[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
23 พฤศจิกายน 2567 19:53:01 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: dharma at the hand episode 1  (อ่าน 3973 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 03 เมษายน 2553 11:55:09 »

http://img130.imageshack.us/img130/7715/img00331.jpg
dharma at the hand episode 1

<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae2"> <tr><td style="width: 800px; height: 576px" colspan="2" id="saeva2"><embed type="application/x-mplayer2" src="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/18.wma" width="800px" height="576px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" ShowControls="True" autostart="false" autoplay="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/18.wma" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.fungdham.com/download/song/allhits/18.wma</a></td><td class="aeva_q" id="aqc2"></td></tr></table>

ถาม..........................คนที่ทำสมาธิไม่เป็น


จะถือว่าขาดสัมมาสมาธิในการภาวนาหรือเปล่าครับสัมมาสมาธิ ทำหน้าที่อะไร
เบื้องต้นที่หลวงพ่อบอก ต้องมีสัมมาสมาธิ มีใจตั้งมั่นอันนี้เรียกสัมมาสมาธิแบบอนุโลมเอาหรอกนะ ยังไม่ใช่ของจริงหรอก
ใจตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู นี้เรียกสัมมาสมาธิปลอมๆไปก่อนเพื่อให้แยกให้ออก ระหว่างจิตใจที่ตั้งมั่น กับจิตใจที่ไหลไปแช่ในอารมณ์เท่านั้น



...........................ส่วนสัมมาสมาธิแท้ ๆ จะเกิดในขณะที่จะเกิดอริยมรรค......................


จิตจะรวมเข้าอัปปนาสมาธิเลย สัมมาสมาธิจะทำหน้าที่เป็นที่ประชุม
หรือเป็นภาชนะที่รองรับองค์มรรคทั้ง 7 ตัวที่เหลือรวมความแล้วก็คือเป็นตัวที่รวมพลังขององค์มรรคที่เหลือทั้งหมด เข้ามาเป็นหนึ่ง
รวมพลังเข้าด้วยกัน คล้ายๆหนังจีนนะ ใครเคยดูเรื่องโป๊ยเซียนบ้างโป๊ยเซียนมี  8 ท่าน องค์เดียว สององค์เนี่ย สู้ปีศาจไม่ไหวใช่ไหม
ถ้ารวม 8 องค์ แล้วถึงจะมีพลังมาก สู้ปีศาจได้ มรรคนี่ก็เหมือนกันนะถ้ามีเป็นตัว ๆนะ ไม่ประชุมเข้าด้วยกัน รวมพลังเป็นอันเดียวกันนะ
ไม่มีพลังที่จะทำลายล้างสังโยชน์ได้พราะฉะนั้น สังโยชน์มันคือปีศาจตัวฉกาจฉกรรจ์นะ สู้ยาก สู้ยาก
พวกเราส่วนใหญ่ยังมองไม่เคยเห็นสังโยชน์ด้วยซ้ำไปนะ
บางคนเริ่มเห็น เห็นเงานิดๆหน่อย ๆเช่น บางทีก็มีความรู้สึกมีตัวเราผุดขึ้นมา เริ่มเห็นนี่เห็นเงาของสังโยชน์แล้วนะ สังโยชน์ตัวแรกเลย สักกายทิฏฐิ เริ่มเห็นเงาของมันพอสัมมาสมาธิเกิดขึ้น มันจะประชุม จะรวมพลังของธรรมะฝ่ายดีทั้งหลายเข้าด้วยกัน
ความจริงไม่เฉพาะมรรค 7 ตัว ที่เหลือหรอก จะรวมพลังของโพธิปักขิยธรรมธรรมะฝ่ายที่เป็นกุศลสามสิบกว่าตัวเข้าด้วยกัน
คราวนี้รวมพลังมาแล้ว ก็จะชนะมารได้แล้วถ้าเดี่ยว ๆ สู้ไม่ได้หรอก ตัว สองตัว สู้ไม่ได้หรอก...........................................

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 เมษายน 2553 12:33:54 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 03 เมษายน 2553 11:59:29 »

http://img130.imageshack.us/img130/7715/img00331.jpg
dharma at the hand episode 1


อย่างใครบอกถือศีลจะสู้มารได้ไหม สู้ไม่ได้มีแต่สมาธิจะสู้มารไหวไหม สู้ไม่ได้มีแต่ปัญญาอย่างเดียวจะสู้มารได้ไหม สู้ไม่ได้ สู้ไม่ได้หรอก


.............................ต้องประชุมลงในขณะจิตเดียว ในที่เดียวกันเลย..........................


