โพธิสัตว์ยานย่างเข้าเดือนสามเดือนสี่ สองข้างทางร่มรื่นดอกไม้บานหอมกรุ่น เมื่อแลไปข้างหน้าเห็นกำแพงใหญ่ และพระสงฆ์หมู่ใหญ่กำลังลากเกวียน ส่งเสียงตะโกน“มหาโพธิสัตว์”ดังกระหึ่ม พระถังซัมจั๋งได้ยินให้รู้สึกซาบซ่านหัวใจ
ครั้นเห้งเจียพิจารณาดูหมู่สงฆ์ กลับเห็นทางสองแพร่ง ทางลัดตัดตรงทางหนึ่ง (หินยาน) และอีกทางหนึ่งลาดชัน (มหายาน) แต่ฝ่ายสงฆ์ หมู่ใหญ่นั้นกลับลากเกวียนบรรจุอิฐทราย กระเบื้องไม้ ไปทางลาดชัน เพื่อไปสร้างหอตามคำสั่งบังคับของ ๓ เต้าหยินคือ เฮ้าลัดใต้เซียน (พุทธยาน) ลกลัดใต้เซียน (มหายาน) เอี่ยวลัดใต้เซียน (หินยาน) เซียนทั้งสามได้ทำบุญคุณกับพระราชาสมัยฝนแล้ง โดยเรียกลมฝนมาตก พระราชาเซียตี้ก๊ก (ศรัทธา) จึงศรัทธาบูชาเซียนทั้ง ๓ ตน
ฝ่ายเซียนทั้ง ๓ ข่มขี่พระสงฆ์บังคับให้ทำงาน ซึ่งแต่เดิมมีกว่า ๑๐๐๐ องค์ ด้วยความลำบากคับแค้นใจตายไปเสียกว่าครึ่ง คงเหลือห้าร้อยเศษ ที่ยังคงยืนยงอยู่ได้ แต่ต้องทนทุกข์ทรมานเพื่อที่จะรอพบคณะที่จะเดินทางไปไซที
เห้งเจียจึงเข้าไปถามพระสงฆ์เหล่านั้น เมื่อทราบความ เห้งเจียให้มีความคับแค้นใจยิ่งนัก ยกเกวียนที่มีวัสดุก่อสร้างฟาดเสียแหลกแล้วยังฆ่า เต้าหยินสมุนรองของ ๓ เซียนเสีย จัดแจงปล่อยให้พระสงฆ์ทั้ง ๕๐๐ ให้เป็นไทพร้อมกับถอนขนของตนให้พระสงฆ์เหน็บไว้ที่เล็บนิ้วนางทุกองค์ สำหรับคุ้มกันภัย สงฆ์ทั้งหลายสำนึกในบุญคุณจึงเชิญคณะไปไซทีเข้าพักค้างที่ พระอารามหลวงตี้เซียนยี่
ครั้นตกดึก เห้งเจีย โป้ยก่าย ซัวเจ๋ง แอบเข้าไปในสถานที่บูชาซัมเซง (สามพรหม คือ ง้วนซุ้ยทีกุน เล่าโป๊เต้ากุน และ พรหมท้ายเสียงเล่ากุน) แอบขโมยของบูชากินเสียสิ้น มิหนำซ้ำยังถ่ายปัสสาวะให้พวกเต้าหยินกิน โดยหลอกว่าเป็นน้ำมนต์ พวกเต้าหยินจับได้เข้าสู้รบกันโกลาหล เห้งเจียพาลทำลาย แท่นบูชา จากนั้นกลับไปยังวัดตี้เซียนยี่
พอรุ่งเช้าเห้งเจียนำหน้าพระถังซัมจั๋งและคณะ เข้าไปในพระราชวัง เพื่อขอประทับตราผ่านเมือง พวกเต้าหยินจำได้ทูลให้พระราชาทราบ พระราชาตี้ก๊กทรงพิโรธ คิดจะลงโทษเห้งเจีย เห้งเจียรู้ทันออกอุบายท้าพวก เต้าหยินแข่งขันในการแสดงฤทธิ์เรียกลมฝน
