หนู ไม่เข้าใจค่ะ
ตอนที่ท่าน บริจาคทานครั้งยิ่งใหญ่ ในภพนั้น...
การที่ท่านให้ลูก และจะให้ภรรยา
อันนี้ .. ข้องใจ ตรงที่..ชีวิตของผู้อื่นไม่ใช่ของท่าน
พระพุทธเจ้าสามารถตัดสินจะให้กับใครก็ได้ด้วยหรือค่ะ
แล้วความทุกข์ที่เกิดจากลูก และ ภรรยา
จะไม่เป็นบาปกับพระพุทธเจ้าหรอค่ะ
เป็นการทำความดีบนทุกข์ของคนอื่นหรือเปล่า
ช่วยอธิบายให้หนูเข้าใจที หนูโง่เขลาเบาปัญญามากค่ะ :'(
เรื่องที่คุณstudent gig สงสัยเป็นเรื่องที่ลึกซึ๊งที่สุด ถ้าคุณเข้าใจ คุณจะเข้าใจพระศาสนาทั้งหมดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับจิตทั้งสิ้น
คุณพูดถูกที่สุดเลย พระพุทธเจ้าไม่มีสิทธิ์ในชีวิตของคนอื่น ชีวิตของกัณหาชาลี และนางมัทรี เป็นชีวิตของผู้อื่นไม่ใช่ของท่าน การกระทำทางกายของพระพุทธเจ้าทำแบบนี้ ไม่ต่างจากชาวบ้านในเมืองไทยที่ขายลูกเมียกิน
เหตุใดพระพุทธเจ้าทำกลายเป็นมหากุศล แต่ชาวบ้านทำกลายเป็นโคตรบาปเลย ขายลูกเมี่ยกัน?ความแตกต่างอยู่ที่จิตของผู้กระทำครับจิตของชาวบ้านเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน จึงทำชั่วลงไปได้ ส่วนจิตของพระพุทธเจ้าเห็นแก่ชาวโลก จึงยอมเสียสละสิ่งที่เป็นที่รักดังดวงใจของตนเอง คือ ลูกและเมีย....ชาวบ้านไม่มีจิตแบบนี้
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ" พระเวสสันดร ปากท่านโคตรชั่วเลย ยกลูก ยกเมีย ให้เป็นทาสคนอื่น แต่เรามาดูใจของพระเวสสันดรซิ ใจของท่านคิดเสียสละสิ่งที่รักที่สุดของตน คือ ลูกเมีย เพื่อตัวท่านจะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้า เพื่อจะได้ช่วยโปรดสอนสรรพชีวิตทั้งปวงใน 3 ภพ....ใจของท่านมีแต่เสียสละอย่างเดียว
คราวนี้มาดูชาวบ้านที่ขายลูกเมียกันบ้าง ทั้งปากของชาวบ้านคนนั้น และใจของเขา ล้วนคิดและทำทุกอย่างแบบเห็นแก่ตัวทั้งสิ้น ไม่เห็นแก่ลูกเมียเลย
นอกจากนี้ กัณหาชาลี และนางมัทรี ล้วนเห็นแก่พระเวสสันดร ต้องการให้พระเวสสันดรสำเร็จกิจในการเป็นพระพุทธเจ้าช่วยทุกคนต่อไป พวกเขาจึงเสียสละตัวเอง แม้ว่ากายของพวกเขาเหล่านั้นจะไม่ยอม แต่ใจล้วนยอม
สรุปบาปคือ
ความเห็นแก่ตัว บุญคือ
การเสียสละสิ่งที่พระเวสสันดรทำ ปากของท่านโคตรชั่วเลย แต่บาปไม่เด้เกิดขึ้นจากกายและวาจา บาป-บุญล้วนเกิดจากใจเท่านั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า เป็น "มหากุศล"
...
คุณstudent gig ครับ
คำตอบข้างบนผมวิเคราะห์เน้นที่พระเวสสันดร เพื่อให้เห็นภาพถึงคำตรัสของพระพุทธเจ้าว่า
"ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ" ไม่ว่าวาจาแสนชั่วของพระเวสสันดรจะเป็นอย่างไร แต่ใจพระเวสสันดรมีแต่คิดเสียสละอย่างเดียวจึงเป็นมหากุศล
คราวนี้มาดูที่กัณหาชาลี และนางมัทรีว่า แม้กายของพวกลูกเมียพระเวสสันดรจะไม่ยอม และไม่พอใจในการกระทำของพระเวสสันดรตอนแรก แต่ใจของทั้งกัณหาชาลี และนางมัทรีตอนหลัง ยินยอมสมัครใจเพื่อช่วยพ่อให้สำเร็จโพธิญาณทั้งสิ้น
จากwww.kalyanamitra.org/daily/.../index.php?option...
