[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
21 ธันวาคม 2567 18:57:29 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สิ่งต่างๆ ในโลกนี้เสื่อมหมดแม้แต่ร่างกายของเรา : พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต  (อ่าน 1211 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Maintenence
ผู้ดูแลระบบ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 1117


[• บำรุงรักษา •]

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 76.0.3809.100 Chrome 76.0.3809.100


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 14 สิงหาคม 2562 09:03:07 »

.


                 พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

“สิ่งต่างๆ ในโลกนี้เสื่อมหมดแม้แต่ร่างกายของเรา”
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี


พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับจิตใจของพวกเรา จิตใจนี้พระพุทธเจ้าทรงบอกว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดยิ่งกว่าสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้ เพราะไม่มีอะไรให้ความสุขเท่ากับใจให้ความสุข ความสุขจากใจนี้เป็นความสุขที่สูงสุดที่มีน้ำหนักมากที่สุด และในทางตรงกันข้ามความทุกข์ของใจก็เป็นความทุกข์ที่ที่หนักที่สุด ที่ทุกข์ที่สุดก็คือความทุกข์ทางใจ ดังนั้น เราต้องมาดูแลใจของเรามาศึกษาใจของเราให้รู้ว่าอะไรทำให้ใจของเราสุข อะไรทำให้ใจของเราทุกข์ ถ้าเราไม่ศึกษาเราจะไม่รู้และเราจะทำตรงกันข้ามกับความเป็นจริง คือเราจะทำความทุกข์ให้กับใจเพราะเราคิดว่าเป็นการสร้างความสุขให้กับใจกัน เรียกว่า “ความหลง” ความหลงที่คิดว่าการกระทำแบบนี้จะทำให้เกิดความสุขทางใจ แต่ผลมันกลับทำให้เกิดความทุกข์ทางใจ ถ้าเราไม่ได้มาศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เราจะไปทำสิ่งต่างๆ ที่คิดว่าจะทำให้เรามีความสุขกัน แต่ทำไปแล้วทำไมเราต้องไปเจอความทุกข์กัน ก็เพราะว่าวิธีการหาความสุขของพวกเรานั้นมันไม่ได้เป็นวิธีหาความสุขที่แท้จริง เป็นการหาความสุขที่มีความทุกข์คอยตามมาอยู่เรื่อยๆ นั่นเอง ความสุขต่างๆ ที่พวกเราหากันก็คือความสุขที่พวกเราหาผ่านทางร่างกายนี้เอง เราใช้ร่างกายเป็นเครื่องมือหาความสุขต่างๆ สิ่งที่ร่างกายหาความสุขให้กับเราก็คือหาลาภยศสรรเสริญ หารูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ มาให้เราได้สัมผัสได้รับรู้ได้ครอบครอง

