|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
|
|
« ตอบ #41 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2553 05:16:56 » |
|
อุทิศนา ลอยธรรมะมาลัย ลงสู่โลกอันเบียฬบีฑ์ แผ่ธรรมะรังษี ตามพระพุทธทรงประสงค์ ฯ
มั่นหมายจะเสริมศาสน์ สถาปน์โลกให้อยู่ยง ปลอดภัยพินาศ, คง เป็นโลกศุขสถาพร ฯ
หากแล้งพระธรรมญาณ อันธพาลกลีบร จะครองโลกเป็นอากร ให้เลวลู่สู่เดรัจฉาน ฯ
จะทุกข์ทนทั้งคืนวัน พิฆาตกันบมีประมาณ ด้วยเหตุอหังการ เข้าครองโลกวิโยคธรรม ฯ
บรรษัทพระพุทธองค์ จึ่งประสงค์ประกอบกรรม ตามแนวพระธรรมนำ ให้โลกผองผ่องพ้นภัย ฯ
เผยแผ่พระธรรมทาน ให้ไพศาลพิชิตชัย แปดหมื่นสี่พันนัย อุทิศทั่วทั้งธาษตรี ฯ พุทธทาสภิกขุ ๒๕๒๓ http://www.oknation.net/blog/all-about-rice/2009/07/04/entry-3
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ขม..ค่ะึึ
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 1014
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.0.10
|
|
« ตอบ #42 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2553 12:34:37 » |
|
การอบรมใจให้คุ้นเคยกับความดี ความสงบ เป็นสิ่งควรทำอย่างยิ่งด้วยกันทุกคน ผลที่เกิดตามมานั้นมีค่าหาที่เปรียบมิได้ และความคิดก็เหมือนเด็กที่กำลังหัดว่ายน้ำ
สติ คือ ผู้สอนต้องหาหลักให้โผไปจับไปยึด ไม่ปล่อยให้เด็กโผออกไปกลางน้ำตามลำพังไม่มีที่ยึดเหนี่ยว ก็จะจมน้ำตาย เรื่องราวร้อยแปดคือกระแสน้ำเชี่ยวแรง ใจที่ไม่ได้รับการอบรมให้สงบ คือ ผู้ที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในกระแสน้ำเชี่ยวแรงนั้น
สติ คือ ผู้กำลังสอนเด็กคือใจหรือความคิดให้ว่ายน้ำ สติ ต้องหาหลักให้ใจเกาะ ถ้าปล่อยให้ผลุบโผล่อยู่กลางน้ำเชี่ยวแรงหมุนติ้วอยู่เช่นนั้น ไม่น่าก็จะจมหายไปในกระแสน้ำ สิ้นชีวิต
ทุกคนที่ไม่คุ้นเคยกับการอบรมจิต คือเด็กที่กำลังกระเสือกระสนผลุบโผล่อยู่กลางน้ำเชียว ถ้าไม่มีหลักเกาะไว้ให้มั่นจักจมน้ำตาย การตายเช่นนี้น่ากลัวน่าสลดสังเวชยิ่งกว่าการตายจริงๆ คือน่าสลดสังเวชยิ่งกว่าการหมดลมหายใจ
อันเป็นกฎธรรมดาของทุกสิ่ง มีเกิดต้องมีดับ จึงไม่ใช่เรื่องควรสลดสังเวช แต่การตายแบบที่กล่าวว่าเหมือนผู้ที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำเชี่ยว ไม่หลักยึดเหนี่ยว เมื่อหมดแรงสู้กับกระแสน้ำที่ไม่มีเวลาจะลดความแรงลง ก็ย่อมจะจมลง หายไปในกระแสน้ำ
การตายเช่นนั้นเป็นการตายที่น่าสลดสังเวชที่สุด ความจริงยังมีชีวิตจิตใจอยู่ แต่อยู่อย่างผู้พ่ายแพ้แก่กระแสกิเลสที่สกปรกและท่วมท้น
ผลคือสิ่งที่จมอยู่ในความสกปรกโสโครกนั้น คือใจ ย่อมถูกความสกปรกปิดมิดสนิท ไม่ปรากฏให้เห็นตามความเป็นจริงได้เลย จะเห็นกันก็แต่ความสกปรกพ้นจะบรรยายได้ที่หุ้มใจอยู่เท่านั้น นั่นคือความน่าสลดสังเวชของการตายแบบนี้
