อัตตา สร้าง อนัตตา, พระเจ้า(พระธรรม) สร้าง สรรพชีวิตจิตมี 2 จิต
1. จิตเดิมแท้ บริสุทธิ์ปภัสสร เป็นนิพพานจิต หรือจิตหลุดพ้น จิตส่วนนี้มีขันธ์ หรืออายตนะรองรับเรียกว่า ธรรมกาย หรือ อายตนะนิพพาน ธรรมกาย หรือ อายตนะนิพพาน เป็นอัตตา
อัตตา แปลว่า มีตัวตนหรือใช่ตัวตน ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าหรือพระอรหันต์ต่างๆล้วนมี ตัวตน หรือใช่ตัวตนอ้างอิง 1. .....หรือบารมีย่อมตักตวงคุณมีศีลเป็นต้นอื่นไว้ในสันดานของตนเป็นอย่างยิ่ง หรือบารมีย่อมทำลายปฏิปักษ์อื่นจาก ธรรมกายอันเป็นอัตตา....
ขุทฺทกนิกาย จริยา อรรถกถาปกิณณกกถา เล่ม 74 หน้า 571 อ้างอิง 2. ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร พระอวโลกิเตศวรสอนพระสารีบุตรว่า
" ธรรมกาย ก็คือปรัชญาปารมิตาซึ่งเป็นสภาวธรรมแห่งพระตถาคตตรัสรู้
ก็คืออายตนะนิพพานนั้นเอง ย่อมปราศจากการมาในอดีต ฤาการไปในอนาคต แลในปรัตยุบันกาลเล่าก็ปราศจากการตั้งอยู่มั่นคง " 2. จิตไม่บริสุทธิ์ สกปรกจากกิเลส อวิชชา ที่โลภะ โทสะ โมหะ นำมา
จิตสกปรกเรียกว่าจิตสังขารหรือจิตในปฏิจจสมุปบาท จิตส่วนนี้มีขันธ์ หรืออายตนะรองรับเช่นกัน คือ ขันธ์ 5 ของมนุษย์ และขันธ์ 4 ของผู้ที่อยู่ในปรโลก
จิตเดิมแท้ บริสุทธิ์ปภัสสร เป็นนิพพานจิต เป็น
จิตที่สร้างจิตสังขารอ้างอิง 3. "...หรือกล่าวว่าผู้สร้างคือ ธรรมธาตุ หรืออสังขตธรรม อันเที่ยงแท้และคงทนต่อทุกกาล" วชิราสูตรอ้างอิง 4. “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติที่ไม่มีจุดกำเนิด ไม่มีใครทำ ไม่มีอะไรปรุงแต่ง นั้นมีอยู่
ถ้าไม่มี ธรรมชาติที่ ไม่มีจุดกำเนิด ไม่มีใครทำ ไม่มีอะไรปรุงแต่ง ความเป็นไปของ ธรรมชาติที่เกิดที่เป็น ที่มีอะไรปรุงแต่ง ก็จะปรากฏไม่ได้ เพราะเหตุที่ มีธรรมชาติ ที่ไม่มีจุดเกิด ไม่มีใครทำ ไม่มีอะไรมาปรุงแต่ง
ความเป็นไปของ ธรรมชาติ ที่เกิด ที่เป็น ที่มี ใครทำ ที่อะไร ปรุงแต่ง จึงเกิดขึ้นได้”
ย้ำ!!!... "ถ้าไม่มี ธรรมชาติที่ ไม่มีจุดกำเนิด ไม่มีใครทำ ไม่มีอะไรปรุงแต่ง (นิพพานหรืออสังขตธาตุ) ความเป็นไปของธรรมชาติที่เกิดที่เป็น ที่มีอะไรปรุงแต่ง(สรรพชีวิต,โลกและจักรวาล) ก็จะปรากฏไม่ได้
หรือ ถ้าไม่มี อสังขตธาตุ(นิพพาน) โลก จักรวาล และสรรพสิ่ง รวมทั้งมนุษย์และสรรพสัตว์ก็จะปรากฏไม่ได้ อิตติวุตตก กัณฑ์ ที่ 1825/275 สรุปพระพุทธเจ้าตรัสเองว่า
ธรรมกายอันเป็นอัตตา ส่วนขันธ์ 5 ของมนุษย์ คุณเป็นพุทธศาสนาชน ย่อมรู้อยู่แล้วว่า สิ่งนี้เป็นอนัตตา
