24 พฤศจิกายน 2567 02:25:28
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
สุขใจในธรรม
ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
.:::
ธรรมคำสอน : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ธรรมคำสอน : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม (อ่าน 2022 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2476
ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 91.0.4472.124
ธรรมคำสอน : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
«
เมื่อ:
13 กรกฎาคม 2564 14:35:53 »
Tweet
เจริญกรรมฐานอโหสิกรรมได้ จะได้ไม่มีกรรมเวรกันไปในชาติหน้า
โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
วัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
คนผัดวันประกันพรุ่งนะ นอนตื่นสาย หน่ายทำกิน ไปหมิ่นเงินน้อย ไปนั่งคอยวาสนา วาสนามาหาเองไม่ได้ต้องทำต้องสร้างความดี ไม่สร้างไม่ได้หรอก ความชั่วไม่ต้องสร้าง มาเอง มันชั่วอยู่ทุกวัน จิตใจมันหลั่งไหลไปสู่ที่ชั่วทุกวันตลอดเวลากาล ไม่ต้องสร้างนิดเดียวมันก็ไปแล้ว จิตเลเพลาดพาด หละหลวม เหลวไหลตลอดรายการ แต่ความดีนี่ทำยากต้องสร้างสรรหาแสวงหาความดีให้แก่ตนเอง และก็ตัวเองมีความดีอยู่แล้ว ๑๐๐% จิตประภัสสร แต่เราเอาความดีในตัวไปทิ้งเสีย น่าเสียดายเอาความชั่วมาแทนที่ ความดีก็มีไม่ได้ นี่แหละสร้างความดีนี่ต้องสร้างต้องเสริม ต้องส่งในกุศลให้แก่ตน มีจิตมั่นคง คือ สมาธิภาวนา มีปัญหาแก้ไขปัญหาได้
คนที่สร้างความชั่วนี่นะไม่ต้องมีตำราหรอก เพราะเราตามใจตัวเอง จิตใจก็เหลวแหลก แตกไปในทางต่ำ ยกตัวอย่างว่าจิตมันเป็นน้ำ โยมลองเทน้ำดูซิ มันจะไหลไปที่สูงหรือที่ต่ำ จิตมันชอบต่ำ ชอบไอ้โน่น ชอบไอ้นี่ อาหารของจิต ก็คือ กิเลส ความโกรธ ความโลภ ความหลง ความหายนะ เป็นอาหารของจิต แต่เราต้องฝืนไม่ให้มันกินอย่างนั้น ต้องฝืนใจอย่างมากกว่าจะได้ดี
ขอเจริญพรว่า ความขยันได้มาจากความขี้เกียจกว่าจะขยันได้ ขี้เกียจมาก่อน ความสุขเราได้มาจากความทุกข์ ต้องมีความทุกข์ร้อนใจเหลือเกิน กว่าจะพบกับความสุขที่แน่นอนเช่นดังกล่าวมาแล้ว มันมีแต่ความทุกข์ระทบขมขื่นต้องผ่านทุกข์ก่อน จึงจะพบความสุขที่แน่นอน อาตมาผู้หนึ่งขี้เกียจที่สุด บัดนี้เราต้องฝืนใจ กว่าจะขยันกว่าจะทำอะไรให้สำเร็จ ฝืนใจจนขยัน บัดนี้จะกลับไปขี้เกียจคงไม่ได้แล้ว ไม่ได้แน่ ถ้าโยมเคยขี้เกียจแล้ว ไม่ฝืนใจ ไม่ขยัน มันก็แค่นั้น ทำอย่างไรก็แค่นั้น ดีไม่ได้แน่นอน เหมือนหมากรุก ๖๔ ตา เดินตาเดียวอยู่ ตลอดกาลเวลา จะดีได้อย่างไรเล่า เพราะฉะนั้น ทาน ศีล ภาวนา นี้ครบ ทานการให้แต่ศีล ก็คือ สติกรรมฐาน ถ้าเราเจริญสติกรรมฐาน แล้วจะพบทาน ๓ อย่าง ถ้าได้สติสัมปชัญญะแล้วจะพบทาน ๓ อย่าง
ทานข้อ ๑ คือ ให้แล้วไม่หวังผลตอบแทน
ทานที่ ๒ คือ ธรรมทาน ให้ธรรมะเป็นทานพิมพ์หนังสือสวดมนต์บ้าง พิมพ์หนังสือธรรมะแจกกันเรียกว่า ธรรมทาน มันก็ได้ผล ทานกรรมฐานเป็นสังฆทานแน่ เพราะจิตไม่หวังผลก็ต้องให้สาธารณประโยชน์ สาธารณชนทั่วไป
