คนสองคนทำบุญด้วยเงินจำนวนไม่เท่ากัน จะได้บุญเท่ากันหรือไม่ ถ้าเขาได้รับความสุขใจเหมือนกัน
คนที่ทำบุญด้วยกัน จะมีเงินมากเงินน้อย ถ้าคนมีมากนั้นเขาทำ แต่เขาเฉยๆ เขาไม่ได้คิดถึงบุญอะไร ส่วนคนที่มีเงินน้อยเขาทำ เขาปลื้มใจของเขา เขาจะมีความสุขมากกว่า ตรงที่ทำจิตใจให้มีความสุข มันได้บุญมากกว่า เหมือนกับคนที่มีเงินแล้วเขาโยนๆ ให้ เฉยๆ ไม่เคารพกองบุญของตัวเอง
เหตุฉะนั้น การทำบุญต้องพร้อม มีศรัทธา มีเจตนาที่ดี ทำจิตใจให้มีความสุขอิ่มเอิบในบุญในกุศล เคารพกองบุญของตนเองด้วย บุญนั้นก็จะได้มาก พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้อย่างนี้ เมื่อคนที่จนเขาทำอย่างนั้น ในชาติต่อไป พลังของความสุข พลังของบุญก็มีมากขึ้นกว่าปกติ ก็คือความสุขนั่นเอง เพราะว่าบุญคือความสุขใจ และท่านยังแบ่งไว้ ๓ อย่าง
๑.ทาสทาน ของกินที่จะทิ้งเข้าป่าแล้ว จึงเอาไปให้คนอื่น เป็นของต่ำ
๒.สหายทาน มีอะไรในบ้านเรา หรืออยู่ในหอพักของเรา เพื่อนไปหาก็ให้กินอันนี้แหละ มีแค่นี้แหละ เราก็กินอันนี้ เพื่อนก็กินอันนี้ เรียกว่าสหายทาน มันได้บุญขึ้นตามลำดับ
๓.สามีทาน คือของที่เราซื้อมายังไม่ได้กิน ให้เพื่อนกินก่อน เราค่อยกินทีหลัง อันนั้นเป็นยอดทาน ของนั้นเป็นของไม่แพง แต่เป็นยอดของทาน เพราะเราให้เพื่อนกินก่อน เครื่องนุ่งห่มก็เหมือนกัน สมมุติว่าได้ผ้ามาไม้หนึ่ง จะเอาไปทำบุญกับพระ หรือว่าจะให้เพื่อนไปตัดเสื้อตัดกางเกงก่อน แล้วเราค่อยเอาผ้าที่เหลือมาตัดทีหลัง ตัดชุดที่เท่ากัน แต่เราเสียสละให้ก่อน อันนี้เป็นยอดความดีในการบริจาคทาน
ถ้าเป็นเพื่อนกัน คนทำมากทำน้อย ถ้าบอกบุญด้วยกัน จะได้เท่ากันนะ เหมือนที่นั่งอยู่หมดทุกคนนี้ คนหนึ่งทำบุญสาธุพร้อมกัน อนุโมทนา เอาคนล่ะห้าสิบสตางค์แล้วมารวมๆ กันอนุโมทนาได้ด้วยกัน ก็จะได้บุญเท่ากัน
แต่บางคนเขาบอกว่าทำมากได้มาก ไม่อธิบายเรื่องความพอใจหรือไม่พอใจ อย่างให้มากๆ แต่ให้ส่งเดชอย่างนี้ หรือว่าโยนให้เลย ไม่เคารพกองบุญของตน บุญจะไม่ได้มาก เพราะไม่เคารพในกองบุญของตนเอง.
