นคือปัญญา
เห็นความไม่เที่ยงแท้ ความเป็น
อนัตตา
(
บังคับบัญชาไม่ได้
)
"การฝึกสตินั้นทำได้ตลอดเวลา คือ
ดึงสติให้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ
ไม่จำเป็นต้องนั่งหลับตา ถูฟันก็ให้รู้ว่าถูฟัน มือล้างจานใจก็ล้างจานอยู่ด้วย คือทำอะไรเป็นอย่างๆ ไม่ใช่ใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ กินข้าว ดูโทรทัศน์ แล้วคุยโทรศัพท์มือถือไปพร้อมๆ กัน - ทำอะไรก็อยู่กับสิ่งนั่น นั่นคือ
การเจริญสติ
ในชีวิตประจำวัน"
อย่างไรก็ตาม อยากรู้ว่าก่อนตาย หรือหากช่วงเวลาแห่งความตายใกล้มาถึงเราควรทำอย่างไร … ลองทำนอนราบกับพื้นในท่าโยคะท่าศพ แล้วค่อยๆ หรี่ไฟลงจนมืดสนิท กล่าวโน้มนำให้เราผ่อนคลาย และภาวนาเสมือนว่านั่นคือช่วงลมหายใจสุดท้ายของชีวิต
และลองทำตาม
ต่อไปนี้ …
"เรารับรู้ความรู้สึกที่ไล่ขึ้นมาจากปลายเท้าว่าบัดนี้มันอ่อนแรง ไม่มีกำลังแม้แต่จะขยับเขยื้อนอวัยวะทุกส่วนของร่างกายที่ได้รับใช้เรามาใน การทำภารกิจต่างๆ และเราได้ดูแลทะนุถนอมมันมาอย่างดี
บัดนี้ได้ถึง
อายุขัย
ของมันแล้ว เราขอบคุณ
ร่างกายนี้"
"เราทบทวนถึงทรัพย์สินต่างๆ ที่เราได้สั่งสมไว้เพื่อนำความสุขสบายมาสู่ชีวิต และครอบครัว
เราได้สร้างมาด้วยสัมมาอาชีวะ มิได้เบียดเบียนใคร เราได้รับความสุขสบายจากมันมาเพียงพอแล้ว จากนี้ขอให้มันยังประโยชน์แก่ผู้อื่น
เราไม่คิดหวงห่วงอะไร เพราะเรากำลังจะจากไป
แม้แต่ร่างกายนี้เราก็ยังต้องละไป งานการอื่นๆ ทั้งที่เป็นหน้าที่ และที่ทำโดยสมัครใจ เราก็ได้ทำประโยชน์มาอย่างเต็มแรง เรื่องที่สมควรทำเราก็ได้ทำไปแล้ว เรากำลังจะจากไป ไม่มีอะไรต้องเสียดายอีก เสียงของคนรัก พ่อแม่ … ลูก เพื่อนฝูงแว่วเข้ามาในโสตประสาท เราขอบคุณพวกเขาที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุข หัวเราะร้องไห้ และเกื้อกูลกันมาเมื่อยามอยู่เราก้อยู่ด้วยกันดีแล้ว เราบอกรัก บอกลา และย้ำอย่างเชื่อมั่นว่าแม้เราจะจากไป เขาจะมีชีวิตที่เป็นสุขได้
ไม่มีอะไรต้องห่วงอีก "
"เราแผ่เมตตาแก่สรรพชีวิต
ผู้เป็นเพื่อนร่วมทุกข์กันในโลกนี้ ภาวนาบทสวดมนต์ที่พอมีสติจำได้ จดจ่อสติอยู่กับการสวดมนต์นั้น
และจากไป …"
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 มิถุนายน 2553 13:42:16 โดย เงาฝัน
»
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
Re: มรณานุสติ : เรียนรู้ความตายอย่างมีสติ : พ
«
ตอบ #5 เมื่อ:
09 มิถุนายน 2553 17:34:07 »
คำถามสำคัญ
ที่เราต้องเผชิญในชีวิต
เมื่อคนรักหรือคนใกล้ชิดป่วยอยู่ในระยะสุด ท้าย หรือใกล้ตาย คือว่าเราควรจะบอกความจริงกับเขาหรือไม่บอกอย่างไร จะเลือกการรักษาพยาบาลวิธีใด และยุติเมื่อไร และเราจะช่วยให้เขาจากไปอย่างสงบ และเป็นกุศลได้อย่างไร
อุมาภรณ์ ไพศาลสุทธิเดช พยาบาลประจำโรงพยาบาลรามาธิบดี เล่าจากประสบการณ์ว่า หลายกรณีญาติไม่ยอมบอกคนไข้ หรือคนไข้เองไม่อยากให้ญาติรู้ เพราะต่างฝ่ายต่างห่วงใยความรู้สึกซึ่งกันและกัน แต่ที่สุดแล้วทั้งสองฝ่าย
