พุทธทำนาย (อีกฉบับหนึ่ง)
".... เทวบุตรตนหน่งชื่ออุตตโรโพธิสัตว์เจ้านั้น ได้รับนิมนต์ของอินทาธิราชเจ้าฟ้า แล้วจุติจากชั้นฟ้าดุสิตาจักลงมาเกิดในเมืองอังครัฐ วันตกเขาอินทนนท์ วันออกแจ่งใต้ฝั่งแม่น้ำกลาง เพราะเมืองอังครัฐนั้นประเสริฐยิ่งนัก เป็นที่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมมาจำวสาที่นี่ทุกองค์ .. เมื่อท่านเกิดในปีกัดเป้า เดือน ๗ เพ็งเม็งวันจันทร์ จุลสักได้ ๑๒๔๖ ตัว ...เมื่อบวชเป็นภิกษุแล้ว ชาวภิกษุหลุ้มชังท่านมากนัก บ่ได้ร่วมอุโบสถกับด้วยชาวเจ้าทังหลาย มีความเทศนาสั่งสอนคนทังหลายหื้อไปสู่ทางดี รักษาศีล เมตตา ภาวนา ยามนั้นเทวบุตรตนเป็นสหาย ท่านลงมาเกิดช่วยสมภารท่าน เขตเมืองคมันโตนพบุรีในปีกาบยี จุลสักราชได้ ๑๒๗๖ เป็นภิกษุแล้วจัดเข้าไปพ่ำเพ็งสมณธรรมอยู่ในป่า ภิกษุทังหลายก็จักหนี้เข้ามาอยู่ในเมืองทุกที่ทุกแห่ง ก็จักมามุสาอุบายบอกหื้อคนหลงเชื่อว่า ตนบุญเกิดหั้น เกิดหนี้ จักจุคนทังหลายไปทานกระทำบุญแต่งตื่นกันมากนักก็จักพากันหลงใหลไปทาน เข้าใจว่าตนบุญลงมาเกิด
จักเป็นตนบุญแท้นั้นก็เท่ากับเป็นอุมุต และถะหลิอุบายบ่ดาย ก็จักเกิดมียามนั้นชาแล ฝนหล้างดีตกก็บ่ตก มีฝนแล้ว ก็หายเปล่งไป มีทางบ่มีคนไต่ มีแต่รอยงูไขว่กัน หันพันทางหน้อยขว่ายทางหลวง มีเข้าบ่มีคนตำ มีนาบ่ช่างไถแลหว่านกล้า บัวราญว่าไว้ ลวดบ่ถือทือเอา มีหูกบ่ช่างทอ มีผ้าต้อยพ้อยบ่นุ่ง มีธรรมบ่ช่างผ่อและเล่าลือ มีหนังสืออัขระบัวราญสืบมาแต่เช่นก่อนบ่ช่างเล่าช่างเรียน มีแต่เล่าเขียนเอาใหม่ไจ้ๆ บ่ว่าภิกขุแลสามเณร ก็จักพากันร้องไห้อยู่อบายพื้นหมื่นชาแล เอารีดเมืองเพื่อนมาเป็นเมืองตัว เผียบเหมือนละเมียไปเปียทางชู้ จักวอดวายฉิบหายไปชั่วนี้และชั่วหน้าแล
ยาม นั้นก่ำปุ้งหลวงก็ชักผ่านสายใยกลางเมือง พระภิกขุจักเบื่อวินัยธรรม เอากระดาษมาจ่ายเป็นค่าซื้อขายกันกินทุกที่ทุกแห่ง ผีหัวหลวงบินบนอากาศ จักพุ่งส้าวทังเมื่อวันเมื่อคืนหื้อคนทังหลายหันทุกแห่ง เพราะเจ้าขุนแต่งบ่ชอบคำบัวราณ มักเหล้นงาช้างล่อชน กินกันก็จักมีกาละยามนั้นชาแล จับลางทีก็จักเป็นเพลี้ยงด้วง แมงบ้งกัดมากนักชาแล
คนมายามนั้น อายุก็สั้นนัก เดือนสั้นพลันค่ำพลันแจ้ง เขาจักมีเตชะฤทธีมากนักดำดินบินบนโยนขึ้นไปบนอากาศก็ได้ตามใจมักของเขา ก็จักมียามนั้นชาแล ชาวเจ้าภิขุทังหลายก็จักละสิขาบทวินัยเดิม กุมผ้าเยวแขนเหมือนงวงช้างเอาถงห้อยศอกแอ่ว จรเดินไปเทศนาธรรมตามบ้านน้อยเมืองใหญ่ ชุที่ชุแห่งชาแล ตัวอักระ พยัญชนะ