ทานที่ ๓ ของกรรมฐาน คือ อภัยทานให้อภัยได้อภัยโทษไม่โกรธกัน เรียกว่า ทานกรรมฐาน ถ้าโยมไม่เจริญกรรมฐานรับรองหมื่นเปอร์เซ็นต์จะให้อภัยใครไม่ได้ ผูกพยาบาทตลอดเวลา ถ้าท่านไม่มีกรรมฐานแล้ว ท่านจะให้อภัยทานได้ยาก อโหสิกรรมกันได้ยาก มีแต่ผูกใจโกรธ ผูกพยาบาท ฆ่ารันฟันแทงกัน ถึงคนนั้นจะบริจาคทาน สร้างวัดสร้างวากี่วัดก็ตามก็ยังให้อภัยทานไม่ได้ ท่านต้องมีจิตสูงในกรรมฐาน ต้องมีสติปัฏฐานกำหนดจิต รู้หนอๆ รู้อย่างไร รู้ว่า เราโกรธเขา รู้หนอๆ อย่าโกรธเขาเลย ให้อภัยเขาเถอะ มันด่าเรา กำหนดต่อไป ด่าเรายังโกรธก็โกรธหนอๆ อ๋อบัดนี้ข้าพเจ้าไม่โกรธแล้ว ข้าพเจ้ามีกรรมฐาน ข้าพเจ้าจะไม่ขอโกรธท่าน เรียกว่า อโหสิกรรม กรรมนั้นจะไม่ต่อให้ยืดยาว เรียกว่า ตัดให้มันสั้น เหมือนรถหมดน้ำมัน ไม่วิ่งอีกแล้ว กรรมไม่ต่อกรรมอีกแล้ว เรียกว่า อโหสิกรรม
นี่แหละกรรมฐานจึงแก้กรรมได้ เจริญกรรมฐานอโหสิกรรมได้ จะได้ไม่มีกรรมเวรกันไปในชาติหน้า เราจึงนิยมการที่จะลากรรมฐานขออโหสิกรรม ขอขมาลาโทษพระรัตนตรัย มีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อาจจะเจตนาไม่ดี คิดไม่ดี อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นบาปเป็นกรรมทั้งนั้น จึงต้องให้อภัยทาน ให้อภัยโทษ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อโหสิกรรม จะไม่เอาเวรกรรมกันต่อไปอีก
กรรมสิ้นกันเสียที นับตั้งแต่บัดนี้ คือ การเจริญพระกรรมฐาน ถ้าโยมไม่เจริญกรรมฐาน กรรมไม่รู้จักสิ้น จะแก้กรรมอะไรไม่ได้ จะต่อเวรต่อกรรมให้มันยืดยาวออกไป จะไปถึงลูกหลาน ลูกหลานก็จะลำบากกระเสือกกระสนในอนาคต ตรงนี้สำคัญ ถ้าโยมหญิง โยมชาย รู้ตัวว่า สร้างกรรมไว้กับใคร ก็ขอประทานโทษโปรดอภัยเถิดนะเจ้าคะ
ขอเจริญพรว่า ภรรยาเคยว่าสามี หรือ คิดในใจว่าสามีของข้านี้ไม่ดี เท่านี้ก็บาปนะ กระทั่งสามีไม่ได้เป็นเช่นนั้น สามีก็เช่นเดียวกันไปนินทาว่า ภรรยาของเราไม่ดี เท่านี้บาปนะจะทำกรรมฐานไม่ได้ผลหรอก ด่าสามี มาทำกรรมฐานไม่ได้ผล จะได้ผลต้องอโหสิกรรมเสีย อภัยทาน อภัยโทษได้ผลแน่นอน ก็ขอเจริญพรฝากญาติโยมไว้ อย่าโกรธอย่าลงโทษกันเลยให้อภัยกันเถิด หนักนิดเบาหน่อยให้อภัย บางคนมาที่วัดนี้นานแล้ว ตั้ง ๒๐ ปี จำได้ คนมันแน่น มีงานขึ้นในวัด เขาเหยียบเท้ากัน เหยียบเท้าลงไปที่เท้าคนอื่นนะ เขาก็รู้ตัวว่าไปเหยียบเท้าคนอื่น เขาขอโทษครับ คนนั้นมันเมามันไม่อโหสิ ชกกันเลย ต่อยกันแหลกไปเลย คนที่ขอขมาลาโทษก็หนีไป เห็นไหม คนไม่มีกรรมฐาน คนที่เจริญสติได้ เขาจะให้อภัยทุกประการ นี่ขอฝากไว้
ถ้าคนขอโทษอย่าโกรธเขานะโยมนะ มาขอโทษโปรดอภัย รับผิดแล้ว ให้อภัยเขาเถอะ เรียกว่าอภัยทาน อภัยโทษ โกรธกันไว้ในใจทำไมเล่า พกความโกรธไว้ในใจเหมือนไฟเผาหัวจิตหัวใจเศร้าหมอง ทำใจร้อนรน ทนไม่ไหว กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เป็นบาป เหมือนตกนรกทั้งเป็นเลยนะ อย่าไปมั่วสุมเช่นนั้นเลย...