ควรร่วมรับรู้ความจริง
และการบอกต้องอาศัยกุศโลบาย
"คู่หนึ่ง - สามีเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายภรรยาไม่ยอมให้บอก เพราะคิดว่าเขาเป็นทหาร เรื่องแบบนี้ทำใจรับได้ยาก ก็ถามเขาว่าคุณคิดหรือว่าคนไข้เองไม่รู้ตัว บอกให้เขารู้เสีย จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ
เรื่องอะไรที่เขาคิดว่าต้องจัดการในเวลาที่เหลือจะได้ทำได้
พอไปคุยกับคนไข้ เขากลับบอกว่าผมรู้ตัวอยู่แล้ว แต่อย่าบอกภรรยาผมนะ เดี๋ยวเขาจะยิ่งเครียด เราก็จับสองคนมานั่งคุยกัน ปรากฏว่ากอดกันร้องไห้อยู่พัก แล้วบอกว่าไม่เป็นไรเขาจะสู้ไปด้วยกัน"
สิชล ทองยุทธ์ หรือ อ้อย อดีตพนักงานบัญชี กำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านม เริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงมั่นคงว่า รู้ตัวมาเกือบปีแล้ว แต่ไม่เคยบอกให้แม่รู้ เพราะคิดว่าแม่จะทุกข์กว่าตนเป็นร้อยเท่า "แต่มันอึดอัดอยู่กันแม่ลูกสองคน แล้วเราไม่ได้แชร์ความทุกข์เรา เพื่อนๆ ก็แนะนำให้บอกแม่เพราะแม่เองก็จะต้องเตรียมตัวด้วย – วันหนึ่ง
เราอาจจะไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว
"
"แม่.. หนูเป็นเนื้องอกที่เป็นปัญหา ยังไม่ใช้คำว่ามะเร็ง แม่นิ่ง ( น้ำตาของเธอพรั่งพรู เมื่อทบทวนถึงความรู้สึกของแม่ ) แม่ถามว่าทำไมไม่ไปผ่าตัด ก็บอกว่าไม่ใช่ทางเลือกของเรา เขาก็นิ่งไปเลย
แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าโล่งมาก
เพราะเก็บเรื่องนี้มาเป็นปี - -
ตอนเย็นรู้สึกว่ากับข้าวที่แม่ทำอร่อยมาก เขาคงใส่ความรักลงไป
"
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 มกราคม 2554 19:25:35 โดย เงาฝัน
»
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
Re: มรณานุสติ : เรียนรู้ความตายอย่างมีสติ : พระไพศาล
«
ตอบ #6 เมื่อ:
09 มิถุนายน 2553 18:01:52 »
นายแพทย์พรเลิศ กล่าวว่าในทางการแพทย์เองก็ถือว่าจิตใจของคนไข้เป็นเรื่องที่สำคัญ ที่ต้องดูแลไม่น้อยไปกว่าการเยียวยาทางกาย ดังมีคำพูดว่า…
เราสามารถรักษาคนไข้ได้เป็นบางเวลา และบางคน แต่เราทำให้เขาเป็นสุขได้ทุกครั้ง”
โดยเฉพาะในรายที่รักษาไม่หายแล้ว นอกจากการพยายามช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทางกาย จะต้องช่วยเหลือดูแลในเรื่องจิตใจ และบอกให้คนไข้และญาติรู้ถึงข้อมูลในการรักษาอย่างเต็มที่ รู้ถึงอาการที่จะเกิด ผลของยา บอกทางเลือกในกรณีที่มีวิธีรักษาบางอย่างที่ช่วยยืดอายุได้ ไม่ว่าเป็นชั่วโมง วัน หรือสัปดาห์
รวมถึงผลดีที่คาด และผลเสียที่อาจได้รับ
เพราะการยืดอายุอาจหมายถึงเวลาของการเตรียมตัวเตรียมใจ การสะสางสิ่งที่คั่งค้าง ตั้งสติและเตรียมจิตอย่างสงบ - - หรือเป็นเพียงการยืดสัญญาณชีพ
"กรณีที่เจอบ่อยก็คือ
จะช่วยชีวิตหรือไม่ ใส่ท่อหรือไม่ใส่
