[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 17:03:00 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  1 ... 5 6 [7] 8 9   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: บทสวดมนต์ รวบรวมโดย sithiphong  (อ่าน 118050 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 22 เมษายน 2553 16:58:05 »

บทสวดมนต์ รวบรวมโดย sithiphong

ผมจะทยอยนำมาลงเรื่อยๆครับ
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
 
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #121 เมื่อ: 25 เมษายน 2553 21:34:04 »

คำอธิฐานขอบารมี
ข้าพเจ้าขอเดชะพลานิสงค์   เมื่อจะปลงชีวิตขอให้คิดได้
ขออย่าได้มีมารมาผจญดลใจ   เทพไทจงเห็นเป็นพยาน
ขอให้ข้าพเจ้าได้ขจัดตัดกิเลส   ขอข้ามเขตแว่นแคว้นแดนสงสาร
ขอให้ได้สำเร็จประโยชน์โพธิญาณ   เข้านิพพานพ้นทุกข์สุขสบาย
ขอให้สมมาตรปรารถนาอย่าช้านัก  การสิ่งใดรักชอบให้สมอารมณ์หมาย
ขอให้พบพระทุกชาติอย่าคลาดคลาย   ขออย่าให้ตายกลางอายุปัจจุบัน
ตั้งแต่ชาตินี้จนชาติหน้า      ขออย่าข้องขัดทรัพย์สินทุกสิ่งสรรพ
การสิ่งใดบาปหยาบช้าทุกสิ่งอัน   การสิ่งนั้นขออย่าได้พบประสพเลย
นิพพานะ   ปัจจะโย   โหตุ
( อธิฐานทุกครั้ง   หลังไหว้พระสวดมนต์แล้ว )

เมื่อเจ้ามา   มีอะไร   มาด้วยเจ้า   เจ้าจะเอา   แต่สุข   สนุกไฉน
เจ้ามามือเปล่า   เจ้าจะ   เอาอะไร   เจ้าก็ไป   มือเปล่า   เหมือนเจ้ามา
ยศและลาภ   หาบไป   ไม่ได้แน่   มีเพียงแต่   ต้นทุน   บุญกุศล
ทรัพย์สมบัติ   ทิ้งไว้   ให้ปวงชน   แม้ร่างตน   เขาก็เอา   ไปเผาไฟ
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #122 เมื่อ: 25 เมษายน 2553 21:35:15 »

ไหว้ 5 ครั้ง

ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( เจริญ ญาณวรเถระ )

วัดเทพศิรินทราวาส

คัดลอกจาก http://www.konmeungbua.com/saha/Lung...pu_armpan.html

ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ไม่ว่าเวลาไร ตามแต่เหมาะต้องไหว้ให้ได้ 5 ครั้งเป็นอย่างน้อย ในคราวเดียวนั้น ถ้ามีดอกไม้ธูปเทียนก็บูชา ถ้าไม่มีก็มือ 10 นิ้วและปากกับใจ ควรไหว้จนตลอดชีวิต คือ
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #123 เมื่อ: 25 เมษายน 2553 21:35:46 »

ครั้งที่ 1 พึงนั่งกระโหย่งเท้าประณมมือว่า
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ 3 หน แล้วว่าพระพุทธคุณ คือ
อิติปิโส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ ฯ
หยุดระลึกถึงพระปัญญาคุณทรงรู้ดีรู้ชอบสิ้นเชิง พระบริสุทธิคุณทรงละความเศร้าหมองได้หมด พระกรุณาคุณทรงสงสารผู้อื่นและสั่งสอนให้ปฏิบัติตามของพระพุทธเจ้า จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ


ครั้งที่ 2 ว่าพระธรรมคุณ คือ
สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโน สนฺทิฆฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญญูหีติ ฯ
หยุดระลึกถึงคุณพระธรรมที่รักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ


ครั้งที่ 3 ว่าพระสังฆคุณ คือ
สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฐปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนยฺโยทกฺขิเนยฺโย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติฯ
หยุดระลึกถึงคุณ คือ ความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบ ของพระอริยสงฆ์ จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ
นั่งพับเพียบประณมมือตั้งใจถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะไม่ถือสิ่งอื่นยิ่งกว่าจนตลอดชีวิต ว่าสรณคมน์ คือ
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
ทุติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ
ทุติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
ทุติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
ตติยมฺปิ พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ
ตติยมฺปิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #124 เมื่อ: 25 เมษายน 2553 21:36:18 »

ครั้งที่ 4 ระลึกถึงคุณมารดาบิดาของตน จนเห็นชัดแล้ว กราบลงหน 1 ฯ
ข้า ฯ ขอ กราบไหว้คุณท่านบิดาและมารดา
เลี้ยงลูกเฝ้ารักษา แต่คลอดมาจึงเป็นคน
แสนยากลำบากกายไป่คิดยากลำบากตน
ในใจให้กังวลอยู่ด้วยลูกทุกเวลา
ยามกินพอลูกร้องก็ต้องวางวิ่งมาหา
ยามนอนห่อนเต็มตาพอลูกร้องก็ต้องดู
กลัวเรือดยุงไรมดจะกวนกัดรีบอุ้มชู
อดกินอดนอนสู้ ทนลำบากหนักไม่เบา
คุณพ่อแม่มากนักเปรียบน้ำหนักยิ่งภูเขา
แผ่นดินทั้งหมดเอามาเปรียบคุณไม่เท่าทัน
เหลือที่ จะแทนคุณ ของท่านนั้น ใหญ่อนันต์
เว้นไว้ แต่เรียนธรรม์ เอามาสอนพอผ่อนคุณ
สอนธรรมที่จริงให้ รู้ไม่เที่ยงไว้เป็นทุน
แล้วจึงแสดงคุณ ให้เห็นจริงตามธรรมดา
นั่นแหละจึงนับได้ ว่าสนองซึ่งคุณา
ใช้ค่าข้าวป้อนมาและน้ำนมที่กลืนกิน ฯ


ครั้งที่ 5 ระลึกถึงคุณของบรรดาท่านผุ้มีอุปการคุณแก่ตน เช่น พระมหากษัตริย์และครูบาอาจารย์ เป็นต้นไป จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ
ข้า ฯ ขอนอบน้อมคุณแด่ท่านครู ผู้อารี
กรุณาและปรานีอุตส่าห์สอนทุก ๆ วัน
ยังไม่รู้ ก็ได้รู้ ส่วนของครูสอนทั้งนั้น
เนื้อความทุกสิ่งสรรพ์ดีชั่วชี้ ให้ชัดเจน
จิตมากด้วยเอ็นดูอยากให้รู้เหมือนแกล้งเกณฑ์
รักไม่ลำเอียงเอนหวังให้แหลมฉลาดคม
เดิมมืดไม่รู้แน่เหมือนเข้าถ้ำเที่ยวคลำงม
สงสัยและเซอะซมกลับสว่างแลเห็นจริง
คุณส่วนนี้ควรไหว้ ยกขึ้นไว้ ในที่ยิ่ง
เพราะเราพึ่งท่านจริงจึงได้รู้ วิชาชาญ ฯ

(บทประพันธ์สรรเสริญคุณมารดาบิดา และ ครูบาอาจารย์ของ ท่านอาจารย์ จางวางอยู่ เหล่าวัตร วัดเทพศิรินทราวาส
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #125 เมื่อ: 25 เมษายน 2553 21:36:42 »

