สู่ถ้ำโพธิสัตว์‘ตั๊กม้อ’ปฏิสันถารกับพระจีน(ตอน๘) ปุจฉา : กราบนมัสการหลวงพ่อพระอาจารย์อารยะวังโส
โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส
ตามที่ทราบว่า หลวงพ่อได้เดินทางไปเจริญสมณธรรมที่ถ้ำปรมาจารย์ตั๊กม้อ วัดเส้าหลิน ประเทศจีน จึงใคร่ขออาราธนาให้เล่าเรื่องราวจากประสบการณ์ เพื่อเป็นแนวทางศึกษาปฏิบัติของสาธุชน และจะได้ร่วมอนุโมทนาในการบำเพ็ญกุศลครั้งนี้ด้วย
เคารพอย่างสูง
อารีย์ เตชะหรูวิจิตร
ผู้พิพากษา หัวหน้าคณะศาลอุทธรณ์กลาง
วิสัชนา : พระสงฆ์จีน ถ้าเป็นธรรมะ ก็จะถือว่าเป็นธรรมะขั้นสูงสุดแล้ว คือถ้ามีแล้วถือว่าเป็นกฎแห่งธรรมชาติแล้ว ถ้าจะมีต้องมีอยู่ตลอดแล้ว ถ้าเราไปฝึกบำเพ็ญแล้วจะได้อะไร ถ้ามีก็มีอยู่แล้ว ถ้าเราไม่บำเพ็ญ ก็อยู่เหมือนเดิม
หลวงพ่อ : ถามว่าวันนี้ฉันข้าวอิ่มไหม !!
พระสงฆ์จีน : ตามอัธยาศัย ไม่มีอิ่มหรือไม่อิ่ม !!
หลวงพ่อ : ถามต่อว่า พรุ่งนี้จะต้องฉันข้าวต่อไหม !!
พระสงฆ์จีน : พรุ่งนี้ยังไม่มา เพราะฉะนั้น ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน !!
หลวงพ่อ : เรื่องนี้ต้องรู้ ไม่รู้ไม่ได้ เพราะพรุ่งนี้กับวันนี้ คือวันเดียวกัน ต้องตอบว่าฉันไหม พรุ่งนี้ !!
พระสงฆ์จีน : พรุ่งนี้ เมื่อก่อน วันนี้ ก็ไม่มีแตกต่าง !!
หลวงพ่อ : เพราะฉะนั้น พรุ่งนี้ วันนี้ ไม่แตกต่างกัน ก็ต้องทำเป็นปกติ เมื่อวันนี้ทำดี พรุ่งนี้ก็ต้องทำดี นั่นเป็นคำตอบอยู่แล้ว ตอบถูกแล้ว !!
พระสงฆ์จีน : ถามว่าแบบจั๋งเหล่า เข้ากรรมฐานนานที่สุดกี่ชั่วโมง
หลวงพ่อ : จากที่เคยปฏิบัติในอดีต เมื่อไม่มีภาระมากนัก วันหนึ่งออกจากสมาธิหนึ่งครั้ง ออกมาล้างหน้าล้างตา แล้วเจริญภาวนาต่อไปจนถึงเย็น (สมัยอาศัยอยู่กับหลวงปู่ขานฯ ณ วัดป่าบ้านเหล่าฯ) เมื่อปฏิบัติหนักๆ เช้าต่อเย็น เย็นออกมา เช้าต่อค่ำยาว ดูข้างในมากกว่าว่าพอเหมาะแค่ไหน และเปลี่ยนอิริยาบถให้พอเหมาะกับการเดินจงกรม เดินสมาธิ หรือผ่อนคลายด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนี้ แล้วแต่เวลาหรือการเดินทาง ตามความเหมาะสม ถ้าอยู่แบบนี้ ก็ทำแบบนี้ตลอด แต่ในวันหนึ่งต้องมีการเจริญธรรม ช่วงบ่ายไม่ต้องเจอกันเลย ไปออกตอนเย็น ทำวัตร เมื่อทำวัตรเสร็จตอนค่ำก็อีกรอบ แต่ปกติอยู่กับการเจริญธรรม ต้องเขียนหนังสือ ค้นคว้า ต้องตอบปัญหา หรือถ้าอยู่กับคน ก็ต้องตอบปัญหาธรรมะอยู่แล้ว เป็นการอยู่ตลอดเป็นปกติอยู่แล้ว ทั้งหลับตาและลืมตา