เมื่อเริ่มต้นการแข่งขัน เห้งเจียถอดทิ้งคราบเห้งเจียยืนอยู่ที่เดิม แล้วแอบขึ้นไปบังคับบอกพญาเล่งอ๋องมังกร ไม่ให้ช่วยทำฝนให้เต้าหยิน ทำให้เต้าหยินไม่สามารถเรียกลมเรียกฝนได้เช่นเคย พอถึงคราวเห้งเจีย พญาเล่งอ๋องถูกเห้งเจียเรียกมา แล้วเห้งเจียเชิญพระถังซัมจั๋งขึ้นนั่ง บนแท่นสวดภาวนาพระคัมภีร์ซิมเกง พญาเล่งอ๋องเห็นดังนั้นจึงบันดาลให้ทั้งลมฝนเกิดมาตามประสงค์ โดยไม่จำเป็นต้องตั้งพิธีเผากระดาษ (กงเต๊ก) เช่นพวกเต้าหยิน
ฝ่ายเต้าหยินทั้งสามโกรธยิ่งนัก ร้องท้าให้ฝ่ายเห้งเจีย มานั่งสมาธิแข่งกัน โดยวางกติกาว่าหากใครกระดุกกระดิกก่อน ถือว่าเป็นฝ่ายแพ้ เห้งเจียรู้ทันไม่ยอมรับคำท้าเพราะสันดานของตนไม่อาจอยู่นิ่งได้ พระถังซัมจั๋งจึงขันอาสาสู้แทนเห้งเจีย เพราะพระถังซัมจั๋งรู้เคล็ดลับของการทำสมาธิ (การสำรวมจิตเพ่งดูการ เกิด- ดับ ของอารมณ์)
ฝ่ายเซียนทั้ง ๓ ให้ทำแท่นสูงลิ่ว ๒ แท่น พระถังซัมจั๋งขึ้นนั่งไม่ได้ เห้งเจียจึงอุ้มแล้วเหาะพาพระถังซัมจั๋งขึ้นนั่ง แล้วการแข่งขันก็เริ่มต้น โดยคู่แรกเริ่มระหว่าง พระถังซัมจั๋ง กับเฮ้าลัดใต้เซียน
ฝ่ายลกลัดไต้เซียน (มหายาน) คิดช่วยเฮ้าลัด (พุทธยาน) ถอนขนท้ายทอยของตัวเอง เสกขว้างไปเป็นหนอนเกาะกระโหลกพระถังซัมจั๋ง พระถังซัมจั๋งเริ่มหงุดหงิด เห้งเจียตาไวแลเห็นหนอน รู้ว่าศัตรูเล่นไม่ซื่อจึงถอดคราบเห้งเจีย ทิ้งยืนไว้ที่เดิมไม่ให้ใครสงสัย ส่วนตัวจริงแปลงกายเป็นแมลงวันช่วยแก้ไขให้พระถังซัมจั๋ง แล้วจากแมลงวันแปลงร่างเป็นตะขาบ กระโดดไปเกาะจมูกของเฮ้าลัด เฮ้าลัดสะดุ้งตกใจตกจากแท่นสูงพ่ายแพ้พระถังซัมจั๋ง
ถัดมาถึงคราวของลกลัดใต้เซียน (มหายาน) ร้องท้าให้ทายสิ่งในที่กำบัง ลกลัดใต้เซียนซ่อนสิ่งใดไว้ เห้งเจียร่ายคาถาเปลี่ยนแปลงให้ผิดเพี้ยน ไปทุกครั้ง แล้วกระซิบบอกความแก่พระถังซัมจั๋ง พระถังซัมจั๋งจึงทายถูกทุกครั้ง ลกลัดใต้เซียนจึงพ่ายแพ้ไป
เฮ้าลัดใต้เซียน(พุทธยาน) เดือดดาลอย่างยิ่ง ร้องท้าให้ตัดหัวแข่งกัน เห้งเจียรับคำท้า และตัดหัวตัวเองให้ดูก่อน ปรากฏว่าหัวกลับงอกใหม่ไม่ขาด ครั้นถึงคราวเฮ้าลัดใต้เซียนบ้าง เห้งเจียแปลงกายเป็นสุนัข คาบเอาหัวของเฮ้าลัดใต้เซียนไปทิ้งแม่น้ำ เฮ้าลัดใต้เซียนจึงขาดใจตายทันที ทันใดนั้นร่างก็เปลี่ยนเป็นเสือเหลืองหัวขาด