ลิขสิทธิ์เป็นของ ท่านเจ้าคุณพระโศภนศีลคุณ (หลวงปู่หลุย พาหิยาเถร) วัดเทพศิรินทราวาส)

ต่อไปนี้ไม่ต้องประณมมือ ตั้งใจพิจารณาเรื่อง และร่างกายของตนว่า จะต้องแก่ หนีความแก่ไปไม่พ้น จะต้องเจ็บ หนีความเจ็บไปไม่พ้น จะต้องตาย หนีความตายไปไม่พ้น จะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น มีกรรมเป็นของตัว คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นอนิจจังไม่เที่ยง ไม่แน่นอน เป็นทุกข์ลำบากเดือดร้อน เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของตน ฯ ครั้งพิจารณาแล้ว พึงแผ่กุศลทั้งปวงมีการกราบไหว้เป็นต้นนี้ อุทิศให้แก่ท่านผู้มีคุณมีมารดาบิดา เป็นต้น ตลอดจนชั้นสูงสุด คือพระมหากษัตริย์ ทั้งเทพยดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายว่า จงเป็นสุข ๆ อย่ามีเวรมีภัยเบียดเบียนกันและกัน รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ฯ

การไหว้ 5 ครั้งนี้ ถ้าวันไหนขาด ให้ไหว้ใช้ 5 ครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้านั่งกระโหย่งเท้าไม่ได้ ก็นั่งพับเพียบ ถ้าไม่ได้ ก็นอนไหว้ เมื่อยกมือไม่ขึ้น ก็ปากกับใจ ถ้าทำได้อย่างนี้เป็นเครื่องพยุงตนให้เป็นคนดี ไม่ให้เป็นคนชั่ว และให้ตั้งอยู่ในที่ดี ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ถ้าผู้ใดประพฤติได้เสมอตลอดชีวิต ผู้นั้นจะอุ่นใจในตัวของตัวเอง มีความเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่ง ๆ ขึ้นเสมอทุกคืนทุกวัน คุ้มครองป้องกันภยันตรายปราศจากความเสียหายที่ไม่เหลือวิสัย และ ตั้งตัวได้ในทางคดีโลกและทางคดีธรรม เต็มภูมิเต็มขั้นของตน ๆ ทุกประการ จบเท่านี้ ฯ
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #126 เมื่อ: 25 เมษายน 2553 21:37:09 »

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ( เจริญญาณวรเถระ )

http://72.14.235.104/search?q=cache:...h&ct=clnk&cd=7



สมเด็จพระพุทธโฆษจารย์ นามเดิม เจริญ สุขบท เกิดในรัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2415 ที่จังหวัดชลบุรี เป็นบุตรนาย ทองสุก และนางย่าง

เมื่ออายุ 8 ปี ได้เป็นศิษย์ของท่านเจ้าคุณชลโธปมคุณมุณี (พุฒ ปุณณกเร) ปฐมวัยอาวาสวัดเขาบางทราย

เมื่ออายุ 12 ปีได้บรรพชาที่วัดเขาบางทราย และเข้าศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดราชบพิธอุปสมบทเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2435 ที่วัดเขาบางทราย จังหวัดชลบุรี พ.ศ.2439 ได้ศึกษาพระวินัยปิฎกในสำนัก สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ที่วัดเทพศิรินทราวาส

"ตาบุญ (พระยาธรรมปรีชา) ผู้เป็นอาจารย์สอนบาลีของ
เจ้าพระคุณสมเด็จฯ มอบช้างเผือกส่งเข้ามาให้ "
สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยา วชิรญาณวโรรส ออกพระโอษฐ์รับสั่งเมื่อครั้งสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเร) สอบไล่ภาษาบาลี ในมหามงกุฎราชวิทยาลัยได้ที่ 1ทุกชั้นเป็นลำดับมา

พ.ศ.2441 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระราชาคณะที่พระอัมราภิลักขิต เป็นผู้อำนวยการศึกษามณฑลปราจีนบุรี ต่อมาได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสได้เลื่อนสมณศักดิ์เรื่อยมา

พ.ศ.2471 โปรดให้สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

พ.ศ.2476กรรมการเถรสมาคมมีมติให้ท่าน เป็นประธานกรรมการมหาเถรสมาคมบัญชาการคณะสงฆ์แทนพระสังฆราชเจ้าซึ่งสิ้นพระชนม์ ประมวลเกียรติคุณพิเศษสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเร)เป็นพระเถระบริหารงานพระศาสนาถึง 5 แผ่นดิน คือแต่รัชกาลที่ 5-9 เป็นพระราชาคณะแต่อายุ 28 ปี เป็นสมเด็จพระราชาคณะแต่อายุ 57 ปี นับเป็นพระเถระที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พรรษาน้อยกว่า พระเถระหลายรูปเป็นเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส แต่อายุ 28 ปี ถึง 80 ปีรวม 53 ปี นับว่ายาวนานที่สุดไม่มีใครเทียบได้
เมื่อสอบนักธรรม หรือบาลีจะสอบได้ที่ 1 ทุกชั้นทุกประโยคเป็นรูปเดียวในสังฆมณฑล ดำรงตำแหน่งแม่กองธรรมสนามหลวง แม่กองบาลีสนามหลวง องค์เดียวกัน
ในวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2494เวลา 10.30 น. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรเระ)มรณภาพด้วยโรคเนื้องอกที่ตับรวมอายุได้ 80 ปี พรรษาที่ 59

ความคิดเห็นส่วนตัวผม
ท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถระ) ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ตรึก จินตยานนท์) ท่านบอกกับผู้ที่ไปกราบท่านว่า ขอให้ทุกๆวันได้ไหว้ 5 ครั้ง จะได้เป็นศิริมงคลกับตนเอง จะเหมือนกับชื่อของท่าน (เจริญ) ครับ ท่านเจ้าคุณนรเอง ก็มีความเคารพในท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ)มาก โดยท่านเจ้าคุณนรเอง เวลาเดินผ่านกุฎิของท่านสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(เจริญ)ทุกครั้ง ท่านเจ้าคุณนร ก็จะก้มลงกราบที่กุฎิอยู่ทุกครั้งครับ

http://board.palungjit.com/f4/ประวัติหลวงปู่เทพโลกอุดร-91379.html 
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #127 เมื่อ: 25 เมษายน 2553 21:38:16 »

ขอเพิ่มเติมเรื่องราว ไหว้ 5 ครั้ง
http://www.saktalingchan.com/index.p...icle&Id=262016