...............................คือในที่ใด ในที่จิตนั้นเอง ไม่ได้ไปประชุมที่อื่น.....................................


ไม่ได้ไปประชุมที่ศูนย์สิริกิติ์นะ ไม่ได้ประชุมที่โน่นที่นี่ หอประชุมโน้นประชุมนี้แต่ประชุมลงที่จิตนี่แหละ พลังของมรรคก็จะรวมตัวกันขึ้นมาก่อนที่พลังของมรรคจะเกิดเต็มบริบูรณ์ มันจะทบทวน เดินปัญญาขั้นสุดท้ายก่อนมันจะเห็นสภาวธรรมเกิดดับขึ้นมา 2 ขณะบ้าง 3 ขณะบ้างบางคนเห็น 2 ครั้งก็ตัด บางคนต้องเห็น 3 ครั้ง พวกนี้พวกล่าช้าพวกช้าต้องเห็น 3 ขณะพวกรวดเร็วก็เห็น 2 ขณะถามว่ามีนัยยะแตกต่างไหม ไม่มีนะเทียบกับเวลาแล้ว แวบเดียวเหมือน ๆกันนั่นแหละแทบไม่ต่างกันเลย จิตมันไหวขึ้นมา 3 ขณะเท่านั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 เมษายน 2553 12:29:11 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 03 เมษายน 2553 12:05:11 »

http://img130.imageshack.us/img130/7715/img00331.jpg
dharma at the hand episode 1


........พอเห็นนะองค์ธรรมสำคัญในขณะนั้นเรียกว่า ขันติ นี่ตัวนี้สำคัญนะ ต้องฝึกนะ มีขันติ.........


...................................องค์ธรรมในอนุโลมญาณเนี่ยคือขันติ............................


........................................ขันติจะเป็นกลาง มันอดทนต่อสิ่งเร้า.....................................

มีสภาวะบางสิ่งเกิดขึ้น มันไม่รู้ว่าอะไรนะมีสภาวะเกิดขึ้นแต่ไม่รู้ว่าคืออะไรใช่ไหม
เพราะอะไร เพราะไม่มีสมมติบัญญัติเห็นสภาวะเกิด ใจเป็นกลาง ใจมีขันติ อดทนต่อสิ่งยั่วถ้าเป็นอย่างครูบาป๋องนะ พอไปเห็นปุ๊บ
เอ๊ะ.....................มันคืออะไรนะ? ต้องสงสัยไว้ ก่อนเพราะชอบสงสัยนะ สะสมนิสัยสงสัยต้องเพิ่มขันติ อดทนต่อความสงสัยถ้าทนได้นะใจไม่ดีดดิ้นออกไปอีกมันจะวางสภาวะ แล้วก็ทวนกระแสเข้ามาหาธาตุรู้พวกเราเคยเห็นจิตที่วิ่งไปวิ่งมาหรือยัง เคยเห็นแล้วใช่ไหมคนเรียนสักพักหนึ่งก็เห็นหรอก จิตวิ่งไปวิ่งมามันทิ้งสภาวะแล้วมันจะทวนเข้าหาธาตุรู้ พอมันทวนเข้าถึงธาตุรู้เนี่ยตรงนี้แหละอริยมรรคจะรวมพลังกันแล้วตัดสังโยชน์ขาดเลย
ตัดอาสวะลงไปชั่วขณะนะ สังโยชน์ถูกทำลายล้างลงเป็นลำดับ ๆ ไปเสร็จแล้วอริยผลจะเกิดขึ้น 2 ขณะบ้าง 3 ขณะบ้าง ตรงนี้เห็นนิพพาน
จะเห็นนิพพานแจ่มแจ้ง ตรงที่เกิดอริยมรรคนี่ก็เข้าไปเห็นนิพพานแล้วแต่ยังไม่ได้แจ่มแจ้ง เพราะยังมีงานต้องทำอยู่ฉะนั้นในขณะที่อริยมรรคเกิด เรียกว่า โลกุตตรกุศลตรงที่อริยผลเกิด เรียกว่า โลกุตตรวิบาก เป็นวิบากไม่ทำงานแล้ว เลิกทำงานแล้ว หมดงานแล้ว เข้าไปเสวยผล ได้รับผล
แต่รับผลแล้วจะนิ่งนอนใจอยู่นาน ๆไหม ไม่นิ่งนอนใจนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 เมษายน 2553 12:29:41 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 03 เมษายน 2553 12:11:27 »

http://img130.imageshack.us/img130/7715/img00331.jpg
dharma at the hand episode 1


