[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
21 ธันวาคม 2567 15:26:43 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สิ่งที่ไม่ควรพูดจงอย่าพูด{ภาษาชาวบ้าน}  (อ่าน 1330 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1921


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 4.0.1 Firefox 4.0.1


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2554 08:39:18 »






ถาม......มีคนเคยบอกว่าการที่เราพูดอย่างไม่คิด - คำพูดนั้นแม้จะเป็นเพียงคำสั้น ๆ

แต่ก็สามารถทำให้เสียมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ไปได้ และได้ศัตรูมาเพิ่มจริงหรือเปล่า ?




ตอบ.......พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง

เป็นเครื่องเตือนที่ดีทุกแง่มุมของชีวิต

รวมไปถึงการพูดด้วยการใคร่ครวญไตร่ตรองให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะพูดอะไรจะทำ

อะไร(ด้วยกุศล)ย่อมเป็นสิ่งที่ดีควรอย่างยิ่งที่จะเป็นอย่างนั้นการพูดเป็นสิ่งที่

สำคัญในชีวิตประจำวัน จำเป็นจะต้องพูดคุยสนทนากับผู้อื่นอยู่เสมอและเป็นที่น่า

พิจารณาว่าในวันหนึ่ง ๆ โดยปกติของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่นั้นย่อมเป็นไปหวั่นไหวด้วย

อำนาจของอกุศลเสียเป็นส่วนใหญ่ตามการสะสมไม่ใช่ว่าจะพูดด้วยกุศลจิตตลอด

บางครั้งก็พูดด้วยอกุศลจิตจึงมีวจีทุจริตเกิดขึ้นค่อนข้างมากในชีวิตประจำวัน

แต่เวลาที่หิริ(ความละอายต่ออกุศลธรรม)โอตตัปปะ(ความเกรงกลัวต่ออกุศลธรรม)
  
มีกำลังมากขึ้นก็จะทำให้พูดสิ่งที่ดีเพิ่มขึ้น ซึ่งแต่ก่อนอาจจะพูดไปโดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้น

จะเป็นโทษเป็นภัยอย่างไรแต่เวลาที่หิริโอตตัปปะเกิดขึ้นจะทำให้พิจารณาเห็นได้

ว่าสิ่งใดที่ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ก็สามารถที่จะเว้นไม่พูดในขณะนั้นได้    

ไม่ได้ห้ามการพูดไม่ใช่ไม่ให้พูดพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า สิ่งใดที่พูดไป

แล้วแม้จะเป็นเรื่องจริงเป็นการเพิ่มอกุศลให้กับทั้งคนพูดและคนฟังก็ไม่ควรพูด

แต่ถ้าสิ่งใดเมื่อพูดไปแล้วเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นแห่งกุศลธรรมควรพูดแต่จะ

เป็นไปได้มากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและเห็นประโยชน์

แต่ละบุคคลมีความประพฤติเป็นไปตามการสะสมถึงแม้ว่าเราจะพูดดีให้คำแนะ

นำที่ดีพูดความจริงให้เห็นโทษของอกุศลให้เห็นคุณของกุศล เป็นต้นแต่บุคคลนั้น

ไม่รับฟังไม่เห็นด้วยไม่ชอบก็มีแสดงว่าเขาเป็นศัตรูกับเราเพราะขณะนั้นเขา

เป็นอกุศลแต่เราจะไม่เป็นศัตรูของเขาคือไม่เป็นอกุศลไม่โกรธแ่ต่พร้อมเสมอ

ที่จะมีเมตตาเกื้อกูลเท่าที่จะเป็นไปได้หรือถ้าจะมองในทางกลับกันถ้าเป็นบุคคล

ที่สะสมมาดีเป็นบัณฑิตมีจิตน้อมไปในทางที่เป็นกุศลอยู่เสมอ เมื่อเราพูดผิดพูด

ไม่ดีก็จะไม่ถือโทษโกรธในความผิดดังกล่าวพร้อมที่จะให้อภัยและแนะนำให้เห็น

โทษดังกล่าวด้วยแต่ละบุคคลจึงเป็นแต่ละหนึ่งจริง ๆ

พระธรรม เป็นเรื่องของการขัดเกลากิเลสไม่ใช่การเพิ่มกิเลสเพราะฉะนั้น

ถ้าพิจารณาเห็นว่าสิ่งใดเป็นโทษไม่เป็นประโยชน์ก็ควรจะงดเว้นในสิ่งนั้นแล้ว

เจริญกุศลธรรมในชีวิตประจำวันมีการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม เป็นต้นความ

