22 ธันวาคม 2567 13:40:07
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
สุขใจในธรรม
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
.:::
กุญแจเซน โดย ท่าน ติช นัท ฮัน
:::.
หน้า:
1
2
3
1
2
[
3
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: กุญแจเซน โดย ท่าน ติช นัท ฮัน (อ่าน 40762 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
กุญแจเซน โดย ท่าน ติช นัท ฮัน
«
เมื่อ:
13 มีนาคม 2553 17:03:48 »
กุญแจ
เซน
โดย
ท่าน
ติช นัท ฮัน
ภาค ๑
การ
กำหนดรู้
ในสภาพปัจจุบัน
หนังสือเล่มน้อย
ข้าพเจ้าได้เริ่มเข้าไปปฏิบัติธรรมในวัดเซน เมื่อข้าพเจ้าอายุได้ ๑๗ ปี
หลังจากใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ ในการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตประจำวัน
ในวัดแล้ว ข้าพเจ้าจึงได้ไปกราบคารวะต่อพระสงฆ์ผู้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ดูแล
เพื่อขอให้ท่านช่วยสอน
" วิถีแห่งเซน "
แก่ข้าพเจ้า
แต่ท่านกลับยื่นหนังสือเล่มเล็ก ๆ ตีพิมพ์ด้วยตัวอักขระภาษาจีนให้
พร้อมกับทั้งกำชับให้ศึกษาหนังสือนั้นจนกว่าจะขึ้นใจ
หลังจากได้กล่าวคำขอบคุณต่อท่านแล้ว ข้าพเจ้าถือหนังสือเล่มนั้น
กลับมายังกุฏิ หนังสือนั้นเป็นที่รู้จักกันอยู่ทั่วไป
ในหมู่พระนิกายเซน หนังสือนี้แบ่งออกเป็นสามตอน คือ
ตอน ๑ ว่าด้วยการนำ
สารัตถะแห่งพระวินัย
มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
ตอน ๒ ว่าด้วย
พระวินัย
ข้อที่สำคัญ ๆ สำหรับ
ผู้บวชใหม่
ตอน ๓ ว่าด้วย
เทศนา
ของท่านกวยซัน อาจารย์
ไม่มีปรัชญาเซนอยู่ในหนังสือเล่มนี้เลย ทั้งสามตอนมุ่งจำเพาะแต่
การปฏิบัติการโดยตรง
ภาคแรก สอนวิธีในการควบคุมจิตและการตั้งดวงจิตให้แน่วแน่
ภาคสอง กำหนดหลักวัตรปฏิบัติและพระวินัยของพระภิกษุสามเณร
ภาคสาม เป็นร้อยแก้วอันมีคุณค่าและไม่อาจปล่อยให้สูญเปล่าไปอย่างไร้ประโยชน์
ข้าพเจ้าได้รับการยืนยันว่าหนังสือเล่มนี้ ( ซึ่งเรียก ล้วตเถียว ในภาษา
เวียดนาม อันมีความหมายว่า
" คู่มือแห่งวัตรปฏิบัติเล่มน้อย " )
มิได้มีไว้เป็นคู่มือสำหรับพระเณรใหม่ ๆ ที่มีอายุขนาดข้าพเจ้าเท่านั้นเพราะแม้แต่
พระซึ่งมีอายุ ๓๐ หรือ ๔๐ แล้ว
ก็ยังต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งคณะโดยนัยนี้เช่นกัน
ข้าพเจ้าได้รับการศึกษาแบบตะวันตกมาบ้างแล้ว ก่อนที่จะเข้ามาในวัดแห่งนี้
และข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจ
ที่วิธีในการสั่งสอนลัทธิในวัดเป็นวิธีแบบดั้งเดิมสมัยก่อนทั้งสิ้น
ประการแรกเราจะต้องอ่านจนจำข้อความทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้ให้ได้ ต่อไป