: แสงส่องใจ พระพรประทานปีใหม่ ๒๕๓๙ : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก "แสงธรรมสุขใจ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"มิตรภาพที่แสนดี..ทำให้ทุกวินาทีมีความหมายเสมอ"
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
|
|
« ตอบ #43 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2553 15:13:48 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 พฤศจิกายน 2554 00:10:40 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: jpg »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
|
|
« ตอบ #47 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2553 07:49:00 » |
|
สาธุค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ขม..ค่ะึึ
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 1014
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.0.10
|
|
« ตอบ #49 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2553 11:36:55 » |
|
"แสงธรรมสุขใจ" อันเมตตาภิขเวเจโต ย่อมสุขโขแก่ผู้ที่สู่หา วิมุตติมายะย่อมจะพา นิพานาอมฤทธิพิชิตมาร
ทุคคะติโสนะคัจฉะติ มิบานผลิเกิดผู้สู่สงสาร ก่อกำเนิดแก่จิตมิคิดพาล ยากรอนรานแก่ใจมิให้มี
ผู้มีศีลจะปลดกำหนดจิต สมาธิคิดปัญญาพาเกษมศรี ปราศมลทินนอกในไร้ราคี สร้างชีวีพบสุขทุกวันคืน
พูดนั้นง่ายทำยากมากเหลือล้น แต่ละคนอยากได้ไม่คิดฝืน ทั้งรูปรสกลิ่นเสียงมิยั่งยืน รินไหลรื่นเก็บไว้สู่ในทรวง
จนกำเนิดเจ็บตายเวียนว่ายเกิด สิ่งเลอเลิศเพริศแพร้วแนวแมนสรวง ล่อหลอกในห้วงหทัยคล้ายใยยวง สร้างเป็นบ่วงผูกมัดจัดเวรกรรม
ล้วนอวิชชาปรุงแต่งเข้าแฝงไว้ แตกก้านใบรากลึกตรึกจนถลำ จิตคนเราเกิดดับนับครอบงำ เกิดระส่ำยากเข็นลำเค็ญกาย
ตามองรูปเกิดรักประจักษ์สร้าง ตามรูปร่างผลผลิตมิปลิดสลาย หลงจนเพ้อละเมอพร่ำย้ำใจ ยากสลายไว้มิตัดให้ขาดตอน
เป็นสิ่งแรกแฝงไว้ให้กายสร้าง มิลบล้างแปรเปลี่ยนเวียนสลอน ก่อนกำเนิดเป็นมนุษย์สุดร้าวรอน ผ่านขั้นตอนเวรกรรมล้วนนำพา
ความเมตตาปรานีนี้ควรสรรค์ กรุณานั้นปฏิบัติมิกังขา เป็นสิ่งแรกค้นหาแล้วนำมา จิตย่อมล้าต่อเวรเคยเช่นทำ
ไขว่ค้นสิ่งอิงแท้แม้ยากเข็น ย่อมหากเช่นปลดรักมักจะขำ ลึกซ่อนเร้นในห้วงดวงใจจำ เข้างอกงำดุจรากฝากแผ่นดิน
ด้วยสิ่งนี้ฝากไว้ในแดนโลก แล้วเข้าโขกกระทำย้ำหมดสิ้น สร้างเมตตากรุณาเป็นอาจินต์ ย่อมหลีกดิ้นต่อมารผ่านตัวเรา
ตัดความอยากพรากโลภและโกรธหลง ทิฏฐิปลงเยื้อใยที่ใคร่เฉลา ฝึกคำสอนพุทธะมาลดเอา จิตจะเบาละวางสร้างในตัว
เกิดเป็นสุขทุกข์หายมลายสิ้น ย่อมโผผินบินไปไร้สิ่งสลัว อิสสระจะนำไว้ไร้เกรงกลัว สิ่งยวนยั่วหนีหายไร้มลทิน
ค่อยค่อยฝึกแล้วทำน้อมนำจิต หมายพิชิตต่อมารผลาญเสียสิ้น ประภัสสรประเสริฐเลิศอาจินต์ หมดสิ่งถวิลเมตตาพานิพพาน.