ขึ้นอยู่กับแต่ละราย เขาให้ความหมายกับอะไร กับการเต้นของหัวใจ หรือการมีสติรับรู้ต้องคุยกับทีมแพทย์เอง กับคนไข้และญาติ กรณีที่คนไข้ไม่รู้สึกตัวแล้ว ต้องถามญาติว่าเขาได้เคยสั่งเสียอะไรไว้ไหม หรือคุยกับคนที่รู้จักคนไข้ดีที่สุด - - เพราะถ้าเราเริ่ม life support แล้วจะหยุดไม่ได้
เขาควรรู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร
ซึ่งอาจจะ
ยืดเยื้อ
ทนทุกข์
ทรมาน
ควบคู่ไปกับการรักษาพยาบาลให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว สิ่งที่เราสามารถช่วยเหลือไปพร้อมกันในทางจิตใจ ได้แก่
การให้ความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข : ในขณะที่ร่างกายกำลังเจ็บปวด และความตายกำลังจะมาถึง สิ่งที่นเราหวาดกลัวมากที่สุด คือการถูกทอดทิ้งให้เผชิญกับความหวาดกลัวต่างๆ เพียงลำพัง ความรักจากคนรอบข้างรวมถึงแพทย์พยาบาล
ย่อมช่วยให้จิตใจที่เปราะบางของเขาเข็มแข็งขึ้น
และพึงระลึกว่าความเจ็บปวดที่รุมเร้า
อาจทำให้จิตใจ และอารมณ์
ของเขาแปรปรวน ควรอดทนด้วยความเข้าใจ
การช่วยให้เขายอมรับความตายที่จะมาถึง
: ในหลายกรณีการยอมรับความตายอาจทำได้ยาก และต้องใช้เวลา เราอาจเริ่มต้นด้วยการยอมรับความกลัวตายของตนเอง อย่าเทศนาสั่งสอน หากรับฟังความรู้สึกเขาอย่างจริงใจ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการผู้มากประสบการณ์ หรือนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญ เพียงแต่ต้องการใครสักคนที่แสดงทีท่าว่าพยายามจะเข้าใจเขา ในที่สุดแล้ว การรับฟังและแบ่งปัน อาจช่วยให้จิตใจของเขาคลี่คลาย
คิดได้ว่าความตายนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องลงเอย
อย่างเลวร้าย
เช่นที่เขากลัว
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
Re: มรณานุสติ : เรียนรู้ความตายอย่างมีสติ : พระไพศาล
«
ตอบ #7 เมื่อ:
09 มิถุนายน 2553 18:46:20 »
การช่วยปลดเปลื้องสิ่งที่ค้างคาใจ :
คนเราไม่อาจจากไปอย่างสงบได้หากมีภาระที่คั่งค้าง หรือมีเรื่องราวจากอดีตที่ยังติดค้างอยู่ในใจ เราอาจช่วยสะสางธุระต่างๆ และพูดคุยให้เขาค่อยๆ คายสิ่งที่อยู่ในใจ ชวนให้เขาแผ่เมตตา อโหสิกรรม ชวนให้เขายอมรับ และกล่าวขอโทษทั้งต่อหน้า หรือการเขียนจดหมาย ให้เขาตระหนักว่า ยามใกล้ตายเป็นวาระสำคัญสำคัญสำหรับการคืนดี
และการยอมรับ
สิ่งที่ได้ทำมา
การช่วยให้จิตใจจดจ่อกับสิ่งดีงาม :
อาจทำได้หลายวิธี เช่น นำพระพุทธรูป สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งที่บุคคลนั้นนับถือมาตั้งไว้ในห้อง เปิดเทปสวดมนต์ เทปธรรมะ หรือดนตรีที่เขาชอบฟัง ที่ฟังแล้วช่วยให้จิตใจเขาสงบ สวดมนต์หรือทำสมาธิภาวนาไปพร้อมกับเขาชวนให้เขาระลึกถึงคุณงามความดี และกุศลที่ได้ทำมา
เพราะไม่ว่าคนๆ นั้นจะมีหรือจน หรือทำตัวผิดพลาดมาอย่างไร ย่อมเคยทำ
ความดีที่น่าระลึกถึง
ไม่มากก็น้อย