ชาลี.....พระเวสสันดรได้กล่าวสุนทรวาจาไว้ว่า
"ดูก่อนพ่อชาลีลูกรัก พ่อจงมาเพิ่มพูนบารมีของพ่อให้เต็ม จงช่วยโสรจสรงหทัยของพ่อให้เย็นชุ่มฉ่ำ ลูกรัก ขอลูกจงทำตามคำของพ่อ ขอลูกทั้งสองจงเป็นดังยานนาวาของพ่อ ไม่หวั่นไหวต่อสาครคือภพ เมื่อพ่อข้ามฝั่งคือชาติแล้ว จักยังมนุษย์ และเทวดาทั้งหลายให้ข้ามพ้นด้วย"พระชาลีราชกุมารได้ทรงสดับพระดำรัสของพระราชบิดาเช่นนั้น
จึงตัดสินใจเด็ดขาด ปรารถนาจะให้ความประสงค์ของพระบิดากลายเป็นจริง ทรงคิดว่า พราหมณ์เฒ่าคนนี้จง ทำตามใจชอบเถิด จะเอาเราไปเป็นข้าทาสบริวาร ทำร้ายร่างกาย หรือทรมานเราอย่างไร ก็จะยอมทนทุกอย่าง แต่เราจะไม่ทำให้พระบิดาลำบากพระทัยเด็ดขาด จากนั้นพระกุมารได้โผล่พระเศียรแหวกใบบัวออกมา ขึ้นจากน้ำ หมอบลงแทบพระบาทเบื้องขวาของพระบิดา สวมกอดข้อพระบาทไว้มั่น ทรงกันแสงด้วยความรักที่มีต่อพระองค์
กัณหา...........
"ลูกกัณหาเอ๋ย ลูกจงออกมาเถิด จงมาเพิ่มพูนทานบารมีของพ่อให้เต็ม จงช่วยรดหทัยของพ่อให้เย็นฉ่ำ ขอลูกจงเป็นดังยานนาวาของพ่อ พ่อจักข้ามฝั่ง คือ ชาติ จักยกทั้งมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย ให้ข้ามพ้นจากภัยในสังสารวัฏ"พระกัณหาชินาราชกุมารีทรงสดับพระดำรัสของพระราชบิดา
ก็ตัดสินพระทัยเด็ดเดี่ยวเช่นกัน ได้ขึ้นจากสระน้ำ มาหมอบลงแทบพระบาทเบื้องซ้ายของพระบิดา แล้วกอดข้อพระบาทไว้มั่น พร้อมกับกันแสงด้วยความอาลัยอาวรณ์ ไม่อยากจากพระบิดาไป
พระเวสสันดรแนะนำพระโอรสว่า ชาลีลูกรัก ถ้าลูกปรารถนาจะเป็นไท ลูกควรให้ทองคำ ๑,๐๐๐ ลิ่มแก่พราหมณ์ชูชกจึงจะเป็นไทได้ ส่วนน้องสาวของลูกเป็นผู้ทรงอุดมรูป หาหญิงใดในชมพูทวีปเสมอเหมือนได้ยาก ถ้าใครปรารถนาจะทำน้องสาวของเธอให้เป็นไท ก็พึงให้ทาสชาย ทาสหญิง ช้าง ม้า โค อย่างละ ๑๐๐ และทองคำ ๑๐๐ ลิ่ม แก่ชูชก น้องของเธอจึงจะเป็นไทได้
นางมัทรี จากhttp://iam.hunsa.com/gamekadid/article/22595
บัดนี้ลูกรักทั้งคู่ไปไหนเสีย จึงมิมารับแม่เล่า ครั้นเข้าไปถามพระเวสสันดรก็ถูกตัดพ้อต่อว่าต่าง ๆ จนพระนางมัทรีถึงวิสัญญีภาพสลบลง พระเวสสันดรทรงปฐมพยาบาลจนพระนางมัทรีฟื้น แล้วจึงแจ้งความจริงว่า
พระองค์ได้ทรงยกลูกรักชายหญิงทั้งสอง มอบให้แก่ชูชกไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน พระนางก็อนุโมทนาซึ่งทานนั้นด้วย บริจาคมัทรี http://www.jarun.org/v6/th/lrule09p0901.htmlอีกตอนหนึ่งพระอินทร์แปลงเป็นตาเฒ่า มาขอพระราชทานพระมัทรี พระเวสสันดรก็ลองใจพระมัทรีว่า
