สวรรค์ของมหายาน(สุขาวดี)ไปแล้ว ไม่กลับลงมาในภูมิต่ำ(อบายภูมิ) หรือลงมาในสังสารวัฏฏ์อีกเลยจากกระทู้ นายแคล้ว ธนิกุล อมสมเด็จไว้ในปาก ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ขึ้นสวรรค์นานhttp://www.kammatan.com/board/index.php?topic=919.msg3736#new
คุณjo345 แย้งผมที่บอกว่า:
จิตก่อนตาย เป็นกุศล ก็จะขึ้นสวรรค์ก่อน แต่อยู่ได้ไม่นาน เช่น 3 วัน 7 วัน เมื่อบุญหมดก็ต้องลงมาใช้ในนรก แต่ในกรณีจิตสุดท้ายยึดเหนี่ยวพระพุทธเจ้าหรือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง อยู่บนสวรรค์นานมากๆๆๆๆ ยิ่งถ้าจิตสุดท้ายระลึกถึงพระอมิตาภพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง = หมดทางตกลงมาในภูมิต่ำอีกเลย อยู่ในแดนสุขาวดีตลอดไป จนกว่าจะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์หรือพระโพธิสัตว์อรหันต์" ระลึกถึงพระอมิตาภพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ไม่มีทางครับที่จะไม่ตกนรก แค่ระลึกไม่สามารถที่จะหลุดพ้นได้ อย่ามั่วครับตอบ1. ระลึกถึงพระอมิตาภพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ไม่มีทางครับที่จะไม่ตกนรก... อย่ามั่วครับ คุณน่ะซิอย่าแย้งแบบโง่ๆ และอย่าแย้งแบบมั่วๆครับ คุณไม่มีความรู้ทางพุทธศาสนาเอาเสียเลย ลองไปศึกษาเรื่องพระอมิตาภพุทธเจ้า แดนสุขาวดี และคำสอนของพระพุทธเจ้าของเรา ที่ตรัสถึงเรื่องพระอมิตาภพุทธเจ้า และแดนสุขาวดี ที่พ้นจากสังสารวัฏฏ์ เอาไว้ในพระสูตรมากมาย โดยเฉพาะใน
อมิตายุรยานสูตร ที่พระพุทธองค์ตรัสสอนมเหสีพระเจ้าพิมพิสาร
ศาสนาพุทธเถรวาทของเรา มีความเสี่ยงที่สุดที่คนจะตกไปสูอบายภูมิเมื่อตายไปแล้ว เนื่องจาก สมมุติสงฆ์ไทยไม่รู้และไม่สอนเรื่องการก้าวล่วงบาปกรรม หรือการสำนึกบาป ไม่สอนเรื่องการระลึกถึงพระพุทธเจ้า และพระรัตนตรัยก่อนตาย ฯลฯ เป็นทางรอดให้พ้นนรก
ชื่อสวรรค์ชั้นสุขาวดีของพระอมิตาภพุทธเจ้า อาจจะไม่เป็นที่คุ้นเคยนักกับชาวพุทธเถรวาท แต่ชื่อนี้จะคุ้นเคยกันดีในหมู่ชาวพุทธมหายานทั่วโลก สวรรค์ชั้นสุขาวดี ไม่ใช่สวรรค์ในกามภูมิในสังสารวัฏฏ์ ผู้ที่เข้าไปอยู่ในพุทธเกษตร(สวรรค์ชั้น)สุขาวดี จะไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์อีก