เข้าไปสัมผัสนิพพาน 2 ขณะบ้าง 3 ขณะบ้างก็เลิกแล้ว พอแล้วถอยออกมานะ จิตจะถอนจากอัปปนาสมาธิหมดกระบวนการของอริยมรรคตรงนี้แหละพอถอนออกมา กลับมาสู่กามาวจรภูมินี่ จิตจะทวนกลับเข้าไปเลย
ทวนกลับเข้าไปพิจารณาใหม่ว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นบางคนก็ทวนเข้าไป เอ....................อะไรหว่า ?
รู้สึกแต่ว่ากิเลสหายไปแล้ว ดูไม่ทัน ดูแต่ละขณะ ๆไม่ทันคนไหนที่เล่นฌานจนชำนิชำนาญนะ จะเห็นสภาวะได้ประณีต
จะเห็นเป็น ช็อต ช็อต ช็อต ช็อต เนี่ย 7 ขณะ เนี่ยเห็นอย่างนี้ถ้าคนไหนศึกษามาในทางวิปัสสนายานิก ไม่ได้ทรงฌานเลยนะ
ดู ๆ ๆ ๆเอาอย่างนี้ ส่วนมากขาดไปปุ๊บ ถอยออกมา รู้แต่ว่ากิเลสมันหายไปแล้วนะแต่ไม่เห็นกระบวนหรอก ไม่เห็นกระบวนท่า มี 7 กระบวนท่านะ
ท่าที่ 1 นี่ พึ่บ ท่าที่ 2 อย่างนี้นะ 1 2 3 นะ
ท่าที่ 2 อย่างนี้นะ ท่าที่ 3 เนี่ยต้องแหวกออกนะถ้าจิตไม่ได้ทรงฌานนะ ไม่ชำนาญจะไม่เห็นสภาวะละเอียด
คล้าย ๆ คนตกต้นไม้ พอหลุดจากยอดไม้ก็ถึงพื้นตุ้บเลยดูไม่ออก แต่กิเลสเนี่ยหายไปแล้วเพราะฉะนั้น ถ้าคนไหนภาวนาแล้ววูบ ๆวาบ ๆไปแล้วก็คิดว่าใช่นะ อย่าเพิ่งเชื่อให้มาทดสอบตัวเองด้วยกิเลสก่อน ค่อยๆสังเกตไปกิเลสอะไรยังเหลืออยู่ กิเลสอะไรหมดไปแล้ว ค่อยดูไปเรื่อย ๆ นะ
ถ้าไม่เข้าข้างตัวเอง มีสติ มีปัญญา ช่างสังเกตไปเรื่อย วันหนึ่งก็ต้องจับได้อย่างหลวงพ่อนะ ฆาตกรรมพระโสดาบันไปเยอะแยะนะ แต่ละปีๆนี่เยอะแยะมากเลยพระโซดานั่นแหละ ไม่ใช่โสดา ฯ โสดาบันจริงหรอกนะ ยังมึนๆเมาๆอยู่วิธีจัดการก็คือ ใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งไปบอกเขาว่าไม่ใช่
คนไหนเขาคิดว่าเขาใช่ เราอย่าไปบอกเขาว่าไม่ใช่นะ เดี๋ยวเขาโมโหอีกพวกหนึ่งไม่โมโหนะ เสียใจ เสียใจล้มพังพาบเลย
ภาวนาไม่ไหวอีก ต้องใจเย็น ๆ เวลาเจอเพราะฉะนั้น ใครมาถามหลวงพ่อว่า ผมเป็นพระโสดาฯ (โสดาบัน)
หรือยังอะไรอย่างนี้ ยังไม่ตอบง่ายหรอกนะพระพุทธเจ้าท่านบอกว่า อย่าเพิ่งอนุโมทนา แล้วก็อย่าเพิ่งคัดค้านค่อย ๆ สังเกตไปมันมีกิเลสอะไรอีกค่อยพาเจ้าตัวเขาดูนั่นแหละบางคนบอกเป็นพระโสดาฯ (โสดาบัน)แล้ว เราก็ชวนคุยโน่นคุยนี่สักพักเห็นไหม มันมีความเป็นเราขึ้นมาอีกแล้ว ถ้าเจ้าตัวเห็นนะ ก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวไม่ใช่ถ้าอย่างนี้เขาไปต่อได้ ถ้าอยู่ ๆ เราไปตราหน้าเลย ไม่ใช่หรอกเดี๋ยวมันโมโหเอา หรือว่าเสียใจไปเลยไม่รู้ว่าจะไปต่ออย่างไร
เพราะฉะนั้น.........ภาวนานะวันหนึ่งเราจะได้ธรรมะเอาแค่โสดาฯ (โสดาบัน)ก่อนนะสูงกว่านั้นแล้วค่อยว่ากันใหม่ แค่นี้ก็ปางตายแล้ว...................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 เมษายน 2553 12:30:09 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 03 เมษายน 2553 12:16:00 »

http://img130.imageshack.us/img130/7715/img00331.jpg
dharma at the hand episode 1