พระพุทธเจ้าเป็นศิษย์ของศาสนาพราหมณ์ และท่านไม่เคยปฏิเสทสัจจธรรมสูงสุดของพราหมณ์ แม้แต่ครั้งเดียว ผมย้ำอีกครั้งหนึ่ง
ในศาสนาฮินดู ปรมาตมันหรือพระศิวะตรัสว่า: "เราเปล่าเปลี่ยว เพระมีมาก่อนสรรพสิ่ง และจะดำรงอยู่ ทั้งจะต้องดำรงอยู่ต่อไป ไม่มีใครทำให้แปรผันได้
เราคืออมตะ แต่ไม่ทรงสภาวะอมตะ เราสามารถเล็งทุกอย่าง และไม่มีใครสามารถเล็งเห็นเรา
เราคือพรหม และเราไม่ใช่พรหม [/color]"
"เราคืออมตะ แต่ไม่ทรงภาวะอมตะ เราคือพรหม และเราไม่ใช่พรหม" = พระเจ้าจะเป็นพระเจ้าก็ได้ แต่จะอยู่อย่างหมา และตายอย่างสัตว์โลกทั่วไป ก็ได้ พระองค์ทรงเล่นเกมส์ค้นหาตัวเองอยู่ในตัวคุณ
***ถ้าคุณยังคิดไม่ออกอีก ลองไปดูตอนที่คุณฝันซิ คุณคิดว่าทุกอย่างมันจริง แต่พอคุณตื่นขึ้นมา จึงรู้ว่า มันไม่จริงนี่หว่า(อนัตตา) คุณแค่ฝันไป คุณคือพระเจ้า(อัตตา)ที่กำลังฝันไป ความฝันเหล่านั้นคือโลกและจักรวาล คุณฝันไปได้ เพราะโดนไวรัสกิเลสอวิชชา ถ้ากำจัดไวรัสนี้ได้ คุณก็จะรู้ว่าคุณคือพุทธะหรือพระเจ้า***พระพุทธเจ้าก็บอกเราอยู่ตลอดเวลาในคำบริกรรม
"พุทโธ"" แปลว่า
ตื่นได้แล้วโว้ย รู้ตัวได้แล้วโว้ย.............................................................................................
ในอนัตตลักขณสูตร พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนปัญจวัคคีย์ว่า สิ่งที่จะ
เป็นอัตตาได้ต้องมีลักษณะดังนี้ :
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ารูป
(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)นี้จักได้
เป็นอัตตา
(มีตัวตน หรือเป็นของตัวตน อย่างแท้จริง) แล้ว
รูป ฯลฯ นี้ไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ
(ความเสื่อม ความเจ็บไข้ ความแปรปรวน) และบุคคลพึงได้
(หมายถึง ย่อมบังคับบัญชาได้ตามปรารถนา) ในรูป ฯลฯ ว่า
รูปฯลฯ ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูป ฯลฯ ของเราอย่าได้ เป็นอย่างนั้นเลย กล่าวอีกนัยหนึ่ง
" สิ่งใดเที่ยง, ไม่มีทุกข์, ไม่ปรวนแปรเป็นธรรมดา สามารถบังคับบัญชาให้เป็นอย่างใจหวังได้ สิ่งนั้นก็ย่อมเป็น อัตตา " ดังนั้น กรุณาอย่านำ อัตตทิฏฐิ หรือ อัตตวาทุปาทาน ในขันธ์ 5 หรือกายของมนุษย์มาเป็น
อัตตาเลยครับ
ใน 3 ภพ ไม่มีอัตตาอยู่ มีแต่อัตตานุทิฏฐิ หรือ อัตตาของโลก ที่เกิดจากการยึดถือของมนุษย์ สัตว์ เทพ พรหม ฯลฯ ว่า นั่นเป็นตัวตนของเรา ของเขา