กรรมฐานแก้กรรมได้อย่างไร ?
โดย พระธรรมสิงหบุราจารย์
(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
ขอเจริญพร บรรดาญาติพี่น้องและคณะอาจารย์วิทยาลัยครูธนบุรีและผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่าน ขอเจริญสุขนักศึกษาที่มาปฏิบัติธรรมทุกคน วันนี้จะแสดงธรรมะในเรื่องกฎแห่งกรรมและกรรมฐานแก้กรรมได้อย่างไร ขอให้ท่านทั้งหลายได้ตั้งใจฟังธรรมสืบไป
คำว่า กฎแห่งกรรม แปลว่าอะไร กฎ แปลว่า ดัน และผลัก กรรม แปลว่า การกระทำ แต่ละราย แต่ละรูปไม่เหมือนกัน ทำดีก็ดันไปทางดี ทำชั่วก็ดันไปทางชั่ว กฎ ตัวนี้คือ กฎแห่งธรรมชาติ กฎ แปลว่า กดลงไปและดันขึ้นมา ถ้าหากเรามีคุณธรรมได้อบรมมาดีแล้ว มันจะดันและผลักไปในทางดีให้มีปัญญาถ้าการกระทำของเราไม่สมส่วนควรกันไม่สมเนื้อสมน้ำ เพราะจิตใจที่อบรมมาไม่ดี มันจะดันไปในทางที่ไม่ดีและกดให้จมลง ให้ต่ำลงไปโผล่ไม่ขึ้น
อาตมาประสบมามากหลาย บางคนไม่สนใจในเรื่องกรรมดี กรรมชั่ว ต้องการอายุมั่นขวัญยืน ต้องการให้มีความสวยงาม ผิวพรรณผ่องใส ต้องการให้สุขภาพอนามัยดี และต้องการให้กิจการสำเร็จตามเป้าหมาย แต่เขาไม่ได้สร้างเหตุผลที่จะส่งผลให้อายุยืน กลับไปทำให้อายุสั้น ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เบียดเบียนชีวิตเขา อาฆาต เคียดแค้นผูกพยาบาท ริษยา รับรองผู้นั้นจะอายุสั้น พลันตายตั้งแต่อายุยังน้อย
พระท่านสอนไว้ว่า “กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ” การเกิดเป็นมนุษย์แสนจะยาก ลำบากเหลือเกินที่จะเกิดมาโสภาภาคย์ มีน้าตาดียิ่งหายากที่สุด ท่านต้องมีญาณมา มีปัญญามา มีวิชชามา มีความรู้ของมนุษย์ คือมีคุณสมบัติมนุษย์ครบ คือคุณธรรม มีศีล ๕ ครบ จึงจะมาเกิดเป็นมนุษย์ที่โสภาได้
บางคนมีศีลมาไม่ครบ มีคุณสมบัติไม่ครบ เกิดมาขี้ริ้วขี้เหร่ บางคนเกิดมาง่อยเปลี้ยเสียขา บางคนตาบอดหูหนวก บางคนแถมยังปัญญาอ่อนอีก บางคนเฒ่าแก่ชราเป็นอัมพาต
บางคนมีทานดีมาแต่ชาติก่อน ก็เกิดมาเป็นลูกมหาเศรษฐีมั่งมีศรีสุข แต่เมื่อชาติก่อนเขาได้ทำการเบียดเบียนสัตว์มา ชาตินี้จึงสามวันดีสี่วันไข้ เข้าโรงพยาบาลไม่พัก มีเงินก็ช่วยไม่ได้ บางคนไม่ได้สร้างเหตุแห่งปัญญามา ถึงเกิดเป็นลูกเศรษฐี เงินก็ชื้อวิชาไม่ได้ เงินก็ช่วยลูกเรียนเป็นดอกเตอร์ไม่ได้ เพราะเหตุใด เพราะทำบุญมาไม่ครบ
บางคนบ้านใหญ่โตราวกับวัง แต่กินข้าวกับน้ำตาไม่เว้นแต่ละวัน ท่านทั้งหลายโปรดทราบ เรื่องสังข์ทองเป็นปริศนาธรรม หกเขยคือหน้าโง่ โง่ทางอายตนะ ตาโง่ ไม่มีกำหนดเห็นหนอ เห็นด้วยโง่ๆ ไม่เห็นลึกซึ้ง ไม่เห็นนิสัยใจคอคน ดูคนไม่เป็น ดูคนให้ดูหน้า ดูผ้าให้ดูเนื้อ ดูเสื่อให้ดูลาย ดูชายให้ดูพ่อ จะได้ไม่ย่อท้อใจ !