เข้าใจพระธรรมจะเป็นเครื่องปรุงแต่งให้มีความประพฤติที่ดีงามทั้งทางกาย - ทางวาจา

และทางใจ...........................................




พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม 2 หน้าที่ 442



รัก๓.สุตสูตร รัก



ว่าด้วยสิ่งที่ควรกล่าวและไม่ควรกล่าว

{๑๘๓}สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหาร -

เวฬุวันกลันทกนิวาปสถานใกล้พระนครราชคฤห์ครั้งนั้นแลวัสสการ -

พราหมณ์ผู้เป็นมหาอำมาตย์ในแคว้นมคธเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่

ประทับได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึก

ถึงกันแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระ -

ภาคเจ้าว่าพระโคดมผู้เจริญข้าพเจ้ามีวาทะอย่างนี้มีทิฏฐิอย่างนี้ว่าผู้ใด

ผู้หนึ่งย่อมกล่าวสิ่งที่ตนเห็นว่าเราเห็นอย่างนี้โทษแต่การพูดนั้นไม่มีผู้ใด

ผู้หนึ่งย่อมกล่าวสิ่งที่ตนได้ฟังมาว่าเราได้ฟังมาอย่างนี้โทษแต่การพูดนั้น

ไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งย่อมกล่าวสิ่งที่ตนทราบ(ทางจมูก ลิ้น กาย)ว่าเราทราบ

อย่างนี้โทษแต่การพูดนั้นไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งย่อมกล่าวสิ่งที่ตนรู้แจ้ง(ทางใจ)

ว่าเรารู้แจ้งอย่างนี้โทษแต่การพูดนั้นไม่มี

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าดูก่อนพราหมณ์เราไม่กล่าวสิ่งที่เห็น

