[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 17:03:49 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: CHAPTER ONE OF สังขารุเปกขาญาณ  (อ่าน 3056 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 12 เมษายน 2553 09:23:28 »

http://img442.imageshack.us/img442/305/budddah.jpg
CHAPTER ONE OF สังขารุเปกขาญาณ

<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 576px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-mplayer2" src="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/22.wma" width="800px" height="576px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" ShowControls="True" autostart="false" autoplay="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/22.wma" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.fungdham.com/download/song/allhits/22.wma</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>


.......................................สังขารุเปกขาญาณ.................................


สังขารุเปกขาญาณ หมายความว่า ญาณพิจารณาเห็นรูปนาม โดยอาการวางเฉยในสังขาร-นิมิตอารมณ์ สังขารคือ สภาวธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง ได้แก่ ขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ย่อลงมาได้แก่ รูปกับนาม ขันธ์ที่ 1 เป็นรูป ขันธ์ที่ 2 - 3 - 4 - 5
เป็นนามการวางเฉยนั้นคือเป็นกลาง ๆ ในสังขารุเปกขาญาณนั้นปัญญาพิจารณา
กำหนดรู้รูปนามเป็นของไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ บังคับบัญชาไม่ได้ ว่างเปล่าจากสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา แล้ววางเฉยมีสติกาหนดได้ดี
โดยสรุปดังนี้...................................................
ปัญญาพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นของรูปนามว่า เป็นทุกข์ เห็นความเป็นไปของรูปนาม ที่เกิดขึ้นมาแล้วว่าเป็นทุกข์ เห็นนิมิต คือ เครื่องหมายของรูปนามที่บอกให้รู้ว่า ไม่เที่ยงทนอยู่ไม่ได้ บังคับบัญชาไม่ได้ ว่าเป็นทุกข์ เห็นการสั่งสมกรรมเพื่อให้เกิดอีกว่าเป็นทุกข์ เห็นคติทั้ง 5 ว่าเป็นทุกข์ เห็นปฏิสนธิว่าเป็นทุกข์ เห็นความบังเกิดของขันธ์ 5 ว่าเป็นทุกข์ เห็นการเกิดเป็นไปของผลกรรมว่าเป็นทุกข์ เห็นโสกะว่าเป็นทุกข์ เห็นปริเทวะว่าเป็นทุกข์เห็นอุปายาสะว่าเป็นทุกข์ เพื่อพิจารณาเห็นทุกข์อย่างนี้แล้วเกิดความเบื่อหน่าย อยากหลุดพ้น จึงมนสิการถึงพระไตรลักษณ์ซ้าอีกแล้ววางเฉยจัดเป็นสังขารุเปกขาญาณ
ปัญญาพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นของรูปนามว่าเป็นภัย เห็นความเป็นไปของรูปนาม ที่เกิดมาแล้วว่าเห็นภัย
เห็นนิมิตคือเครื่องหมายของรูปนามที่บอกให้
รู้ว่าไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ บังคับไม่ได้ว่าเป็นภัย เห็นการสั่งสมกรรมเพื่อให้เกิดอีกว่าเป็นภัย เห็นคติทั้ง 5 ว่าเป็นภัย เห็นปฏิสนธิว่าเป็นภัย
เห็นความบังเกิดขึ้นของขันธ์ 5 ว่าเป็นภัย เห็นการเกิดซึ่งเป็นผลของกรรมว่าเป็นภัย เห็นชาติว่าเป็นภัย เห็นชราว่าเป็นภัย
เห็นพยาธิว่าเป็นภัยเห็นมรณะว่าเป็นภัย เห็นปริเทวะว่าเป็นภัยเห็นอุปายาสะว่าเป็นภัยเมื่อพิจารณาเห็นภัยอย่างนี้แล้วเกิดความเบื่อหน่ายอยากหลุดพ้นจึงมนะสิการถึงพระไตรลักษณ์ซ้าอีก แล้วจึงวางเฉย จัดเป็นสังขารุเปกขาญาณ
ปัญญาพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นของรูปนามว่าสังขารคือผู้ปรุงแต่ง เห็นความเป็นไปของรูปนามที่บอกให้รู้ว่าไม่เที่ยงทนอยู่ไม่ได้บังคับบัญชา
ไม่ได้ว่าสังขารคือผู้ปรุงแต่ง เห็นการสั่งสมกรรมเพื่อให้ได้เกิดอีกว่าเป็นสังขารคือผู้ปรุงแต่ง
เห็นความบังเกิดขึ้นของ ขันธ์ 5 ว่าเป็นสังขารคือผู้ปรุงแต่ง เห็นความเกิดเป็นไปของวิบากว่าเป็นสังขารคือผู้ปรุงแต่ง เห็นชาติ ชรา

