[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 18:31:07 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ไซอิ๋ว (ฉบับเดินทางสู่พุทธภาวะ) : วิภวตัณหา กามสุขัลลิกานุโยค การละอุจเฉททิฏฐิ  (อ่าน 1653 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5162


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.273 Chrome 50.0.2661.273


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2559 15:59:15 »




อัตตะกิลมถานุโยค (วิภวตัณหา)  กามสุขัลลิกานุโยค กับ การละอุจเฉททิฏฐิ

พระถังซัมจั๋งและศิษย์พ้นภัยจากลิงลักฮิ๊เก๊าแล้ว บุกป่าฝ่าดงมุ่งสู่ทิศปราจีนต่อไป จนย่างเข้าฤดูฝน แต่อากาศกลับวิปริตแปรปรวน เป็นร้อนจัด โดยหารู้ไม่ว่าได้บรรลุถึงเขตภูเขาฮ้วยเอี้ยมซัว อันเป็นเขตที่ความทุรกันดาร แผ่นดินร้อนระอุแทบลุกเป็นไฟ แม้แต่เหล็กและทองแดง ในบริเวณนั้นยังหลอมละลายด้วยความร้อน
 
เห้งเจียเที่ยวสืบหาช่องทางที่จะระงับไฟจนถูกแนะให้ไปที่ภูเขาจุ๊ยหุ้นซัว ถ้ำปอเจียวต๋อง อันเป็นสำนักของนางล่อซัว (วิภวตัณหา) ซึ่งมีพัดวิเศษทำด้วยเหล็ก พัดวิเศษ (อากิญจฺญญายตนะ - ไม่มี หรือว่าง) นี้มีมาตั้งแต่เริ่ม ฟ้า-ดิน (ธรรมชาติ) พัดวิเศษนี้อาจใช้ดับไฟได้
 
เห้งเจียเหาะไปที่ถ้ำปอเจียวต๋อง แต่ครั้นได้พบกับนางล่อซัวเข้า เห้งเจียให้นึกประหวั่นครั่นคร้าม เพราะว่านางล่อซัว (วิภวตัณหา = ความอยากในความไม่มี ไม่เป็น) เป็นมารดาของอั้งฮั้ยยี้ (มิจฉาสังกัปปะ = ดำริผิด) และเป็นเมียของงู้หม้ออ๋อง (อุจเฉททิฏฐิ = ความเห็นว่าบุญบาปไม่มี) แต่ก็ทำใจดีสู้เสือเข้าไปขอยืมพัดจากนางล่อซัว นางล่อซัวนึกได้ว่า เห้งเจียคือศัตรูที่พาลูกชายของตนไปเป็นศิษย์พระโพธิสัตว์กวนอิม (เมตตา = ปรารถนาให้ผู้อื่นมี ความสุข) แล้วยังด้านหน้ามาขอยืมพัดอีก ด้วยความเดือดดาลจึงเอาพัดโบก จนเห้งเจียปลิวไปตามลมไกลถึง ๘๔,๐๐๐โยชน์
 
เห้งเจียถูกพัดด้วยพัดวิเศษปลิวไปนั้น บังเอิญเอามือและเท้าคว้าจับภูเขาฮองกุ้ยซัวอันเป็นที่พำนักของพระโพธิสัตว์เล่งเกี๊ยดไว้ทัน จึงไม่ถึงกับเป็นอันตรายและได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระโพธิสัตวเล่งเกี๊ยด พระโพธิสัตว์เล่งเกี๊ยดได้มอบยาเม็ดวิเศษระงับลม เห้งเจียจึงเหาะกลับไปยังถ้ำปอเจียวต๋องร้องท้าให้นางล่อซัว (วิภวตัณหา-ความไม่อยากจะมีอยากจะเป็น) ออกมาสู้รบกัน คราวนี้พัดวิเศษทำอะไรเห้งเจียไม่ได้ เพราะอำนาจยาเม็ดวิเศษของพระโพธิสัตว์คุ้มตัวอยู่
 
นางล่อซัวเห็นว่าทำอะไรเห้งเจียไม่ได้ เลยหนีเข้าถ้ำลั่นดาลประตูปิดตาย นั่งซดชาครุ่นคิดหาวิธีที่จะต่อสู้กับเห้งเจีย เห้งเจียแปลงกายเป็นแมลงหวี่เล็ดลอดเข้าไปในถ้ำ แล้วบินลงไปปนอยู่กับกากชา เมื่อนางล่อซัวซดชาลงไปเห้งเจียถือโอกาสติดลงไปในท้องด้วย เมื่อตกถึงท้องแปลงร่างกลับเป็นเห้งเจียเหมือนเดิม ชักตะบองตีพุง บิดลำไส้ กระทุ้งหัวใจ นางล่อซัวร้องครวญครางขอชีวิต และยินยอมมอบพัดเหล็กให้เห้งเจียเป็นการแลกชีวิต
 