มันยากตรงไหนล่ะ มันยากตรงที่มันฝืน มันฝืนความรู้สึกนะเราตั้งแต่เกิดมา เนี่ย เราคุ้นเคยที่จะส่งจิตออกนอก
คุ้นเคยที่จะไปดูคนอื่น ไม่คุ้นเคยที่จะดูตัวเองคุ้นเคยที่จะหลงอยู่ในโลกของความคิด ไม่เคยคุ้นเคยที่จะรู้สึกตัว
คุ้นเคยที่จะออกนอกตลอดเวลาแล้วพอลงมือปฏิบัติก็คุ้นเคยที่จะบังคับ เพ่งกายเพ่งใจเรียกว่าคุ้นกับ อัตตกิลมถานุ โยค
ไม่คุ้นกับการรู้ ไม่คุ้นกับการรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริงพอไปรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง มันก็ฝืนใจอีกนะฝืนใจอีกเพราะว่า มันเสียดาย มันเคยมีตัวเรา ตัวเราหายไปนี่ไป ๆ มา ๆ ไม่ได้สู้กับคนอื่นเลย สู้กับตัวเองทั้งสิ้นเลยเพราะฉะนั้น การภาวนาไม่ต้องแข่งกับคนอื่น
มีเพื่อนภาวนาแล้วทำให้คึกคักนะ แต่อย่าแข่งกับเพื่อนเลยคนไหนคิดจะแข่งกับคนอื่น ไปไม่รอดหรอก เพราะว่ามันกิเลสทั้งนั้นเลย
ภาวนาเราก็สู้กับความหลงผิดของตัวเอง มันหลงผิดนะมันต้องค่อย ๆ ศึกษาไป จนจิตมันทวนกระแสทวนกระแสของโลกนะ โลกมันมีแต่ไหลออกไปข้างนอกเราทวนกระแส เราย้อนกลับเข้ามารู้กายรู้ใจตัวเองโลกมันชอบพาไปดูอย่างอื่น เราก็จะมาดูกายดูใจตัวเองโลกมันชอบลากไปอดีต ลากไปอนาคต เราจะอยู่กับปัจจุบัน รู้ปัจจุบันนี่มันฝืนทั้งสิ้นเลย ถ้าฝืนใจ จงใจฝืน ก็ไม่ใช่อีกแล้ว ใช่ไหม ไม่ใช่การรู้มันคล้าย ๆเป็นช่องทางเล็ก ๆ ที่เราต้องค่อย ๆ คลำหลวงพ่อเทียนท่านบอก เหมือนอยู่ในห้องมืดค่อยคลำไปนะคลำ ๆ ถ้าอยู่ในห้องมืดแล้วอยากพ้นจากห้องแล้วก็นั่งเข้าสมาธิ วันหนึ่งคงหลุดออกจากห้องหลุดนั่นแหละ นั่งนานๆ ตาย เขาก็มาหามเอาไปเผานะแต่ถ้าเราไม่นิ่งนอนใจ ใจมันจะสำรวจไปเรื่อย จะลองผิดลองถูก
ลองผิดลองถูก วิธีลองผิดลองถูก ก็ต้องลองให้ถูกหลักไม่ใช่ไปลองมั่วซั่วนะลองผิดลองถูกก็คือหัดเจริญสติไปเรื่อยเลย
เดี๋ยวมันก็มากไป เดี๋ยวมันก็น้อยไป เดี๋ยวก็หนักไป เดี๋ยวก็เบาไปเดี๋ยวก็ขยันเกินไป เดี๋ยวก็ขี้เกียจเกินไป เนี่ยคอยสังเกตใจเราไปเรื่อยจนมันพอดี ๆ มันพอดีตรงไหน เหมือนเราคลำ ๆ ไปเจอลูกบิดหรือเจอกลอนประตูเข้าแล้วไขแกร๊กเดียวเอง ก็เปิดออกมาสู่ความสว่างได้แล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 เมษายน 2553 12:30:34 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 03 เมษายน 2553 12:24:45 »

http://img130.imageshack.us/img130/7715/img00331.jpg
dharma at the hand episode 1