เจ้าพระคุณสมเด็จ พระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรเถร

วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร

1. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ได้เป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวงนี้ เมื่อพระคุณท่านมีอายุเพียง 27 ปี มีพรรษา 7 ยั่งยืนตลอดมาเป็นเวลาช้านานถึง 53 ปีฯ
2. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะ นั้นมีอายุเพียง 56 ปี เท่านั้น ฯ
3. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งธรรมเนียมการเทศนาธรรมในวันอาทิตย์ขึ้นเป็นแห่งแรก เริ่มเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2471 ติดต่อกันมาถึงปัจจุบันนี้ นับเป็นเวลา 45 ปี ล่วงแล้ว ฯ
4. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมหาเถรสมาคมบัญชาการคณะสงฆ์แทนพระองค์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ แลบัญชาการคณะสงฆ์โดยตรงสืบต่อมาเป็นเวลา 5 ปี ( ตั้งแต่ พ.ศ. 2476 ถึง พ.ศ. 2481 ) ฯ
5. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ได้ถวายพระธรรมเทศนามงคลวิเสสกถาติดต่อกันถึง 4 รัชกาล คือตั้งแต่รัชกาลที่ 6-7-8-9 เป็นเวลาถึง 25 ปี ฯ
6. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ มีสัทธิวิหาริก-อันเตวาสิก มากที่สุดถึง 6,666 องค์ ฯ
7. เจ้าประคุณสมเด็จ ฯ เป็นต้นกำเนิดตำราไหว้ 5 ครั้งให้ศิษยานุศิษย์ปฏิบัติตาม หากผู้ใดไหว้ครบ 1 ปี เป็นกำหนด ผู้นั้นจักได้รับรูปที่ระลึกจากองค์ท่านด้านหน้าเป็นรูปองค์ท่าน ด้านหลังเป็นรูปยันต์ภควัม จากกรึกนามองค์ท่านเป็นอักษรย่อ โดยลำดับแห่งราชทินนามนั้น ๆ กระทั่งครั้งสุดท้ายได้จารึก 3 อักษรว่า พ.ฆ.อ. ซึ่งย่อจากราชทินนามว่า พุทธโฆษาจารย์ สมเด็จพระราชาคณะ ฯ
8. สัทธิวิหาริกของเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ที่มีอายุยืนยาวที่สุด คือ ท่านเจ้าคุณพระโศภณศีลคุณ ( หลวงปู่หลุย พาหิยเถร ) ซึ่งเป็นสัทธิวิหาริกองค์ที่ 23 ปัจจุบันอายุ 92 ปี พรรษา 67 ( เกิด 9 สิงหาคม 2426 ) ยังเดินลงโบสถ์ลงสวดมนต์ทำวัตรได้เป็นประจำทุก ๆ วัน เป็นพระเถราจารย์องค์สำคัญ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือยิ่งของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ
9. สัทธิวิหาริกของเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ที่ประพฤติปฏิบัติยอดเยี่ยม และเป็นพระเถระองค์สำคัญที่มีเกียรติคุณโด่งดังในปัจจุบัน คือ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ฯ ธมมฺวิตกฺโก ซึ่งเป็นสัทธิวิหาริกองค์ที่ 1740 ฯ
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #128 เมื่อ: 25 เมษายน 2553 21:38:51 »

ไหว้ 5 ครั้ง

ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

วัดเทพศิรินทราวาส


ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ไม่ว่าเวลาใด ตามแต่เหมาะ ต้องไหว้ให้ได้ 5 ครั้งเป็นอย่างน้อย ในคราวเดียวกัน ถ้ามีดอกไม้ ธูปเทียน ก็บูชา ถ้าไม่มีก็มือ 10 นิ้วและปากกับใจ ควรไหว้จนตลอดชีวิต คือ ครั้งที่ 1 พึงนั่งกระโหย่งเท้าประนมมือว่า นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสฺมพุทฺธสฺส ฯ 3 หน แล้วว่าพระพุทธคุณ คือ อิติปิ โส ภควา อรห° สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสาน° พุทฺโธ ภควาติ ฯ หยุดระลึกถึงพระปัญญาคุณทรงรู้ดีรู้ชอบสิ้นเชิง พระบริสุทธิคุณทรงละความเศร้าหมองได้หมด พระกรุณาคุณทรงสงสารผู้อื่นและสั่งสอนให้ปฏิบัติตาม ของพระพุทธเจ้า จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ ครั้งที่ 2 ว่าพระธรรมคุณ คือ สฺวากฺขาโต ภควตา ธฺมโม สนฺทิฏฐิโก อกาลิโก เอหิปสฺสิโก โอปนยิโก ปจฺ จตฺต° เวทิตพฺโพ วิญฺญหีติ ฯ หยุดระลึกถึงคุณพระธรรมที่รักษาผู้ปฏิบัติตามไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ ครั้งที่ 3ว่าสังฆคุณ คือ สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสฺงโฆ ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสฺงโฆ สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสฺงโฆ ยทิทฺ จฺตตาริ ปุริสยุคานิ อฏฐ ปุริสปุคฺคลา เอส ภควโต สาวกสฺงโฆ อาหุเนยฺโย ปาหุเนฺยโย ทกฺขิเณยฺโย อญฺชลิกรณีโย อนุตฺตรฺ ปุญฺญกฺเขตตฺ โลกสฺสาติ ฯ หยุดระลึกถึงคุณ คือ ความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบของพระอริยสงฆ์ จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ นั่งพับเพียบประนมมือ ตั้งใจถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ไม่ถือสิ่งอื่นยิ่งกว่าจนตลอดชีวิต ว่าสรณคมน์ คือ พุทฺธ° สรณ° คจฺฉามิ ธมฺม° สรณ° คจฺฉามิ สงฺฆ° สรณ° คจฺฉามิ ฯ ทุติยมฺปิ พุทฺธ° สรณ° คจฺฉามิ ทุติยมฺปิ ธมฺม° สรณ° คจฺฉามิ ทุติยมฺปิ สงฺฆ° สรณ° คจฺฉามิ ฯ ตติยมฺปิ พุทฺธ° สรณ° คจฺฉามิ ตติยมฺปิ ธมฺม° สรณ° คจฺฉามิ ตติยมฺปิ สงฺฆ° สรณ° คจฺฉามิ ฯ ครั้งที่ 4 ระลึกถึงคุณมารดาบิดาของตน จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ ครั้งที่ 5 ระลึกถึงคุณของบรรดาท่านผู้มีอุปการคุณแก่ตน เช่น พระมหากษัตริย์ และครูบาอาจารย์เป็นต้นไป จนเห็นชัดแล้วกราบลงหน 1 ฯ
ต่อนี้ไปไม่ต้องประนมมือ ตั้งใจพิจารณาเรื่องและร่างกายของตนว่า จะต้องแก่ หนีความแก่ไปไม่พ้น จะต้องเจ็บ หนีความเจ็บไปไม่พ้น จะต้องตาย หนีความตายไปไม่พ้น จะต้องพลัดพราก จากของรัก ของชอบใจทั้งสิ้น มีกรรมเป็นของตัว คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงไม่แน่นอน เป็นทุกข์ลำบากเดือดร้อน เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของตน ฯ ครั้นพิจารณาแล้ว พึงแผ่กุศลทั้งปวงมีการกราบไหว้เป็นต้นนี้ อุทิศให้แก่ท่านผู้มีคุณ มีบิดามารดาเป็นต้น ตลอดจนชั้นสูงสุด คือ พระมหากษัตริย์ ทั้งเทพดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายว่า จงเป็นสุข ๆ อย่ามีเวรมีภัยเบียดเบียนกันและกัน รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด ฯ
การไหว้ 5 ครั้งนี้ ถ้าวันไหนขาด ให้ไหว้ใช้หนี้ 5 ครั้งในวันรุ่งขึ้น ถ้านั่งกระโหย่งเท้าไม่ได้ ก็นั่งพับเพียบ ถ้าไม่ได้ ก็นอนไหว้ เมื่อยอมือไม่ขึ้นก็ปากกับใจ ถ้าทำได้อย่างนี้ เป็นเครื่องหยุดตนให้เป็นคนดีไม่ให้เป็นคนชั่ว และให้ตั้งอยู่ในที่ดีไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ถ้าผู้ใดประพฤติได้เสมอจนตลอดชีวิต ผู้นั้นจะอุ่นใจในตัวของตัวเอง มีความเจริญงอกงามไพบูลย์ยิ่งๆ ขึ้นเสมอทุกคืนทุกวัน คุ้มครองป้องกันภยันตรายปราศจากความเสียหายที่ไม่เหลือวิสัย และตั้งตัวได้ในทางคดีโลกและทางคดีธรรม เต็มภูมิเต็มชั้นของตน ฯ ทุกประการ จบเท่านี้ ฯ