ท่านทั้งหลาย เพิ่งเริ่มเข้ามาปฏิบัติไม่กี่ชั่วโมง จึงอาจจะไม่ลึกซึ้งถึงขึ้นที่ดูหน้าดูตาก็จะรู้ได้ ดูคนให้ดูหน้า ดูโหงวเฮ้ง การแนะแนวไม่ใช่มาถึงวัดสอนบุญ บาป ทำบุญไปสวรรค์ ทำบาปไปนรกเท่านั้น ต้องสอนแนะแนวถึงกรรมฐานแก้กรรมได้อย่างไร ใครเอาไปใช้ปฏิบัติเป็นประจำ จะแก้กรรมได้จริงๆ ถ้าใช้ไม่จริงก็เหมือนถ้วยชา เขาให้มาแล้วเอาไปใส่ตู้ไว้ ไม่ค่อยใช้ให้เป็นประโยชน์เลย ตัวเรานี้มีประโยชน์มาก แต่ใช้ตัวไม่เป็น ไปใช้ในเรื่องไร้สาระเสียมาก ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง เกิดมาเสียชาติเกิดไม่ประเสริฐล้ำเลิศ ไหนๆ จะตายจากโลกไปก็จะต้องมีความดีติดตัวไปด้วย และทิ้งความดีไว้ในโลกมนุษย์ คือความดีเป็นตรา ถ้าใครทำกรรมฐานได้ลึกซึ้ง จะรู้เหตุผลของชีวิตได้อย่างดีที่สุด เป็นประโยชน์แก่ชีวิตประจำวัน แก้ไขปัญหาเกิดขึ้นเฉพาะหน้าด้วยกรรมฐาน
บางคนชอบไปหาหมอดู หมอดูบอกว่าต้องสอบได้ที่หนึ่ง แต่ปรากฏว่า สอบตก หมอดูว่า สอบตกกลับสอบได้เพราะเราขยัน เราต้องสร้างความดีให้กับดวง หาใช่ดวงทำให้เราดีไม่ ต้องสร้าง อยู่เฉยๆ ดีได้อย่างไร มันต้องเกิดจากการกระทำ คือกฎแห่งกรรมนั่นเอง
การสร้างความดีให้กับดวง ก็คือสร้าง ศีล สมาธิ ปัญญา ให้เกิดขึ้นแก่ตัวเรา แล้วเราจะอบอวล ทวนลม ผู้ที่มีสมาธิจะเป็นคนขยันหมั่นเพียร และเป็นผู้มีปัญญา คนที่มีปัญญาแหลมลึก แหลมหลักต้องมีสามคม
คมกริบ ไว้ภายในจิต ไม่บอกใคร แสดงออกในเมื่อมีความจำเป็นจะต้องใช้
คมคาย มันยังเป็นหลุม เป็นบ่อ ไม่เสมอ ก็เอาบุ้งมาแทง อย่างนี้เป็นต้น
คมสัน มันต้องใช้ขวานตอกย้ำลงไป จึงจะเข้าเรียบร้อยดี นี่มันมีในลักษณะศีล สมาธิ ปัญญา ครบ ศีล คือ สถาปนิก ออกรูปแบบพื้นฐานให้คนชอบ
สมาธิ คือ วิศวกร รู้วาระจิต รู้จักน้ำหนัก รู้จักชั่งตวงวัด รู้จักวาระจิตของคนในฐานะเช่นไร ควรทำกับเขาอย่างไร รู้จักกาลเทศะ รู้จักบาป รู้จักบุญ รู้จักคุณ รู้จักโทษ รู้จักสิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ที่วิศวกร
ปัญญา คือ นายช่าง ลงมือทำทันที มิได้รอรีแต่ประการใด