คนชั่วบาปหนาก็จะไปอยู่ในดอกบัวในสุขาวดี นานอาจจะเป็นกัป เพื่อล้างคราบความชั่วออก พอล้างเสร็จก็จะมาปฏิบัติธรรม จนบรรลุมรรคผลเป็นพระอรหันต์ เข้าสู่นิพพานในสุขาวดีเลย ไม่มีโอกาส และไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
ศาสนาพุทธมหายาน โดยเฉพาะนิกายสุขาวดี ไม่มีความเสี่ยงว่าจะต้องตกนรก พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ผู้ที่จะเข้าไปในแดนสุขาวดีได้ เพียงแต่ท่องชื่อพระนามพของพระพุทธเจ้าที่ชื่อ อมิตา1-10 อย่างจริงใจและอย่างตั้งใจ แค่นั้นพระอมิตาพุทธก็จะส่งพระโพธิสัตว์มารับไปอยู่ ในแดนสุขาวดี หลุดออกจากสังสารวัฏฏ์ แล้วจะไปชดใช้กรรมได้อย่างไร
ในคัมภีร์มหายาน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพระสูตรมากมายถึงแดนสุขาวดี และพระอมิตาภพุทธเจ้า เช่น 1. มหาสุขาวดีวยูหสูตร หรือ มหาอมิตายุสูตร 2. อมิตายุรธยานสูตร 3. จุลสุขาวดียุหสูตร
2. แค่ระลึกไม่สามารถที่จะหลุดพ้นได้ ... อย่ามั่วครับ แล้วใครไปบอกล่ะครับว่า ระลึกแล้วสามารถหลุดพ้น ตีความแบบโง่และมั่วอย่างนี้ได้อย่างไร ผมบอกว่าระลึกแล้วพ้นจากอบายภูมิ ไปอยู่ในสวรรค์ สวรรค์ ของมหายาน = พุทธเกษตร ผมอธิบายไปแล้ว สวรรค์ของเถรวาท พระพุทธเจ้าตรัสว่า:
"
ผู้ถือเอาพระรัตนตรัยอันประกอบด้วยอุดมคุณอย่างนี้นั้น
ชื่อว่าพ้นจากอบาย ทั้งยังจะได้เกิดในเทวโลก"
"ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง
ได้ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะแล้ว จักไม่เข้าสู่อบายภูมิ ครั้นละจากอัตภาพของมนุษย์แล้ว ย่อมยังกายของเทพให้บริบูรณ์"
"
ผู้ถึงพระรัตนตรัยอันประกอบด้วยคุณอันอุดมอย่างนี้
ชื่อว่าจะเป็นผู้บังเกิดในนรกเป็นต้นย่อมไม่มี อนึ่งพ้นจากการบังเกิดในอบายแล้ว ยังจะเกิดขึ้นในเทวโลกได้เสวยมหาสมบัติ"
“คนที่ไม่เคยใส่บาตร ไม่เคยฟังเทศน์ ไม่เคยยกมือไหว้
นึกถึงชื่อตถาคตอย่างเดียว ตายแล้วไปสวรรค์ไม่ใช่นับร้อย นับพัน นับเป็นโกฏิ”
สรุปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมศาสดาของศาสนาพุทธทั้งมหายานและเถรวาท เป็นผู้ตรัสสอน = คุณ่jo345กำลังต่อว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า....อย่ามั่ว ตกลงคุณ่jo345มีสัมมาทิฏฐิเหนือกว่าพระพุทธเจ้าหรือครับ???
...