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 เมษายน 2553 09:49:09 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 12 เมษายน 2553 09:28:05 »

http://img442.imageshack.us/img442/305/budddah.jpg
CHAPTER ONE OF สังขารุเปกขาญาณ


มรณะ โสกะ ปริเทวะ อุปายาสะว่าเป็นสังขารคือผู้ปรุงแต่ง เมื่อพิจารณาเห็นสังขารโดยอาการอย่างนี้แล้วเกิดความเบื่อหน่าย
อยากหลุดพ้น จึงมนะสิการถึงพระไตรลักษณ์ซ้าอีก แล้ววางเฉย จัดเป็นสังขารุเปกขาญาณ
ปัญญาพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นของรูปนาม ตั้งแต่ชาติจนถึงอุปายาสะ(ความคับแค้นใจ)เพราะถูกความเสื่อม 5 ประการ คือ ความเสื่อมญาติ เสื่อมทรัพย์ เป็นต้น ถูกครอบงาเป็นไปด้วยเหยื่อล่อให้หลงติดอยู่ในวัฏฏะ จึงเบื่อหน่าย อยากหลุดพ้น จึงมนสิการ ถึงพระไตรลักษณ์ซ้าแล้วซ้าอีก
แล้ววางเฉย จัดเป็นสังขารุเปกขาญาณ
ปัญญาพิจารณาเห็นว่าความเกิดขึ้นของรูปนาม ตั้งแต่ชาติจนถึงอุปายาสะ ว่าเป็นสังขารผู้ปรุงแต่งให้ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อนนานาประการ แล้ววางเฉยสังขารเหล่านั้น ปัญญาเช่นนี้ จัดเป็นสังขารุเปกขาญาณ
ปัญญาพิจารณาเห็นว่าสังขารและอุเปกขาทั้ง 2 ก็เป็นสังขาร แล้ววางเฉยสังขารเหล่านั้น จัดเป็นสังขารุเปกขาญาณ
จิตของปุถุชน พระเสขบุคคล วีตราคบุคคล(หมายถึงพระอรหันต์เช่นเดียวกับพระอเสขบุคคล) เมื่อถึงสังขารุเปกขาญาณแล้ว มีสภาวะเหมือนกันตรงเห็นพระไตรลักษณ์ เมื่อเห็นพระไตรลักษณ์เช่นเดียวกัน ก็เห็นแจ้งสังขารุเปกขาว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เหมือนกัน
จิตของปุถุชน เสขบุคคล วีตราคบุคคล เมื่อถึงสังขารุเปกขาญาณแล้ว ต่างกันตรงที่เป็นกุศลและอัพยากฤต คือ สังขารุเปกขาของปุถุชนกับของ
พระเสขบุคคลเป็นกุศล แต่ของพระอรหันต์เป็นอัพยากฤตเมื่อผู้ปฏิบัติพิจารณาเห็นรูปนามโดยความเป็นของสูญอยู่ อย่างนี้ แล้วยกขึ้นสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา กาหนดพิจารณาซ้าแล้วซ้าอีก ผลก็จะปรากฏดังนี้...............................................
ละความกลัว ละความยินดี มีใจวางเฉยในรูปนาม
ไม่ยึดมั่น ไม่ถือมั่น ในรูปนามว่าเป็นของเรา
จิตไม่หวนกลับไปยินดีไปภพ 3 กำเนิด 4 คติ 5 วิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 คงเหลืออยู่แต่ความวางเฉยในรูปนาม หรือเห็นรูปนามเป็นปฏิกูลสะอิดสะเอียนขยะแขยงถึงถอยกลับ หวนกลับจากภพชาติเป็นต้น อุปมาเหมือนหยาดน้าค้างบนใบบัวที่เมื่อใบบัวเอียงลงน้าค้าง ก็มีแต่จะไหลลงไปอย่างเดียวไม่หวนกลับ ไม่ย้อนกลับมาติดอยู่บนใบบัวอีกฉันใด ใจของผู้ปฏิบัติเมื่อถึงญาณนี้ก็ไม่หวนกลับไม่เวียนกลับมาในภพ 3 เป็นต้นอีก
ผู้ปฏิบัติเมื่อสติมีกาลังแก้กล้าปรากฏแล้ว ความโลภ โกรธ หลง ก็ไม่มี อุปมาเหมือนกับไฟฟูากาลังมากย่อมให้แสงสว่างมากดูอะไร ๆ
ก็เห็นได้ชัดเจนไม่มีความมืดฉันนั้น ดังนั้น ใจจึงมีแต่ความวางเฉย
ใจไม่ยึดมั่น ไม่ถือมั่น ไม่ผูกพัน ไม่เกาะเกี่ยว ไม่กาหนัดพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส เป็นต้น จึงปรากฏแต่ความวางเฉย
ไม่รับบัญญัติไว้เป็นอารมณ์ คือ ไม่รับว่าขันธ์ 5 เป็นของเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวตน เพราะ มีสติปัญญาพิจารณาเห็นแน่ชัดแล้วว่าขันธ์ 5 เป็นอสุภะ
เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทาให้สัญญาวิปัลลาสหายไป ไม่เข้าใจผิดและไม่หลงติดอยู่ ใจจึงมีแต่ความวางเฉยในรูปนาม
ไม่สั่งสมทุกข์ไว้ มีแต่พยายามตัดรากของทุกข์ให้หมดไปให้สลายไป ใจก็วางเฉยในรูปนาม
เมื่อเห็นรูปนามว่าเป็นภัย เป็นทุกข์ เป็นโทษ เบื่อหน่าย อยากหลุดพ้น ใจเข้มแข็งแล้ววางเฉย จิตก็จะไปสู่ความสงบ ถ้ายังไม่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 เมษายน 2553 09:44:22 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 12 เมษายน 2553 09:33:17 »