ปัจฉิมโอวาท
ของ
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณวรมหาเถระ
วัดเทพศิรินทราวาส

ไม่ตายควาวนี้ ก็ตายคราวหน้า อย่างเศร้าโศก เสียทีที่ศึกษาปฏิบัติมา ร้องให้เศร้าโศก ก็ร้องไห้เสร้าโศกสังขารที่
เกิดแก่เจ็บตายนั้นเอง ที่ไม่ร้องไห้เศร้าโศกนั้นมิใช่จะเป็นคนใจไม้ใส้ระกำอะไร

ธรรมของพระก็คือ
สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา
สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา
สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา
ย่นลงก็ สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา
สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา แล้วปรินิพพาน
ไม่ต้องเกิดมาแก่ มาเจ็บ มาตายอีก

(มีบัญชาให้บันทึกไว้เมื่อเช้าวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๙๔) 
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #129 เมื่อ: 25 เมษายน 2553 21:39:28 »

วิธีการไหว้   ๕   ครั้ง   ( มนต์พิธี )
   คนเราทุกคน   ในวันหนึ่งๆ   จะต้องไหว้ให้ได้   ๕   ครั้ง   เป็นอย่างน้อยคือ   ในเวลาค่ำใกล้จะนอน   ตั้งใจระลึกถึงพระรัตนตรัยอันเป็นสรณะอันสูงสุดและท่านผู้มีพระคุณแก่ตน   คือ   มารดาบิดา   และครูอาจารย์   โดยประนมมือ
   ๑.   นมัสการพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า
อะระหัง  สัมมา  สัมพุทโธ  ภะคะวา  พุทธัง  ภะคะวันตัง  อะภิวาเทมิ   กราบลงหนหนึ่ง
   ๒.   ไหว้พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า   ว่า
สวากขาโต  ภะคะวะตา  ธัมโม  ธัมมัง  นะมัสสามิ   กราบลงหนหนึ่ง
   ๓.   ไหว้พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า   ว่า
สุปะฏิปันโน  ภะคะวะโต  สาวะกะสังโฆ  สังฆัง  นะมามิ   กราบลงหนหนึ่ง
   ๔.   ไหว้คุณมารดาบิดา   ว่า
มัยหัง  มาตาปิตูนังวะปาเท  วันทามิ  สาทะรัง   กราบลงหนหนึ่ง
   ๕.   ไหว้ครูอาจารย์   ว่า
ปัญญาวุฑฒิกะเร  เต  เต  ทินโน  วาเท  นะมามิหัง  กราบลงหนหนึ่ง
   ต่อจากนั้น   พึงตั้งใจแผ่เมตตาจิตไปในเพื่อนมนุษย์   และสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง   ว่า   ขอท่านทั้งหลายอย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย   อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย   อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย   จงมีความสุขกายสุขใจ   รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยด้วยกันหมดทั้งสิ้น   เทอญ.
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #130 เมื่อ: 25 เมษายน 2553 21:43:19 »

การจัดตั้งโต๊ะหมู่บูชา หรือ หิ้งพระในบ้าน

ทิศที่   ๑   ( ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ )
ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศอีสาน   เป็นเศรษฐีทิศ   จะคิดทำอะไรก็เจริญรุ่งเรืองมั่งคั่ง ฯ
ทิศที่   ๒   ( ทิศตะวันออก )
ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศบูรพา   ราชาทิศ   รับราชการหรือทำงานใดๆ   จะได้เป็นเจ้าคนนายคน ฯ
ทิศที่   ๓   ( ทิศตะวันออกเฉียงใต้ )
ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศอาคเนย์   ทิศปฐม   พอทำพอกินลาภผลได้บ้างไม่ได้บ้าง
ทิศที่   ๔   ( ทิศใต้ )
ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศทักษิณ   ทิศจัณฑาล   หากินต้องเหนื่อยยาก   ผลได้ไม่คุ้มค่า
ทิศที่   ๕   ( ทิศตะวันตกเฉียงใต้ )
ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศหรดี   ทิศวิปฏิสาร   มักเดือดร้อน   เกิดความยุ่งยากภายในครอบครัว   และ   เพื่อนบ้าน
ทิศที่   ๖   ( ทิศตะวันตก )
ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศประจิม   ทิศกาลกิณี   ทำสิ่งใดมักมีแต่อุปสรรค์   ขัดข้องหาผลสำเร็จไม่ได้
ทิศที่   ๗   ( ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ )
ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศพายัพ   ทิศอุทัจจะ   ทำงานใดมักรวนเรหาความแน่นอนไม่ได้   มักจะพบแต่คนไม่จริงใจ
ทิศที่   ๘   ( ทิศเหนือ )
ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศอุดร   ทิศมัชฌิมาปฏิปทา   ไม่ดี – ไม่ชั่ว   ปานกลาง
เท็จ-จริงประการใดไม่ทราบ   ท่านผู้รู้กล่าวไว้ดังนี้แล
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #131 เมื่อ: 25 เมษายน 2553 21:43:59 »

พระพุทธเจ้าตรัสรู้   “…อะไร…”
ท.อมรเวช   ผู้เรียบเรียง…..จากคัมภีร์พระไตรปิฎก
   พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้   “ ธรรม ”   ที่ยังไม่เคยมีผู้ใดได้ประกาศ      “ ธรรม ”   เหมือนที่พระองค์ได้ตรัสรู้มาก่อน   พระองค์ทรงค้นพบ   “ ธรรม ”   ขณะที่เป็นนักบวชและทรง   ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง…เป็นพระพุทธเจ้า   หลังจากที่ได้ทรงไตร่ตรองเหตุและผลตามความเป็นจริงของธรรมชาติ   จนแน่พระทัยว่า   “ ธรรม ”   ที่พระองค์ค้นพบนั้นเป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ต่อมวลมนุษยชาติและสัตว์โลก     “ ธรรม ”      นั้นคือ   “ อริยสัจ  ๔ ”   แปลความหมายได้ว่า   “ ความจริงอันประเสร็จ   ๔   ประการ ”
ประการที่   ๑   เรื่อง   ทุกข์
คือ   ความไม่สบายกาย   ความไม่สบายใจ   ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้ดังใจก็เป็นทุกข์   ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักก็เป็นทุกข์   การประสพกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์   ความเกิด   แก่   เจ็บ   ตาย   ก็ล้วนแต่เป็นทุกข์ทั้งสิ้น   
ประการที่   ๒   เรื่อง   สมุทัย
คือ   ต้นเหตุที่ทำให้ใจและกายเกิดความทุกข์   เป็นตัว   “ ตัณหา ”   ที่ทำให้มีการเกิดในภพใหม่   ได้แก่   ความอยากได้   อยากมี   อยากเป็น   ความโลภ   ความโกรธ   ความหลง   รูป   รส   กลิ่น   เสียง   สัมผัส   ลาภสักการะ   ยศ   สรรเสริญ   สุข   ริษยา   อาฆาต   แค้น   ความไม่พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่   “ กามตัณหา   ภวตัณหา   วิภวตัณหา ”
ประการที่   ๓   เรื่อง   นิโรธ
คือ   การดับทุกข์และดับต้นเหตุแห่งการเกิดทุกข์    โดย    “ สำรอก ”    ไม่ให้เหลือแห่ง   “ ตัณหา ”   นั้น   ด้วยการพยายามหักห้ามใจตนเองให้   ลด   ละ   เลิก   ความอยากได้   อยากมี   อยากเป็น   ความโลภ   ความโกรธ   ความหลง   รูป   รส   กลิ่น   เสียง   สัมผัส   ลาภสักการะ   ยศ   สรรเสริญ   สุข   ริษยา   อาฆาต   แค้น   ให้ลดไป   ทีละเล็ก…ทีละน้อย   ไปจนที่สุดไม่เหลือ   “ ความอยาก ”   ใดๆไว้ในใจจึงดับทุกข์ดับตัณหาได้สนิทไม่มีการเกิดในภพใหม่อีกต่อไป   ทุกข์มาก…สุขน้อย…ทุกข์น้อย…สุขมาก…ไม่มีทุกข์…ไม่มีสุขทางโลก   มีแต่สุขทางธรรม   คือ   “ นิพพาน ”
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #132 เมื่อ: 25 เมษายน 2553 21:44:40 »