#ที่มา ถาม-ตอบ ปัญหาธรรมะ
พระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป
นรกสวรรค์
สวรรค์และนรกนั้นมีจริงๆ แต่เราจะไม่เชื่อเพราะเรายังปฏิบัติไม่ถึง ถ้าเราสามารถปฏิบัติทางด้านจิตใจจนเห็นชัดในเรื่องอย่างนี้ เขาจะมีมิติของเขาอยู่ในสวรรค์ เขาจะลอยอยู่ในชั้นอากาศเป็นชั้นๆ อยู่ ส่วนนรกนั้นเขาก็จะมี หลุมอยู่ในเมืองนั้น ซึ่งในแต่ละหลุมๆ นั้นจะไม่มีเครื่องนุ่งเครื่องห่มเลย เปลือยกายหมด อย่างศีล ๕ มี ๕ ข้อ ก็มี ๕ หลุมแน่นอน คนก็กองพะเนินเทินทึกอยู่ในนั่นแหละ แต่ก่อนเราไม่เชื่อ พอนั่งสมาธิเห็น เชื่อได้ด้วยตนเอง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เลย
ทีนี้สวรรค์ก็เหมือนกัน อาตมาขึ้นไปคุยกับเขาอยู่ที่ปราสาทต่างๆ ทีแรกเขาสร้างวิหารหลังเล็กๆ อยู่ในวัดนี้ วิหารนี้ก็ไปปรากฏอยู่ในสวรรค์ เมื่อเขาตายไปก็ไปอยู่ในปราสาทนั้น อาตมาไปยืนคุยกับเขามาแล้ว จึงมีความเชื่อมั่นว่าสวรรค์เป็นอย่างนี้เอง สวรรค์ชั้นอื่นๆ ก็ชั้นของใครของมันอยู่ในบรรยากาศของโลกนี้แหละ มีสัก ๕๐๐ ขั้นก็จะได้ เพราะฟ้านี้ไม่รู้สูงเท่าไร เครื่องบินจะบินข้ามหรือบินลอดเขาไปก็แล้วแต่ ไม่เห็นเขา เมืองสวรรค์นี้เป็นของทิพย์ เหมือนเราสร้างกุฏิวิหารศาลาไว้อย่างนี้ พอเราอยากจะไปอเมริกาหรือไปอยู่ที่ว่างที่อื่น เมื่อนึกอย่างนี้ พอเราไป ปราสาทจะไปปรากฏคอยอยู่เลย พอเราคิดว่าที่นี่ไม่ต้องที่จะอยู่แล้วแหละมันจะหายแว้บไปเลย มันก็จะไปตั้งอยู่ในที่ ที่เราจะไป มันเป็นของทิพย์ ทีนี้ใครทำบุญอะไร จะเป็นน้ำส้ม น้ำหวาน อาหาร การกินต่างๆ เพียงนึกอยากจะกิน มันจะอิ่มเหมือนกับเราได้กินสิ่งนั้น แต่ไม่ได้กิน เขาเรียกบุญทิพย์ ถ้าไม่ได้ถวายน้ำส้มไว้แล้วเกิดอยากกิน มันก็หิวอยู่อย่างนั้นแหละ ไม่ได้อิ่มเหมือนกินน้ำส้ม นี้มันเป็นอย่างนี้ มันเป็นเมืองทิพย์ กินบุญทิพย์ ของอย่างนี้มีแน่นอน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
พระถ้าเขาไม่เห็นเขาก็ไม่เชื่อเหมือนกัน บวชมาก่อนอาตมาตั้ง ๒๐ ปี เขาก็เชื่อว่าไม่มีเพราะเขาไม่เห็น พอไปถามหลวงปู่แหวน หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ดุลย์ หลวงปู่ขาว ท่านว่ามี ดูหลวงปู่พรหมที่เป็นอาจารย์ของอาตมา ขึ้นไปคุยอยู่เมืองสวรรค์ตอนที่ภาวนานั่งอยู่ที่กุฏิ แต่จิตไม่เห็น หลวงปู่มั่นขึ้นไปตรวจเมืองสวรรค์ก็เห็นกำลังคุยกับเทวดาอยู่เมืองสวรรค์ ท่านเลยตามไปด่าอยู่ที่นั่น ว่าไปติดสวรรค์ ไปคุยกับเทวดาเขาอยู่ทำไมที่นี่ อันนี้หลวงปู่แหวนท่านเล่าให้ฟัง