ตอนนี้เราอยู่ในที่มืดนะ ยังมืดอยู่แต่ว่าบางคนก็เข้าใกล้ประตูแล้วนะจะบอกให้ เหลืออีกไม่กี่ก้าวหรอกแต่บางคนก็ยังคลำโน่น แทนที่จะคลำหาประตูนะมันคลำหาห้องใต้ดินอยู่ มีนะพวกคลำหาห้องใต้ดินเวลาภาวนารู้สึกไหม ส่งจิตไปข้างล่างลึกลงไป ไหนนะบางคนมันคลำเพดาน ส่งจิตขึ้นไป มันไม่ได้อยู่กับปัจจุบันนะอยู่กลาง ๆ ประตูมันอยู่ตรงกลาง ๆ นี่แหละแล้วมันอยู่ตรงไหน อยู่ต่อหน้าไม่ใช่อยู่ข้างซ้าย อยู่ข้างขวาหรอก อยู่ต่อหน้า
เซ่อไปหาข้างซ้ายข้างขวาเองนะ อยู่ต่อหน้าข้างซ้ายคือหลงไปทาง ตามโลกไปอยู่ข้างขวาคือ อัตตกิลมถานุโยค ข้างซ้ายเป็น กามสุขัลลิกานุโยค
ถ้าใครชอบฝ่ายขวา เราก็บอกพวกฝ่ายซ้ายนั่นเป็นกามสุขัลลิกานุโยคอะไรไม่ดีก็โทษคนอื่นไว้ก่อน
ในความเป็นจริงก็คือ อย่าหลงไปสู่ความสุดโต่ง 2 ด้านรู้อยู่กับปัจจุบัน ประตูอยู่ต่อหน้านะ
ไม่เพียงประตูหรอก ประตูนี้เป็นภาพลวงตา จะบอกให้ในความเป็นจริงนะ นิพพานอยู่ต่อหน้าไม่ใช่ว่าต้องเปิดประตูเข้าไปเห็นหรอก แต่ว่าเซ่อเอง ไม่เห็นเองนะนิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตานี่เอง แต่อะไรปิดบังไว้อาสวกิเลส หรืออวิชชานั่นแหละ ปิดบังไว้ ความไม่รู้ของเราเองเพราะฉะนั้น เราต้องพัฒนาความรู้ขึ้นมารู้อะไร รู้อริยสัจ อริยสัจข้อแรกเรียกว่าทุกข์ทุกข์คืออะไร ทุกข์คือกายกับใจเพราะฉะนั้น ให้เราคอยรู้กายคอยรู้ใจตัวเองเนือง ๆ รู้ไปอย่างที่เขาเป็นรู้ซื่อ ๆ นะไม่ใช่บังคับกายบังคับใจ นี่สุดโต่งข้างบังคับไม่ใช่ลืมกายลืมใจ นี่สุดโต่งข้างตามใจกิเลส
รู้กายรู้ใจ รู้ซื่อ ๆ กายเป็นอย่างไร รู้ว่าเป็นอย่างนั้นในที่สุด เรารู้ทุกสิ่งด้วยจิตที่เป็นกลางเมื่อใดรู้ทุกสิ่งด้วยจิตที่เป็นกลาง รู้แล้วไม่ปรุงต่ออีกนิดเดียวเองนะอีกนิดเดียวเองก็จะพบมรรคผลแล้ว ไม่ยากเท่าที่คิดหรอกง่ายกว่าที่คิดนะ เพราะคิดแล้วยาก ไม่ต้องคิดมาก
มีสติรู้กายรู้ใจลงปัจจุบันไปด้วยจิตที่เป็นกลางถ้าจิตไม่เป็นกลาง รู้ทันไปฝึกอยู่อย่างนี้นะ 7 วัน 7 เดือน 7 ปี ต้องได้ผลบ้างแหละ
อาจจะไม่ถึงขั้นพระอรหันต์ พระอนาคามี เหมือนคนพุทธกาลรุ่นเราฝึกไป 7 วัน 7 เดือน 7 ปีได้พระโสดาบัน ก็บุญแล้วแหละอินทรีย์เราอ่อนนะจิตเป็นอย่างไร รู้ว่าเป็นอย่างนั้น รู้ไปอย่างนี้นะ.................................................



....................................THE END.....................................


วันที่ 8 พฤศจิกายน 2551 ตอน2


..........................................พระอาจารยปราโมทย์...................................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 เมษายน 2553 12:31:02 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 03 เมษายน 2553 19:22:06 »


สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ


ตาข่ายดักฝันค่ะ
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.26 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 09 พฤศจิกายน 2567 19:06:48