ถ้าใครเป็นทั้งสถาปนิก วิศวกรและนายช่างแล้ว รับรองคนนั้นเอาตัวรอดปลอดภัยในอนาคต บางคนเกิดมาแต่ชาติก่อน นิสัยดีมีปัญญาในโลกมนุษย์นี้ เขาจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ถึงจะเกิดในบ้านยากจนก็สามารถเป็นรัฐมนตรี หรือเป็นใหญ่เป็นโตได้ เพราะสติปัญญาที่สร้างมาแต่ชาติก่อน คนเราก็มีทั้งถูกและแพง มีทั้งเก๊และดี มีทองคำก็มีทองชุบ มีหลวงพ่อทวดก็มีหลวงพ่อเทียบ คนดีหายากคนเก๊เยอะ มีน้อยเหลือเกินที่จะดีเด่นเห็นชัดและเห็นไกล อย่างนี้หายาก ต้องอดทน ต้องฝึกฝนท่านทั้งหลายเอ๋ย จิตนี้ฝึกได้ขยันก็ได้ฝึกให้ทำงานก็ได้ ฝึกให้ขี้เกียจก็ได้
การเจริญวิปัสสนากรรมฐานจะรำลึกชาติได้ รู้กฎแห่งกรรมที่ผ่านมา จะแก้ปัญหากรรมที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าในกิจประจำวันของเราได้ ถ้าใครเจริญวิปัสสนากรรมฐานโดยต่อเนื่อง สร้างความดีให้ติดต่อกัน สร้างความดี ถูกตัวบุคคล ถูกสถานที่ ถูกเวลา ต่อเนื่องกันเสมอต้นเสมอปลายแล้ว คนนั้นจะได้รับผลดี ๑๐๐% และจะเอาดีในชาตินี้ได้แน่นอน ไม่ต้องรอดีถึงชาติหน้า สำคัญที่ทำความดีผิดสถานที่ ผิดตัวบุคคล และผิดกาลเวลาด้วย ไม่ใช่กาลเวลาที่จะต้องทำไปแล้วไปทำ ไม่ใช่กาลเวลาที่จะพูดแล้วไม่พูด มันก็เสียหาย ถ้าเรานั่งสมาธิอยู่หายใจยาวๆ มีกรรมฐานเป็นการพักผ่อนในร่างกายในตัว เช่น ๑ นาทีหายใจ ๑๘ ครั้ง กำลังนอนหลับเหลือ ๑๕ ครั้ง ถ้าเราทำสมาธิปกติเหลือ ๑๕ ครั้ง ก็เหมือนได้หลับไปแล้ว มันไม่อ่อนเพลียละเหี่ยใจแต่ประการใด มันจะเข้าภาวะปกติอย่างดียิ่ง จะมีพลังจิตสูง ต่อสู้กับเหตุการณ์และปัญหาได้ ด้วยการฝึกฝนกรรมฐานนี่แหละเพราะฉะนั้นกรรมฐาน แปลว่า การกระทำให้ฐานกายนี้เป็นที่ตั้งของสติ พอท่านทั้งหลายทำจนได้ดวงตาเห็นธรรมวิเศษบางประการ ได้ศีล สมาธิ ลึกซึ้งในจิตใจ ท่านจะเห็นความดีในจิต
รำลึกถึงบุพการีได้ สามารถรำลึกชาติได้ จะไม่ลืมพ่อ ลืมแม่ ปู่ย่าตายาย ครูบาอาจารย์ จะสนิทสนมกลมกลืนกันกับครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณทั้งหลาย
นักปราชญ์ท่านสอนไว้ว่า ถ้าเราให้อะไรใครจะไม่นับไม่จำ แต่ใครให้อะไรเรา แม้น้ำถ้วยเดียว เราก็กำหนดจดจำไว้ได้ เราจะไม่ลืมบุญคุณของเขา อย่างนี้จะเกิดขึ้นกับนักกรรมฐานที่ซึ้งใจ เพราะเหตุที่เราไม่หวังผลตอบแทน แล้วบุญกุศลจะสนองแก่เราเอง เงินไหลนอง ทองไหลมา จะคิดอ่านทำอะไรก็ได้ผลสำเร็จตามเป้าหมายทุกประการ มีแต่ความเจริญ จะได้อยู่ในแวดวงสิ่งแวดล้อมที่ชื่นใจ ไม่มีการทะเลาะวิวาทกัน จะมีแต่สิ่งที่เป็นมงคลในบ้านนี้