มัทรีเอ่ย เจ้าจะเห็นเป็นไฉน พระราชสวามีก็เสียดายพระมัทรี สู้อุตส่าห์ลำบากมาด้วยกันนะ มัทรีเอ่ย ก็จะยกให้เป็นทานแก่ตาเฒ่าวนิพกยาจกเข็ญใจ เอาไปเป็นเมียหรือเป็นคนใช้เขา เป็นอย่างไรหรือพระมัทรีเอ่ย
พระมัทรีกราบถวายบังคมทูลว่า ยินดีพระเจ้าค่ะ เพื่อพระราชสวามีหวังสัมโพธิญาณ ข้าพระพุทธเจ้าขอรับใช้ละออกธุลีพระบาททุกประการ
สรุปเห็นหรือบังครับว่า ทั้งกัณหาชาลี และนางมัทรี ล้วนลำบากทางกาย กายไม่เต็มใจทั้งนั้น แต่ใจของกัณหาชาลี และนางมัทรี ล้วนเต็มใจทำ เพื่อให้พ่อและผัวบรรลุสัมโพธิญาณ จะได้ช่วยยกทั้งมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย ให้ข้ามพ้นจากภัยในสังสารวัฏ
...
คราวนี้มาลองวิเคราะห์ตัวอย่างเรื่องศีล 5 เหล่านี้ดูบ้างเมื่อไรที่คุณเข้าใจเรื่องพระเวสสันดร คุณจะเข้าใจเรื่องบาปบุญ และเรื่องศีล 5 แบบทะลุถึงจุดทันที ลองดูตัวอย่างเหล่านี้ซิ กายและวาจาเป็นบาป ผิดศีล 5 ทั้งสิ้น แต่เพราะ "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ" การกระทำของเขาเหล่านั้นจึงล้วนเป็นบุญใหญ่
1. เมียยอดรัก ไม่ยอมยื้อชีวิตยอดรักเอาไว้ ให้หมอถอดเครื่องช่วยชีวิตยอดรักออก เพราะไม่ต้อง
การให้ยอดรักต้องทนทรมานต่ออีกวันสองวัน เจตนาในใจคือ ให้ยอดรักพ้นจากการทรมาน ไม่ได้
ต้องการฆ่ายอดรัก แม้การกระทำเช่นนั้น จะมีผลให้ยอดรักจึงตายไวกว่าที่ควร 1-2 วัน ก็หาใช่บาปไม่
2. หลวงพี่เท่งตะโกนโกหกว่า "ตำรวจมา ตำรวจมา" เจตนาเพื่อช่วยคนที่ถูกรุมกระทืบ การโกหก
เช่นนั้น คนร้ายที่รุมกระทืบคนๆนั้นจึงหนีไป คนนั้นเลยรอดตาย นอกจากการโกหกจะไม่บาปแล้ว
ยังเป็นบุญใหญ่ด้วย
3. พระภิกษุสองรูปเดินไปด้วยกัน พบหญิงตกน้ำ ... พระคนหนึ่งกระโดดลงไปช่วยแบกหญิงคน
นั้นขึ้นมา เจตนาต้องการช่วยชีวิตคน(หญิง) แม้ว่าจะผิดวินัยสงฆ์ ท่านก็ทำ เจตนาทางใจคือกรรม
ไม่ใช่เจตนาทางกายเป็นตัวกรรม ด้วยเหตุนี้ พระคนนี้จึงได้บุญใหญ่ ไม่ใช่ได้บาป
... พระอีกคนไม่ลงไปช่วย เจตนาไม่ต้องการผิดวินัยสงฆ์ เกาะยึดคัมภีร์พระวินัยไว้แน่น เจตนา
ทางใจคือกรรม พระคนนี้จึงน่าจะได้บาปใหญ่ เพราะจิตไม่มีความเมตตากรุณา มีแต่ความเห็นแก่ตัว
เองเท่านั้น ตายไป น่าจะเอาพระไตรปิฎกเล่มยักษ์ให้กอด แล้วเอาไปถ่วงน้ำให้ตาย 500 ชาติ
ถ้าคุณเข้าใจเรื่องที่ผมเขียน คุณก็เป็นผู้ที่เข้าใจพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้ว่า บุญบาปล้วนอยู่ในจิตของเราว่าจะคิดปรุงแต่งเป็นกุศลหรืออกุศล