ประการที่   ๔   เรื่อง   มรรค
คือ   ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์   ที่ใช้สำหรับปฏิบัติตนเพื่อเป็นการ   ลด   ละ   เลิก   จากต้นเหตุของการเกิดทุกข์กาย   และ    ทุกข์ใจ   เรียกว่า  “ ข้อปฏิบัติอันเป็นสายกลาง ”  คือ   “ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์   ๘ ”   แปลความหมายได้ว่า   “ ข้อปฏิบัติอันประเสริฐ   ๘   ประการ ”   คือ   วาจาชอบ   การงานชอบ   เลี้ยงชีพชอบ   ความเห็นชอบ   ความดำริชอบ   เพียรชอบ   ระลึกชอบ   ตั้งใจชอบ
อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์   ๘   ดังกล่าว   ย่อลงให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นในทางปฏิบัติตนเพื่อให้ชีวิตได้พบความสุข  และถึงความสุขอันแท้จริง  คือ   ศีล  สมาธิ  ปัญญา
ศีล      คือ   การละเว้นไม่กระทำความชั่วประพฤติแต่ความดี   ด้วยการทำบุญ   ทำทาน   ไม่เบียดเบียน   ให้ความรักและมีใจเมตตาต่อผู้อื่น   มีศีล ๕   อยู่ประจำใจเป็นเบื้องต้น   คือ   ไม่ฆ่าสัตว์   ไม่ลักทรัพย์   ไม่เป็นชู้กับสามี-ภรรยาผู้อื่น   ไม่พูดเท็จ   ไม่ดื่มสุราและของมึนเมาต่างๆ   “ ศีลเป็นฐาน…บาท ”
ปัญญา      คือ   การใช้ปัญญาพิจารณาสภาวะธรรม   ให้เห็นตามความเป็นจริงของโลกว่า     มวลสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีการเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน---อนิจจัง     ทุกสิ่งเมื่อไม่แน่นอนย่อมมีทุกข์เป็นส่วนประกอบ---ทุกขัง   ทุกสิ่งเมื่อไม่แน่นอนย่อมไม่มีตัวตนถาวรเป็นของตัวเอง---อนัตตา   มวลสรรพสิ่งทั้งหลายมีการเกิดขึ้น   ตั้งอยู่   และล้วนดับไปตามกาลเวลา   วิปัสสนากรรมฐาน
   ใช้ปัญญาพิจารณาจนจิตเริ่มรู้เท่าทันตามความเป็นจริงของธรรมชาติ   และไม่ไปยึดติดกับสิ่งที่ไม่เป็นจริงนั้นๆ   อีกต่อไป   วิปัสสนาญาณ   และขั้นดับกิเลสตัณหาได้สนิท   อาสวักขยญาณ
สมาธิ      คือ   ความสงบหรือความนิ่งของจิตที่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง   ด้วยการภาวนา   หรือ   การทำจิตให้ว่างๆ   ด้วยการเพ่งดูวัตถุ   “ กสิณ ”   เมื่อจิตสงบ จิตจะไม่ฟุ้งซ่าน   “ “ สมถกรรมฐาน ”   เมื่อจิตไม่ฟุ้งซ่านจิตจะเริ่มคลายจากเรื่องต่างๆ   ที่จิตเคยไปยึดติดอยู่   เมื่อกระทำให้จิตสงบบ่อยๆครั้ง   มีเจตนาในทางที่ดี   คือ   มีศีล และ เมตตา เป็นฐานอยู่ประจำใจ   จิตจะเริ่ม   ลด   ละ   เลิก   เริ่มลืมเรื่องที่ไม่ดีเรื่องที่เป็นทุกข์ต่างๆ   ที่จิตเริ่มไม่ต้องการแต่ละเรื่องที่จิตเคยยึดติดอยู่ค่อยๆหมดไปในที่สุด
ผลของสมาธิ      จำแนกออกได้เป็น   ๓   ข้อ
ข้อ   ๑   ใช้ระงับจิตไม่ให้คิดมาก   ไม่ให้ฟุ้งซ่านไปยึดติดกับสิ่งที่ไม่ดี   คือ   สิ่งที่ผิดศีล   สิ่งที่ผิดคุณธรรม และ มีสติระลึกรู้เท่าทันเหตุการณ์ว่า ขณะนี้กำลังทำอะไร   ตลอดเวลาในขณะที่ตื่นอยู่คือ   การมีสติตั้งมั่นในความไม่ประมาท
ข้อ   ๒   เมื่อจิตสงบอยู่ที่ระดับหนึ่ง   จะเริ่มเกิดปัญญา   ทำให้สามารถพิจารณาได้ตามความเป็นจริงต่อมวลสรรพสิ่งของธรรมชาติที่อยู่รอบตัว   หรือที่อยู่ไกลตัว   และจะช่วยทำให้   การเชื่อเรื่องหรือสิ่งต่างๆเป็นไปตามเหตุและผลมากขึ้น   เป็นลำดับ   และจะช่วยลดความเชื่อแบบ   “ งมงาย ”   ไม่มีเหตุผลลง   เป็นลำดับ   ลำดับ
ข้อ   ๓   จิตเป็นรูปของกระแสพลังงาน   ปกติจิตจะแผ่ซ่านไปทั่ว   เมื่อทำให้จิตสงบ   กระแสพลังงานของจิตจะเริ่มรวมตัวกันเล็กลงเข้าหาศูนย์กลางของจิต   ยิ่งจิตสงบมากขึ้นกระแสพลังงานของจิตจะยิ่งรวมตัวกันเข้าหาศูนย์กลางของจิตเล็กลง   เข้าไปเรื่อยๆ   เมื่อกระแสพลังงานจิตรวมตัวกันเล็กลงมากเท่าใด   ก็จะเกิดพลังงานของจิตมากขึ้นเป็นทวีคูณ   พลังงานของจิตที่เกิดจากการรวมกระแสจิตที่มีความสงบมากๆ   จนเข้าใกล้   จวนจะถึง   และถึงขั้น   ณาน   คือ   มีอารมภ์เป็นหนึ่ง   จะทำให้จิตเกิด   “ ญาณ ”   คือการหยั่งรู้เรื่องต่างๆ   ด้วยจิต   และ   “ อภิญญา ”   คือ   การรู้เรื่องต่างๆ   ได้ชัดเจนแน่นอนยิ่งกว่าญาณ   ซึ่งเป็นผลให้นำมาใช้เป็นเครื่องมือพิเศษทางจิตที่รู้ได้เฉพาะตน   สำหรับตรวจสอบความเป็นจริงต่างๆ   ของธรรมชาติอัน   มหัศจรรย์   เร้นลับ   พิสดาร

