เดินเข้าไปภายในมหาวิหาร อาตมาเห็นตัวอักษรใหญ่ 4 ตัว ภิกษุเฒ่าหยวนกวนบอกอาตมาว่า นั่นคือ “ ต้าสงเป่าเตี้ยน ” (รัตนบัลลังก์มหาชาตรี) มีภิกษุเฒ่า 2 รูปเดินมาต้อนรับอาตมามองสำรวจพวกเขาเห็นภิกษุเฒ่ารูปหนึ่งมีหนวดขาวโพลง ยาวมาก อีกรูปหนึ่งไม่มีหนวด ครั้นพวกเขาเห็นพระธรรมาจารย์หยวนกวนมาถึงก็ย่อตัวกราบกรานอย่างพินอบพิเทา อาตมารำพึงในใจ พระธรรมาจารย์หยวนกวนผู้นี้ ขนาดอรหันต์ภพกลางยังกราบไหว้อย่างอ่อนน้อม แสดงว่าไม่ใช่ชนชั้นธรรมดาแน่ๆ ขณะที่พวกเขานำเราไปที่ห้องรับแขกนั้น อาตมากวาดสายตาดูรอบๆห้องโถง เห็นควันธูปลอยวนเวียน กลิ่นหอมเตะจมูก พื้นห้องล้วนปูด้วยหินขาวที่เปล่งประกายได้ ที่น่าประหลาดก็คือภายในพระวิหารไม่มีพระพุทธรูปแม้แต่องค์เดียว แต่มีเคื่องถวายมากมาย ดอกไม้แต่ละดอกใหญ่เท่าลูกฟุตบอล กลมดิก ยังมีโคมไฟประดับหลากรูปหลายแบบ เปล่งเบญจรังสีงามระยับ
เข้าถึงห้องรับแขก ภิกษุเฒ่าส่งน้ำดื่ม 2 แก้วซึ่งรับมาจากเด็กรับใช้ให้คนละแก้ว เด็กรับใช้คนนั้นไว้ผมแกละ 2 แกละ แต่งกายด้วยชุดสีเขียว เอวคาดสายสีทอง ดูสวยงามมาก น้ำในแก้ว สีขาวบริสุทธิ์ หวานเย็นชุ่มฉ่ำดั่งอมฤต อาตมาดื่มไปครึ่งแก้วกว่า ท่านธรรมาจารย์เฒ่าหยวนกวนก็ดื่มด้วย ดื่มน้ำนี้แล้วรู้สึกจิตใจแจ่มใสกระปรี้กระเปร่า ทั้งตัวโล่งสบาย ไม่รู้สึกเหนื่อยเพลียแม้แต่น้อยท่านธรรมาจารย์เฒ่าหยวนกวนได้พูดจากระซิบกระซาบกับภิกษุเฒ่าพักหนึ่ง ภิกษุเฒ่าก็สั่งเด็กรับใช้พาอาตมาไปอาบน้ำชำระกาย อาตมาเห็นกะละมังทองเหลืองสีขาวลูกหนึ่งใส่น้ำจนล้นปรี่ตั้งอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว อาตมาจึงลงมือล้างหน้าเช็ดตัว จากนั้นจึงห่มจีวรสีเทาที่เตรียมไว้สำหรับอาตมา หลังอาบน้ำแล้วยิ่งรู้สึกสบายทั้งกายใจ อาตมารำพึงในใจ เห็นทีวันนี้อาตมาได้มาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่แท้แล้ว ความชื่นชมโสมนัสในใจนั้น ยากจะบรรยายได้ครั้นกลับถึงห้องรับแขก อาตมาก็คุกเข่าลงเบื้องหน้าภิกษุเฒ่าผู้น้น ก้มกราบ 3 ทีขอให้ช่วยชี้แนะทางสว่าง ถามท่านว่าอนาคตของพุทธศาสนาจะเป็นฉันใด ภิกษุเฒ่าไม่เอื้อนเอ่ยวาจา แต่จับพู่กันขึ้นเขียนตัวอักษร 8 ตัวลงบนแผ่นกระดาษเป็นปริศนาธรรมว่า ....