อันนี้บางคนทำได้ยาก เพราะสันดานทำไม่ได้ นิสัยไม่ให้ รูปร่างก็ดีๆ นะ แต่นิสัยไม่ให้ บางคนเข้าใจว่าคนอื่นคงเหมือนเรา และเราเหมือนคนอื่นเขา เหมือนไม่ได้ ! เพราะแตกต่างด้วยกฎแห่งกรรม เหมือนกันไม่ได้ ! การแต่งกายก็ไม่เหมือนกัน บางคนชอบทรงนั้นทรงนี้ ถ้าเคยชอบอย่างไร ไปใช้อย่างอื่นมันก็ไม่พอใจ ไม่สบายใจเป็นที่การฝึก เราเคยทำอย่างนี้แล้วไปทำอย่างนั้นมันก็ทำไม่ได้ ก็ธรรมดา เพราะกฎแห่งกรรมนี้มันแยกประเภทของสรรพสัตว์เหมือนกันไม่ได้ กฎแห่งกรรมสั้นๆ มาจากไหน อาตมาทบทวนได้แล้วขอฝากท่านทั้งหลายไว้ด้วย เราจะดูได้จาก เห็นหนอ ! รู้หนอ คิดหนอ เข้าใจหนอ และกำหนดกิเลสได้ในตัวเรา ธาตุ อายตนะจะโง่หรือฉลาดอยู่ที่ อายตนะ ๖ อยู่ที่.....อินทรีย์ หน้าที่นี้เอง ตา หู จมูก ลิ้น กาย จิต จะโง่หรือไม่โง่ อยู่ที่ตรงนี้
จะฉลาดหรือมีปัญญาอยู่ที่ตา หู.....ทำได้จริงหรือเปล่า กำหนดต่อเนื่องหรือเปล่า เปล่าเลย มันก็ไม่ได้ ก็ได้แค่นั้น ที่กำหนดก็ไม่รู้ด้วย และรู้ไม่จริง ที่ท่านทั้งหลายทำนี่ก็ต้องการเอาเป็นนิสัยปัจจัย เพื่อทำต่อเนื่องต่อไปในอนาคต เพื่อแก้ปัญหาปัจจุบัน จากการกำหนดตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจนี่เอง นี่มันอยู่ตรงนี้ มันโง่หรือฉลาดมันอยู่ตรงนี้เอง ขันธ์ ๕ รูปนามก็อยู่ตรงนี้เองเพราะฉะนั้นการกระทำของแต่ละท่านนี้ เราดูได้จากตัวเรา สังเกตได้จากตัวเรา เจริญกุศลภาวนามีหน่วยกิตครบ เราจะรู้ได้เองว่าตัวเรามีปาณาติบาตติดตัวมา ๖๐% เราจะต้องรับใช้หนี้ในชาตินี้แน่
รับใช้หนี้อะไร ก็หมายความว่าเราจะต้องโดนรถชน เราจะต้องโดนฆ่าตาย เราจะต้องโดนใส่ร้าย มันจะบอกเราเองก่อนที่จะไปบอกคนอื่นเขา อันนี้อาตมาก็ได้ประสบมาเป็นต้น เช่นมีปาณาติบาตฆ่าสัตว์ติดตัวมา ๖๐% เรารู้แจ้งแก่ใจ รู้วันตายว่าจะต้องตายอย่างไร รถชนตาย โดนยิงตาย โดนอุบัติเหตุตาย เป็นต้น
จะโดนง่อยเปลี้ยเสียขา โดนทรมาน โดนหนอนกินจนชีวิตหาไม่ มันจะบอกเหตุการณ์ชัดในตัวเราก่อน
ในเมื่อบอกตัวเราได้ ดูคนอื่นมันก็บอกได้ เราอ่านภาษาอังกฤษที่นี่จบ ไปอ่าน เอ บี ซี ที่ไหน มันก็ต้องผสมสระ ผสมอักษรเข้าแล้วก็แปลความหมายของศัพท์ได้ นั่นแหละเช่นเดียวกัน
