[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
21 ธันวาคม 2567 19:45:23 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: แม้ความตายมิอาจพราก แม่นาคพระโขนง  (อ่าน 2150 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5797


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 24 มีนาคม 2560 12:36:13 »




แม้ความตายมิอาจพราก แม่นาคพระโขนง
โดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

๑๔ กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก ฝรั่งมีตำนานเล่าขานบอกคนทั้งโลกเรื่องของนักบุญแห่งความรัก ชื่อวาเลนไทน์ ที่เป็นผู้ริเริ่มการจัดงานแต่งงานในยุคที่ไม่อนุญาตให้หนุ่ม-สาวแต่งงานกัน เหตุเพราะในช่วงนั้นกรุงโรมอยู่ในภาวะสงคราม จักรพรรดิคลอดิอุสที่ ๒ แห่งกรุงโรมต้องการเกณฑ์ผู้ชายไปสนามรบ คนที่มีครอบครัว มีภรรยา มีคนรักไม่ประสงค์จะทิ้งครอบครัวไป ทำให้จักรพรรดิตัดสินใจออกคำสั่งห้ามการแต่งงานและการหมั้นของหนุ่มสาวชาวโรมันในยุคนั้น

นักบุญวาเลนไทน์ไม่เห็นด้วยกับคำสั่ง แถมยังชักชวนคู่รักมาทำพิธีแต่งงานหลายคู่ จนโดนจับตัวไปขังเอาไว้ และในคุกที่คุมขังนักบุญวาเลนไทน์นั้น เขาได้พบรักกับสาวตาบอดนางหนึ่ง เมื่อโดนจับได้ นักบุญวาเลนไทน์จึงถูกนำตัวไปประหารในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็นวันวาเลนไทน์ วันที่ผู้คนจะรำลึกถึงนักบุญ

ผู้อุทิศตนให้ความรักนั่นเอง สังคมไทยก็ยอมรับนับถือกะเค้า คนมีความรักมักหาซื้อดอกกุหลาบ แต่ถ้าจะให้เท่ต้องสั่งดอกใหญ่ๆ จากต่างประเทศ คนไทยส่งคำอวยพรรักกันสนั่นเมือง รักมาก็รักไป ทางราชการเปิดให้จดทะเบียนสมรสเป็นพิเศษ สื่อมวลชนไทยให้ความสำคัญวันนี้ไม่น้อยหน้าชาติใดในโลก

สำหรับสังคมไทยดั้งเดิม มีตำนาน มีนิทานเกี่ยวกับความรักหลายรูปแบบ หลายยุคสมัย มีการพิสูจน์รักแท้แม้หลังความตายกลายเป็นผี เรื่องเล่าในอดีตที่คุ้นหูที่สุดคือ ความรักของแม่นาคพระโขนง ที่หาหลักฐานอ้างอิงได้ยาก แต่สถานที่กล่าวอ้างทั้งหลายมีอยู่จริง ซึ่งผู้เขียนต้องไปเห็นมากับตาเพื่อเรียบเรียงแบ่งปัน เนื้อหาสาระเรื่องแม่นาคพระโขนง สะท้อนโศกนาฏกรรมที่ผสมผสานกับรักแท้ต่างภพของภรรยาที่มีต่อสามี ที่ดุดันเข้มข้นไม่แพ้ตำนานรักของชนชาติใด

เหตุการณ์แม่นาคพระโขนง พอสันนิษฐานได้ว่าน่าจะเกิดขึ้นในราวช่วงปลายรัชสมัยในหลวง ร.๓ ถึงต้นรัชสมัยในหลวง ร.๔ ครับ

ภาพยนตร์ ละครเวที ละครวิทยุ ละครโทรทัศน์ ที่ถูกสร้างขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วนมีหลากหลายเวอร์ชั่น สาระของแม่นาคถูกดัดแปลงโน่นนิดนี่หน่อยเพื่อให้เร้าใจ มีแม้กระทั่ง แม่นาคบุกโตเกียว แม่นาคไปอเมริกา ถ้าท่านได้ยินได้ฟังแตกต่างไปจากนี้ก็ถือว่าเป็น “แม่นาค ณ พระโขนง” คนเดียวกันนะครับ

