ชะตากรรมตัวเราต้องเป็นผู้กำหนดเอง
พูดอีกนัยหนึ่งเราเป็นผู้กำหนดอนาคตเราเอง ถ้าต้องการให้ชีวิตเป็นไปอย่างใด ก็ต้องสร้างเงื่อนไขที่ดี ๆ ไว้ให้มากแล้วอนาคตจะ
ไปดีเองตรงข้ามถ้าสร้างแต่เงื่อนไขไม่ดี อนาคตก็เป็นไปตามนั้น
ลองฟังนิทานชาดกนี้ดู พระราชาสองเมืองทำสงครามกัน ผัดกันแพ้ผลัดกันชนะถึงฤดูฝนก็หยุดพักสิ้นฤดูฝนก็รบใหม่เป็นอย่างนี้มานานจนมีคนไปถามฤๅษีว่า พระราชาองค์ไหนจะชนะ ฤๅษีก็ไปถามพระอินทร์อีกต่อ พระอินทร์บอกว่าพระราชาเมือง ก.จะชนะเมือง ข.จะพ่ายแพ้ ข่าวนี้ก็ไปเข้าพระ
กรรณของพระราชาทั้งสององค์ที่ได้รับคำทำนายว่าจะชนะ ก็ดีใจ ประมาท เลี้ยงฉลองกันมโหฬารตั้งแต่ยังไม่รบไม่ฝึกปรือกองทัพให้พร้อม สบาย
ใจว่าจะชนะแน่ส่วนพระราชาที่หมอทำนายว่าจะแพ้ก็ไม่ยอมถอดใจตั้งหน้าตั้งตาฝึกปรือกองทัพอย่างเข้มงวด วางแผนรุกแผนรับไว้อย่างพร้อมสรรพ
เมื่อถึงคราวรบจริงเรื่องก็กลับตาลปัตร ฝ่ายที่ว่าจะชนะก็ถูกตีกระจุยฝ่ายที่ว่าจะแพ้ ก็กำชัยชนะไว้ได้ พระราชาองค์ที่ฤๅษีว่าจะชนะ จึงไปต่อว่าฤๅษี
หาว่าทำนายส่งเดช ฤๅษีก็หน้าแตกไปตามระเบียบ จึงไปต่อว่าพระอินทร์หาว่าทายซี้ซั้ว ทำให้แกผู้นำคำทำนายไปเผยแพร่เสียหน้าพระอินทร์กล่าวว่า
ไม่ผิดดอก ถ้าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองของมัน พระราชา ก.จะชนะแน่นอน แต่บังเอิญว่ามีเงื่อนไขใหม่เข้ามาเกี่ยวข้องคือ ความพากเพียรพยายามฝึกฝนฝึกปรือกองทัพของพระราชาเมือง ข.การณ์จึงกลายเป็นตรงกันข้าม
แล้วพระอินทร์จึงกล่าวปรัชญาว่า
คนที่ พยายามจนถึงที่สุดแล้ว แม้เทวดาก็กีดกันไม่ได้
อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่อง ของเหลียวฝาน ที่มิสโจ แปลไว้ในหนังสือ โอวาทสี่ของเหลี่ยวฝาน ที่พิมพ์เผยแพร่มาหลายครั้งแล้ว
เหลี่ยวฝานเดิมชื่อเสวียห่าย ได้พบผู้เฒ่าข่ง ผู้เฒ่าทำนายว่าจะได้เป็นขุนนาง ปีไหนจะเป็นอย่างไรบอกไว้หมด และว่าท่านเหลี่ยวฝานจะไม่มีบุตรและจะตายเมื่ออายุได้ 50 ปี
คำพยากรณ์ ของท่านผู้เฒ่า แม่นยำมาตลอด จนท่านคิดว่าชะตาชีวิตคนเราถูกฟ้าดินกำหนดมาแล้ว ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เลยไม่คิดที่จะขวนขวายพยายามต่อไป ปล่อยให้เป็นไปตามฟ้าลิขิต ต่อมาท่านได้พบ พระเถระนาม ฮวิ๋นกุ ท่านได้สอนว่า ชะตาชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน อนาคตเราต้องสร้างเองคนทำดีชะตาก็ดี ทำชั่วชะตาก็ชั่ว เมื่อต้องการอนาคตดี ต้องทำดี ถ้าประกอบแต่ความไม่ดี แม้ชีวิตดีมาแล้วก็กลายเป็นร้ายได้
เหลี่ยวฝาน ได้เล่าคำทำนายของ ท่านผู้เฒ่าให้พระเถระฟัง ว่าที่ท่านทำนายไว้ถูกต้องแม่นยำมาตลอด ยังเหลือแต่สองข้อสุดท้าย คือจะไม่มีบุตร
และสิ้นชีวิตเมื่ออายุ 50
พระเถระกล่าวว่าให้ตั้งปณิธานว่าจะทำดีให้มาก สั่งสมบารมีให้มาก ไม่ยอมตนอยู่ในอิทธิพลของคำพยากรณ์ต่อไป บุญกุศลใดที่ทำด้วยความจริงใจ บริสุทธิ์ใจแม้กระทำครั้งเดียว ก็เท่ากับกระทำหมื่นครั้งทีเดียว
ท่านก็เชื่อพระเถระ ตั้งหน้าทำแต่ความดีงาม สำรวจความดีความชั่วของตนเองว่าวันหนึ่ง ๆ ทำความชั่วอะไรบ้าง ความดีอะไรบ้าง แล้วพยายามลบความชั่วด้วยความดีเรื่อย ๆ จนมีความดีเพิ่มมากขึ้น แล้วท่านก็ชนะชะตาชีวิต คือได้บุตรชายคนหนึ่ง เมื่อถึงอายุ 50 ปี ก็มิได้ตายดังคำทำนายของ
ผู้เฒ่าข่งอยู่มาถึงอายุ 69 ปี
ท่านจึงแน่ใจว่า คนเราถ้าไม่ขวนขวายพยายามปล่อยชีวิตไปตามยถากรรมก็ตกอยู่ใต้อิทธิพลของฟ้าดิน แต่กรรมเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนดอย่างแท้จริงนั่นคือเราต้องสร้างอนาคตของเรา เอง คนที่พยายามพึ่งตัวเองด้วยการกระทำแต่ความดีถึงที่สุดแล้วย่อมอยู่เหนือโชคชะตา ถ้าใครคิดว่าชีวิตถูกลิขิตมาอย่างใดก็ย่อมเป็นอย่างนั้นแก้ไขไม่ได้เลยผู้นั้นถึงจะเป็นคนคงแก่เรียนเพียงใด ก็นับว่าโง่อยู่นั้นเอง
เรียบเรียงโดย.........เสฐียรพงษ์ วรรณปก