http://img442.imageshack.us/img442/305/budddah.jpg
CHAPTER ONE OF สังขารุเปกขาญาณ


ถึงพระนิพพานก็จะยึดรูปนามมาเป็นอารมณ์ซ้า ๆ อยู่อย่างนั้นอีก
สังขารุเปกขาญาณนี้ยิ่งนานก็ยิ่งละเอียด สุขุม ประณีต ดุจบุคคลเอาตะแกรงร่อนแปู้งฉะนั้นเมื่อพิจารณารูปนามโดยประการต่าง ๆ แล้วละความกลัวละความยินดี วางเฉยได้ จิตย่อมตั้งมั่นอยู่ด้วยอานาจของอนุปัสสนาทั้ง 3 เมื่อตั้งอยู่โดยอาการอย่างนี้ย่อม ถึงความเป็นวิโมกขมุข 3 วิโมกขมุข แปลว่า
หนทางแห่งความหลุดพ้นโดยวิเศษจากกิเสสทั้งปวง ได้แก่อนุปัสสนาทั้ง 3 เพราะเป็นหนทางนาออกไปจากโลกนาไปเหนือโลก คือโลกุตตระได้แก่หนทางไปสู่พระนิพพาน
ยอดของวิปัสสนา ธรรมดาต้นไม้ต้องมียอดฉันใด วิปัสสนาก็มียอดฉันนั้น ยอดของวิปัสสนามี 2 อย่าง คือ
สิกขาปัตตะ วิปัสสนาที่ถึงยอดถึงปลายถึงความสูงสุด ได้แก่ สังขารุเปกขาญาณ ที่ครบองค์ 6 คือ..........................................
1. ไม่มีความกลัว ไม่มีความยินดียินร้าย
2. ดีใจก็ไม่มี เสียใจก็ไม่มี
3. วางเฉยในสังขารทั้งปวง
4 ปล่อยวางแล้ววางเฉยได้ในที่สุดหรือสมาธิตั้งอยู่นานกาหนดอยู่ได้นาน ๆ
5. มีความเป็นกลางในการตรวจสอบสังขารหรือตั้งอยู่ในอนุปัสสนา 3
6. ไม่ปรารถนาในภพต่าง เมื่อครบองค์ 6 แล้ว ผู้นั้นก็มีหวังจะได้บรรลุ มรรค ผลนิพพานอย่างแน่นอน
วุฏฐานคามินี วิปัสสนาที่ออกจากนิมิตจากวัตถุที่เป็นเหตุให้ยึดมั่นถือมั่น ได้แก่ขันธ์ 5 ซึ่งเป็นอารมณ์ของวิปัสสนาและวิปัสสนาที่
ออกไปจากมิจฉาทิฏฐิ ภายในขันธสันดานของตน และออกไปจากกองกิเลสที่เป็นไปตามมิจฉาทิฏฐินั้นเอง



..........................................จบสังขารุเปกขาญาณ......................................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 เมษายน 2553 09:44:45 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 13 เมษายน 2553 06:10:39 »




อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ น้อง"บางครั้ง"
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.24 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 20 ธันวาคม 2567 03:37:59