เมื่อเห้งเจียได้พัดวิเศษ (อะไรๆ ไม่มีๆ = ว่าง) แล้วไม่รอช้า ตรงไปที่เขตภูเขาฮ้วยเอี้ยมซัวที่แผ่นดินกำลังลุกเป็นไฟอยู่ ยกพัดขึ้นโบกแต่ไฟกลับลุกท่วมสูงขึ้น ร้อนทุรนทุรายกันมากว่าเดิมเพราะว่าเป็นพัดเก๊
 
ทันใดเห้งเจีย นึกได้ว่าไฟที่ลุกท่วมแผ่นดินอยู่นั้น ที่แท้เป็นไฟที่ตนได้ทำมันขึ้นมา เมื่อครั้งสมัยที่ตนก่อจลาจลบนสวรรค์ชั้นพรหม แล้วถูกต้องโทษของพรหมท้ายเสียงเล่ากุน (อุเบกขา - วางใจให้เป็นกลาง) ถูกจับเข้าเตาหลอม เห้งเจียกลับถีบเตาหลอมพังพินาศ ทำให้ไฟหล่นลงมายังพื้นโลก ลุกท่วมทางที่แผ่นดินเขตภูเขาฮ้วยเอี้ยมซัวบริเวณนี้เป็นเวลาช้านานแล้ว



เห้งเจียจึงเหาะไปหางู้หม้ออ๋องสามีนางล่อซัว ซึ่งบัดนี้ไปหลงเมียใหม่ ที่ชื่อว่าเง็กมิ่นกงจู๊ (กามตัณหา = กามสุขัลลิกานุโยค) ณ สำนักเจ็กลุ่ยซัว ถ้ำม่อหุ้นต๋อง นางเง็กมิ่นกงจู๊นั้นร่ำรวยสมบัติ และรูปสวยงดงามจึงทำให้งู้หม้ออ๋องลุ่มหลงจนลืมกลับไปหานางล่อซัว (วิภวตัณหา = ความอยากใน ความไม่มี ไม่เป็น)
 
เห้งเจียมาถึงพบนางเง็กมิ่นกงจู๊ (กามตัณหา = ความอยากในกาม) ก็ไล่ทุบตีนาง นางวิ่งเข้าถ้ำไปหางู้หม้ออ๋อง (ปีศาจควายดำ = อุจเฉททิฏฐิ) งู้หม้ออ๋องเมื่อทราบว่าเห้งเจียมารังควาญเมียใหม่ก็โกรธ ออกมาสู้รบกับเห้งเจีย แต่ไม่อาจสามารถเอาแพ้ชนะแก่กันได้ พอดีสหายของงู้หม้ออ๋อง มาตามตัวไปกินเลี้ยงที่ใต้บาดาล จึงขอหย่าศึกกับเห้งเจีย (ปัญญา = การหยั่งรู้ เหตุผลในความดีความชั่ว) ชั่วคราว เห้งเจียสบโอกาสแปลงกายเป็น งู้หม้ออ๋อง (อุจเฉททิฏฐิ = ความเห็นว่าบาปบุญไม่มี) ย้อนกลับไปหานางล่อซัว (วิภวตัณหา = ความอยากไม่มี ไม่เป็น)
 
นางล่อซัวร้างสามีมานาน ครั้นไม่ได้รับการเอ็นดูจากงู้หม้ออ๋อง ก็ตัดพ้อต่อว่าตามประสาหญิงที่ถูกทอดทิ้งที่สามีไปมีเมียใหม่ งู้หม้ออ๋องปลอมก็เล้าโลมเอาอกเอาใจ ทำให้นางไม่พบพิรุธใดจึงโดนหลอกเอาพัดวิเศษที่นางล่อซัวอมไว้ในปากออกมาจนได้ แล้วแผลงฤทธิ์เหาะหนีมาให้บังเอิญ พบโป้ยก่ายกลางทาง
 
โป้ยก่าย(ศีล) เมื่อทราบว่าเห้งเจียได้พัดวิเศษมาแล้ว ขอเป็นผู้รักษาพัดเอง เห้งเจีย(ปัญญา) เห็นดีด้วยมอบให้ไปพลันโป้ยก่าย(ศีล) กลายร่างกลับเป็นงู้หม้ออ๋อง เห้งเจียจึงรู้ว่าตนหลงกลปีศาจควายดำ จึงชักตะบองวิเศษออกสู้รบ
 