คนไทยเล่าต่อกันมาว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว สามีภรรยาคู่หนึ่งใช้ชีวิตในท้องนาย่านชนบททุ่งพระโขนง สามีชื่อนายมาก ส่วนภรรยาชื่อนางนาค (บางสำนักสะกดด้วย ก) อยู่มาวันหนึ่ง นายมากได้รับหมายเรียกเกณฑ์ไปเป็นทหารรับใช้ชาติที่บางกอก ซึ่งในขณะนั้นนางนาคกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ นางจึงต้องอยู่ตามลำพังที่กระท่อมปลายนา เมื่อเจ็บท้องหมอตำแยก็มาทำคลอดให้ แต่ทว่าลูกของนางนาคไม่กลับหัว จึงไม่สามารถคลอดออกมาตามธรรมชาติได้ ยังผลให้นางนาคเจ็บปวดทรมานยิ่งนัก ในที่สุดนางนาคสิ้นใจไปพร้อมกับลูกในท้อง คนไทยโบราณเรียกการตายลักษณะนี้ว่า ตายทั้งกลม ซึ่งตามตำราของพ่อมดแม่หมอไทยทั้งหลายระบุว่า ผีตายทั้งกลมดุร้าย เฮี้ยนกว่าผีแบบอื่นๆ เรื่องของนางนาคที่เสียชีวิตทั้งกลมเป็นที่โจษจันกันไปทั่วท้องทุ่งพระโขนง แต่คนที่ไม่ทราบคือสามีที่ชื่อนายมาก ขณะนั้นเป็นทหารอยู่ในบางกอก

ศพของนางนาคได้ถูกนำไปฝังไว้ยังป่าช้าท้ายวัดมหาบุศย์

นายมากปลดจากทหารกองประจำการกลับมาบ้านทุ่งพระโขนง พบกับนางนาค ผัวเมียคู่นี้กินอยู่หลับนอนกันเป็นปกติ จนกระทั่งวันหนึ่งชาวบ้านละแวกใกล้เคียงแอบมาพบนายมากและกระซิบบอกนายมากว่านางนาคตายทั้งกลมไปนานแล้ว

นายมากโกรธจัดและปฏิเสธที่จะเชื่อเพื่อนบ้านเหล่านั้น

ภาพยนตร์เรื่องแม่นาคพระโขนงจะต้องเน้นฉากที่จี๊ดหัวใจที่สุด คือ ฉากที่นางนาคตำน้ำพริกอยู่นอกชานบนบ้าน เธอกำลังมองหาผลมะนาวเพื่อปรุงรสน้ำพริก มะนาวลูกกลมๆ ดันกลิ้งหล่นลงไปอยู่ใต้ถุนบ้าน จังหวะนั้นแขนของนางนาคจะเหยียดยาวยืดออกไปจากนอกชานชั้นบนลงไปถึงใต้ถุนแล้วเธอสามารถหยิบลูกมะนาวใส่มือ หดแขนกลับเข้าที่เดิม นางนาคบีบมะนาวใส่ครกแล้วตำน้ำพริกต่อได้แบบสบายใจ

นาทีสยองที่นางนาคยืดแขนหยิบลูกมะนาวนั้น นายมากเผอิญหันมามอง นายมากตกตะลึงตาเหลือก หัวใจกระแทกทรวงอกแทบพัง รำพึงกับตนเองว่า นางนาคไม่ใช่คนเป็นแน่แท้ เธอตายแล้วแน่นอนและเขากำลังใช้ชีวิตอยู่กับผีตามที่ชาวบ้านแอบมาบอก




สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)

ตำนานเรื่องแม่นาคเล่าต่อกันมาว่า เย็นวันนั้น นายมากวางแผนหลบหนีเมียผี โดยการแอบเจาะตุ่มใส่น้ำให้รั่วแล้วเอาดินเหนียวอุดไว้ ตกกลางคืนทำทีลุกขึ้นไปฉี่ นายมากไปแกะดินที่อุดตุ่มไว้ให้น้ำไหลออกตกถึงพื้นดินเสียงดังเหมือนคนฉี่ นายมากแอบหนีไปได้ นางนาคเมื่อเห็นว่านานผิดสังเกตจึงออกมาดู รู้ว่าตัวเองโดนหลอก จึงออกตามผัวรักไปทันที นายมากหนีเข้าไปซ่อนอยู่ในดงหนาด นางนาคไม่สามารถทำอะไรได้เพราะผีกลัวใบหนาด

นายมากหนีไปพึ่งพระอาศัยกินนอนที่วัด นางนาคยิ่งเฮี้ยนออกอาละวาดแถวย่านพระโขนง เพราะเจ็บใจชาวบ้านที่ไปยุแยงตะแคงรั่ว ปากหอยปากปูบอกผัวตัวเอง ชาวบ้านย่านพระโขนงหวาดกลัวกันไปทั้งบาง มืดค่ำทีไรต้องปิดประตูหน้าต่างจุดธูปเทียนสวดมนต์กันหมด

ข้อมูลบางสำนักระบุว่า ในที่สุดพระสงฆ์สามารถนำวิญญาณของผีนางนาคใส่หม้อดินถ่วงน้ำสยบการหลอกหลอนได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งจนทำให้ชาวบ้านย่านทุ่งพระโขนงกล้าออกมานอกบ้านยามค่ำคืน