อร รถะบาลี ก็จักแต่งแปงเอาแถมใหม่ คำยาวหื้อเป็นคำสั้น คำสั้นหื้อเป็นคำยาว ก็จักเป็นบาปกรรมแหน้นหนา แก่เขามากนักชาแล น้ำธรรมคำสอนก็จักเอาคว่างทุมเสียก็แปงเอาแถมใหม่หาว่าธรรมเก่าบ่ถูกบ่แม่น คำสอนของพระพุทธเจ้าชาแล ก็จักค้อนเอาแถมใหม่เรียนชาวต่างภาษา พุทธรูปเจดีย์พระธาตุพระบาทมีที่ไหนก็จักพากันไปยกผ่าเอาหัวใจขุดกูหื้อหลุ ไป ค่ำศาสนาพระพุทธเจ้า ครั้นต่ายไปก็จักไปร้องไห้อยู่ก้นหม้อมหาอเวจีนรกโพ้นหมื่นชาแล ๒๕00 พระวสา ปลายไปเถิง ๓000 พระวสานั้น เป็นศาสนาของพระยามหากษัตริย์ เสนาอามาตย์ ปุถุชน ภิกขุสงค์ทังหลาย ปกครองรักษาอาชญาบ้านเมือง ตัดถ้อยตัดความก็จักเปลี่ยนแปลงเอาแถมใหม่ มอมหมิ่นไก่ล่อชนกันกินค่าจ้าง ฝ่ายใดนีดว่าฝ่ายนั้นแพ้ มีแต่โลภะตัณหา กินบ่อิ่มบ่ค่าย แม้ว่าเอาผัวเอาเมียก็จักได้เสียค่าส่วนไร ค่าเช่ามากนัก ครั้นสร้างวัดวาอารามแปงกุฏีวิหาร พระธาตุ โบสถ์ เคหะ หอเรือน คนทังหลายเยียะไร่นา และแม่งัวตัวควาย ซื้อขายก็จักมาเก็บภาษีค่าเช่าของคนทังหลาย ทุกสิ่งทุกอย่างนั่งไหนไห้หั้น ก็จักเอาเด็กน้อยไปออกันไว้เป็นแห่ง ก็ทุกข์ยากกั้นอยาก เป็นโจรขโมยขึ้นยาดแควกันกินทุกที่ทุกแห่ง เข้าก็จักแพงมากนัก พ่อชายทังหลายขายลูกขายเมียของเขามาเลี้ยงอินทรีย์ชีวิตชาแล ผู้หญิงหนุ่มทั้งหลายก็จักขายตั๋วมากนัก ไปทางเหนือก็จักเฝือกันคืนมา ไปทางใต้ก็จักได้ไห้คืนมา ไปทางตะวันตกก็จักได้หกคืนมา ไปทางวันออกก็จักได้พอกคืนมา แม้ว่าตายไปก็จักลอกคราบห้อยฝาเฮือนไว้ แม่นว่าพระอาทิตย์ตกลับดอยไปแล้ว ท้าวพญาทังหลายจักแปงแสงอาทิตย์แจ้งเปล่งดีงามเหมือนเมื่อพระอาทิตย์บ่ตก เทื่อนั้นแล ลางพร่องอยู่เมืองพาราณสี พร่องอยู่เมืองกบิลวัตถุนครอู้กันฟู่กันก็ได้ยินเสียงปากถี่เหมือนอยู่ใกล้ กันนั้นแล.... เพราะว่าผีวิสาจร้ายมายุยงหัวใจแม่ญิงพ่อชายหนุ่มทังหลายฝูงนั้นหื้อทำเพศ เหมือนผี นุ่งผ้าเสื้อก็จดมะต่อมทางหลัง นุ่งเตี่ยวขาสั้นขายาว ตัดผมแลงอผม ย้อมริมฝีปากแลเล็บของเขาหื้อแดง....... ซากศพผีตายก็จักสักเสินว่าดี เอาฆ้องกลองมาแห่ประดับหย่านหย้องหื้องาม หาว่าเป็นของดี เอาเหล้ามาสู่กันกิน เล่นภ้ายแลโป ข้า(ฆ่า)งัวข้าควาย และข้าสัตว์น้อยตัวใหญ่มาสู่กันกิน
แม่ญิงพ่อชายจักพากันตัดผมนุ่งเตี่ยว แม่ญิงพ่อชายผ่อไกลๆ บ่รู้จักทักว่าญิงก็กลัวบ่แม่น จักว่าผู้ชายก็กลัวบ่แม่น........ ละรีตเก่ารอยหลัก นุ่งสิ้นและเตี่ยวรัดเอวเหมือนกับแมงใบ้ นุ่งเสื้อก็แหวกทางหลัง เหมือนกันหายผีไปทุมเผายังป่าช้า......