รู้จัก…..ปริยัติ          รู้จริง…..ปฏิบัติ          รู้แจ้ง…..ปฏิเวธ
ยังกิญจิ   สะมุทะยะธัมมัง   สัพพันตัง   นิโรธะธัมมันติ
สิ่งใดสิ่งหนึ่ง   มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นทั้งมวล   ล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #133 เมื่อ: 25 เมษายน 2553 21:45:38 »

พระราชดำรัส   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
   “   ….. ท่านทั้งหลายควรจะได้ข้อคิดสำคัญประการหนึ่งว่า   วิถีชีวิตของบุคคลนั้นย่อมมีทั้งภัย   ทั้งอุปสรรค   ทั้งเคราะห์ร้าย   ผ่านเข้ามาเนืองๆ   ยากที่จะหลีกเลี่ยง   ไม่มีผู้ใดจะอยู่เป็นปกติสุขอย่างเดียวได้   ทุกคนจึงจำเป็นต้องเตรียมกายเตรียมใจให้พร้อมทุกเวลาที่จะเผชิญ   จะต่อสู้แก้ไขความไม่ปกติเดือดร้อนต่างๆ   ด้วยเหตุผล   หลักวิชา   ความถูกต้อง   ความรอบคอบ   อดทน   และด้วยสามัคคีธรรม   ”

“  อย่าท้อถอยหรือน้อยใจ      ถ้างานไม่สัมฤทธิ์ผล
จงสุขุมและอดทน         พิจารณาคนด้วยปัญญา  ”
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #134 เมื่อ: 26 เมษายน 2553 20:47:57 »

ทำบุญเพื่ออะไร   ขวัญใจ   ชนะโชติ  ผู้เขียน    คอลัมภ์กรรมกำหนด
บุญเสมอ   แดงสังวาลย์   หนังสือพิมพ์ข่าวสด
จากธรรมบรรยายของพระธรรมปิฎก   ที่ รัฐนิว   เจอร์ซี่   สหรัฐอเมริกา   เมื่อเดือนพฤษภาคม   2537   ในหัวข้อเรื่อง   ทำบุญเพื่ออะไร?   ดังนี้
“ ในการถวายกำลังแก่พระสงฆ์   ที่เรียกว่า   “ทำบุญ”   นี้   ใจควรมุ่งไปที่พระศาสนา   คือจุดรวมใจ   หรือเป้าหมายของเราควรอยู่ที่พระศาสนา   หมายความว่า   เราถวายทานแก่พระสงฆ์ก็เพื่อให้ท่านมีกำลัง   ท่านจะได้ทำงานพระศาสนาต่อไป
   งานพระศาสนา   หรือศาสนกิจ   โดยทั่วไปมี   ๓   ประการคือ
๑. การเล่าเรียน   ศึกษาคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
๒. การปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
๓. การนำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไปเผยแพร่ให้ประชาชนรู้และปฏิบัติตาม
   การที่พระสงฆ์จะทำกิจทั้ง   ๓   ประการนี้ท่านควรที่จะไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องของวัตถุ  หรือเรื่องของปัจจัยสี่  เมื่อพระสงฆ์ไม่กังวลในเรื่องดังกล่าว  ก็ย่อมตั้งใจทำหน้าทื่คือ  ศึกษา  ปฏิบัติ  และนำไปเผยแพร่ได้เต็มที่  ซึ่งจะทำให้พระศาสนาดำรงอยู่ได้ 
   สรุปว่า   การทำบุญอุปถัมภ์พระสงฆ์   บำรุงพระศาสนา   เพื่อให้พระศาสนาดำรงอยู่ยั่งยืนมั่นคง   เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่มวลมนุษย์   ได้มีชีวิตที่ดีงาม   มีสังคมที่ร่มเย็นเป็นสุขตลอดไป…..”
   หากท่านผู้อ่านท่านใดจะทำบุญเพียงเพื่อความสบายใจก็ไม่มีอะไรเสียหายการได้พบได้สนทนาและฟังธรรมจากสมณะ   ย่อมบังเกิดปีติ   เป็นความสุขกายสุขใจ   เพราะความเป็นศัตรูไม่มีในใจของสมณะ   ดังพุทธสุภาษิตกล่าวไว้ว่า   สมณีธ   อรณา   โลเก – สมณะไม่เป็นศัตรูแก่ใครในโลก
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #135 เมื่อ: 26 เมษายน 2553 20:48:23 »

ทุกนาทีมีค่ามหาศาล         เวลาผ่านล่วงลับมิกลับหลัง
วันเวลาทอนชีวิตอนิจจัง         อย่านอนนิ่งนิ่งเฉยเลยผ่านไป
ควรคำนึงถึงเวลาค่าชีวิต         อย่าหลงผิดปล่อยเวลาพาไถล
ค่าของคนร่นน้อยถอยตามวัย         มีสิ่งใดเป็นประโยชน์โปรดรีบทำ
สำนักกิจการนักศึกษา   สถาบันราชฎัชฉะเชิงเทรา
( คัดลอกเมื่อ   11  กรกฎาคม   2541 )
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #136 เมื่อ: 26 เมษายน 2553 20:48:58 »