แต่ต่อมาตายายคู่หนึ่งที่เพิ่งย้ายมาทำมาหากินแถวทุ่งพระโขนง ไปเฟอะฟะเก็บหม้อที่ถ่วงวิญญาณนางนาคขึ้นมาได้ขณะทอดแหจับปลา วิญญาณนางนาคจึงถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ถูกสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) จัดการส่งดวงวิญญาณของนางนาคไปสู่สุคติ

วัดมหาบุศย์ เป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๓๐๕ ก่อนกรุงศรีอยุธยาแตก ๕ ปี เล่ากันว่าเดิมชื่อ “วัดสามบุตร” กล่าวคือ บุตรชายสามคนพี่น้องร่วมกันสร้าง กาลต่อมามีสภาพเป็นวัดร้าง

ต่อมาเมื่อพระมหาบุตรจากวัดราชบูรณะ กรุงเทพฯ ได้มาเยี่ยมญาติโยมของท่านซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่แถวคลองพระโขนง ในเวลานั้นชาวบ้านทุ่งพระโขนงจึงได้พร้อมใจกันนิมนต์ให้ท่านอยู่วัดสามบุตร เพื่อช่วยเป็นผู้นำในการสร้างวัดขึ้นใหม่

เมื่อการซ่อมสร้างวัดนี้แล้วเสร็จ ชาวบ้านจึงเปลี่ยนนามวัดใหม่จาก “วัดสามบุตรเป็นวัดมหาบุตร” ตามนามของพระมหาบุตร ภายหลังได้เปลี่ยนแปลงไปตามแนวของภาษาไทย จึงได้เขียนชื่อวัดเป็นทางราชการว่า

วัดมหาบุศย์ ดังที่เห็นและใช้อยู่ตราบจนในปัจจุบัน แต่ยังมีประชาชนนิยมเรียกอีกนาม หนึ่งว่า “วัดแม่นาคพระโขนง”

ความรักต่างภพย่านพระโขนง นับเป็นตำนานรักอีกเรื่องหนึ่งที่ประทับใจคนไทยอย่างไม่รู้จบ กับความรักที่มั่นคงของนางนาคที่มีต่อสามี ที่แม้แต่ความตายก็มิอาจพรากหัวใจรักของนางไปได้โดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ นำมาทำเป็นบทละครร้องเรื่อง “อีนาคพระโขนง” ในปี พ.ศ.๒๔๕๔

ศาลแม่นาคในวัดจะมีคนมาสักการบูชาไม่ขาดสาย โดยบุคคลเหล่านี้จะเรียกด้วยความเคารพว่า “ย่านาค”

มีเกร็ดตำนานเล่าต่อมาว่า ชื่อสี่แยกมหานาคที่เขตดุสิตในปัจจุบัน มาจากการที่แม่นาคอาละวาดขยายตัวให้ใหญ่ และล้นเกล้ารัชกาลที่ ๔ ก็ยังเคยเสด็จทอดพระเนตรด้วย และเชื่อกันว่าพระที่มาปราบแม่นาคได้นั้นคือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) อีกทั้งยังเชื่อว่าท่านเป็นคนเจาะกะโหลกที่หน้าผากของแม่นาคทำเป็นปั้นเหน่ง เพื่อสะกดวิญญาณแม่นาค และได้สร้างห้องเพื่อเก็บปั้นเหน่งชิ้นนี้ไว้ต่างหาก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เคยเขียนบันทึกเอาไว้ว่า เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๘ ซึ่งเป็นสมัยที่ท่านยังเป็นเด็ก ท่านเคยเห็นเรือนของแม่นาค เป็นเรือนลักษณะเหมือนเรือนไทยภาคกลางทั่วไปอยู่ติดริมคลองพระโขนง มีเสาเรือนสูง ซึ่งปัจจุบันนี้ได้ถูกรื้อถอนไปแล้ว

ตำนานที่นำมาถ่ายทอดนี้ โปรดใช้วิจารณญาณในความเชื่อด้วยตัวเองนะครับ ผู้เขียนไปสังเกตการณ์ที่วัดมหาบุศย์ พบว่ามีเด็กนักเรียนผู้หญิงมากราบไหว้ศาล “ย่านาค” อย่างคึกคัก เพื่อขอความรัก

ถ้ามีการจัดระเบียบร้านค้า เก็บกวาดขยะ และดูแลต้นไม้ให้สวยงาม วัดแห่งนี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ

ส่วนป้ายเฉลยใบเซียมซีที่ติดไว้ที่ฝาผนัง เรื่องการจับใบดำใบแดงแล้วจะไม่โดนเกณฑ์ทหารก็น่ารักดีครับ (กรุณาอ่านเอง)



Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.378 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page วานนี้