โป้ยก่ายตัวจริงมาทันช่วยกันรุมรบกับปีศาจควายดำ แต่ก็หาเอาชนะมันได้ไม่ ปีศาจควายดำ(อุจเฉททิฏฐิ) แปลงกายเป็นสัตว์ต่างๆ เห้งเจียก็แปลงกายเป็นสัตว์คู่อริไล่ตีทุบต่อย จนปีศาจล่าถอยเข้าถ้ำปอเจียวต๋องของนางล่อซัวผู้เป็นภรรยา
 
ในจังหวะนั้น โป้ยก่ายหวนกลับไปที่ถ้ำนางเง็กมิ่นกงจู๊ (กามตัณหา) แล้วเอาคราดเก้าซี่ (อริยศีล - สังฆคุณ ๙) สับร่างนางเง็กมิ่นกงจู๊จนตาย แล้วจุดไฟเผาถ้ำและสมุนผีเสียสิ้น จากนั้นย้อนกลับมาสมทบกับเห้งเจียที่ถ้ำปอเจียวต๋อง และช่วยกันพังทลายถ้ำจนพังพินาศ
 
งู้หม้ออ๋องเหาะขึ้นบนอากาศตกเข้าไปอยู่ในวงล้อมของเทพยดา ที่พระยูไลให้กิมกังทั้ง ๔ (อริยสัจ ๔ - ทุกข์ สมุหทัย นิโรจน์ มรรค) มาล้อมจับทั้ง ๔ ทิศ ส่วนเบื้องบนเง็กเซียนฮ่องเต้สั่งให้ถักทะลีทีอ๋อง (กุศล - ความดีงาม) และโลเฉีย (เจตสิก - ธรรมที่ประกอบกับจิต) คุมทัพสวรรค์ สกัดไว้เบื้องล่างเห้งเจีย (ปัญญา) และโป้ยก่าย (ศีล) รุกไล่ขึ้นไป
 
ในที่สุดปีศาจควายดำ งู้หม้ออ๋องถูกล้อมไว้ทุกทิศทางจึงยอมแพ้ ยอมกลับใจมาในทางพุทธธรรม ร่างกลับกลายเป็นควายขาว (สัมมาทิฏฐิ) จอมทัพแห่งสวรรค์ จูงจมูกขึ้นสวรรค์ไปทูลรายงานแก่เง็กเซียนฮ่องเต้
 
นางล่อซัว (วิภวตัณหา ที่น้อมไปทางอัตตกิลมถานุโยค) เห็นสามีกลายจากควายดำเป็นควายขาว จึงผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งกายนุ่งขาวห่มขาว แล้วกล้อนผมบวชเป็นชี (เข้าสู่ทางสัมมาทิฏฐิ) ขอขมาโทษต่อเห้งเจีย ยินยอมมอบพัดวิเศษให้แต่โดยดีเพื่อเป็นการไถ่ชีวิตตน เห้งเจียใช้พัดวิเศษ พัดโบกจนแผ่นดินที่ลุกเป็นไฟ ไฟค่อยๆลดลงจนดับสนิท แล้วส่งพัดคืนให้แม่ชีล่อซัว นางอมไว้ในปากตามเดิม
 
เมื่อเหตุการณ์เรียบร้อยปกติ เห้งเจียเชิญพระถังซัมจั๋งขึ้นม้าออกเดินทางมุ่งไซทีต่อไป
 
 
(ความตอนนี้ มิจฉาสังกัปปะ - ดำริผิด อุจเฉททิฏฐิ - ความเห็นว่าบุญบาปไม่มี สวรรค์ไม่มี นรกไม่มี ทานไม่มีผล อัตตกิลมถานุโยค - การบรรลุมรรคผลด้วยการทรมานตนเอง เป็นวิภวตัณหา ความอยากไม่มี ไม่เป็น ยิ่งเรียนธรรมะยิ่งมีความเร่าร้อน เพราะยังไม่สามารถละอุจเฉททิฏฐิ – ความเห็นว่าไม่มี จึงยังมีความร้อนใจร้อนกาย จิตกระสับกระส่าย ทำให้เป็นทุกข์ ต้องอาศัย อากิญจฺญญายตนะ ภาวนาว่า ไม่มี ไม่มี-ว่าง เพื่อเปลี่ยนวิภวตัณหา ไปในทางสัมมาทิฏฐิ)



จาก http://www.khuncharn.com/skills?start=21

อีกอัน ไซอิ๋ว ฉบับ อาจารย์ เขมานันทะ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=maekai&month=10-07-2008&group=15&gblog=1

สำรอง http://www.tairomdham.net/index.php/topic,11780.0.html

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.366 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 28 ตุลาคม 2567 10:35:06