จึงนำสิ่งที่อ่านมาปฏิบัติ โดยจะไม่ได้รับการสอนในเรื่องปรัชญาพื้นฐาน
เกี่ยวกับเรื่องเซนเลย ข้าพเจ้าได้นำความสังสัยนี้ไปปรึกษากับพระฝึกหัด
*
อีกรูปหนึ่ง ซึ่งได้อยู่ที่นี่มาสองปีแล้ว ท่านได้บอกว่า
" นี่แหละคือมรรค ประตูแห่งมรรคเริ่มเปิดออกที่จุดนี้ ถ้าเธอปรารถนา
จะศึกษาเซนแล้วละก็ เธอจะต้องยอมรับมรรควิธีนี้ "
ซึ่งข้าพเจ้าได้ฟังแล้วก็ต้องยอมจำนนต่อคำตอบนั้น
* พระฝึกหัด พระที่บวชในนิกายเซน จะต้องศึกษาและปฏิบัติธรรมเป็นพระฝึกหัด
อยู่ระยะหนึ่งก่อน จนกว่าจะได้พิสูจน์ตนให้เห็นแล้วว่า
เป็นผู้ฝักใฝ่ธรรม จึงจะได้รับเลื่อนขึ้นเป็นพระเซนเต็มขั้น
:http://www.puansanid.com/forums/showthread.php?t=5189
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 เมษายน 2555 13:52:27 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: jpg
»
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 2.0.0.20
Re: กุญแจเซน โดย ท่าน ติช นัท ฮัน
«
ตอบ #41 เมื่อ:
26 มกราคม 2554 12:11:50 »
จิตแท้ จิตไม่แท้
ท่านอาจารย์ฮวงโปได้พูดถึงความจริงแห่งธรรมชาติของจิตที่แท้จริง
" องค์พระสัมมาสัมพุทธะและสรรพสัตว์ทั้งปวง ต่างก็มีส่วนอยู่ในดวงจิต
อันบริสุทธิ์และมหัศจรรย์
ไม่มีการแบ่งแยกว่านี้จิตของพระพุทธองค์ นี้จิตของสัตว์โลก
นับตั้งกัลป์ตั้งอาสงไขยมาแล้วที่จิตชนิดนี้มิได้ถูกสร้างขึ้นหรือถูกทำลายลง
ไม่ใช่เขียวหรือเหลืองไม่รูปหรืออรูป ไม่ใช่สิ่งที่มีหรือไม่มี
ไม่เก่าไม่ใหม่ ไม่สั้นไม่ยาว นับเป็นเครื่องแสดงออกถึงระดับสติปัญญา
ความรู้สึก ถ้อยคำ สัญลักษณ์ต่าง ๆ ทั้งการเปรียบเทียบและแบ่งแยก
เป็นอยู่ดังที่เป็นอยู่ ถ้าใครพยายามที่จะรับรู้เขาก็จะพลาดไป
เป็นสิ่งไร้ขอบเขตดุจดังห้วงอากาศ ไร้สิ่งผูกพันและมิอาจหยั่งวัดได้
ดวงจิตนี้เป็นเอกภาพ
ของสิ่งทั้งมวล เป็นดวงจิตขององค์พระพุทธเจ้าเองทีเดียว "
ข้ออรรถธรรมของท่านฮวงโปแจ่มชัดทีเดียว เราจะต้องปล่อยให้จิต
เปิดเผยออกมาเอง เพราะถ้าหากไปมังแต่นั่งคิดค้นคำตอบอยู่ละก็
เราจะไม่มีวันได้พบเลย
นี่หมายความว่าการที่จะค้นพบจิตชนิดนั้นได้ จะต้องหาวิธีการอื่น
มาใช้แทนการคิดนึก ทางเดียวที่จะประจักษ์แจ้งต่อจิตที่แท้
หรือจิตแห่งเอกภาพนี้ได้
ก็ด้วยการกลับไปสู่ตนเองและมองลงไปที่ธรรมชาติที่แท้ของตน
จิตที่แท้นั้นเป็นธรรมชาติส่วนหนึ่งของความเป็นอยู่ทั้งหมด ( อัตถิภาวะ )
ส่วนจิตไม่แท้เป็นเพียงวิธีการรับรู้และการแบ่งแยกหากจิตที่แท้ปรากฏขึ้น
สัจธรรมแห่งความเป็นอยู่ทั้งหมดก็จะประจักษ์ชัดขึ้นครบบริบูรณ์
นี่คือชีวิตแห่งการตรัสรู้ของเซน โลกที่สร้างขึ้นมาจากความนึกคิดนั้น
แตกต่างออกไปจากโลกแห่งความเป็นจริง โลกมายาที่มีเกิดมีตาย มีดี มีเลว