ซึ่งไม่ได้หมายความถึงการทำบุญกับพระหรือศาสนาเท่านั้น การเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี ดูแลพ่อแม่ด้วยความรัก หรือเสียสละเพื่อคนอื่น
ล้วนเป็นกุศล
ที่เขาสามารถมั่นใจได้ว่าจะพาตน
ไปสู่สุคติ
ชวนให้เขามองการป่วยไข้ในทางที่เป็นประโยชน์ เป็นอีกบทเรียนของการตระหนักรู้ มิใช่การชดใช้กรรม นอกจากนี้อาจชวนให้เขาทำบุญ เช่นบริจาคทรัพย์สิน ทำทานแก่คนยากจนไร้โอกาส ซึ่งจะช่วยให้เขาละจากการติดยึดในทรัพย์สิน และโลกนี้ได้ในทางอ้อม
การช่วยให้ปล่อยวางสิ่งต่างๆ :
ในบรรดาสิ่งยึดติดทั้งหลาย
ไม่มีอะไรที่ลึกซึ้งแน่นหนากว่า
ความยึดติด
ในตัวตน
เราอาจใช้ประสบการณ์จากการทำมรณสติ ค่อยๆ ชักจูงให้เขาปล่อยวางสิ่งต่างๆ จากสิ่งที่หยาบอย่างทรัพย์สินไปสู่สิ่งที่ละเอียดอย่างตัวตน ในทางพุทธแล้วถือว่าการตาย
เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่แก่การค่อยๆ ลอกสิ่งที่จิตปรุงแต่งไว้ตลอดชีวิต ให้เหลือแต่
จิตแท้ที่บริสุทธิ์ หรือพุทธภาวะ
ที่จะไม่ยึดอยู่กับสิ่งใดอีกเลย
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
Re: มรณานุสติ : เรียนรู้ความตายอย่างมีสติ : พระไพศาล
«
ตอบ #8 เมื่อ:
09 มิถุนายน 2553 19:49:38 »
การสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการสงบใจ :
พึงระลึกว่าการรับรู้และอารมณ์ของผู้ป่วยนั้นเปราะบาง และละเอียดอ่อนมาก เราควรให้เขาได้อยู่ในที่ที่เขารู้สึกสงบ และอบอุ่นใจ ญาติมิตร
ควรหลีกเลี่ยง
การแสดงความเศร้าโศก สลดหดหู่ หรือการโต้เถียงวิวาท
ทุกวันนี้คนเรามักตายที่โรงพยาบาลมากกว่าที่บ้าน เราควรพูดทำความเข้าใจกับแพทย์พยาบาล ให้งดการตรวจ เจาะ หรือการรักษาใดๆ ที่ไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตามพระไพศาล ขยายความในประเด็นสุดท้ายว่าการโน้มน้าวให้จิตผู้ป่วยสงบนั้น ทำได้ทุกที่ทุกเวลา แม้เขาจะอยู่ในขั้นโคม่า หรือในห้องไอซียู การสัมผัสมือหรือร่างกายเขาเบาๆ สวดมนต์ให้เขาฟังล้วนมีผลต่อจิตใจของเขา แม้ว่าร่างกายของเขาดูจะไม่ตอบสนองรับรู้
เช่นมีคนไข้รายหนึ่งนอนหมดสติอยู่ในห้องไอซียูเป็นอาทิตย์ ภายหลังเขาเล่าว่า หลายครั้งเขารู้สึกเคว้งคว้างเหมือนใจจะหลุดลอยไป แต่แล้วก็มีมือมาแตะที่ตัวเขาพร้อมกับพลังบางอย่าง ใจที่เคว้ง เหมือนจะขาดก้กลับมาใหม่ และเป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ในที่สุดเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาทั้งๆ ที่แพทย์บอกว่าโอกาสรอดน้อยมาก เขาจึงรู้ว่ามีพยาบาลคนหนึ่งที่ทุกเช้าเมื่อขึ้นเวร จะมาจับมือเขาแล้วแผ่เมตตาให้กำลังใจแก่เขา
พระไพศาล ฝากไว้ว่า "แม้สัญญาณชีพหมดแล้วก็ควรรักษาบรรยากาศที่สงบนั้นต่อไป อย่างเพิ่งเข้าไปมะรุมมะตุ้ม หรือร้องไห้กอดรัด จิตอาจกำลังอยู่ในช่วงละร่าง อาจจะตระหนกตกใจ เราอาจช่วยตีระฆัง หรือสวดมนต์ส่งจิต บอกเขาว่าไปแล้วนะ ขอให้ไปในที่ที่ดี"