*** แก้วประเสริฐ. *** "แสงธรรมสุขใจ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"มิตรภาพที่แสนดี..ทำให้ทุกวินาทีมีความหมายเสมอ"
|
|
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
|
|
« ตอบ #52 เมื่อ: 23 มิถุนายน 2553 13:25:41 » |
|
เหนือทุกข์อันความทุกข์ สอนธรรม มีน้ำหนัก เห็นทายทัก ความทุกข์ สนุกหรือ เธอก็ทุกข์ ฉันก็ทุกข์ สนุกฤา เราต่างคือ คนทุกข์ สนุกอะไร
ทุกข์ให้เป็น จะมองเห็น ความก้าวหน้า เอาทุกข์มา ฝึกฝน อดทนได้ โลกถูกทุกข์ กระแทกกระทำ อยู่ร่ำไป แต่ดวงใจ เราเหนือทุกข์ ไม่ถูกกระทำ
ด้วยปล่อยวาง ว่างเบา มิเศร้าหมอง ทุกข์ก่ายกอง กระซ่านกระเซ็น ไม่เป็นส่ำ ขอพวกเรา จงยอมรับ และกลับลำ ทิ้งความทุกข์ อันมืดดำ แล้วทำดีจากหนังสือ " เจ็บ...แต่ก็...โอเค " จากเวบ... www.prajan.comhttp://www.trytodream.com/index.php?topic=14460.msg37193;topicseen#msg37193
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ขม..ค่ะึึ
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 1014
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.5.9
|
|
« ตอบ #54 เมื่อ: 25 มิถุนายน 2553 15:30:39 » |
|
การรู้ได้จักใครสักคน.... แม้ไม่ต้องพบหน้าแค่พูดคุย ก็เข้าใจความหมายที่มี มิตรภาพที่ดีเป็นสิ่งที่ควรถนอม ควรรักษาไว้ ความเป็นเพื่อน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มีค่า ควรแก่การดูแลด้วยหัวใจ
หลงพ่อจรัญ ท่านเคยสอนว่า "แฟน แปลว่า เย็นใจ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ แฟน ในความหมายของท่าน ไม่ใช่แค่ชายหญิงที่เป็นคู่รักเท่านั้น ท่านบอกเพื่อนกันก็เป็นแฟนกันได้ในความหมายของท่าน ความเย็นใจที่ได้พูดคุย ได้รู้จัก ได้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่กัลยาณมิตร รู้สึกได้ เมื่อใช้หัวใจสัมผัส...แม้แค่ผ่านทางตัวหนังสือ เรื่องเล่าที่ส่งถึงกัน ความรู้สึกดี รู้้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริง อาจไม่ใช่อย่างที่สัมผัสในที่นี้ก็ได้ ในชีวิตจริงดูเหมือนว่า ไม่ค่อยมีคนได้เข้ามาสัมผัสเพื่อนแท้มากนัก"
การไม่อยากเปิดใจให้ทุกคนได้รู้จักเท่าไหร่ แม้ดูfriendlydก็จริง แต่คนทั่วไปก็รู้จักผิวเผิน เราต้องเลือกเพื่อนที่เราอยากรู้จักเอง เลือกคบเอง เลือกคุยเอง เลือกเป็นเพื่อนเอง เพราะหากว่าเป็นคนคุยเก่งในหมู่เพื่อนแล้วเปิดเผยเสมอ ไม่มีความลับต่อกัน ง่ายๆ สบายๆ เล่าเรื่องราวต่างๆได้ จนดูว่าเปิดเผยมากสำหรับความเป็นเพื่อน ให้ความซื่อสัตย์ต่อความเป็นเพื่อนเสมอ
ดังนั้นจึงขอเลือกเพื่อนที่เข้ามาในชีวิตเอง เพราะเราเป็นคนไม่เอาเปรียบใคร ไม่รังแกใคร ไม่มีลับลมคมนัย ใจกว้าง ใจดี มองโลกในแง่ดี จนบางครั้งถูกเอาเปรียบบ่อยๆ ขอเลือกเองนะ...เพราะเพื่อนนั้นสำคัญเสมอ เป็นสิ่งที่ควรด้วยความรัก ด้วยความจริงใจ ด้วยความเข้าใจ...ด้วยหัวใจทีมี ไม่อยากเสียใจกับคำว่า...เพื่อน...ขอเลือกเองนะ...ขอเลือกเอง