มีอยู่ตรงกันข้ามกับ ไม่มีอยู่ โลกเช่นนี้เป็นโลกของผู้ที่ยังหลับใหล
แต่เหตุการณ์ในโลกมายานี้หาได้สั่นคลอนโมกษบุรุษได้ ด้วยบุรุษเช่นนี้
ได้เข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้ว
ได้ละเสียแล้วซึ่งการแบ่งแยกระหว่างความมีอยู่และความสูญสลาย
ใน มหายานะศรัทโชตปทา มีข้อความเกี่ยวกับสัตยภพ ซึ่งปราศจาก
การแบ่งแยกว่า " ตั้งแต่บรมกัลป์นานมาแล้ว ปรากฏการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น
ย่อมเป็นอิสระอยู่เหนือความคิดและคำพูด ความคิดก็ดี คำพูดก็ดี
ย่อมไม่อาจเปลี่ยนหรือแยกปรากฏการณ์นั้นออกจากธรรมชาติที่แท้ของมันได้ "
ข้อเขียนทางฝ่ายมหายานชิ้นนี้ใช้คำว่า " วูเนียน " ซึ่งแปลได้ความว่า
" คิดกันไม่ได้ " ปัญญาญาณที่มีต้องใช้ความนึกคิด คือปัญญาญาณ
ที่มิได้มีพื้นฐานอยู่บนการนึกคิด คาดเดาของจิตไม่แท้ จิตที่มัวหมอง
ซึ่งอาจจะเรียกปัญญาที่แท้ได้อีกอย่างหนึ่งว่าเป็นปัญญาชนิดนิรวิกัลปญาณ
กุญแจเซน โดย ท่าน ติช นัท ฮัน
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 2.0.0.20
Re: กุญแจเซน โดย ท่าน ติช นัท ฮัน
«
ตอบ #42 เมื่อ:
26 มกราคม 2554 13:49:41 »
สัจจะในตัวเอง
ธรรมชาติแท้หรือจิตที่แท้นั้น มิใช่สิ่งที่เรียกกันว่าเป็นภาวะในอุดมคติ
แต่นั่นคือตัวความจริงเองทีเดียว คำว่า "
จิต
"
บางครั้งก็เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "
ธรรมชาติ
" จิตแท้หรือธรรมชาติแท้
ก็คือความจริงอันเดียวกัน ที่เรียกชื่อแตกต่างกันออกไป
ในแง่ของวิชาความรู้แล้ว เราใช้คำว่าปัญญาญาณและคำว่า " จิต "
เมื่อต้องการพูดถึง
สัจภาวะ
ที่มีอยู่เป็นอยู่ในตัวเอง ข้อแตกต่างระหว่าง
ผู้รับรู้ ( กรรตุ ) กับสิ่งที่ถูกรับรู้ ( กรรม ) มิได้คงอยู่อีกต่อไป
นี่เป็นเหตุผลที่ว่า เหตุใดจึงใช้คำว่า "
ธรรมชาติแท้
" และ "
จิตแท้
"
แทนสัจภาวะ บางครั้งก็นำไปใช้แทนปัญญาญาณอันไร้การแบ่งแยก
ซึ่งสะท้อนภาพพจน์แห่งความเป็นจริงออกมาในตัวเอง
ความเข้าใจ ความรู้ เกี่ยวกับ
ตัวความจริงนี้แหละ
ที่
เซน
เรียกว่า
การมองลงสู่ธรรมชาติของตน
แนวความคิดทางฝ่ายมหายานนิกายอื่น ๆ ความคิดเกี่ยวกับเรื่องตถาคต
และธยาน ( ฌาน ) ได้มาจาก
ลังกาวตารสูตร
ความคิดเกี่ยวกับเรื่องจิตที่แท้ได้มาจาก
สุรังคมสูตร
ความคิดเกี่ยวกับคุณของธยาน ( ฌาน ) ได้มาจาก
มหาไวปุลยปูรณพุทธสูตร
ความคิดเกี่ยวกับ
ความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน
ของ
จักรวาล
ได้มาจาก
อวตังสกสูตร
ความคิดเกี่ยวกับสุญญตา ได้มาจาก
ปรัชญาปารมิตาสูตร
จิตแห่งเซนนั้น
เป็นอิสระอย่างสมบูรณ์
ทฤษฎีทางพระพุทธศาสนา ที่เซนได้สังเคราะห์ขึ้น เป็นความคิด
ที่เป็นไปโดยธรรมชาติ เหมือนกับพืชที่ดูดซึม