เราทุกคนย่อมปรารถนาการตายอย่างสงบ หากระลึกได้ว่าความตายติดตามเราอยู่ทุกนาที เราย่อมมีชีวิตโดยไม่ประมาท และรู้ตัวดีว่า ยังมีการบ้านอีกมากที่ต้องทำ และต้องลงมือทำอย่างไม่ผัดวันประกันพรุ่ง
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 มิถุนายน 2553 08:50:23 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: เพิ่มภาพค่ะ
»
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
Re: มรณานุสติ : เรียนรู้ความตายอย่างมีสติ : พระไพศาล
«
ตอบ #9 เมื่อ:
10 มิถุนายน 2553 05:38:00 »
มรณานุสติ : เรียนรู้ความตายอย่างมีสติ : พระไพศาล
เพื่อเตรียมเผชิญหน้า
กับความตาย
ทั้งของตนเอง
และคนใกล้ตัว
“ เรากลัวความตายเพราะว่ากลัวตัวตนจะดับสูญ ความตายมารื้อถอนมันทิ้งทั้งๆ ที่มันพยายามจะเป็นอมตะ
ยิ่งตัวตนใหญ่โตเท่าไร ยิ่งกลัวตายเท่านั้น ”
พระไพศาล วิลาโล
“ ทุกค่ำคืนก่อนเข้านอน ฉันจะเก็บล้างถ้วยชาที่ได้ใช้ดื่มกินมาตลอดวัน เผื่อว่าหากฉันหลับและไม่ตื่นขึ้นมาอีก
เมื่อรุ่งเช้ามาถึงจะได้ไม่ต้องมีใครมาเก็บล้างภาระที่ฉันคั่งค้างไว้ ”
ลามะ นิกายนิงมาปะ
“ ความดับไม่เหลือมีวิธีปฏิบัติเป็นสองชนิด คือตามปกติขอให้มีความดับไม่เหลือแห่งความรู้สึกยึดถือ
‘ ตัวกู ' หรือ ‘ ของกู ' อยู่เป็นประจำ อีกอย่างหมายถึงเมื่อร่างกายจะต้องแตกดับไปจริงๆ
ขอให้ปล่อยทั้งหมดรวมทั้งร่างกาย ชีวิต จิตใจ ให้ดับครั้งสุดท้าย ไม่มีเชื้ออะไรเหลืออยู่ หวังอยู่
สำหรับการเกิดมีตัวเราขึ้นมาอีก ”
พุทธทาสภิกขุ
“ ไม่มีวิธีใดอีกแล้วที่จะเร่งให้คุณเติบโตเยี่ยงมนุษย์ได้ดีไปกว่าการช่วยเหลือผู้ใหล้ตาย การดูแลเอาใจใส่
ผู้ใกล้ตายแท้ที่จริงก็คือ การเพ่งพินิจความตายของตัวคุณเองอย่างลึกซึ้ง ”
โซเกียล รินโปเช
อ้างอิงจาก : เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ ‘ เผชิญความตายอย่างสงบ ' และ ' ประตูสู่สภาวะใหม่ '
สนใจการอบรม ‘ เผชิญความตายอย่างสงบ ' ติดต่อเครือข่ายพุทธิกา ฯ โทร .(02) 314-7385-6
ข้อมูลจาก - intania82.com
เครดิต :
http://hilight.kapook.com/view/24298
และ :
http://www.intania82.com/index.php?act=ST&f=15&t=1264
หนังสือเหมาะแก่การพิจารณาความตาย
คู่มือมนุษย์ : พุทธทาสภิกขุ
เพ่งพินิจเรื่องชีวิตและความตาย : โซเกียล รินโปเช เขียน ; พจนา จันทรสันติ แปล
เหนือห้วงมหรรณพ : โซเกียล รินโปเช เขียน ; พระไพศาล วิสาโล แปล
มรณกรรมที่งดงาม : สุชีลา แบล็คแมน รวบรวมและเรียบเรียง ; ธารา รินศานต์ แปล
เราตายอย่างไร : เชอร์วิน บี นูแลนด์ เขียน ; วเนช แปล
ข้อมูลเดิมนำมาจาก : เวปอกาลิโก โดย : มดเอ็กซ์ และเวปเขากะลา11.คอม
ภาพจาก : อินเตอร์เน็ท
ขอบพระคุณที่มาทั้งหมดมากมาย
อนุโมทนาค่ะ
บันทึกการเข้า
คำค้น:
พระไพศาล วิสาโล
ศิลปะการใช้ชีวิต
ศิลปการเผชิญความตาย
ฝึกการเรียนรู้
มรณานุสติ
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...