[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
23 พฤศจิกายน 2567 20:05:52 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  1 [2]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จิตรกรรมเล่าเรื่อง - ความหมายจากภาพจิตรกรรมโบสถ์ วิหาร ฯลฯ  (อ่าน 13436 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5767


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 15 พฤษภาคม 2565 18:28:23 »




แรกนาขวัญ
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เมืองกบิลพัสดุ์ตามพระราชประเพณี
ซึ่งพระเจ้าสุทโธทนะ พระองค์ทรงเสด็จเป็นพระยาแรกนา
จิตรกรรมฝาผนัง เล่าเรื่องราว"พุทธประวัติ" วิหารวัดป่าแดด อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่





ผลร้อน หรือ ผลเย็น
ภาพเล่าเรื่องโสมทัต ช่างชุนผ้าฝีมือประณีต(นามแฝงของ"มโหสถ" ราชบัณฑิตแห่งมิถิลา) ขณะที่พานางอมรผู้เป็นภรรยาออกเดินทางจากบ้านอุตรยวมัชคาม เพื่อกลับสู่เมืองมิถิลา  ระหว่างทางพอทั้งสองเดินผ่านมาถึงต้นพุทราจึงพักเหนื่อยใต้ต้นพุทรานั้น  พุทราออกลูกสุกเต็มต้น นางอยากกินพุทรา จึงขอให้มโหสถขึ้นเก็บให้นางด้วย

ส่วนมโหสถได้บอกนางว่าเหนื่อยขอพักก่อน นางจึงปีนขึ้นไปเก็บผลพุทรากินเอง และมโหสถจึงขอผลพุทรากินบ้าง นางจึงร้องถามว่า ท่านอยากกินผลร้อน หรือผลเย็น มโหสถตอบไปว่า"ผลร้อน" นางจึงเก็บผลพุทราโยนลงไปบนพื้นดินทรายจึงทำให้ผลเปื้อนฝุ่นดินทราย เมื่อจะกินก็จะต้องเป่าฝุ่นดินทรายนั้นออกไปเสียก่อน เหมือนเวลาที่จะกินของร้อนๆ มโหสถบอกอีกว่าอยากกิน"ผลเย็น"บ้าง นางจึงเก็บพุทราแล้วโยนลงไปที่พื้นหญ้าที่นุ่มๆ ผลไม่เปื้อยฝุ่นดินทราย สามารถเก็บกินได้เลย เป็นอีกหนึ่งในหลายๆเหตุการ์ที่มโหสถทดลองสติปัญญา และศีลบริสุทธิ์ของนางผู้เป็นภรรยาก่อนพากลับไปยังเมืองมิถิลา ตามเนื้อเรื่อง"มโหสถชาดก" พระโพธิสัตว์บำเพ็ญปัญญาบรามี ชาดกลำดับที่ ๕ ในทศชาติชาดก
 

จิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถเก่า วัดอินทราราม(ตะปอนน้อย) ต.ตะปอนน้อย อ.ขลุง จ.จันทบุรี

ขอขอบคุณที่มา : กลุ่มอนุรักษ์จิตรกรรมและประติมากรรม กองโบราณคดี กรมศิลปากร
700
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 พฤษภาคม 2565 18:31:10 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5767


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2565 20:01:12 »


ธงจระเข้และดอกไม้เพลิงเป็นเครื่องสักการบูชาถวายพระเจดีย์เป็นพุทธบูชาในพิธีวิสาขบูชา
จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร


ธงจระเข้ : พุทธบูชาเนื่องในวันวิสาขบูชา

ธงจระเข้ คือ ธงยาวตัดเย็บจากผ้าสีต่างๆ ผืนธงสลับไม้คั่นประมาณ ๔ – ๕ ชั้น ปลายไม้คั่นประดับผ้าสามเหลี่ยมมุมฉาก หางธงเป็นผ้าผืนยาวสองชาย นิยมทำขึ้นในวัฒนธรรมเขมร เรียกว่า ตวงกะปือ (ទង់ក្រពើ) หมายถึง ธงจระเข้ ที่ทำขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ทั้งในงานมงคลและอวมงคล ด้วยเช่นเดียวกัน

ในวัฒนธรรมไทย ธงจระเข้ปรากฏหน้าที่การใช้งาน โดยเป็นหนึ่งในเครื่องที่พระราชทานตามพระอาราม เพื่อไปปักเป็นพุทธบูชา ณ พระอารามหลวง วัดละ ๑ คัน ในพระราชพิธีวิสาขบูชา นับแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ดังปรากฏหลักฐานในหมายรับสั่งการพระราชพิธีวิสาขบูชา ในรัชกาลที่ ๔ ปีมะเส็ง นพศก จุลศักราช ๑๒๑๙ ตรงกับพุทธศักราช ๒๔๐๐ ความตอนหนึ่งว่า “...ให้เบิกผ้าขาวเทศต่อท่านข้างในให้ช่างสนะตัดเย็บธงตะเข้ให้พอ ๖๔ ตัว ครั้น ณ วันเดือน ๖ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เพลาเช้าให้เอาทูลเกล้าฯ ถวาย ทรงพระราชอุทิศ แล้วรับผ้าส่งให้ ๔ ตำรวจนำไปปักทุกพระอารามหลวง ... อนึ่ง ให้ชาวพระคลังราชการจ่ายไม้สีดา ไม้ไผ่ป่า ไม้รวก ให้ ๔ ตำรวจทำเสาโคมอารามละ ๔ ลำ ๖๔ อาราม ๒๕๖ ลำ ทำเสาธงตะเข้ ๖๔ ลำ”