ฝ่ายลกลัดใต้เซียน (มหายาน) เห็นดังนั้นร้องท้าเห้งเจียให้ผ่าอก สาวไส้แข่งกัน เห้งเจียบอกให้ลกลัดใต้เซียนผ่าก่อนบ้าง ครั้นลกลัดใต้เซียนผ่าเอาลำไส้ออกมา เห้งเจียก็แปลงเป็นอีแร้งโฉบเอาลำไส้ของลกลัดไต้เซียนบินหนีไป ลกลัดใต้เซียนก็สิ้นใจตายกลายร่างเป็นกวางขาว
เอี่ยวลัดใต้เซียน (หินยาน) เดือดดาล ร้องท้าให้อาบน้ำมันเดือดแข่งกัน เห้งเจียลงในกระทะน้ำมันเดือด ดำผุดดำว่ายเล่นเย็นใจ ครั้นถึงเอี่ยวลัดใต้เซียนๆ สามารถลงไปดำเล่นได้เช่นกัน เห้งเจียประหลาดใจ พิจารณาดูข้างใต้เห็นมังกรเย็นช่วยเอี่ยวลัดใต้เซียนอยู่ ทำให้น้ำมันเดือดกลายเป็นเย็น เห้งเจียจึงร่ายเวทย์เรียกพญาเล่งอ๋องมา ให้เรียกมังกรเย็นกลับคืนไป เอี่ยวลัดจึงถูกน้ำมันเดือดลวกตาย ร่างกลายเป็นแพะป่านอนจมน้ำมันเดือดไป
พระราชาเซียตี้ก๊กเห็นฤทธิ์เห้งเจียแล้วให้พอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง และเลื่อมใส เคารพบูชาความสามารถ จึงมอบหนังสือผ่านแดนให้พระสงฆ์ คืนขนคุ้มกันตัวแก่เห้งเจีย แล้วทั้งหมดทูลลาพระราชา มุ่งหน้าสู่ไซที
(โพธิสัตว์ยาน เป็นปณิธานที่จะกวาดต้อนสรรพสัตว์เข้าสู่นิพพาน เปรียบประดุจการลากเกวียนที่บรรจุอิฐทราย กระเบื้องไม้ไปทางลาดชัน ซึ่งเป็นภาระที่จะต้องแบกรับภาระต่างๆที่จะให้บรรลุถึงสัตว์ตัวสุดท้าย เข้าสู่นิพพาน ถือเป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่ง ซึ่งเซียนทั้ง ๓ คือ
พุทธยาน มหายาน และหินยาน ที่ยังปราศจากปัญญาและปณิธาน จะยังมุ่งสู่นิพพานเฉพาะตน เช่น พุทธยาน และหินยาน หรือให้สรรพสัตว์หลุดพ้นในจำนวนที่มากเช่นมหายาน จึงไม่ใช่ยานที่แท้จริงที่ทำให้สำเร็จ มรรคผลในทิศทางเฉกเช่นโพธิสัตว์ยาน ที่ประกอบด้วยปณิธาน จะนำพา สัตว์ทั้งปวงหลุดพ้นและเข้าสู่นิพพานให้ได้ทั้งหมด)จาก
http://www.khuncharn.com/skills?start=14อีกอัน ไซอิ๋ว ฉบับ อาจารย์ เขมานันทะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=maekai&month=10-07-2008&group=15&gblog=1สำรอง
http://www.tairomdham.net/index.php?topic=11746