อ้างอิง:ในมหาสุขาวดีวยุหสูตร พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
.....หากสรรพสัตว์ทั้งหลาย ได้ยินพระนามแห่งพระอมิตตาพุทธเจ้า และเกิดจิตศรัทธาอย่างแรงกล้า และมีใจที่อิ่มเอิบ ระลึกถึงพระนามของพระองค์ แม้หนึ่งครั้ง...ถึงสิบครั้ง...ถ้าบุคคลนั้นมีใจอยากไปอุบัติในสุขาวดีพุทธเกษตร เขาจักได้ไปอุบัติที่นั่นตามความประสงค์ และไม่ต้องกลับมาเกิดในภพภูมิที่ตกต่ำอีกมหาสันนิบาตสูตร กล่าวไว้ว่า
....หากสาธุชน ชายหญิง ใด้ก็ดีได้นั่งสมาธิภาวนาระลึกถึงองค์พระอมิตาพุทธเจ้าจนจิตเกิดสมาธิต่อเนื่อง ไม่วุ่นวายหากนับได้คืนหนึ่งก็ดีจนถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนก็ดี บุคคลนันจักได้เห็นพระอมิตาพุทธเจ้าอย่างแน่นอน หากไม่ได้เห็นตอนกลางวัน ในเวลากลางคืนก็จะได้เห็นพระองค์อย่างแน่นอน (ในนิมิตขณะนั่งสมาธิ หรือในความฝัน)
ลองอ่านมหาปณิธาน 6 ข้อ จาก48 ข้อ ของ พระโพธิสัตต์ธรรมกร ก่อนที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอมิตตาภพุทธเจ้านะครับ ท่านที่ได้ตั้งสัตย์ไว้มีดังนี้จากมหาสุขาวดีวยูหสูตร มหาปณิธาน 48 ประการ แห่ง พระอมิตภะพุทธเจ้าhttp://www.buddha-dhamma.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=buddha-dhammacom&thispage=28&No=2094941. หากในพุทธเกษตรของพระองค์ยังมี(ภาวะทุกข์ทรมาณของ) นรก เดรัจฉาน เปรต หรือ อสุรกาย จะไม่ขอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า(หรือไม่ขอบรรลุโพธิญาณสูงสุด อีกนัยหนึ่งคือ ไม่ขอ บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทุกๆข้อในตอนท้ายให้หมายถึงพระธรรมกร)
2. หากในพุทธเกษตรของพระองค์ยังมีสัตว์ที่ต้องตายและตกสู่อบายภูมิ(ภูมิต่ำทั้งสี่ข้างต้น) จะไม่ขอบรรลุโพธิญาณสูงสุด
18.หากภายหลังที่ได้บรรลุพระโพธิญาณสูงสุดแล้ว มีสัตว์ในทิศทั้งสิบศรัทธาพระองค์ด้วยความคิดที่แน่วแน่ ปรารถนาจะไปเกิดพุทธเกษตรของพระองค์
ได้กล่าวความระลึกถึงหรือท่องชื่อพระองค์ 10 ครั้ง ถ้าพวกเขา ไม่ได้อุบัติในสุขาวดี จะไม่ขอบรรลุโพธิญาณสุงสุด ..ยกเว้นแต่ พวกที่ประกอบอนันตริยกรรม* และผู้จ้วงจาบทำลายพระธรรม
19. หากภายหลังที่ได้บรรลุพระโพธิญาณสูงสุดแล้ว มีสัตว์ที่มุ่งตรัสรู้ในโลกธาตุอื่น และเป็นผู้ที่ภายหลังได้ยินชื่อของพระองค์
ได้ทำสมาธิระลึกถึงพระองค์ด้วยความคิดที่แน่วแน่ ขณะที่พวกเขาสิ้นใจ ถ้าพระองค์ ไม่ได้ ไปปรากฎต่อหน้าพวกเขาพร้อมเหล่าภิกษุ เพื่อช่วยให้จิตของพวกเขาสิ้นสุดความหวาดหวั่นแล้วละก็ จะไม่ขอบรรลุโพธิญาณสูงสุด20. หากภายหลังที่ได้บรรลุพระโพธิญาณสูงสุดแล้ว มีสัตว์พุทธเกษตรน้อยใหญ่ได้ยินชื่อของพระองค์ ได้กำหนดจิตขออุบัติในพุทธเกษตรของพระองค์(คือสุขาวดี) ได้สั่งสมคุณธรรมความดีไว้มาก
แม้แต่พวกท่องชื่อระลึกถึงแดนสุขาวดีเพียง 10 ครั้ง ถ้าพวกเขาเหล่านั้น ไม่ได้อุบัติในแดนสุขวดี(ตามที่ตั้งจิตปราถรถนา) แล้วละก็ จะไม่ขอบรรลุโพธิญาณสูงสุด ยกเว้น พวกประกรอบอนันตริยกรรม และ ผู้ที่ขัดขวางบิดเบือนพระธรรม
21. หากภายหลังที่ได้บรรลุพระโพธิญาณสูงสุดแล้ว
เทวดาหรือมนุษย์ในสุขาวดี ไม่มี ลักษณะมหาบุรุษ(มหาปุริสลักษณะ) 32 ประการ จะไม่ขอบรรลุโพธิญาณสูงสุด