ขอบคุณ..เวปธรรมจักร/ลูกโป่ง
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 มิถุนายน 2553 16:03:45 โดย ขม..ค่ะ »
|
บันทึกการเข้า
|
"มิตรภาพที่แสนดี..ทำให้ทุกวินาทีมีความหมายเสมอ"
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
|
|
« ตอบ #55 เมื่อ: 27 มิถุนายน 2553 07:21:25 » |
|
บทสวดนพคุณ ◊ ปวงข้าฯ ขอประณต พระสุคต ศาสดา ผู้ทรง พระเมตตา แก่บรรดา ประชากร
◊ ปวงข้าฯ ไหว้พระธรรม คุณเลิศล้ำ คำสั่งสอน ดับทุกข์ ดับนิวรณ์ ชนนิกร ได้สุขใจ
◊ ปวงข้าฯ นบพระสงฆ์ ผู้ดำรง ธรรมวินัย เป็นกำลัง พระจอมไตร ช่วยแก้ไข ทุกข์ประชา
◊ ปวงข้าฯ กราบพ่อแม่ ผู้ดูแล แต่เกิดมา ควรระวัง ไม่ห่างตา ให้ปวงข้าฯ พ้นทุกข์ภัย
◊ ปวงข้าฯ อภิวาท ผู้ประสาท วิชาให้ คุณครู ทั้งหญิงชาย ศิษย์จำหมาย ชั่วชีวี
◊ ปวงข้าฯ ขอนอบน้อม ผู้เป็นจอม ประชาชี องค์กษัตริย์ ผู้ทรงมี ความปรานี ประชาชน
◊ ปวงข้าฯ จะสำนึก คอยฝนฝึก ดวงกมล ทำดี ทวีผล แนะนำตน สมเป็นไทย
◊ บ้านเมือง เป็นของข้า จะรักษา ตลอดไป สามัคคี มอบกายใจ เพื่อเป็นไทย นิรันดร์เอย...บทสวดเจริญพระพุทธมนต์ จากงาน "หยุดใจ ไว้ที่ธรรม" อธิษฐานจิตเพื่อแผ่นดินไทย นำอธิษฐานธรรมโดย พระอาจารย์อารยะ อารยะวังโส เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน วันเสาร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๓ งานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา ๒๒ - ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ณ พลับพลาพิธี มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร Posted by forgive อนุโมทนาสาธุค่ะ...http://www.oknation.net/blog/tocare/2010/05/23/entry-1
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ขม..ค่ะึึ
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 1014
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.0.10
|
|
« ตอบ #57 เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2553 14:17:44 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 กรกฎาคม 2553 14:21:50 โดย ขม..ค่ะ »
|
บันทึกการเข้า
|
"มิตรภาพที่แสนดี..ทำให้ทุกวินาทีมีความหมายเสมอ"
|
|
|
ขม..ค่ะึึ
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 10
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 1014
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.0.10
|
|
« ตอบ #58 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2553 09:05:04 » |
|
"แสงธรรมสุขใจ" บทสวดมนต์แปล ฉบับสวนโมกข์ ที่ผมติดใจอยู่จนวันนี้บทหนึ่ง ขึ้นต้นว่า
อะเนกะชาติสังสารัง สันธาวิสสัง อะนิพพิสัง… แปลว่า เมื่อเรายังไม่พบญาณ ได้ท่องเที่ยวไปในสงสารเป็นอเนกชาติ…
ทุกขา ชาติ ปุนัปปุนัง… แปลว่า การเกิดทุกคราว เป็นทุกข์ร่ำไป