เอาอากาศและแสงแดดเข้าไปเพื่อคุณประโยชน์ของต้นพืช ฉะนั้น
จิตที่แท้นั้นมิได้เกิดขึ้นในขณะที่ตรัสรู้ ด้วยว่าไม่อาจสร้างขึ้น
หรือถูกทำลายลงได้ การตรัสรู้เป็นเพียงการเปิดเผยตัวออกมา
ให้ปรากฏ ทั้ง
นิพพานสภาวะ
หรือ
พุทธสภาวะ
ก็เช่นเดียวกับจิตที่แท้นี้ ใน
มหาปรินิพพานสูตร
ปรากฏถ้อยคำว่า
" ทั้งโดยสภาพและโดยเหตุ นิพพานย่อมเป็นสภาวธรรมแห่งการตรัสรู้
หรือความเป็นพุทธะ พุทธะมิได้ให้
กำเนิด
แก่นิพพานนี่แหละจึงเรียกว่า
นิพพาน
ที่เป็นไปโดยมิต้องมีเหตุมีเหตุมีปัจจัยเป็นเครื่องช่วย
ธรรมชาติแห่งการตรัสรู้แห่งสรรพสัตว์นั้นเป็นเช่นเดียวกัน ไม่ว่าสัตว์โลก
จะเกิดในภพใด จะมีรูปลักษณ์เช่นไร
สัตว์เหล่านั้นย่อมมี
ธรรมชาติ
แห่งการ
ตรัสรู้
เช่นเดียวกันหมด "
ถ้าพิจารณาตามนี้จะเห็นได้ว่า ผู้ฝึกฝนไม่ควรจะรอการตรัสรู้ด้วยการถ่ายทอด
ปัญญาญาณที่มาจากข้างนอก ด้วยปัญญาญาณไม่อาจจะเข้าถึงได้
และจิตไม่อาจถ่ายทอดได้ ในมหาปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตรได้ยืนยันไว้ว่า
"
ไม่มีการเข้าถึงด้วยไม่มีอะไรจะให้เข้าถึง
"
ท่านยูเย็นโห อาจารย์เซนชาวเวียดนามในสมัยศตวรรษที่ ๑๒
ได้กล่าวกับศิษย์ของท่านว่า "
จงอย่าคอยให้คนอื่นมาถ่ายทอดการตรัสรู้ให้
"
เช่นเดียวกัน ในสามัญโลกอันเป็นโลกแห่งปรากฏการณ์ต่าง ๆ เรามักจะ
น้อมเชื่อไปในทางที่ว่าโลกนี้เป็นมายา เป็นโลกที่แยกออกจากความเป็นจริง
และเรายังมักเชื่ออีกว่า
ด้วยการปลีกตนออกจากโลกนี้
ก็จะทำให้เราถึงโลกแห่งจิตที่แท้จริงได้
ถ้าหากคิดเช่นนี้ก็นับว่าผิด ด้วยโลก
ที่มีการเกิดและการตาย โลกที่มีความว่า "
คิดกันไม่ได้
"
ปัญญาญาณ
ที่มิต้องใช้ความนึกคิด
คือ สัจจะที่อยู่แยกต่างหากออกไปจากต้นมะนาว
และต้นหม่อน ท้องทะเลนั้นไม่ถือว่าสงบหรือมีคลื่นลม
ถ้าเราต้องการทะเลที่สงบราบคาบ ก็ไม่อาจได้มาโดยการไปบัญชาให้คลื่นลม
สงบลง แต่จะต้องรอให้ทะเลสงบลงเอง โลกแห่งสัจจะคือโลกของบรรดา
ต้นมะนาวและต้นหม่อนเหล่านั้นคือโลกแห่งแม่น้ำและขุนเขา ถ้าได้เห็นแล้ว
สัจจะอันเต็มเปี่ยมเที่ยงแท้ก็รวมอยู่ในนี้แหละ มิได้อยู่แยกออกไปเลย
ถ้าเรามองให้เห็นเสียแล้ว โลกนั้นก็ยังคงเป็น
โลกแห่งภูติผี โลกแห่งความนึกคิด การเกิดการตาย เป็นโลกมายาอยู่เช่นเดิม
บันทึกการเข้า
▄︻┻┳═一
SookJai.com
นักโพสท์ระดับ 9
คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 795
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.6.13
Re: กุญแจเซน โดย ท่าน ติช นัท ฮัน
«
ตอบ #43 เมื่อ:
28 มกราคม 2554 00:18:36 »
ขอบคุณครับ
อนุโมทนาธรรมครับ
บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 2.0.0.20
Re: กุญแจเซน โดย ท่าน ติช นัท ฮัน
«
ตอบ #44 เมื่อ:
06 กุมภาพันธ์ 2554 17:05:41 »
โคมและแสงสว่าง
นิกายเซาทุงเซน ( โสโตเซน ในภาษาญี่ปุ่น ) ได้นำหลักการทั้งห้า
มาประยุกต์ใช้ในขณะนั่งสมาธิ หลักการเหล่านี้คือ
๑. การนั่งสมาธิโดยไม่ใช้อารมณ์ภาวนา เป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
๒. การนั่งสมาธิกับการตรัสรู้ มิใช่สิ่งสองสิ่งที่แยกอยู่ต่างหากจากกัน
๓. บุคคลไม่ควรรอให้ถึงการตรัสรู้
๔. ไม่มีการตรัสรู้ให้ไปถึง
๕. ทั้งกายและจิตจะต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว
หลักการเหล่านี้มิได้ขัดแย้งกับการใช้
้กุงอัน
เป็นอุบายในนิกายลินจีเซน
( รินซายเซนในภาษาญี่ปุ่น ) เลย ตรงกันข้าม หลักการของเซาทุง
กลับช่วยให้ผู้ฝึกฝนในนิกายลินจี ไม่ไปมัวนั่งแบ่งแยกระหว่างจุดหมาย
และวิธีการ เพราะมีผู้ฝึกฝนเซนเป็นอันมากที่คิดว่าการนั่งสมาธิ
ิเป็นเครื่องนำไปสู่การตรัสรู้ ซึ่งเป็นเป้าหมายแห่งการฝึกฝน อย่างไรก็ตาม
เราไม่อาจหาเส้นแบ่งระหว่างเป้าหมายและวิธีการได้อย่างชัดเจน
เมื่อเราหันจากความหลงลืมกลับไปสู่การมีสติเป็นเครื่องกำหนดรู้
สถานะเช่นนี้แหละคือการตรัสรู้ที่แท้อยู่แล้ว ดังมีกล่าวในนิกายเซาทุงไว้ว่า
" การนั่งสมาธิก็คือการเป็นพระพุทธเจ้า " เมื่อผู้ใดนั่งสมาธิ
ผู้นั้นก็ได้ตรัสรู้แล้ว และการตรัสรู้นั่นแหละคือการเป็นพุทธะโดยแท้
ในขณะที่เต็มไปด้วยความฟุ้งซ่านและความหลงลืม
เราได้
สูญเสีย
ตัวเองไป ชีวิตเราก็สูญเปล่าไปด้วย การนั่งสมาธิคือการ
ฟื้นฟูพละกำลังให้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง การนึกคิดย่อม
ปล่อยให้จิตฟุ้งไปที่โน่นที่นี่ ดังนั้นการนั่งสมาธิจึงเป็นการวบรวม
ให้จิตกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง
โดยฉับพลัน
เป็นการนำสภาวะแห่งการดำรงอยู่
โดยบริบูรณ์มาให้ เป็นการกลับไปสู่ชีวิตกลับกลายเป็นพุทธะ
ตามหลักนี้แล้วถือว่า การนั่งสมาธิเป็นปีติสุขอันยิ่งใหญ่
แต่ทำไมจะต้องนั่งในท่าขัดสมาธิเพชรและสมาธิบัลลังก์ด้วย
เพราะการนั่งท่านี้ช่วยให้สามารถคุมลมหายใจได้สะดวก สามารถเพ่งดวงจิต
และกลับคืนสู่สภาวะอันมีสติเป็นเครื่องกำหนดรู้ ไม่ว่าจะ เดิน กิน พูด หรือทำงาน
"
พระพุทธเจ้าคือผู้ใดเล่า
" "พระพุทธเจ้าคือผู้ซึ่งใช้ชีวิตตลอดชีวิต
ตลอด ๒๔ชั่วโมง
อยู่ในเซน ในขณะที่ประกอบธุรกิจประจำวัน
พร้อมกันด้วย "
พระรูปหนึ่งถามอาจารย์เซียงหลินว่า " เหตุใดพระมหาสังฆราชองค์แรก
จึง
มา
สู่ประเทศจีน " ท่านเซียงหลินตอบว่า
"
เพราะการนั่งสมาธินานเกินไปทำให้เสียสุขภาพ
" คำถามเช่นเดียวกันนี้
ได้รับคำตอบจากอาจารย์ต่างท่านต่างกันออกไป เช่น อาจารย์เกียวเฟ็ง
ได้ตอบว่า " ขนเต่าหนักเก้าชั่ง "อาจารย์คองซันตอบว่า
"
รอ
จนกว่าแม่น้ำทงจะ
ไหล
ย้อนกลับ เมื่อนั้นฉันจึงจะ