พอเราได้ลาภยศสรรเสริญ ได้รูปเสียงกลิ่นรสต่างๆ ที่ถูกใจก็เกิดความสุขขึ้นมาในใจของเรา แต่เราไม่ได้มองไปว่าหลังจากที่ได้มาแล้วความสุขนั้นจะอยู่กับเราได้นานสักเท่าไหร่ จะอยู่กับเราไปตลอดหรือไม่ ถ้าเราสังเกตดูเราจะเห็นว่าความสุขต่างๆ ที่เราหาได้จากลาภยศสรรเสริญ จากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะมักจะจางหายไปหลังจากที่เราได้มาไม่นาน แล้วเวลาที่เราสูญเสียความสุขจากสิ่งต่างๆ ไป ความทุกข์ก็จะเข้ามาแทนที่ เวลาเราสูญเสียของที่เรารักไป เวลาที่เราสูญเสียบุคคลที่เรารักไป เวลาที่เราสูญเสียสิ่งต่างๆ ที่เรารักไป ความรู้สึกไม่สบายใจความทุกข์ใจก็ตามมา ความทุกข์ใจนี้เกิดจากการที่เราไปหาสิ่งต่างๆ ที่เราคิดว่าจะให้ความสุขกับเรา แต่เราไม่รู้ว่าเป็นความสุขปลอม เป็นความสุขที่มีความทุกข์ซ่อนอยู่ เวลาได้มาใหม่ๆ เราก็ดีอกดีใจกัน แต่พอเราได้มาแล้วไม่นาน สิ่งที่เราได้มาก็จะเริ่มสร้างความไม่สบายใจให้กับเรา เพราะว่าสิ่งที่เราได้มาเราจะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอน ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนไปเมื่อไหร่หมดไปเมื่อไหร่ จะจากเราไปเมื่อไหร่ พอเราได้สิ่งที่เรารักเราชอบมา เราก็มักจะหวงมักจะห่วง แล้วก็มักจะเสียดายเสียใจเวลาสิ่งที่เรารักเราชอบนั้นจากเราไป นั่นเป็นเพราะว่าเราไม่ได้ศึกษาธรรมชาติของสิ่งต่างๆ ที่เราคิดว่าจะให้ความสุขกับเรา ว่ามันเป็นสิ่งที่เที่ยงหรือไม่เที่ยง เป็นสิ่งที่จะให้ความสุขอย่างเดียวหรือจะมีความทุกข์ตามมา เป็นสิ่งที่เราสามารถรักษาเก็บเอาไว้เป็นสมบัติของเราไปได้ตลอดหรือไม่ นี่คือสิ่งที่เรามักจะไม่ศึกษากันไม่ดูกัน ไม่ถามว่าสิ่งเหล่านี้เป็น “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” หรือไม่ ถ้าเราลองถามดูสักหน่อย เราก็จะเห็นว่ามันเป็นอนิจจังเป็นทุกขังเป็นอนัตตา

นี่คือเรื่องของพวกเราที่ขาดปัญญาขาดสัมมาทิฏฐิขาดความเห็นที่ถูกต้อง ไม่เห็นว่าสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ที่เราหากันมาให้ความสุขกับเรานี้ล้วนเป็น “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” ทั้งนั้น “อนิจจัง” ก็คือไม่เที่ยงแท้แน่นอนมีการเปลี่ยนแปลง มีการเจริญมีการเสื่อม มีการเกิดมีการดับ มีการมามีการไป เวลาไปก็ทำให้เราทุกข์กัน เวลาเสื่อมก็ทำให้เราทุกข์กัน เวลาดับก็ทำให้เราทุกข์กัน แล้วเราก็ห้ามเขาไม่ได้เขาเป็น “อนัตตา” คือไม่ใช่ของเราไม่อยู่ภายใต้อำนาจของเราที่จะไปสั่งให้เขาอยู่กับเรา สั่งให้เขาให้ความสุขกับเราไปตลอดเวลาได้นั่นเอง ลองพิจารณาดูทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีอยู่นี้ มีอะไรที่เที่ยงแท้แน่นอนบ้าง ไม่ช้าก็เร็วมันจะต้องมีการเสื่อมมีการเปลี่ยนไปมีการสิ้นสุดลง เพียงแต่ว่ามันอาจจะช้าหรือเร็วต่างกันไป บางสิ่งบางอย่างก็เปลี่ยนช้าเสื่อมช้า บางสิ่งบางอย่างก็เปลี่ยนเร็วเสื่อมเร็ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนี้มีคุณสมบัติเหมือนกันทั้งนั้น คือมีไตรลักษณ์เป็นคุณสมบัติมี ”อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” เป็นคุณสมบัติถ้าเราศึกษากันอย่างจริงจัง คอยสังเกตดูคอยพิจารณาดูจะเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นจะต้องมีการเสื่อมมีการหมดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ ไม่มีอะไรที่เป็นเหมือนเดิม สิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในวันนี้อีก ๕ วัน อีก ๑๐ วันข้างหน้านี้มันก็เสื่อมไปตามกาลตามเวลา ของบางอย่างก็เสื่อมเร็ว บางอย่างก็เสื่อมช้า เช่น พวกอาหารนี้เสื่อมเร็ว เก็บไว้ได้วันเดียวก็อาจจะบูดจะเน่าแล้ว ของบางอย่างก็เก็บไว้ได้นานหน่อย เช่น พวกยานี้ก็ใช้เวลานานหน่อยกว่าจะเสื่อม ยาก็มีใบกำกับยาเขียนบอกไว้ว่าต้องใช้ก่อนวันที่นั้นวันที่นี้ ก็เพราะว่าคุณภาพของมันเสื่อมลง นับตั้งแต่วันที่ออกมาจากโรงงาน มันมีคุณภาพเต็มร้อย แต่พอทิ้งเอาไว้เวลาผ่านไปคุณภาพของมันก็จะด้อยลงไปๆ พอถึงวันหมดอายุนี้ก็แสดงว่าคุณภาพหมดแล้ว ถ้ากินก็ไม่ได้รับประโยชน์อาจจะได้รับโทษเพราะมันเสื่อม

