Tie a yellow ribbon round the old oak tree
เพลงยุค Sixty ยอดขายเกิน ล้าน Copies
Going Home ของ Pete Hamill (เรื่องประพันธ์ที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุด)
เด็กวัยรุ่นหกคน ชายสาม หญิงสาม กำลังจะเดินทางไป ฟอร์ด เลาเดอร์เดล (Ford Lauderdale) ที่ฟลอริดา พวกเขาขึ้นรถประจำทางที่ถนนสาย34 พร้อมกับแซนวิชและไวน์ใส่ถุงกระดาษ พวกเขาฝันถึงชายหาดสีทองอร่าม และเกลียวคลื่นในทะเลในขณะที่ฤดูใบไม้ผลิที่เย็นยะเยือกและแสนจะหดหู่ของนิวยอร์คถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง วินโกเองก็อยู่บนรถประจำทางคันนี้ด้วยตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง
เมื่อรถแล่นผ่าน นิว เจอร์ซีย์ พวกเด็กๆก็เริ่มสังเกตเห็นว่า วินโกนั้นไม่ขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว เขานั่งอยู่ข้างหน้าพวกเด็กๆ ใบหน้ามอมแมมเต็มไปด้วยฝุ่นของเขาอำพรางอายุที่แท้จริงเอาไว้ เขาสวมชุดสีน้ำตาลเรียบๆที่ดูไม่ค่อยจะพอดีตัวเขานัก นิ้วของเขามีคราบเหลืองจากบุหรี่ และเขาก็เม้มริมฝีปากด้านในเข้าไปมาก เขานั่งอยู่ในความเงียบงันนั้นเพียงลำพัง เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงกลางดึก รถประจำทางก็แวะจอดตรงหน้าภัตตาคาร โฮวาร์ด จอห์นสัน ทุกคนลงจากรถเว้นเสียแต่วินโก
พวกเด็กๆวัยรุ่นเริ่มสนใจในตัวเขา ต่างพากันจินตนาการว่าเขาเป็นใคร เขาอาจจะเป็นกัปตันเรือเดินทะเล เขาอาจจะหนีภรรยามา หรือเขาอาจจะเป็นทหารแก่ๆ ที่กำลังจะกลับบ้านเกิดก็เป็นได้ เมื่อพวกผู้โดยสารกลับมาขึ้นรถอีกครั้ง เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มก็ย้ายไปนั่งข้างๆวินโกและเริ่มแนะนำตัวเอง
เรากำลังจะไปฟลอริดา เด็กสาวพูดอย่างร่าเริง คุณจะไปไกลถึงฟลอริดามั้ย
ไม่รู้เหมือนกัน วินโกตอบ
ฉันยังไม่เคยไปฟลอริดาเลยนะเด็กสาวกล่าว ได้ยินมาว่าที่นั่นสวยมาก
สวยจริงๆ วินโกตอบเสียงแผ่วเบา คล้ายกับว่าเขากำลังนึกถึงเรื่องราวที่เขาพยายามจะลืมมันเสีย
คุณอยู่ที่นั่นเหรอ
ผมเคยอยู่ในกองทัพเรือที่แจ๊กสันวิลล์
อยากได้ไวน์สักหน่อยมั้ย เด็กสาวถาม
วินโกยิ้มพลางรับขวดไวน์ไปดื่มอึกใหญ่ เขาขอบคุณเธอแล้วก็ถอยกลับไปอยู่ในความเงียบอีกครั้ง หลังจากนั้นเมื่อเขาผล็อยหลับไปเด็กสาวก็กลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนของเธอ รุ่งเช้าพวกเขาก็มาถึงภัตตาคาร โฮวาร์ด จอห์นสัน อีกแห่งหนึ่ง คราวนี้วินโกเข้าไปในร้านด้วย เด็กสาวคนเดิมคะยั้นคะยอให้เขามานั่งด้วยกัน วินโกมีท่าทางอายๆ เขาสั่งกาแฟดำมาดื่มและสูบบุหรี่ด้วยท่าทางประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่เด็กๆวัยรุ่นพูดถึงการนอนอาบแดดบนชายหาด
เมื่อพวกเขากลับไปถึงรถ เด็กสาวคนนั้นก็มานั่งข้างวินโกเหมือนเคย จากนั้นไม่นานนัก เขาก็ค่อยๆเริ่มเล่าเรื่องชีวิตของเขาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด เขาถูกคุมขังอยู่ในคุกที่นิวยอร์คมาตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมา และตอนนี้เขาก็กำลังจะกลับบ้าน