คนในเมืองสวรรค์ ผู้หญิงนั้นจะมีแต่หัวหน้าที่สวยกว่าเพื่อนนิดเดียว นอกนั้น ๒-๓ ร้อยคนสวยเท่ากันหมดเลย ไม่มีใครจะสวยมากกว่ากันเลย มีอายุ ๑๖ ปีเต็มเหมือนกันหมด เทพบุตรหรือผู้ชายก็เหมือนกัน สวยๆ เท่ากันหมด แล้วจะใส่ชุดเดียวกันหมด ผมก็แบบเดียวกันหมด จะผูกโบหรือเหน็บดอกไม้เหมือนกันหมด อย่างเดียวกันเลย เหมือนช่างฟ้อนเมืองเชียงใหม่ ใส่เสื้อแขนกระบอกยาวปิดมิดชิดเรียบร้อยหมดทุกคน
ส่วนนรกนั้น ถ้าเป็นนรกตัวปาณาฯ นี้ ก็เหมือนคนลอยแหวกว่ายอยู่ในน้ำ น้ำที่สกปรกเปื้อนไปด้วยเลือด และจะตีกันอยู่ตลอดเวลา ฆ่ากันอยู่ตลอด แล้วก็มีอาวุธต่างๆ มาทิ่มแทงกัน ฆ่ากัน ข้ออทินนาทา นี้ก็ผูกจองจำกัน ข้อกาเมฯ นี้ก็ไม่รู้ผู้หญิงหรือผู้ชายแหวกว่ายอยู่ในน้ำ แต่ตีกันด้วยหมัด ไม่มีอาวุธ เมื่อจมลงไป คนนี้ผุดขึ้นมาตี ขึ้นมาตี ตีกันอยู่อย่างนั้น เขาก็เรียกให้อาตมาช่วย อาตมาลอยอยู่สูงประมาณ ๒ เมตร ดูเขาอยู่ในอ่างนรก ทั้งผู้หญิงผู้ชายไม่มีเครื่องนุ่งห่ม อาตมาจึงถามเขาว่าผิดกันอย่างไรๆ ผิดผัวเมียกันอย่างไรๆ แต่บังเอิญไปเห็นคนที่เพิ่งตายไปจากมนุษย์ ผู้ชายคนเดียว ผู้หญิง ๔ คน นั่งคุกเข่าเปลือยตัวเรียงกันอยู่
ที่นรกจะมี สวส. หรือผู้ที่สอบสวน มาสอบสวนว่าอย่างไร อยู่ที่ไหน มีดินสอยาวๆ พอพวกนี้ตอบออกมา คนที่สอบสวนก็จะมีสมุดสีเขียวเปิดออกมา ซึ่งจะจดบันทึกประวัติของการทำชั่ว ต่อมาจ่ายมบาลก็จะทำการตัดสิน ว่าต้องลงนรกกำหนดเท่านั้นเท่านี้ เหมือนกับผู้พิพากษาศาล พอตัดสินเสร็จแล้วก็จะมีอีก ๒ คนเข้าไป เขาจะเอาตีนยันให้ตกลงไปในหลุมนรกเลย ไม่ได้กระโดดลงไปเอง เมื่อตกลงไปแล้ว หมู่ที่อยู่ในหลุมนรกนั้นก็จะรุมตีเลย ใครที่โผล่หัวขึ้นมาก็ถูกตี โผล่ขึ้นมาก็ถูกตี ตอนที่มุดลงไปนั้น ต้องใช้เวลาตั้งหมื่นปีที่จะโผล่มาอีกครั้ง แต่ว่าไม่ตาย ทีนี้พวกมุสาวาท คนที่โกหกเก่ง ก็จะถูกดึงปาก พร้อมทั้งมีหนอนเจาะอยู่ในปาก คนที่ขี้เหล้าก็จะต่อยมวยกันอยู่อย่างนั้น ใครปีนขึ้นมาได้ก็จะถูกตีตกลงไปในน้ำ ก็จะไปตีกันอยู่ในน้ำอีก เหนื่อยแล้วก็นั่ง นั่งแล้วก็ตีกันเป็นอย่างนี้อยู่ตลอดไป
บางคนที่นั่งอยู่ในที่นี้อาจจะได้ไปเกิดสวรรค์มาแล้วหลายครั้ง แต่มันประคองไม่ได้มันก็เลยเสื่อม มันจะเสื่อมไปเสื่อมมาอยู่อย่างนี้แหละ แต่พวกที่อยู่ในนรกกับสวรรค์จะมีอายุยืนยาวมาก และมีอายุเท่าๆ กัน ผู้อยู่ในสวรรค์นั้นถ้าบุญยังไม่หมด แต่อยากลงมาเกิดในเมืองมนุษย์เพื่อทำความดีนั้น อันนี้สามารถมาได้ แต่ผู้ที่อยู่ในเมืองนรกนั้น เขามาไม่ได้ถ้ายังไม่หมดกรรมชั่วที่เขาทำไว้ ก็ต้องใช้กรรมอยู่ในนรกไปจนหมดกรรมของตนเอง
ส่วนบางคนที่ตายไปแล้วฟื้นขึ้นมาอีกนั้น ก็เหมือนกับเราไปตีสัตว์ สัตว์มันก็สลบไป แล้วมันก็ฟื้นขึ้นมา หรือเหมือนชกมวยกันหลับไปใส่เปลหามไป เดี๋ยวกลับฟื้นคืนมา กรรมเหล่านี้มาให้ผล.
• พระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป •
#ที่มา ถาม-ตอบ ปัญหาธรรมะ