นี่คือสิ่งต่างๆ ในโลกนี้เสื่อมหมดแม้แต่ร่างกายของเราก็เสื่อมเราใช้ร่างกายของเราเป็นเครื่องมือหาความสุขต่างๆ เราต้องมีร่างกายเราถึงจะไปหาข้าวของเงินทองต่างๆมาใช้มาดูมาฟังมาเล่นมาทำอะไรกับมันได้ แต่ร่างกายของเราก็ค่อยๆ เสื่อมลงไปนับตั้งแต่วันเกิดมาจากท้องแม่ มันก็จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ช่วงแรกๆ มันก็จะเจริญเติบโต ช่วงที่เจริญเติบโตนี้เราชอบกันเพราะว่าเราจะได้ร่างกายมาทำประโยชน์ให้กับเรา แต่พอถึงขั้นที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้วมันก็จะเริ่มมีการเสื่อมลง มีการชราภาพลงแก่ลงไปเราก็จะไม่ชอบแต่เราก็ห้ามมันไม่ได้ เราไม่มีใครที่จะมาห้ามความแก่ได้ไม่มีใครที่จะมาห้ามไม่ให้มันเจ็บไข้ได้ป่วยไปได้ และในที่สุดก็จะไม่มีใครมาห้ามความตายได้ นี่คือสิ่งต่างๆ ที่พวกเราใช้เป็นเครื่องมือให้ความสุขกับเรา เป็นความสุขปลอมเป็นความสุขที่มีการสิ้นสุดลง มีวันหมดอายุ เวลามันสิ้นสุดลงเวลามันหมดอายุนี้มันจะสร้างความทุกข์ทรมานให้กับใจ ดังนั้น ถ้าเราเห็นว่าสิ่งต่างๆ ในโลกนี้เป็นอย่างนี้ เราก็ต้องถามตัวเองว่า “แล้วเรามีอะไรบ้างที่จะให้ความสุขกับเราแบบไม่เสื่อม แบบไม่ทุกข์บ้าง” ถ้าเราได้ศึกษาคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า เราก็จะได้ยินได้ฟังว่าความสุขที่ไม่เสื่อมไม่ทุกข์ก็คือความสุขของใจนี่เอง ความสุขที่เกิดจากการทำใจให้สงบ อันนี้แหละเป็นความสุขที่ไม่เสื่อม เป็นความสุขที่ไม่ทุกข์ และวิธีที่จะทำให้เราได้ความสุขแบบนี้ก็เกิดจากการทำตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้กระทำนั่นเอง


สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๒

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

[• สุขใจ บำรุงรักษาระบบ •]
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.267 วินาที กับ 30 คำสั่ง

Google visited last this page 18 ธันวาคม 2567 22:51:01