เราจะรู้ได้ว่าเห็นหนอ คนนี้มีปาณาติบาตติดมาก็จะรู้ได้เลยว่า กฎแห่งกรรมคนนี้จะต้องเป็นอัมพาต คนนี้ต้องไปอุบัติเหตุ คนนี้ไปโดนรถชนตาย มันบอกชัดนะ มีประโยชน์มากสำหรับผู้ทำได้ มันมีประโยชน์อย่างนี้
ถ้าเราเจริญกรรมฐาน เราจะรู้กฎแห่งกรรมได้ตอนมีเวทนา คนไหนอดทนต่อเวทนาได้ กำหนดผ่านเวทนาได้ เราจะรู้ได้ว่าทุกข์ทรมานที่ผ่านนั้นไปทำกรรมอะไรไว้ มันจะมีกรรมอะไรมาแทรกซ้อน มันจะบอกเราเอง อันนี้มีตัวอย่างที่อาตมาประสบการณ์มามากมาย เช่น อทินนาทาน
เบียดเบียนทรัพย์เขามานะ แล้วก็ไปเบียดเบียนสัตว์ด้วย ทุกอย่างเอาหมดมักได้มักง่าย รุกหัวคันไร่คันนา ลักเงินลักทอง โจรกรรมเล็กๆ น้อย สะสมหน่วยกิตนิสัยไม่ดี นิสัยเคยชินในการลักขโมย ไปเบียดเบียนทรัพย์ เหมือนเศรษฐีมีเงินแล้วไปบ้านเหนือบ้านใต้ ก็ต้องหยิบมีดเขามา หยิบโน่นใส่พกใส่ห่อมา จนได้คือนิสัยสันดาน มีเงินแล้วยังต้องไปลักของเขาอีก ไปเบียดเบียนเขาอีก เบียดเบียนคนจนอีก ทำนองนี้เป็นต้น
กฎแห่งกรรมจะบ่งบอกออกมาเป็นดุจเครื่องคอมพิวเตอร์ว่า คนนี้ได้เงินได้ทองมาแล้วต้องถูกโจรกรรม ต้องถูกคนลัก ตีชิงวิ่งราว มิฉะนั้นไฟจะไหม้บ้าน ไม่เคยผิดแม้แต่รายเดียว อาตมาเคยทายไว้ คนนี้ระวังนะโยมเคยถูกโจรกรรมไหมโยม ไม่ถูกเลยค่ะ ระวังอันเดียวคือไฟไหม้บ้านหมดเนื้อประดาตัว แล้วก็จริงด้วย อันนี้เห็นได้ชัด
นี่แหละท่านทั้งหลาย ทำให้มันจริง จะเห็นจริง ทำไม่จริง จะเห็นจริงได้อย่างไร ต้องเห็นจากตัวเราออกมาข้างนอก เรารู้ตัวว่าเรามีเวรมีกรรมประการใด ก็ใช้หนี้โดยไม่ปฏิเสธทุกข้อหา จิตอโหสิกรรมได้ ยินดีรับเวรรับกรรมได้ โดยไม่มีปัญหาใดๆ
กาเมสุมิจฉาจาร ถ้าเรารู้ตัวเอง นั่งเจริญกุศลภาวนา มันจะบอกว่าอดีตชาติ ไปปู้ยี่ปู้ยำเขามา ชู้สาวนานาประการ ผัวเขา เมียเขา นานาชนิด มีข้อคิดหลายอย่าง
มาในชาตินี้ เราก็มาลำบากลำบนในครอบครัวหาความสุขไม่ได้เลย มีสามีก็เป็นของเขาหมด มีภรรยาก็มีชู้หมด และครอบครัวต้องหายนะ ทะเลาะวิวาทกัน ไม่ใช่คู่สร้างคู่สม กลายเป็นคู่วิวาทกัน และจะต้องแตกแยกหย่าร้างกันไป ถึงจะมีลูกด้วยกันแล้ว มีทั้งเขยสะใภ้แล้วก็ตาม จะต้องแยกกันไปตามกาลเวลา จากการกระทำของเราแน่นอนที่สุดบางท่านเป็นผู้ชายแท้ๆ ปู้ยี่ปู้ยำผู้หญิง ทำให้เขาช้ำอกช้ำใจหลายชาติที่ผ่านมา เกิดมาในชาตินี้ต้องเกิดมาเป็นผู้หญิงโสเภณี ก่อนจะตายต้องให้หนอนกินก่อน มีจริงที่จดไว้หลายราย ถ้าท่านไม่เชื่อลองไปทำดูนะ มีความหมายอย่างนี้