พุทธ โดย ใจ สร้าง
ศาสน์ จาก มาร ครอง
หน้า 26-27
ภิกษุเฒ่าเขียนเสร็จยื่นส่งให้อาตมา อาตมายื่น 2 มือน้อมรับ ขณะที่ขบคิดตีความตัวอักษร 8 ตัวนี้อยู่นั้น ภิกษุเฒ่าอีกรูปหนึ่งได้อธิบายต่ออาตมาว่า " หนังสือ 8 ตัวนี้ ท่านจะอ่านแบบขวางตั้ง ตั้งขวาง ซ้ายขวา ขวาซ้าย บนล่าง ล่างบน จนอ่านครบ 36 ประโยค ก็จะเข้าใจสภาพของพุทธศาสนาภายใน 100 ปี ต่อจากนี้ไป ถ้านำประโยค 36 ประโยคนี้ไปอนุมานจนได้ครบ 840 ประโยค ก็จะทราบสภาพการพัฒนาในอนาคตของพุทธศาสนาในขอบเขตทั่วโลก จนถึงสิ้นพุทธกาลโน่นแหละ " (ตามที่พระอฃธรรมจารย์ควนจิ้งแย้มพรายให้ทราบ ประโยค 840 ประโยคที่ว่านั้น รอให้โอกาสสุกงอมแล้วจะประกาศให้ทราบต่อไป ระหว่างนี้ขอประกาศแค่ 18 ประโยคก่อน - ผู้เรียบเรียง )สนทนากันพักหนึ่ง ภิกษุเฒ่าก็ให้อาตมาไปพักผ่อนในห้องนอน เด็กรับใช้พาอาตมาเข้าไปในห้องนอน เห็นภายในห้องนอนไม่มีเตียงนอน มีแต่ม้ายาวรูปสวยงามหลายตัวตั้งเรียงรายอยู่ บนม้ายาวปูด้วยผ้าแพรต่วนนุ่มนิ่ม อาตมาจึงเลือกม้านั่งตัวใหญ่ ตัวหนึ่งจากบรรดาม้านั่งทั้งหลาย นั่งทำสมาธิเป็นการพักผ่อน พอนั่งลงเท่านั้น ก็รู้สึกทั้งตัวโล่งสบายอย่างบอกไม่ถูก ตัวเบาหวิว ไม่รู้ก้นตัวเองวางอยู่ที่ใดให้หลังไม่นาน ก็ได้ยินเสียงท่านธรรมาจารย์หยวนกวนร้องเรียกอาตมา อาตมารีบลงจากม้านั่ง เดินออกจากห้องนอน ท่านธรรมาจารย์หยวนกวนกล่าวกับอาตมาว่า " ตอนนี้อาตมาจะพาท่านไปที่สวรรค์ชั้นดุสิต เพื่อนมัสการพระโพธิสัตว์กัจจานะ รวมทั้งพระภิกษุซวีหยุนพระอาจารย์ของท่านด้วย " อาตมาตอบว่า " ประเสริฐมากครับ ขอบคุณที่กรุณา " ขณะจะออกจากมหาวิหาร ความจริงอาตมาคิดจะไปกราบอำลาภิกษุเฒ่า แต่ท่านธรรมาจารย์หยวนกวนกลับยืนกรานว่า " อย่าเลย เวลามีไม่มาก " จุดหมายปลายทางที่เราจะไปตอนนี้คือ สวรรค์ชั้นดุสิต .หน้า 28-29
((( พุทธ โดย ใจ สร้าง ศาสน์ จาก มาร ครอง )))
18 ประโยคนี้ เป็นเรื่องอดีตแล้วตีความดังต่อไปนี้
พุทธ โดย ใจ สร้าง
พระพุทธเจ้าสอนว่า พุทธนั้นเกิดจากใจตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างสร้างโดยใจ เมื่อมีวาสนาผูกพัน ศาสนาพุทธจึงแผ่กว่างไพศาลไปทั่วสากลโลกศาสน์ จาก มาร ครองยุคใกล้สิ้นพระธรรม มารแข็งพระอ่อน คนเรายึดถือชื่อเสียง ลาภ ยศ เป็นที่ตั้ง พระค่อย ๆ เปลี่ยนสีและเข้าสู่ทางมาร ตามชื่อเสียง ลาภยศศาสน์ โดย จาก ใจนโยบายให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา จะนับถือหรือไม่นับถือตามใจท่าน จะไปบังคับผู้อื่นถือพุทธไม่ได้ และพระธรรมวินัยก็ปล่อยให้เสรีด้วยใจ มาร สร้าง ครองที่ยืนหยัดวัตรปฏิบัติกันจริง ๆ มีน้อย ส่วนมากจะทำเพื่อชื่อเสียง เกียรติยศ แสวงผลประโยชน์ในด้านชีวิต นำความเสื่อมเสียมาสู่พุทธศาสนาสร้าง ครอง พุทธ ศาสน์หลังปลดปล่อย รัฐบาลประชาชนทำการปฏิรูปพุทธศาสนา เอาคุณภาพไม่เอาปริมาณ ให้ผู้มิได้บำเพ็ญศีลจริง ๆ สึกโดยสมัครใจ ใช้แรงงานทำงานพึ่งตนเองอยู่ในวัด