คุณแต่งงานแล้วหรือยัง
ไม่รู้เหมือนกัน
คุณไม่รู้อย่างนั้นหรือ เด็กสาวถามอย่างประหลาดใจ
ก็ทำนองนั้นคือ เมื่อตอนที่ผมอยู่ในคุก ผมเขียนไปหาภรรยาผม ผมบอกเธอว่า มาร์ธา ผมเข้าใจถ้าเกิดคุณไม่สามารถจะทนเป็นภรรยาผมได้อีกต่อไป ผมบอกเธอว่าคราวนี้ผมจะไปนานมาก และถ้าเธอทนไม่ไหว ถ้าลูกๆคอยถามแต่เรื่องที่เธอตอบไม่ได้ ถ้าเรื่องนี้มันทำให้เธอเจ็บปวดมาก เธอจะลืมผมก็ได้ แล้วก็หาใครคนใหม่เสีย
เธอเป็นผู้หญิงที่วิเศษมากจริงๆนะ ผมบอกว่า ลืมผมไปได้เลย แล้วผมยังบอกเธอด้วยนะว่าไม่ต้องเขียนหาผม ไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วเธอก็ไม่เขียนจดหมายมาหาผม ไม่มีเลยสักฉบับตลอดสามปีครึ่งที่ผ่านมา
แล้วคุณจะกลับไปบ้านทั้งๆที่ยังไม่รู้อะไรเลยเนี่ยนะ
ครับ เขาตอบอายๆ
คือว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พอผมแน่ใจว่าทัณฑ์บนของผมจะได้รับการอนุมัติ ผมก็เขียนไปหาเธออีก ผมบอกเธอว่า ถ้าเธอมีคนใหม่แล้วผมก็เข้าใจ แต่ถ้าเธอยังไม่มีใคร และเธอยังต้องการผมอยู่ เธอควรจะบอกให้ผมรู้ เราเคยอยู่ในเมืองบรุนสวิก ที่เมืองนี้มีต้นโอ๊กต้นใหญ่อยู่หน้าเมือง ใครผ่านไปมาเป็นต้องเห็นต้นโอ๊คนี่ทุกคน ผมบอกเธอว่า ถ้าเธอยังต้องการผมอยู่ล่ะก็ ขอให้เธอผูกผ้าเช็ดหน้าสีเหลือง (ในเรื่องเป็นผ้าเช็ดหน้า แต่ในเพลงเปลี่ยนเป็นริบบิ้น)ไว้บนต้นไม้ ผมจะได้ลงจากรถแล้วตรงกลับบ้าน แต่ถ้าเธอไม่ต้องการผมอีกต่อไปแล้ว ก็ลืมเรื่องนี้ซะ ถ้าผมไม่เห็นผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองผูกอยู่บนต้นโอ๊ก ผมก็จะนั่งรถต่อไปเรื่อยๆ
โอ้โห เด็กสาวได้แต่อุทาน โอ้โห
เธอรีบเอาเรื่องนี้ไปบอกเพื่อนๆ ในไม่ช้า ทุกคนต่างพากันรอเวลาที่รถประจำทางจะไปถึงเมืองบรุนสวิกอย่างใจจดใจจ่อ บ้างก็ดูรูปภรรยาและลูกที่วินโกเอาออกมาอวด
ตอนนี้เหลืออีกยี่สิบไมล์ก็จะถึงเมืองบรุนสวิก...
พวกเด็กๆทุกคนก็เข้าจับจองที่นั่งติดหน้าต่างทางด้านขวาของรถ เฝ้ารอเวลาที่ต้นโอ๊คจะปรากฏขึ้นสู่สายตา วินโกหยุดมอง พยายามฝืนทำหน้าเรียบเฉยเหมือนใส่หน้ากาก ราวกับว่าพยายามทำให้ตัวเองเข้มแข็งเพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับความผิดหวังอีกครั้ง
จากนั้นระยะทางก็หดสั้นลงเหลือสิบไมล์...
ห้าไมล์...
ความเงียบเข้าปกคลุมทุกชีวิตในรถประจำทางคันนั้น
ทันใดนั้นเอง พวกเด็กๆก็พากันกระโดดลุกขึ้นจากที่นั่ง กรีดเสียงร้องตะโกน บ้างก็ร้องไห้ บางคนก็เต้นระบำด้วยนิดหน่อย บ้างก็กำหมัดชูเร่าๆเพื่อประกาศถึงชัยชนะและความยินดีปรีดาปราโมทย์ ทุกคนยกเว้นวินโก
วินโกยังคงนั่งอึ้งตะลึงงันอยู่ที่เดิม ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ต้นโอ๊คใหญ่ตรงหน้าที่เต็มไปด้วยผ้าเช็ดหน้า สีเหลือง 20 หรืออาจจะ 30 หรืออาจจะถึงร้อยผืน ต้นโอ๊คยืนตระหง่านอยู่ ณ ที่นั้น ผ้าเช็ดหน้าสีเหลืองโบกสะบัดพลิ้วอยู่ในสายลมราวกับป้ายขอต้อนรับกลับบ้าน
ขณะที่พวกเด็กๆร้องตะโกนด้วยความดีใจ
วินโกก็ค่อยๆลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วเดินไปยังประตูหน้าเพื่อลงจากรถและกลับบ้าน