นอกเหนือจากนั้น หลอกลวงโลกหวังเอาลาภเขา หลอกลวงเขาตลอดรายการ พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ เพ้อเจ้อ เลี้ยวลดคดเคี้ยวติดวิญญาณมาในชาตินี้ รับรองอย่าปฏิเสธ ไม่ช้าเราต้องโดนหลอกเอาเงินไป โดนหลอกเอาโน่นไป โดนหลอกเอานี่ไปอย่างแน่นอน ใครเป็นผู้หลอก ผู้ใกล้ชิด ญาติมิตรหรือเพื่อนฝูง เขามาเกิด จะต้องสนองงานในกฎแห่งกรรม ก็มาหลอกเอาของเราไป และเราไม่ต้องติดตามของนั้นแน่นอนที่สุด เพราะเราไปหลอกเขามาก่อนอย่างนี้เป็นต้น
สุราเมรัย เครื่องดองของเมานานาชนิดทุกประการ ถ้าเรานั่งภาวนาเราจะรู้ตัวเองว่า อดีตชาติเราเสพยานี้มาไหม ถ้าติดมา ๖๐% รับรองว่า เรานี้จะไม่ต้องเรียนอะไรเลย เรียนไม่ไหวแล้ว และเป็นโรคปัญญาอ่อน ไปเรียนอะไรก็ไม่จบหลักสูตรมัธยมศึกษา แน่นอนและเป็นความจริงด้วยเราต้องแก้กรรมของเราเสีย อ๋อ ! ปาณาติบาตเมื่อชาติก่อนติดมา เรายังไม่ง่อยเปลี้ยเสียขาในขณะนี้ เราจะต้องรับสนองผลงานในโอกาสหน้า เราก็รีบบำเพ็ญกุศล ด้วยการปฏิบัติกรรมฐาน
เราก็มาบำเพ็ญทานศีลและภาวนา สวดมนต์เป็นนิจ อธิษฐานจิตเป็นประจำ อโหสิกรรมเสียก่อนและเราก็แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่เราไปสร้างกรรมมาครั้งอดีต รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง รู้เท่าทันหรือไม่เท่าทันก็ตาม ถ้ารู้เท่าไม่ถึงการณ์เช่นนี้แล้ว ขอสรรพสัตว์ทั้งหลายจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า มันก็จะน้อยลงไป ยกตัวอย่างอาตมาเป็นต้น
อาตมารู้ตัว ๖ เดือน ก็ขออโหสิกรรมทุกวัน ว่าเราก็ไปหักคอนกมามากหลาย เราก็บอกว่า พ่อนกเอ๊ยตอนที่ข้าพเจ้าเป็นเด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อย่าเอาโทษเราเลย ขอให้โทษเราลดลงไป ให้อภัยโทษเถิด เหมือนให้การกับศาลรับสภาพฉะนั้น ศาลจะเมตตาเราที่ให้ความสะดวกในการพิจารณาของศาล จึงลดโทษลงไปอีก ๖๐% เราอาจจะรอดจากความตายได้ เลยก็เตรียมให้รถชนคอหักหมุนได้ แล้วก็กลับมาใช้เวรกรรมให้สิ้นสุดในชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น ผ่านจากหนักเป็นเบาได้ คือมิได้ปฏิเสธทุกข้อหาด้วยกรรมฐาน แก้กรรมได้อย่างนี้ โดยรู้ตัวของเราเอง
ที่มา