คนทังหลายเกิดยามนั้นจักมีฤทธีเต ชะมากนักดำดินบินบน ซานไปด้วยอากาศก็ได้ หนทางไกลได้ ๘ เดือน และ ๙ เดือน เขาก็ซานไปประมาณเกิ่งฝากเข้างายเดียวก็เถิงห้อเขาเวยนัก เหมือนกับฟ้าแมบ ก็จักมีในยามนั้นหมื่นชาแล เขามีศาสตร์ศิลป์ สวาดธิบายของเขา มีพละกำลังแรงยิ่งกว่าช้างพลายสารหลายหมื่นตัวแสนตัว ก็จักปรากฏมีในในกาละยามนั้นแล พิษณุกรรม แม่ธรณีเหิย เขาอู้ฟู่กันและซาบกัน บ่าว่าไกลแลไกล้ก็จักได้ยินเสียงปากเหมือนกันทุกคน แม้นว่าเขาดับจิตไปแล้วอวายจิตและเสียงปากมาอู้ฟู่กันได้ จังแปงรูปปั้นคนตายนั้นไว้หื้อยกย่างย้ายไปมา อู้แลปาก และใคร่หัวเหิดสู้ย่างเทียวไปมาเหมือนดั่งบ่ตายนั้นแล แม่น้ำมหาสมุทรเลิ๊กยิ่งกว่าเล็ก ก็จักดำลงไปเดินเทียวในน้ำมหาสมุทร ผาบแพ้เงือกงาปลาผาจักเข้และมังกรมากกระทำร้ายหื้อเขาฝูงนั้นได้ ..... ดอยหินผาใหญ่และสูงนัก ขึ้นสองสามวันจึ่งรอด เขาก็แปงอะม็อกสินาดยิงดอยหินนั้นคำเดียวแตกย่อยเป็นขะจวนไปเสี้ยง เลี่ยนเกลี้ยงเหมือนหน้ากลองสะบัดชัยชาแล เขาจักแปงลูกยางใหญ่ตั้งข่ายผังป้องบ้านป้องเมืองไว้ ครั้นว่าข้าเศิกศัตรูจักมารบและทำร้ายลู่เอาบ้านเมือง ครั้นว่ามาย่ำใส่ข่ายที่เขาฝังไว้นั้น ตายตั้งล้านตั้งโกฏิบ่หลอได้สักคนก็จักมีในกาละยามนั้นหมื่นชาแล เขาก็แข่งฤทธีแปงเดือนดาวพุ่งขึ้นไปมรทิศท้องอากาศเป็นหางเป็นควันหื้อคนทัง หลายได้หันทุกที่ทุกแห่งก็จักมียามนั้นชาแล
หมายเหตุ / คัดจากบางส่วนของบทความเรื่อง "พุทธทำนายเรื่องความเจริญทางเทคโนโลยีของมนุษย์"
พิมพ์ในหนังสือ สารสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ประจำเดือน กรกฎาคม 2546
Credits:
เวบไซท์ Astroneemo (อ.โม่)