ใช้ธูปเท่าไร  ไหว้พระไหว้เจ้า            (ผู้เขียน  ซินแสน้อย)               
ธูป  1  ดอก     นิยมใช้ไหว้ศพ  เจ้าที่  เจ้าทาง  ภูมิ  ผี  ต่างๆ  กล่าวคือวิญญาณธรรมดาที่ยังไม่ได้ขึ้นเป็นชั้นเทพ
ธูป  2  ดอก     ไม่ปรากฏนิยมใช้
ธูป  3  ดอก     นิยมไหว้พระพุทธ อันมีความหมายถึง  พระรัตนตรัย หรือแม้แต่การไหว้เทพก็มีผู้ไหว้ 3 ดอก เช่นกัน  อันมีความหมายถึงพระศิวะ พระนารายณ์ และพระพรหม
ธูป  4  ดอก     ไม่ปรากฏนิยมใช้
ธูป  5  ดอก     มีผู้นิยมใช้ไหว้ตี่จูเอี้ย  โดยปักที่กระถางธูป 3 ดอกและข้างประตู ข้างละ 1 ดอก นอกจากนี้ก็มีผู้นิยมไหว้พระรูปรัชการที่ ๕ คงมีคติมาจากรัชการที่ ๕ ก็ใช้ 5 ดอก  การไหว้ท้าวจตุโลกบาลก็นิยมใช้ธูป  5  ดอก เพราะหมายถึงทิศใหญ่ทั้ง 5  อันมี  ตะวันตก  ตะวันออก  เหนือ  ใต้  และทิศกลาง  ตามความเชื่อของชาวจีน  รวมทั้งเทพอื่นๆ ก็เห็นมีปรากฏ
ธูป  6  ดอก  ไม่นิยมใช้
ธูป  7  ดอก  นิยมไหว้พระภูมิไชยศรี  นอกจากนี้ก็มีผู้ที่เคารพบูชาพระอาทิตย์ก็นิยมไหว้ ซึ่งความหมายของธูป  7  ดอก  ก็หมายถึงความคุ้มครองวันทั้ง 7 ในหนึ่งสัปดาห์
ธูป  8  ดอก  ชาวฮินดูนิยมใช้ธูป  8  ดอก  ในการไหว้เทพแทบจะทุกองค์ ที่เป็นเทพชั้นสูง  อันได้แก่  พระศิวะ  พระนารายณ์  พระพรหม  พระแม่อุมา  พระลักษมี  พระสุรัสวดี  พระพิฆเนศ  พระขันธกุมาร  ร่วมไปถึง  พระราม  พระกฤษณะ  ด้วยจะพบว่า  กล่องธูปที่ใช้บรรจุธูปหอมของอินเดียกล่องหนึ่งจะมีธูป  8  ดอก  ให้บูชาครั้งละ  1  กล่องเล็ก นอกจากนี้ก็มีความเชื่อว่า การไหว้พระราหู  ก็นิยมใช้ธูป  8  ดอกเช่นกัน
ธูป  9  ดอก  นับเป็นจำนวนธูปที่นิยม  ใช้ในการไหว้ทั้งพระทั้งเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย  ด้วยคนไทยถือว่าเลข 9   เป็นเลขมงคล  หมายถึงความเจริญก้าวหน้า  หากแต่ในประเทศอื่นเขาไม่ได้นิยมเช่นคนไทย
ธูป  10  ดอก  สำหรับชาวจีนดั้งเดิมแล้วนิยมใช้เลขนี้ในการจุดธูปเช่นเดียวกันคนไทยนิยมเลข  9  เลขสิบนับเป็นเลขเต็ม  และความหมายของสิบ (ภาษาจีนคือจั๊บ)นั้นหากจะประดุจนิ้วมือก็หมายถึงการจับได้เต็มไม้เต็มมือ  ได้อะไรที่เต็มมือ  ได้อะไรที่เต็มสิบก็คือความสมบูรณ์เต็มที่
ธูป  11  ดอก  ไม่ปรากฏความนิยม
ธูป  12  ดอก  ชาวจีนนิยมไหว้เจ้าแม่กวนอิม    บางคนใช้  13   ดอก   แต่จะไหว้เฉพาะในช่วงเดือน   12  เท่านั้น
ธูป  14,  15  ดอก  ไม่ปรากฏความนิยม
ธูป  16   ดอก  นิยมใช้ในพิธีบวงสรวงบูชาเทพ บูชาครู  หรือพิธีกลางแจ้ง  ที่มีการอัญเชิญเทวดาที่สำคัญต่างๆ  16 ดอก  หมายถึง สวรรค์ 16 ชั้น
   นอกจากนี้ที่ได้สืบเสาะมาก็มี      31   ดอก      และ      32   ดอก
ที่นิยมใช้ในการบวงสรวง  เช่นเดียวกันกับ   16   ดอก 
โดย ธูป  31  ดอก  หมายถึงการเชิญเทพทั้ง  16  ชั้นฟ้า   15  ชั้นดิน  ต้องเป็นการบวงสรวงเครื่องบัดพลีใหญ่
หรือ  ธูป  32  ดอก  หมายถึง  16  ชั้นฟ้า  15  ชั้นดิน และบนโลกมนุษย์ อีก 1  จะนิยมใช้ในการบวงสรวงใหญ่เท่านั้น  เพราะเครื่องบวงสรวงต้องมากเพียงพอกับการอัญเชิญด้วย
   เจ้าคุณอมร     วัดบวรนิเวศ       กรุงเทพฯ        ท่านให้ข้อคิดที่น่าสนใจมากคือ  จำนวนเท่าไร  มันอยู่ที่ใจ  มนุษย์ตั้งกันขึ้นมาเอง  ตามความพอใจ  ซึ่งที่จริงแล้วหากใจเป็นสมาธิศรัทธาจริง    มือเปล่า   ใจเปล่า   ก็ศักดิ์สิทธิ์ ได้
   ผู้เขียนเองก็มีความเห็นตรงกันเพราะเวลาเราฟังเทศน์  ฟังธรรม  หรือจบมือขึ้น  สาธุ  อนุโมทนากุศลนั้น  ท่านเชื่อไหมว่า   อานิสงส์แรงนักแล   แค่เอามือเปล่าจบขึ้นเหนือหัวตั้งจิตให้มั่น กล่าวคำว่า   สาธุ   
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #137 เมื่อ: 26 เมษายน 2553 20:49:34 »

*****  คนเราทุกวันนี้  ดีแต่ส่องกระจกด้านหน้าแต่เพียงด้านเดียว   
   ให้เอากระจกหกด้าน   มาส่องเสียบ้าง   แล้วจะเห็นเอง
    สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต  พรหมรังสี)        *****
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #138 เมื่อ: 26 เมษายน 2553 20:50:05 »

รู้ง่าย – ทำยาก      ธนะภูมิ   ผู้เขียน   คอลัมภ์กรรมกำหนด
บุญเสมอ   แดงสังวาลย์   หนังสือพิมพ์ข่าวสด
   พระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่   พรหมปัญโญ   วัดสะแก   จังหวัดพระนครศรีอยุธยา   ท่านเป็นพระสุปฏิปันโนที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตาต่อบรรดาศิษย์อย่างยิ่ง   แม้อายุสังขารท่านจะร่วงโรยเพียงใด   ท่านก็ยังเมตตาอบรมสั่งสอนศิษย์    ตลอดจนผู้ใฝ่ธรรมทั้งหลายที่มากราบนมัสการ   จวบจนกระทั่งท่านอาพาธด้วยโรคหัวใจ   ท่านก็ยิ่งให้ความเมตตาแก่ศิษย์โดยไม่รู้เหน็ดเหนื่อย    ในยามดึกที่ควรจะได้พักผ่อน     ท่านก็ยังแสดงธรรมแก่ผู้มากราบนมัสการตลอดมา      ธรรมโอวาท ที่ท่านให้เป็นคติเตือนใจแก่ศิษย์ทั้งหลายคือ…….เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว   ให้รีบพากันปฏิบัติ
   หลังจากท่านมรณภาพ   คณะศิษยานุศิษย์ได้รวบรวมคำสอนของท่านมาจัดพิมพ์เผยแพร่เพื่อเป็นเครื่องบูชาพระคุณ   คำสั่งสอนของหลวงปู่ฟังง่าย   เข้าใจง่าย   แม้บางครั้งจะมีผู้นำเรื่องไม่น่าถาม   มาเรียนถาม   ท่านก็ได้เมตตาตอบจนกระจ่างแจ้ง   ให้ผู้ถามหมดข้อสงสัย   ดังได้คัดลอกมาฝากท่านผู้อ่าน   ดังนี้
ผู้ถาม
หลวงปู่ครับ   การจุดธูปเทียนบูชาพระในพิธีกรรมต่างๆ   มักจะไม่เหมือนกัน   ที่ถูกต้องเหมาะสมนั้น   ควรจุดธูปกี่ดอก
หลวงปู่
จุดกี่ดอกก็ได้   ส่วนใหญ่มักจุด   ๓   ดอก   บูชาคุณพระพุทธ   พระธรรม   พระสงฆ์   กี่ดอกก็มีความหมายทั้งสิ้น
ผู้ถาม
ถ้าเช่นนั้นจุดดอกเดียว   ก็ถือว่าไหว้ผี   ไหว้ศพใช่ไหมครับ
หลวงปู่
จุด   ๑   ดอก   หมายถึง   จิตหนึ่ง
จุด   ๒   ดอก   หมายถึง   กายกับจิต   หรือ   โลกกับธรรม
จุด   ๓   ดอก   หมายถึง   พระรัตนตรัย   คือ   อนิจจัง   ทุกขัง   อนัตตา
จุด   ๔   ดอก   หมายถึง   อริยสัจ ๔
จุด   ๕   ดอก   หมายถึง   พระเจ้า   ๕   พระองค์   นะโมพุทธายะ
จุด   ๖   ดอก   หมายถึง   สิริ   ๖   ประการ
จุด   ๗   ดอก   หมายถึง   โพชฌงค์   ๗
จุด   ๘   ดอก   หมายถึง   มรรค   ๘
จุด   ๙   ดอก   หมายถึง   นวโลกุตรธรรม
จุด  ๑๐   ดอก   หมายถึง   บารมี   ๑๐   ประการ
ผู้ถาม
ถ้าจุด   ๑๑   ดอกล่ะครับหลวงปู่   หมายถึง
หลวงปู่
ก็บารมี   ๑๐   ประการ   กับจิต   ๑
ผู้ถาม
ถ้าไม่มีธูปเทียน
หลวงปู่
ก็ใช้วิธีจิตใจบูชา   ไม่เห็นต้องมีอะไร   พุทธัง   ธัมมัง   สังฆัง   ชีวิตังเม   ปูเชมิ   -   ทุกอย่างอยู่ที่ใจ
   