สร้าง โดย จาก มาร
ปี พ.ศ.2509 เกิดการปฏิวัติใหญ่ทางวัฒนธรรม ศาสนาพุทธถูกกระทบกระเทือนอย่างหนักมาร สร้าง พุทธ ศาสน์กังฉินหลินเปียวปลุกระดมทหารรักษาการณ์แดง ทำลายการสร้างชาติของจีน ขณะเดียวกันก็ทำลายพุทธศาสนาด้วย ศาสนาพุทธถูกหาว่าเป็นเรื่องหลงเชื่องมงายพุทธ จาก มาร สร้างพระพุทธรูปส่วนใหญ่ ถูกทุบทำลาย วัดวาอารามนอกจากถูกรื้อทิ้งแล้ว ยังถูกนำไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่น เทวรูปและพระพุทธรุปล้วนถูกทำลายหมดสิ้นพุทธ จาก มาร ศาสน์พระเณรในวัด ถูกจัดรวมกลุ่มศึกษาคำสอนเกี่ยวกับลัทธิวัตถุนิยมใจ โดย สร้าง มารศึกษาการปฏิวัติวัฒนธรรมตลอดจนการปฏิวัติวัฒนธรรมสังคม พอเกิดขึ้น ใจคนล้วนถูกมารครอบ การต่อสู้แบ่งพรรคแยกพวก พระสงฆ์ลุ่มหลงในชื่อเสียงศาสน์ โดย ใจ สร้างศาสนาพุทธกลายเป็นศาสนาผี ตกเป็นเป้าหมายของ ภูต ผี ปีศาจ ศาสนาพุทธถูกทำลายหมดสิ้นศาสน์ สร้าง โดย ครอง
ช่วงนี้ไม่มีศาสนาพุทธ พระเณรได้รับการปฏิบัติดุจเดียวกับคนทั่วไป ส่งไปชนบทใช้แรงงานตามนโยบายของรัฐบาล
ครอง สร้าง พุทธ ศาสน์
พระเณรถูกส่งไปฟาร์มเกษตรหรือบ้านเดิม ไปทำไร่ ไถนา ไปใช้แรงงาน ภายใต้การควบคุมสั่งสอนของชาวนา
[/COLOR][/SIZE]
หน้า 30
สร้าง พุทธ โดย ครอง ปีเจี๋ยจื่อฟื้นฟูพุทธศาสนาอย่างเป็นทางการ ประกาศให้เสรีภาพแก่พุทธศาสนา จัดตั้งพุทธสมาคมขึ้นในที่ต่างๆสร้าง ครอง พุทธ ศาสน์ ประธานเติ้งเสี่ยวผิงประกาศให้พุทธศาสนามีเสรีภาพกำหนดเงื่อนไขเสรีภาพของศาสนาพุทธไว้ในบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญครอง ศาสน์ พุทธ ใจ ภิกษุเฒ่ากลับวัดเหมือนลูกกตัญญู ฟื้นฟูบูรณะวัดวาอาราม รัฐให้เงินอุดหนุนสร้างพระพุทธรูป คืนเสรีภาพแก่ศาสนาพุทธอย่างแท้จริงศาสน์ โดย จาก พุทธ ช่วงเริ่มฟื้นฟู 3 ลัทธิคือ ขงจื๋อ เต๋า พุทธ ผู้คนบอกว่าเป็นพุทธทั้งหมด เพราะว่าขาดธรรมาจารย์เทศนาสั่งสอนธรรมะ ผู้คนไม่เข้าใจเหตุผลพุทธใจ โดย จาก ศาสน์ หลังจากคืนเสรีภาพคืนแก่พุทธศาสนาแล้ว พุทธสถานกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ผู้คนสนใจใคร่เรียนรู้และมีความสุขกับพุทธศาสนา พุทธศาสนาเริ่มรุ่งเรืองขึ้นอีกวาระหนึ่ง
------------------------------------------------
* (หมายเหตุ) อาตมาเรียนถามผู้เฒ่าในถ้ำอรหันต์ว่า “อนาคตของศาสนาพุทธในประเทศจีนต่อไปจะเป็นอย่างไร” ผู้เฒ่าใช้ผู่กันเขียนตัวหนังสือ 8 ตัว ผู้เฒ่าอีกคนบอกว่าให้กลับไปใช้สมองค่อยๆคิด ได้ 36 ประโยคจะทราบความนัยเอง ขณะนี้ได้ตีความแล้ว (ไม่แน่ใจว่าจะถูกต้อง ขอให้เป็นข้อมูลประกอบเพื่อทุกคนได้ค้นคว้าร่วมกัน ถือเป็นการเล่นตัวอักษรพาเพลินก็แล้วกัน)