ทั้งยังปรากฏความในพระราชนิพนธ์เรื่อง “พระราชพิธีสิบสองเดือน” ความว่า “....อีกประการหนึ่ง ว่ายกธงขึ้นบูชา ก็ให้ทําธงจระเข้ไปปักตามวัดหลวงวัดละคัน...

...ส่วนเครื่องที่พระราชทานตามพระอาราม คือเทียนประจํากัณฑ์และธงจระเข้ ในวันแรกมีเจ้าพนักงานนำเข้ามาทูลถวาย จบพระหัตถ์หน้าพระสงฆ์ตามแบบแล้วจึงได้จ่ายไปตามวัด คือโคมวัดละสี่ใบ ธงจระเข้วัดละคัน

จํานวนวัดที่ได้จ่ายของเครื่องบูชา คือวัดราษฎร์บุรณะ วัดพระเชตุพน วัดสระเกศ วัดมหาธาตุ วัดจักรวรรดิราชาวาส วัดสังเวชวิศยาราม วัดชนะสงคราม วัดสามพระยา วัดราชคฤห์ วัดคูหาสวรรค์ วัดปากน้ำ วัดหนัง วัดนางนอง วัดราชกุฏิยาราม วัดยานนาวาราม วัดราชาธิวาส วัดระฆังโฆสิตาราม วัดอมรินทราราม วัดดาวดึงส์ วัดจุฬามณี วัดพระยาทํา วัดนาคกลาง วัดราชสิทธาราม วัดเศวตฉัตร วัดโมฬีโลก วัดหงสาราม วัดอรุณราชวราราม วัดสังข์กระจาย วัดภคินีนาฏ วัดบวรมงคล วัดคหบดี วัดรังษีสุทธาวาส วัดบวรนิเวศ วัดเครือวัลย์ วัดปทุมคงคา วัดเกาะแก้ว (คือวัดสัมพันธวงศ์) วัดบวรสถานสุทธาวาส วัดบพิตรภิมุข วัดโสมนัสวิหาร วัดทองนพคุณ วัดราชโอรส วัดประยูรวงศ์อาวาส วัดอัปสรสวรรค์ วัดนวลนรดิศ วัดโชตนาราม วัดรัชฎาธิษฐาน วัดกาญจนสิงหาสน์ วัดบุปผาราม วัดเขมาภิรตาราม วัดชัยพฤกษมาลา วัดมหรรณพาราม วัดบรมนิวาส วัดเทพธิดา วัดราชนัดดา วัดดุสิดาราม วัดสุทัศนเทพวราราม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดอินทาราม วัดจันทาราม วัดทองธรรมชาติ วัดกัลยาณมิตร วัดอนงคาราม วัดเฉลิมพระเกียรติ วัดสุวรรณาราม วัดปทุมวนาราม วัดชิโนรสาราม แต่วัดที่ออกชื่อมาแล้ว ๖๖ นี้เป็นวัดเก่าบ้างใหม่บ้าง จะเข้าใจว่ามากวัดเท่านี้มาแต่รัชกาลที่ ๒ ไม่ได้อยู่เอง คงจะมีเพิ่มเติมขึ้นตามที่ทรงสร้างขึ้นใหม่อย่างเทียนพรรษา...”

ภายหลังชาวบ้านจึงได้ดัดแปลงทำธงจระเข้นี้ถวายวัดราษฎร์ในพิธีทอดกฐิน สำหรับนำไปปักไว้ที่ศาลาท่าน้ำของวัด เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าวัดแห่งนั้นรับกฐินแล้ว
นอกจากนี้ ในพิธีทอดกฐินยังมีการเขียนภาพธงกฐินเป็นรูปสัตว์อื่น ๆ นอกจากธงจระเข้ ได้แก่ ธงมัจฉา ธงเต่า และธงตะขาบ


ขอขอบคุณที่มา : เล่าเรื่องวัดบวรฯ (เรื่อง ศรัณย์ ม.)
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5767


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 128.0.0.0 Chrome 128.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: 29 สิงหาคม 2567 15:57:37 »




จิตรกรรมลายรดน้ำประดับบานหน้าต่างอุโบสถ เขียนเล่าเรื่องราวกองคาราวาน
วัดหนองยาวสูง ชุมชนชาวไทยวน ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี

วัวต่าง

"วัวต่าง"เป็นการบรรทุกขนถ่ายสัมภาระเครื่องอุปโภค-บริโภคในสมัยก่อน

"ต่าง"คือ ภาชนะสำหรับบรรทุกสิ่งของ มีคานพาดไว้บนหลังสัตว์ เช่น วัว ม้า ลา มักสานด้วยหวายหรือไม้ไผ่ เป็นรูปทรงกระบอกมีหูสำหรับสอดคานพาดบนหลังสัตว์ เรียกชื่อตามชนิดของสัตว์ที่ใช้บรรทุกสิ่งของ เช่น วัวต่าง ม้าต่าง ลาต่าง

จากลักษณะภูมิประเทศแถบดินแดนล้านนาที่มีลักษณะเป็นเทือกเขาสูงสลับกับที่ราบหุบเขาขนาดเล็กซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนที่กระจายตัวกันอยู่ห่างๆ แม่น้ำส่วนใหญ่เป็นแม่น้ำที่มีน้ำไหลเชี่ยวและมีเกาะแก่งจำนวนมาก ไม่สะดวกในการใช้ติดต่อสัญจรระหว่างชุมชน การเดินทางของผู้คนในดินแดนล้านนาในอดีตจึงใช้การเดินเท้าเป็นหลัก ส่วนการลำเลียงสิ่งของในการเดินทางนั้นนิยมใช้สัตว์ต่างบรรทุกสิ่งของ เนื่องจากสามารถเดินบนทางแคบๆ ทุรกันดารและปีนป่ายภูเขาได้สะดวกกว่าการใช้เกวียน อีกทั้งในอดีตไม่มีถนนเชื่อมต่อระหว่างเมือง การใช้สัตว์ต่างบรรทุกของทำให้สามารถลำเลียงสิ่งของได้มากกว่าการใช้แรงงานคน โดยชาวล้านนาและชาวไทใหญ่นิยมใช้วัวเป็นสัตว์พาหนะในการลำเลียงสิ่งของ ในขณะที่ชาวจีนฮ่อนิยมใช้ม้าและล่อในการบรรทุกสิ่งของ

การบรรทุกสิ่งของโดยใช้วัวต่างนี้ เดิมน่าจะใช้เพื่อการขนสิ่งของในการเดินทางมากกว่าเพื่อการค้า เนื่องจากในอดีตผู้ที่ทำการค้าขายส่วนใหญ่เป็นเจ้านาย ขุนนาง หรือกลุ่มคนที่ได้รับสิทธิพิเศษจากรัฐ สำหรับประชาชนทั่วไปมีการค้าขายไม่มากนักเนื่องจากวิถีชีวิตในอดีตเป็นการผลิตเพื่อเลี้ยงตัวเองมากกว่าการผลิตเพื่อการค้า โดยสินค้าที่มีการซื้อขายในอดีตจำกัดอยู่เพียงไม่กี่ประเภท เช่น เกลือ ปลาแห้ง เครื่องใช้ที่ทำจากโลหะ เมี่ยง จนกระทั่งกลางพุทธศตวรรษที่ ๒๔ เป็นต้นมาจึงเริ่มมีการนำสินค้าอื่นๆ ที่ผลิตจากโรงงาน เช่น ผ้า ด้าย ไม้ขีดไฟ เทียนไข น้ำมันก๊าด เป็นต้น มาขายตามหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกล โดยพ่อค้าจะนำสินค้าจากท้องถิ่น เช่น ผลไม้ ของป่า น้ำผึ้ง น้ำมันยาง ขี้ครั่ง หนังสัตว์ มาขายแล้วซื้อสินค้าสำเร็จรูปกลับไปขายในหมู่บ้านที่เดินทางผ่าน สำหรับเมืองน่านพ่อค้านิยมเดินทางไปซื้อสินค้าที่ท่าอิฐ ท่าเสา จ.อุตรดิตถ์ โดยท่าอิฐนี้เป็นที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าที่มีพ่อค้านำมาจากที่ต่างๆ เช่นจากมะละแหม่ง รวมถึงสินค้าจากเรือที่ล่องขึ้นมาตามลำน้ำน่าน กับสินค้าที่พ่อค้าวัวต่างนำมาจากหมู่บ้านต่างๆ

หลังจากปีพ.ศ.๒๔๕๗ เป็นต้นมา ได้เริ่มมีการสร้างได้เริ่มมีการสร้างทางเกวียนซึ่งภายหลังได้ขยายเป็นทางรถยนต์เชื่อมพื้นที่ระหว่างจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือ ส่งผลให้การใช้วัวต่างในการขนส่งสินค้าค่อยๆ น้อยลงจนกระทั่งหมดไปในที่สุดเมื่อมีการพัฒนาเส้นทางคมนาคมได้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ


ขอขอบคุณ
      - พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน (ที่มาข้อมูล)
      - กลุ่มอนุรักษ์จิตรกรรมและประติมากรรม กองโบราณคดี กรมศิลปากร (ที่มาภาพประกอบ)     
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า:  1 [2]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.121 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 01 พฤศจิกายน 2567 18:47:17