พระสงฆ์จีน : มีพระเกจิ ซึ่งปัจจุบันไม่อยู่แล้ว นั่ง ๖ วัน ๖ คืน ยังสบายอยู่ ยังอยู่กับใจ ไม่หลับ และเคยมีเพื่อนคนที่ฝึกด้วยกันและไปเข้ากรรมฐานที่เมืองไทย เพื่อนสามารถนั่งบนหัวกำแพง ๑ วัน ๑ คืน มีลมฝน ก็ไม่มีปัญหา
หลวงพ่อ : เป็นไปได้ มีผู้ปฏิบัติ ก็แล้วแต่การฝึกฝน เจตนาการนั่ง ผู้นั่งตั้งเจตนา ตั้งสัจจะไว้ เขาก็ทำได้ เหมือนหลวงพ่อ ตั้งจิตจนถึงครบ ๙ คืน ก็ทำตามสัจจะ แล้วแต่การตั้งจิต จิตมีพลังอำนาจ ส่วนใหญ่ก็ไม่เกิน ๗ วัน ตามที่ว่า ร่างกายจะผ่อนให้แค่ ๗ วัน
พระสงฆ์จีน : มีความตั้งมั่นอยากจะฝึกปฏิบัติ ถ้ามีใครฝึกแบบนี้ ก็จะออกจากเส้าหลิน คือ ไปตามฝึก ๒๓ ปี เพื่อให้ได้
หลวงพ่อ : อยู่เส้าหลินดีแล้ว ที่ประเทศไทยขณะนี้กำลังทำศูนย์พัฒนาการปฏิบัติของพระนานาชาติ ซึ่งจะเป็นพระจากอินเดีย จากชมพูทวีปมา และก็เป็นการปฏิบัติแบบเต็มรูปแบบ แบบพระป่า ถ้ามีโอกาสจะเชิญไปร่วม ให้ไปร่วมได้ เป็นศูนย์การปฏิบัติ กำลังจะเตรียมการอยู่ เป็นอาจารย์ใหญ่ให้ มีแบบปฏิบัติตามที่ว่า เป็นผู้อำนวยการสถาบัน ไปได้ ไปเรียนรู้
พระสงฆ์จีน : จริงๆ แล้ว ก็ไม่ได้ถึงขั้นนี้ แต่มีที่มณฑลอันเฟ่ย มีเพื่อนนั่ง ๘ ชั่วโมง ไม่ขยับสักนิด แต่ไปในระดับหนึ่งแล้ว ไปไหนไม่ได้ตอนนี้ คือมีปัญหาว่า อยู่ระดับหนึ่งไปต่อไม่ได้
หลวงพ่อ : คือเมื่อกี้ที่อธิบายว่า การนั่งสมาธิมี ๒ ส่วน คือ กรรมฐานสมาธิที่เกิดจากความสงบ กับสมาธิที่ไปสู่ปัญญา ตามเบื้องต้นที่คุยตรงนี้ จะนั่งกี่ชั่วโมงกี่วัน ถ้าติดที่ความสงบ จะไปไม่ได้ มันไม่สามารถไปสู่ปัญญาได้ มันติด
พระสงฆ์จีน : อยากจะได้เคล็ดลับพิเศษที่ให้เข้าฌานได้เร็วๆ
หลวงพ่อ : หลวงพ่อได้สาธิตให้ดู และอธิบายถึงการทำฌานที่เข้าได้เร็ว หนึ่งตาเพ่งอยู่ข้างหน้า รวมอยู่ที่จุดจุดหนึ่งที่หลังมือ อยู่ในระดับสายตา สองมือวางลงและยังมองอยู่ที่จุดนั้นอยู่ และหลับตาลง ขณะนี้จิตเขารวมเพ่งอยู่ที่จุดนี้ จุดหลังมือ จะไม่ไกลและไม่ใกล้เกินไป และวิตก วิจาร ปีติ จิตจะเลื่อน เร่งคำบริกรรมข้างในจิต แรงๆ เต็มที่ หยุด ดึงขึ้น ๓ จาก ๒ ไป ๓ จิตมี ๔ ขั้น จาก๒ ไป ๓ เพ่งอยู่ข้างหน้า ปรับหน้าตรง ขอความนิ่ง ทุกคนอยู่ในความสงบ มันสั้นและเร็วมาก ถ้าทำเป็น ที่ถามว่า ๒๓ วัน ไม่ยาก
http://www.posttoday.com/ธรรมะ-จิตใจ/ธรรมส่องโลก/91818/สู่ถ้ำโพธิสัตว์‘ตั๊กม้อ’ปฏิสันถารกับพระจีน-ตอน๘-