มีเรื่องเล่ากันว่า   โยมท่านหนึ่งไปกราบนมัสการพระเถระผู้ใหญ่องค์หนึ่งเป็นประจำ   วันหนึ่งได้ถามปัญหาธรรมว่า   หลักของพระพุทธศาสนาคืออะไร   พระเถระตอบว่า   ละความชั่ว   ทำความดี   ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว   โยมท่านนั้นได้ฟังแล้วก็พูดว่า   อย่างนี้เด็ก   ๗   ขวบก็รู้   พระเถระองค์นั้นยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบว่า   จริงของโยม   เด็ก   ๗   ขวบก็รู้   แต่ผู้ใหญ่อายุ  ๘๐   ก็ยังปฏิบัติไม่ได้   ซึ้งไหมละท่าน   นึกถึงพุทธพจน์ที่ว่า   
สากัจฉาย   ปุญญ   เวทิตพพา   ปัญญารู้ได้ด้วยการสนธนา
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #139 เมื่อ: 26 เมษายน 2553 20:52:06 »

วิธีสะเดาะเคราะห์    อิ่มบุญ   บางเขน   ผู้เขียน   คอลัมภ์กรรมกำหนด
บุญเสมอ   แดงสังวาลย์   หนังสือพิมพ์ข่าวสด
หมอดูไม่ว่าชาติไหน   ย่อมต้องอาศัยประสบการณ์   และใช้ข้อมูลจากหลายๆพันคน   มาตั้งเป็นทฤษฎีเหมือนเป็นสูตรสำเร็จ   ว่าไปแล้วก็เหมือนหลักเศรษฐศาสตร์   มีการคำนานหาความเป็นไปได้   และแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง   ซึ่งจะให้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์คงเป็นไปไม่ได้
   ตามหลักโหราศาสตร์   มีการดึงเอาดวงดาวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย   เช่น   ดาวพระศุกร์   ซึ่งถือว่าเป็นดาวดี   เมื่อเวลาโคจรมาเสวยอายุท่านผู้ใด   ผู้นั้นย่อมมีชะตาชีวิตที่ดี   ขณะเดียวกันก็มีตัวแปรซึ่งมีผลต่อดาวพระศุกร์   คือ   ดาวพระเคราะห์ดวงอื่นๆ   เช่นดาวพระเสาร์   ถ้ามีดาวพระเสาร์เข้ามาแทรก   ก็จะมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น   ตำนานของกรีกโบราณ   ถือว่าดาวทั้งสองดวงเป็นเทพเจ้าไม่ถูกกัน
   เราเชื่อกันว่าการสะเดาะเคราะห์   เป็นการที่จะบรรเทาสิ่งเลวร้ายให้เบาบางลง   หรือหมดไปเลย   เช่นการรดน้ำมนต์   การทำสังฆทาน   การปล่อยนกปล่อยปลา   ฯลฯ
   แต่พระพุทธศาสนาสอนให้เชื่อเรื่อง   “ กรรม ”   หรือ   “ การกระทำ ”   ไม่ว่าการทำดีหรือทำชั่ว   ย่อมบังเกิดผลของกรรมตามมาเสมอ   ผลของกรรมดีหรือการทำดี   คือความสบายใจ   เมื่อใจสบายก็เกิดบุญ
   วิธีปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนา   เพื่อความสบายใจคลายทุกข์   คือ
๑. การถวายทาน   เป็นการลดความเห็นแก่ตัว   เช่น   การทำบุญตักบาตร   จิตใจที่วุ่นวาย   เป็นทุกข์   ก็จะเกิดความสุข
๒. การรักษาศีล   เพื่อเป็นการป้องกันจิต   ไม่ให้สร้างกรรมที่ไม่ดี   เพียงศีล   ๕   ข้อ   ก็เพียงพอแล้ว   ท่านจะได้อานิสงส์ของศีลตามที่พระเทศน์ไว้ว่า   …สีเลนะ   สุคติง   ยันติ   (-   ศีลทำให้เกิดความสุข)   สีเลนะ   โภคะสัมปทา   (-   ศีลทำให้เกิดโภคทรัพย์   อริยทรัพย์)    สีเลนะ   นิพพุติงยันติ   ตัสมา   สีลัง   วิโสทะเย   (-   ศีลทำให้พ้นทุกข์ได้)
๓. การปฏิบัติภาวนา  คือทำใจให้สงบ   โดยอาศัยคำภาวนาต่างๆ   เพื่อจิตใจสงบเยือกเย็น   ความทุกข์จะได้ไม่กัดกินใจ   มีกำลังใจที่จะต่อสู้อุปสรรคในเบื้องหน้าต่อไป
   เป็นการสะเดาะเคราะห์ให้กับตัวเองแล้ว   ยังเป็นการสร้างบุญบารมีให้กับตนเองอีกด้วย     
ธมโม   หเว   รักขติ   ธมมจารี   ธรรมนั่นแหละ   รักษาผู้ประพฤตธรรม
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
sithiphong
ชมรมพระวังหน้า
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +7/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 918


ชมรมพระวังหน้า

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #140 เมื่อ: 26 เมษายน 2553 20:52:42 »

ทีใครทีมัน
น้ำ      ฝนเทจากฟ้า      คึกคะนอง
มา      มากมายก่ายกอง   ท่วมท้น
ปลา      แหวกว่ายหมายปอง   ฮุบเหยื่อ
กินมด      อิ่มเหลือล้น      สนุกลิ้นกินเพลิน ฯ
น้ำ      ขาดเขินขอดแห้ง   ติดดิน
ลด      เรื่อยถึงธรณิน   ภพพื้น
มด      ได้ทีรุมกิน      สับเปลี่ยน  กันนา
กินปลา      ตายน้ำตื้น      ชำระแค้นสะสาง ฯ
ลายวลี   คำวิไล   ผู้ประพันธ์
บันทึกการเข้า

คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
คำค้น:
หน้า:  1 ... 5 6 [7] 8 9   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.341 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 16 พฤศจิกายน 2567 16:09:09