เมื่อ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ที่ผ่านมา
น้อมรำลึกอาจาริยบูชาคุณ ๙๒ ปี ชาตกาล หลวงปู่แบน ธนากโร๏ #ธรรมอันไม่ตาย
โอวาทธรรมหลวงปู่แบน ธนากโร
"..ร่างกายอันนี้ เกิดเขาก็ไม่รู้ แก่เขาก็ไม่รู้แต่เขาหากแก่ทุกวัน ตายเขาก็ไม่รู้แต่เขาหากตายทุกวัน เขาหมดไปสิ้นไปก็คือตายทุกวันนั้นเอง ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ธาตุเหล่านี้ เป็นธาตุไม่รู้ เราสมมุติเอาธาตุที่ไม่รู้เกิดมาเป็นธาตุที่ไม่รู้นี้ เอามาเป็นคนเป็นสัตว์ ของไม่รู้เรื่องเอามาสมมุติมันจะเป็นหรือ สมมุติยังไงมันก็ไม่รู้เรื่อง สมมุติยังไงมันก็ไม่เป็นอย่างที่สมมุติกัน
ทําไมจึงว่าไม่เป็นอย่างที่สมมุติ สมมุติว่าเป็นคน แต่เขาเป็นของเกิดมาตายทั้งนั้นใช่ไหม เขาตายของเขาโดยธรรมชาติ เกิดแล้วไม่ตายไม่มี สมมุติเอาของที่เกิดมาตายเป็นคน สมมุติแล้วจะให้เป็นอย่างสมมุติมันไม่ได้
จึงว่า ความเกิด ความแก่ ความตาย จึงเป็นธรรมที่เราจะต้องศึกษากันให้ยิ่ง พระพุทธเจ้าทรงรู้ธรรม ทรงรู้ความเกิด ความแก่ ความตาย ทรงรู้โลกธาตุนี้เป็นของเกิด ของแก่ ของตาย โลกธาตุไม่ใช่ใคร โลกธาตุไม่มีอะไรที่จะเป็นสาระเป็นแก่นสาร เกิดขึ้นแล้วมีแต่สลายตัวทั้งนั้น
แม้องค์พระพุทธเจ้าก็ทรงเกิดมาแล้วสลายตัวหาประมาณมิได้ จึงไม่มีอะไร ที่จะเป็นแก่นเป็นสารเป็นสาระกับการเกิดขึ้นมาแล้วก็ตายสลายลงไป โลกธาตุในเมื่อมันไม่มีอะไรเป็นสาระเป็นแก่นสาร ก็เรียกว่าไม่มีตัวไม่มีตน.."
หลวงปู่แบน ธนากโร ท่านเป็นพระมหาเถราจารย์ที่สำคัญรูปหนึ่งในยุคปัจจุบันนี้ ที่มีปฏิปทาเด็ดเดี่ยว มีข้อวัตรเคร่งครัด มีจริยวัตรงดงาม เป็นพระสุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง หลวงปู่แบน ท่านให้ความสำคัญกับลูกศิษย์ทุกคนเสมอกันที่มากราบไหว้นมัสการท่าน สิ่งหนึ่งซึ่งหลวงพ่อท่านจะเมตตาสงเคราะห์กับบุคคลต่าง ๆ นั้นก็คือ “ธรรมะ” โดยท่านจะอบรมผู้ที่มากราบนมัสการท่าน และพระเณรที่อยู่ภายในวัดเป็นประจำ ส่วนวันพระนั้นท่านจะเมตตาอบรมเป็นพิเศษ ทางด้านจิตตภาวนา
"..ความดี คือการบำเพ็ญทาน ความดี คือการรักษาศีล ความดี คือการบำเพ็ญจิตตภาวนา ให้รีบทำในขณะนี้ทีเดียว พระพุทธเจ้าทรงอุปมาไว้ เหมือนกับไฟไหม้ผมบนศีรษะให้รีบดับ ไม่ใช่ไหม้บ้านไหม้ช่องนะ ไหม้ผมบนศีรษะนี่ ต้องดับทันที การทำความดีก็ต้องรีบทำทันทีเหมือนกัน ทันทีทุกขณะ.." โอวาทธรรมคำสอนหลวงปู่แบน ธนากโร
“พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร” หรือ “หลวงปู่แบน ธนากโร” แห่งวัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร มีนามเดิมว่า สุวรรณ กองจินดา เกิดเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๗๑ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะโรง ณ บ้านหนองบัว ต.หนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายเล็ก และนางหลิม กองจินดา ครอบครัวประกอบอาชีพทำสวนทำไร่
ครั้นพอถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียนแล้ว โยมบิดา-โยมมารดาได้ส่งให้ท่านเข้าศึกษาในโรงเรียนประจำหมู่บ้าน จนจบประถมศึกษาปีที่ ๔ ครั้นจบการศึกษาแล้ว ท่านก็ได้ช่วยบิดามารดาทำสวนทำไร่ เพราะในเขตจังหวัดจันทบุรีนั้น อาชีหลักคือทำสวนเงาะ สวนทุเรียน
เมื่ออายุ ๒๑ ปี หลวงปู่แบน ธนากโร ท่านได้เข้าไปศึกษาข้อวัตรปฏิบัติกับ หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ ณ วัดทรายงาม อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้านของท่าน พอทราบถึงข้อวัตรปฏิบัติแล้ว หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ จึงได้นำท่านเข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในทางพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ ณ วัดเกาะตะเคียน ต.หนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี โดยมีพระอมรโมลี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูพิพัฒน์พิหารการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระเม้า เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า "ธนากโร" มีความหมายว่า " ผู้สร้างทรัพย์อันเป็นประโยชน์ให้เกิดกับตน"