ทั้งหมดว่าควรกล่าวและไม่กล่าวสิ่งที่เห็นทั้งหมดว่าไม่ควรกล่าวเราไม่

กล่าวสิ่งที่ได้ฟังทั้งหมดว่าควรกล่าวและไม่กล่าวสิ่งที่ได้ฟังทั้งหมดว่าไม่

ควรกล่าวเราไม่กล่าวสิ่งที่ทราบทั้งหมดว่าควรกล่าวและไม่กล่าวสิ่งที่

ทราบทั้งหมดว่าไม่ควรกล่าวเราไม่กล่าวสิ่งที่รู้แจ้งทั้งหมดว่าควรกล่าว

และไม่กล่าวสิ่งที่รู้แจ้งทั้งหมดว่าไม่ควรกล่าวดูก่อนพราหมณ์แท้จริง

เมื่อบุคคลกล่าวสิ่งที่ได้เห็นอันใดทำให้อกุศลธรรมเจริญขึ้นกุศลธรรม

เสื่อมไปเรากล่าวสิ่งที่ได้เห็นเห็นปานนั้นว่าไม่ควรกล่าวแต่เมื่อบุคคล

กล่าวสิ่งที่ได้เห็นอันใดทำให้อกุศลธรรมเสื่อมไปกุศลธรรมเจริญขึ้นเรา

กล่าวสิ่งที่ได้เห็นเห็นปานนั้นว่าควรกล่าวดูก่อนพราหมณ์เมื่อบุคคลกล่าว

สิ่งที่ได้ฟังมาอันใดสิ่งที่ได้ทราบอันใดสิ่งที่รู้แจ้งมาอันใดทำให้อกุศล

ธรรมเจริญขึ้นกุศลธรรมเสื่อมไปเรากล่าวสิ่งที่ได้ฟังมาเห็นปานนั้น

สิ่งที่ได้ทราบมาเห็นปานนั้นสิ่งที่รู้แจ้งเห็นปานนั้นว่าไม่ควรกล่าวแต่

เมื่อบุคคลกล่าวสิ่งที่ได้ฟังมาอันใดสิ่งที่ได้ทราบมาอันใดสิ่งที่รู้แจ้ง

อันใดทำให้อกุศลธรรมเสื่อมไปกุศลธรรมเจริญขึ้นเรากล่าวสิ่งที่ได้ฟังมา

เห็นปานนั้นสิ่งที่ได้ทราบมาเห็นปานนั้นสิ่งที่รู้แจ้งเห็นปานนั้นว่า

ควรกล่าวครั้งนั้นแลวัสสการพราหมณ์มหาอำมาตย์ในแคว้นมคธชื่นชม

อนุโมทนาภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้าลุกจากอาสนะแล้วหลีกไป




(:LOVE:)จบสุตสูตรที่ ๓ รัก



พึงพิจารณาวาจาที่จะพูด{จูฬราุหุโลวาทสูตร}



พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม 2 ภาค 1 หน้าที่ 267



{๑๓๐}ดูก่อนราหุลเธอปรารถนาจะทำกรรมใดด้วยวาจาเธอพึง

พิจารณาวจีกรรมนั้นเสียก่อนว่าเราปรารถนาจะทำกรรมใดด้วยวาจาวจีกรรม

ขอเรานี้พึงเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้างเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้างและเพื่อ

เบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้เป็นอกุศลมีทุกข์เป็นกำไรมีทุกข์

เป็นวิบากกระมังหนอถ้าเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่าเราปรารถนาจะทำ

กรรมใดด้วยวาจาวจีกรรมของเรานี้พึงเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้างเพื่อ

เบียดเบียนผู้อื่นบ้างและเพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้เป็น

อกุศลมีทุกข์เป็นกำไรมีทุกข์เป็นวิบากดังนี้ไซร้วจีกรรมเห็นปานนั้น

เธอไม่ควรทำโดยส่วนเดียวแต่ถ้าเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่าเราปรารถนา

จะทำกรรมใดด้วยวาจาวจีกรรมของเรานี้ไม่พึงเป็นไปเพื่อเบียดเบียนคนบ้าง

เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้างและเพื่อเบียดเบียนทั้งคนและผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้

เป็นกุศลมีสุขเป็นกำไรมีสุขเป็นผลดังนี้ไซร้วจีกรรมเห็นปานนั้นเธอ

ควรทำดูก่อนราหุลแม้เมื่อเธอกำลังทำกรรมด้วยวาจาเธอก็พึงพิจารณา

วจีกรรมนั้นแหละว่าเราทำอยู่ซึ่งกรรมใดด้วยวาจาวจีกรรมของเรานี้ย่อม

เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้างเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้างและเพื่อเบียดเบียน

ทั้งตนและผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้เป็นอกุศลมีทุกข์เป็นกำไรมีทุกข์เป็นวิบาก

กระมังหนอถ้าเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่าเราทำอยู่ซึ่งกรรมใดด้วยวาจา

วจีกรรมของเรานี้ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นและ

เพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นวจีกรรมนี้เป็นอกุศลมีทุกข์เป็นกำไรมีทุกข์

เป็นวิบากดังนี้ไซร้ธอพึงเลิกวจีกรรมเห็นปานนั้นเสียแต่ถ้าเธอพิจารณาอยู่

พึงรู้อย่างนี้ว่าเราทำอยู่ซึ่งกรรมใดด้วยวาจาวจีกรรมของเรานี้ย่อมไม่เป็น

ไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้างเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้างและเพื่อเบียดเบียนทั้งตน

และผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้เป็นกุศลมีสุขเป็นกำไรมีสุขเป็นวิบากดังนี้ไซร้

