[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
23 พฤศจิกายน 2567 17:35:12 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: "สมิทธิ"เผยจุดจบโลกใกล้มาถึง หลังเผชิญสารพัดภัยพิบัติ โอกาสล่มสลายเร็วกว่าคาด  (อ่าน 2354 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ไอย
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: leet


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 27 เมษายน 2553 18:35:36 »


"สมิทธิ"เผยจุดจบโลกใกล้มาถึง หลังเผชิญสารพัดภัยพิบัติ
โอกาสล่มสลายเร็วกว่าคาด เตือนไทยสึนามิเข้าอีก


ที่โรงแรมดุสิต ปริ้นเซส อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 
นายวิทยา กามนต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน
เปิดการสัมมนาโครงการ "เติมน้ำ ต้านแล้ง" ที่จัดขึ้นโดยหอการค้า
จังหวัดนครราชสีมา โดยมีนักธุรกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้ประกอบการและประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา จำนวนกว่า 200 คน
เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้  โดยทางหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา
ได้เชิญ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ,
อาจารย์ปราโมทย์ ไม้กลัด กรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา และ ดร.ทองเปลว กองจันทร์
ผู้อำนวยการส่วนอุทกวิทยากรมชลประทาน มาเป็นผู้บรรยายให้ความรู้
เกี่ยวกับปัญหาและสาเหตุของการเกิดภัยแล้งในประเทศ รวยมถึงแนวทาง
ในการรับมือและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

ดร.สมิทธ  เปิดเผยว่า

จากสภาพภมิอากาศขณะนี้ สถานการณ์น่าเป็นห่วงอย่างมาก   เพราะใน
บางจังหวัดโดยเฉพาะทางภาคเหนือของประเทศไทย อย่างเช่นที่จังหวัดลำปาง
อุณภูมิสูงถึง 43 องศาเซลเชียส เมื่อ 2 - 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา  ซึ่งถือเป็น
อุณหภูมิที่สูงที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยเผชิญมา  แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์
ภัยแล้งที่กำลังเกิดขึ้นจะเกิดขึ้นในอนาคตว่า สภาพอากาศต่อจากนี้ไป
ของประเทศจะมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง   
เพราะการที่อุณภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเกิน 3 วันขึ้นไปนั้น
ตามหลักวิชาการจะทำให้เกิดคลื่นความร้อน หรือที่เรียกว่า ฮีทเวฟ
ซึ่งคลื่นความร้อนดังกล่าวสามารถทำให้คนที่ได้รับคลื่นความร้อนนี้
ถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กเล็ก  ซึ่งที่ผ่านมา
ก็พบว่า มีผู้เสียชีวิตบ้างแล้ว 


ประธานกรรมการมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวต่อว่า
 
หากสภาพอากาศยังมีลักษณะเช่นนี้ยาวไปถึงปีหน้า ก็จะยิ่งส่งผลกระทบ
ต่อการดำรงชีวิตของประชาชนเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เป็นผลมาจากการที่พลเมืองโลกและการเจริญเติบโตทางด้านอุตสาหกรรม
มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นไปในชั้นบรรยาการศมากเกินไป ไม่เฉพาะ
ในประเทศไทยแต่เป็นอย่างนี้ทั่วโลกส่งผลให้อุณหภูมิที่ห่อหุ้มโลกสูงขึ้น 
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้อันดับแรกทุกคนจะต้องช่วยกัน
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงมาให้ได้มากที่สุด และช่วยกันปลูกต้นไม้
ให้มากขึ้นเพื่อใช้เป็นตัวดูดทรัพย์ก๊าซเรือนกระจกเหล่านั้น  หากทุกคนยัง
ไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้แนวโน้มความรุนแรงของสภาพอากาศจะยิ่งสูงขึ้นอีก
ในปีต่อๆไป โดยเฉพาะในปี 2554 ที่กำลังจะมาถึงจะมีปรากฏการเอลนินโญ่
เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก ก็ยิ่งจะทำให้สภาพอากาศเลวร้ายและประชาชน
จะต้องประสบกับปัญหาภัยแล้งและเผชิญกับคลื่นความร้อนที่รุนแรงมากขึ้นอีก
นอกจากนี้ เหตุการณ์แผ่นดินไหวในหลายประเทศที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ แม้จะไม่ได้
มีสาเหตุมาจากสภาวะโลกร้อน แต่ก็มีแนวโน้มที่ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับ
ปัญหานี้เช่นกัน เนื่องจากมีการพยากรณ์ว่าในระยะเวลาอันใกล้นี้จะเกิดการ
เคลื่อนตัวของเปลือกโลกในมหาสมุทรอินเดีย และทะเลอันดามัน ซึ่งหาก
เกิดขึ้นจริงก็อาจจะเกิดคลื่นสึนามิในบริเวณภาคใต้ฝั่งอันดามันของไทยขึ้นได้
ดังนั้นการจัดทำระบบเตือนภัยต่างๆจึงต้องมีการเตรียมพร้อมไว้อย่างดีและ
ประชาชนเองก็ต้องมีความตื่นตัวที่จะเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจะเกิดขึ้น


ดร.สมิทธฯ กล่าวอีกว่า
 
เหตุการที่เกิดขึ้นทั้งแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดในหลายประเทศนั้น แสดงให้เห็น
ว่าจุดจบของโลกใกล้เข้ามามากขึ้นทุกที ซึ่งมีสถาบันต่างๆจากหลายประเทศ
คาดการณ์ว่าโอกาสที่จะเกิดการล่มสลายของโลกจะเร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ 
นอกจากนี้เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งหากเกิดขึ้น
ใกล้กับประเทศไทยอาจจะทำให้รอยเลื่อนที่มีอยู่ในไทยจำนวน 13 แห่ง
โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดรอยเลื่อนด่านเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรี
ซึ่งเคยมีการเคลื่อนตัวจนทำให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นในอดีต ก็อาจจะได้รับ
ผลกระทบและเกิดขึ้นซ้ำอีกได้
 
 
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน 27/4/53
 

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
แกนโลกพลิก กลับขั้ว " Pole Shift " ในปี 2012 และการช่วยเหลือจาก UFO
รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
หมีงงในพงหญ้า 1 5444 กระทู้ล่าสุด 18 ธันวาคม 2552 15:28:26
โดย AMM
แกนโลกพลิก กลับขั้ว " Pole Shift " ในปี 2012 และการช่วยเหลือจาก UFO
หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
หมีงงในพงหญ้า 5 12199 กระทู้ล่าสุด 11 มกราคม 2553 09:54:20
โดย BOOGIMAN
"ในหลวง" ทรงขอบใจยื่นจดสิทธิบัตร"ยีนความหอมข้าวไทย"
สุขใจ ห้องสมุด
ไอย 0 3138 กระทู้ล่าสุด 30 ธันวาคม 2552 12:07:44
โดย ไอย
คำเตือน !! "เซ็กส์เสื่อม" ของแถม จาก "ออฟฟิศซินโดรม" (มนุษย์บ้างานระวังให้ดี)
สุขใจ อนามัย
หมีงงในพงหญ้า 1 4393 กระทู้ล่าสุด 13 เมษายน 2553 07:47:53
โดย PETER
หนังสั้น "ราตรีสวัสดิ์" เรียกน้ำตาอีกแล้ว (Shortfile - "GoodNight")
หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
Sweet Jasmine 0 3125 กระทู้ล่าสุด 29 เมษายน 2553 14:49:08
โดย Sweet Jasmine
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.356 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 28 ตุลาคม 2567 01:29:47