ในบทสวดนี้ท่านพูดถึงการ แสวงหาอยู่ซึ่งนายช่างปลูกเรือน คือตัณหาผู้สร้างภพ และในที่สุดก็ว่า นี่แน่ะนายช่างปลูกเรือน เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว เจ้าจะทำเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป โครงเรือนทั้งหมดของเจ้าเราหักเสียแล้ว ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว จิตของเราถึงแล้วซึ่งสภาพที่อะไรจะปรุงแต่งไม่ได้อีกต่อไป ความนี้ไพเราะนัก เพราะจิตที่ไม่ปรุงแต่งไปตามอำนาจของตัณหา ก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของกิเลส เมื่อไม่มีตัณหา ก็ไม่มีภพ คือไม่มีการเกิดขึ้นซึ่งความทุกข์ จิตเช่นนี้แหละ คือ ปัญญา ปัญญาที่รู้เท่าทันต่อทุกสรรพสิ่งในทุกสภาพ เมื่อควบคู่กับสติ ปัญญาจะไม่ทำให้เราตกเป็นทาสของมายาทั้งปวง อันแวดล้อมเราอยู่นี้ได้อีกต่อไป
เมื่ออยู่สวนโมกข์นั้น หลังจากบิณฑบาต ผมจะไปนั่งสวดมนต์ทำวัตรเช้า บนศาลาโรงธรรมพร้อมกับพระรูปอื่น ๆ บทที่สวด มีทั้งบาลี และบทแปล และการที่ต้องสวดบทแปลควบคู่ไปทีละวรรคนี้เอง จึงเป็นโอกาสดีให้ได้ขบคิด และทำความเข้าใจในข้อธรรมนั้น ๆ ไปด้วย การได้อยู่คนเดียวเงียบ ๆ ก็ยิ่งช่วยให้เราได้เรียนรู้เรื่องของจิตตัวเองมากขึ้น เพราะการเรียนรู้และการปฏิบัติธรรมนั้นไม่มีเรื่องอื่น นอกจากเรื่องของจิตตัวเดียว จิตของตัวเองนี่แหละ ไม่ใช่เรื่องของกระบวนการ จิตศาสตร์ หรือ จิต ในความหมายทั่วไป หากมุ่งลงมาที่จิตของตัวเองเท่านั้น ไม่มีอะไรนอกไปจากนี้
ที่สวนโมกข์นั้น มีคำพูดกันว่า ต้นไม้พูดได้ ก้อนหินพูดได้ คือ ไม้ทุกต้น หินทุกก้อน จะคุยกับเราได้ทันทีที่จิตเราสงบได้เท่ามัน ผมเคยขึ้นไปนั่งบนเนินเขา และเคยขึ้นไปค้างคืนอยู่คนเดียวบนยอดเขานางเอน ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับสวนโมกข์นั้น เมื่อเริ่มแรกสังเกตดู จิตผมระส่ำระสายและหวั่นไหวมาก มันเปล่าเปลี่ยวและวังเวง มองออกไปไกลๆ เห็นแต่ทิวไม้ลิบ ๆ ต่ำลงไปมีแต่ความเวิ้งว้าง สงัดและวังเวง จนได้ยินเสียงของความเงียบ แล้วจิตก็เริ่มนิ่ง เริ่มสงบ นี่กระมังที่ว่า สิ่งแวดล้อมกำหนดจิต ขณะเดียวกัน เมื่อจิตสงบ มันก็สามารถกำหนดสิ่งแวดล้อมได้ด้วย การที่จิตผมระส่ำระสายหวั่นไหวเมื่อแรกนั้น แสดงว่าสิ่งแวดล้อมกำลังกำหนดจิตผมอยู่ฝ่ายเดียว
จิตผมตกอยู่ใต้อำนาจความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติแวดล้อมที่ข่มให้ผมกลัว กระทั่งระส่ำระสายหวั่นไหว ผมกลัวอะไรหรือ ตอบว่าผมกลัวการอยู่คนเดียว กลัวอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากสิ่งแวดล้อมที่ผมไม่รู้ไม่คุ้นชินกับมัน กลัวสัตว์ร้าย กลัวคนร้าย กลัวงู กลัวเสืออะไรไปตามเรื่อง สรุป ก็คือ กลัวตาย ครั้นจิตเริ่มสงบลง นี่ก็อีก มันสงบได้อย่างไรเล่า ผมเฝ้าใคร่ครวญดู จึงเริ่มรู้ว่า ด้วยผมกำลังคุ้นชินกับมันนั่นเอง ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่คงสงบอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา ตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้ ไม้ใหญ่ก็ยังโอนเอนไหวลม ขอบฟ้าเวิ้งว้างก็ยังคงเวิ้งว้างอยู่อย่างนั้น เปลี่ยนไปแต่แสงแดดที่ค่อยคล้ำมัวสลัวลง และกับจิตผมนั่นเองที่มันเปลี่ยนไป เปลี่ยนจากความระส่ำระสายหวั่นไหวมาเป็นความสงบ จิตเริ่มสงบไปกับความสงัดนั้น ความเงียบ และความคิดอันกึกก้องอยู่ในจิตผมนี่เอง ที่มันกำลังคุยอยู่ เมื่อถึงตรงนี้ผมจึงเริ่มเข้าใจว่า ต้นไม้พูดได้ ก้อนหินพูดได้อย่างไร ก็จิตเรานี่เอง ที่คิดอะไรอยู่ ธรรมชาติแวดล้อมนั่นแหละ ที่มันกำลังกำหนดและกระทำต่อจิตอยู่ เราไม่สามารถคิดอะไรได้เองลอย ๆ โดยปราศจากฐานที่ตั้งของความคิด มันต้องมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งประกอบความคิดเราอยู่เสมอ การได้มีโอกาสลิ้มรสกระบวนทางจิตเหล่านี้มีคุณมหาศาลต่อผม และยังส่งผลมาจนวันนี้ วันที่อะไร ๆ มันดูสับสนวุ่นวาย เต็มอยู่ด้วยการโฆษณาแข่งขัน แต่งถ้อยแต่งจริต มากพิษมากภัยที่ทำให้จิตเราเตลิดเพริดไปได้ง่าย ๆ ทุกวัน ทำอย่างไรเราจึงจะสงบนิ่งอยู่ได้ ในท่ามกลางความผันแปรเหล่านี้ นี่แหละเป็น เคล็ด ถ้าเราสงบนิ่งไม่ได้ จิตเราจะถูกกำหนดโดยสภาพแวดล้อมที่พัลวันวุ่นวายอยู่นี้ นั้นก็คือ เราจะตกเป็นเหยื่อของการโฆษณา เป็นเหยื่อของค่านิยม เราจะฟุ่มเฟือย เราจะลอยไปลอยมากับกิเลสมายาสารพัน
แต่ถ้าเราสามารถสงบนิ่งได้ จิตเราก็จะเป็นฝ่ายกำหนดบ้างละ เราจะรู้จักเลือกสรรต่อการที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสรรพสิ่งสารพันเหล่านี้ เราจะรู้วิธีที่จะจัดการกับมันตามความเหมาะสมกับประโยชน์ในทุกเรื่อง ตรงนี้กระมัง ที่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับจิต ในลักษณะที่เขาเรียกว่าเป็น วิภาษวิธี คือ การต่างกำหนดซึ่งกันและกัน ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับจิต ในอัตราที่เหมาะสม ก่อนอื่นใดทั้งหมด มันต้องเริ่มต้นที่เราต้องหัดเป็นอยู่เรียบ ๆ เงียบ ๆ ง่าย ๆ ด้วยตัวคนเดียว โดยไม่รู้สึกเงียบเหงา ว้าเหว่ เปล่าเปลี่ยว ให้ได้เสียก่อน ผมว่า บุคคลเป็นฉันใด ประเทศชาติบ้านเมืองก็เป็นฉันนั้น คือ ถ้ามันเป็นตัวของตัวเองไม่ได้ มันก็ต้องเป็นทาสเขาร่ำไป
- เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 กันยายน 2553 10:00:21 โดย ขม..ค่ะ »
|
บันทึกการเข้า
|
"มิตรภาพที่แสนดี..ทำให้ทุกวินาทีมีความหมายเสมอ"
|
|
|
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 7493
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0
|
|
« ตอบ #59 เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2553 09:14:27 » |
|
ขอบคุณนะคะ...
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 กรกฎาคม 2553 06:20:11 โดย เงาฝัน »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
กำลังโหลด...