บอก
กับเธอ
"คำตอบทั้งสองนี้ทำให้เกิดผลเฉพาะอย่างในจิตใจแตกต่างกันไป
แต่คำตอบของท่านเซียงหลินที่ว่า " เพราะการนั่งสมาธินาน
เกินไปทำให้เสียสุขภาพ " เป็นคำตอบธรรมดา ๆ และอาจนำไป
ดัดแปลงใช้กับกรณีต่าง ๆ เกือบทั้งหมด การนั่งเพื่อจุดประสงค์ในการค้นหา
ความหมายของกุงอัน หาใช่การนั่งใน "
เซน
" ที่แท้จริงไม่เป็นแต่เพียงการ
ใช้เวลาและชีวิตให้หมดไปอย่างไร้ประโยชน์เท่านั้น ถ้าใครนั่งสมาธิ
มิใช่หมายเพียงการค้นหาความหมายของ
กุงอัน
แต่เพื่อเป็นการจุดแสงให้แก่คบไฟแห่งตัวตนที่แท้
ความหมายของกุงอัน ย่อมปรากฏขึ้นโดยธรรมชาติในท่ามกลางแสง
ซึ่งเจิดจ้าขึ้นทุกขณะ
แต่ถ้าหากมิได้จุดโคมไฟนี้ขึ้น ผู้นั้นก็
ได้แต่เพียงนั่งอยู่ในเงาแห่งชีวิต
ของตนเท่านั้น เราจะไม่มีโอกาส
ได้แลเห็นธรรมชาติ
ของตนเอง
สุขภาพของเราจะเสื่อมโทรมลง หากเรานั่งอยู่นานจนเกินไป
กุงอันนั้นไม่อาจ
ถือเอา
เป็นแก่นที่จะค้นหาในขณะนั่งสมาธิ ด้วยการ
นั่งสมาธิมิใช่การค้นหาอะไรอย่างหนึ่ง
กุงอันมิใช่ชีวิต
การนั่งสมาธินั้นแหละ
คือชีวิต กุงอัน
เป็นเพียง
การทดสอบ เป็นการเฝ้าดูและดำรง
ความไม่ประมาทไว้
อาจถือได้ว่ากุงอันเป็นโคมที่ใช้ส่องแสง
ขณะที่เซนเป็นตัวแสงสว่างเลยทีเดียว
โดย
..
คุณ มดเอ๊กซ์
http://community.buddhayan.com/index...ic,957.15.html
นำมาแบ่งปัน
โดย :
คุณฝาน
Credit by
:http://www.puansanid.com/forums/showthread.php?t=5189&page=2
อกาลิโกโฮม * สุขใจดอทคอม
กุศลผลบุญใดที่พึงบังเกิดจากธรรมทานนี้ ขอจงเป็นบุญเป็นปัจจัย
แด่
ท่านผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ในธรรมทานนี้ ทุกๆท่าน
รวมทั้ง
ท่านเจ้าของภาพ
ทุกๆภาพ เรียนขออนุญาตใช้ภาพ
ไว้ ณ ที่นี้...
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 เมษายน 2555 12:29:02 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: jpg
»
บันทึกการเข้า
☂Frowzy Dress ℉ ~♪
นักโพสท์ระดับ 1
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 4
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 16.0.912.63
Re: กุญแจเซน โดย ท่าน ติช นัท ฮัน
«
ตอบ #45 เมื่อ:
20 ธันวาคม 2554 22:51:42 »
ชอบมากค่ะ ภาพสวยด้วย
บันทึกการเข้า
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์
เพศ:
United Kingdom
กระทู้: 7866
• Big Bear •
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 16.0.912.63
Re: กุญแจเซน โดย ท่าน ติช นัท ฮัน
«
ตอบ #46 เมื่อ:
20 ธันวาคม 2554 22:54:51 »
บันทึกการเข้า
B l a c k B e a r
: T h e D i a r y
คำค้น:
หน้า:
1
2
3
1
2
[
3
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...