เธอพึงเพิ่มวจีกรรมเห็นปานนั้นดูก่อนราหุลแม้เธอทำกรรมด้วยวาจาแล้ว

เธอก็พึงพิจารณาวจีกรรมนั้นแหละว่าเราได้ทำแล้วซึ่งกรรมใดด้วยวาจาวจี -

กรรมของเรานี้ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้างเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง

เพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้เป็นอกุศลมีทุกข์เป็นกำไรมี

ทุกข์เป็นวิบากกระมังหนอถ้าเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่าเราได้ทำแล้ว

ซึ่งกรรมใดด้วยวาจาวจีกรรมของเรานี้ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้างเพื่อ

เบียดเบียนผู้อื่นบ้างเพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้เป็นอกุศล

มีทุกข์เป็นกำไรมีทุกข์เป็นวิบากดังนี้ไซร้วจีกรรมเห็นปานนั้นเธอพึงแสดง

เปิดเผยทำให้ตื้นในพระศาสนาหรือในเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายผู้วิญญู

ครั้นแล้วพึงสำรวมต่อไปแต่ถ้าเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่าเราได้ทำแล้ว

ซึ่งกรรมใดด้วยวาจาวจีกรรมของเรานี้ย่อมไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง

เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้างเพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้เป็น

กุศลมีสุขเป็นกำไรมีสุขเป็นวิบากดังนี้ไซร้เธอพึงมีปีติและปราโมทย์

ศึกษาในกุศลธรรมทั้งกลางวันและกลางคืนอยู่ด้วยวจีกรรมนั้นแหละ




(:LOVE:)เป็นกุศลก็ไม่พ้นจากสังสารวัฎฎ์ รัก



ตราบใดที่ยังมีสังสารวัฎฎ์ก็ไม่พ้นกรรมตั้งแต่ขณะเกิด

เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีกรรมก็ไม่ต้องเกิด แต่ละคนเกิดมาต่างกัน

เพราะกรรมต่างกันกรรมนั้นมีทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม

อกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วสามารถให้ผลได้เมื่อยังมีสังสารวัฎฎ์

เมื่อกลัวผลของอกุศลกรรม

ก็ควรเจริญกุศลกรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้

โดยเฉพาะกุศลกรรมที่จะทำให้พ้นจากสังสารวัฎฎ์

เพราะเมื่อยังเป็นกุศลกรรมที่ทำแล้วก็ไม่พ้นจาก{สังสารวัฎฎ์}




ข้อมูนี้มาจากมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาบ้านธัมมะ 136 หมู่ 5 ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 50230



ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ประธานมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

จะเดินทางมาร่วมสนทนาธรรมที่บ้านธัมมะเชียงใหม่

วันที่ ๑๔ - ๑๕ - ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๔

ท่านสามารถเข้าร่วมการสนทนาและถามปัญหา

ตามวันเวลาต่อไปนี้

วันอังคารที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๔

เวลา ๑๔:๐๐-๑๖:๓๐ น.

วันพุธที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๔

เวลา ๐๙:๓๐-๑๒:๐๐ น.ที่บ้านธัมมะ

และเวลา ๑๓:๓๐ - ๑๖:๐๐ น. ที่ห้องประชุมเดชะตุงคะ กองบิน 41

วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๔

เวลา ๐๙:๓๐ - ๑๒:๐๐ น.

มีอาหารกลางวันจัดไว้สำหรับทุกท่าน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ..

มูลนิธิ ฯ 02 - 4680239 และบ้านธัมมะ 053 - 431678




My Blog...........http://7star2011.wordpress.com



<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 576px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-mplayer2" src="http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/07.%20Track%207.wma" width="800px" height="576px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" ShowControls="True" autostart="false" autoplay="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/07.%20Track%207.wma" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/07.%20Track%207.wma</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 พฤษภาคม 2554 08:50:25 โดย 時々sometime » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

คำค้น: อย่า 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.685 วินาที กับ 30 คำสั่ง

Google visited last this page 16 พฤศจิกายน 2567 10:04:14