...แนวหน้าออนไลน์
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 กรกฎาคม 2564 14:37:53 โดย ใบบุญ
»
บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2476
ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 91.0.4472.124
Re: ธรรมคำสอน : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
«
ตอบ #1 เมื่อ:
13 กรกฎาคม 2564 14:42:31 »
10 วิธีใช้หนี้พ่อแม่ ทำแล้วชีวิตดีขึ้น แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง
คำสอน หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
วัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
พระพุทธศาสนาสอนให้เราเป็นคนกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา เพราะพ่อแม่คือผู้ให้ชีวิตกับเรา เป็นพระอรหันต์ของลูกทุกคน ตั้งแต่เกิดจนโตท่านต้องคอบพร่ำสอนให้ทำความดี เลี้ยงดูแลเอาใจใส่เราในทุกๆ เรื่อง เมื่อเราโตขึ้นหน้าที่ของลูกทุกคนก็คือ กตัญญูกตเวที คอยดูแลเลี้ยงดูท่านเมื่อยามแก่เฒ่า แล้วชีวิตก็จะมีแต่เรื่องดี ๆ วันนี้ "แนวหน้า ออนไลน์" ขอน้อมนำเอาความสอนของ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม ที่เขียนไว้สอนใจฝากถึงลูกๆ ทุกคนกับ 10 วิธีใช้หนี้พ่อแม่ ดังนี้
๑. จงสร้างความดีให้กับตัวเอง และนี่ก็เป็นการใช้หนี้ตัวเอง ตัวเราพ่อให้หัวใจ แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองอยู่ในตัวแล้ว จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหน บางคนรังเกียจแม่ ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก
๒. ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้ว ก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ถือว่าได้บุญมากที่สุด ทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ
๓. ผู้ใดก็ตาม ที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่าน ก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรม ล้างเท้าให้ท่านด้วย เป็นการขอขมาลาโทษ
๔. ขอฝากท่านไว้ไปสอนลูกหลาน อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่เลย ไม่ต้องถึงกับฆ่าหรอก แค่คิดว่าพ่อแม่เราไม่ดี จะทำมาหากินไม่ขึ้น เจ๊ง ท่านต้องแก้ปัญหาก่อนคือ ถอนคำพูด ไปขอขมาลาโทษเสีย แล้วมาเจริญกรรมฐาน รับรองสำเร็จแน่ มรรคผลเกิดแน่
๕. บางคนลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดี ขอบิณฑบาต สอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อเถียงแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อกับแม่ ไม่อย่างนั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าวถอยหลังดำน้ำไม่โผล่
๖. คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อเถียงแม่เอาดีไม่ได้..คนไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปี ก็ไม่ได้อะไร? ถ้าไม่ขออโหสิกรรมฯ ขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ๆ น้องๆ จะไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วเอาน้ำรดมือรดเท้า
นี่แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึก มาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้ เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว (ให้ชีวิต ให้…ให้… ให้….ฯลฯ) เรียนสำเร็จแล้ว ยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ติดค้าง รับรองทำมาหากินไม่ขึ้น
หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ เหลือจะนับประมาณ นั่นคือหนี้บุญคุณของบิดามารดา ตัวอย่าง “หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง” เด็กประถม ๔ พ่อเมาเหล้า เมากัญชาเล่นการพนัน แม่เล่นหวย ปัจจุบันเป็นดอกเตอร์อยู่อเมริกา หลวงพ่อสอนครั้งเดียวจำได้ บอกวันเกิด หนูซื้อขนม ๒ ห่อ เรียกพ่อแม่มานั่งคู่กัน แล้วกราบนะลูกนะ แล้วก็บอกพ่อแม่ว่า ความผิดอันใดที่ลูกพลั้งเผลอ ด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่ ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้ แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ ลูกซื้อขนมมา ๒ ห่อ ให้แม่ก่อน ๑ ห่อ เพราะอุ้มท้องมา แล้วจึงให้พ่ออีก ๑ ห่อ ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง…พ่อฟังแล้วน้ำตาร่วงสร่างเมา ส่วนแม่ก็ร้องไห้เลย พ่อแม่ก็ให้สัญญากับลูกเลิกอบายมุขทั้งหมด
๗. ลูกหลานโปรดจำไว้ เมื่อแยกครอบครัวไปมีสามีภรรยาแล้ว อย่าลืมไปหาพ่อแม่ ถึงวันว่างเมื่อไรต้องไปหาพ่อแม่ ถึงวันเกิดของลูกหลาน อย่าลืมเอาของไปให้พ่อแม่รับประทาน อย่ากินเหล้า เข้าโฮเต็ล
๘. ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เป็นมงคลนาม ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะชื่อเป็นเพียงนามสมมุติแทนตัวเรา อย่างหลวงพ่อชื่อจรัญ ปู่ตั้งให้ หมอดูบอกเป็นกาลกิณี แต่ทำไมเจริญรุ่งเรือง ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าทำดีได้ดี
๙. ของดี ของ ปู่ ย่า ตา ยาย อย่าไปทำลายเลย ของพ่อแม่อย่าไปทำลายนะ หนีได้แน่นอน โยมมีกรรมฐาน มีทรัพย์ มีชื่อเสียง ความรัก บูชาทรัพย์ บูชาชื่อเสียง ความรักของพ่อแม่ได้ เงินจะไหลนองทองจะไหลมา..พ่อแม่ให้อะไรเอาไว้ก่อน อย่าไปทำลายเสีย ถึงจะเป็นถ้วยพ่อแม่ให้มา ก็ไว้เป็นที่ระลึกก็ยังดีอย่าเอาไปทิ้งขว้าง
๑๐. ถ้าต้องการเจริญก้าวหน้าขอฝากไว้ด้วย คนเรามี ๒ ก้าว จะก้าวขึ้นหรือก้าวลงดำน้ำไม่โผล่ ก้าวลงมันง่ายดี ก้าวขึ้นมันต้องยาก ของชั่วมันง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ นี่บอกสอนลูกหลาน ต้องการจะบรรจุงานไม่ต้องไปวิ่งเต้น ดูลูกเสียก่อน กุศลเพียงพอหรือเปล่า ต้องเพิ่มกุศล ตัวอย่างเรียนจบครู สวดมนตร์เข้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นครู ทำงานธนาคารก็ได้ บริษัทก็ได้เดี๋ยวมีคนรับ บางรายทั้งสอบทั้งสมัครหลายแห่งไม่เคยเรียกเลย อาตมาให้นั่งกรรมฐาน พอ ๗ วันผ่านไปพวกมาตามให้เข้าไปทำงานแล้ว
... แนวหน้าออนไลน์
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 กรกฎาคม 2564 14:45:25 โดย ใบบุญ
»
บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2476
ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 91.0.4472.124
Re: ธรรมคำสอน : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
«
ตอบ #2 เมื่อ:
13 กรกฎาคม 2564 14:49:37 »
ถ้าเจริญกรรมฐานไม่ได้ท่านจะสงสัยไปตลอดชีวิต ไม่มีโอกาสที่จะแก้ปัญหาได้
คำสอน หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
วัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
ท่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม ท่านมีพร้อมหรือยังที่จะต้องแก้ปัญหา เตรียมการไว้หรือยังเวลาศึกต้องรบ ยามสงบต้องเตรียมพร้อมคือกรรมฐาน ถ้ามีพร้อมในเรื่องกรรมฐานแล้ว รับรองว่า ท่านจะต่อสู้ได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ไม่มีปัญหาไปถามใครท่านจะต้องหมดปัญหาถาม เพราะท่านหมดสงสัย ถ้าทำกรรมฐานได้ท่านจะไม่สงสัยอีกต่อไป ไม่สงสัยอะไรไม่สงสัยต่อพระพุทธเจ้า ไม่สงสัยต่อพระธรรม ไม่สงสัยต่อพระสงฆ์อีกต่อไปแล้วและปัญหาชีวิตเราก็ไม่สงสัย นี่ซิ สะอาด สว่าง สงบ ถ้ายังมีสกปรก ไม่สะอาด สว่าง สงบ ท่านจะมีความสงสัยตลอดไป
ถ้าท่านเจริญกรรมฐานไม่ได้ ท่านจะสงสัยไปตลอดชีวิต ไม่มีโอกาสที่ท่านจะแก้ไขปัญหาได้ ออกมาอย่างนี้ชัดเจนแล้ว จะให้อาตมากล่าวอะไรเล่า จะกล่าวว่าอะไรอีกว่าคนไหนจะชอบ คนไหนจะดี คนไหนจะมีปัญญา ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ ท่านจะรู้ในภายในของท่านเอง ถ้าท่านทำได้ ท่านจะรู้ว่าคนนี้นิสัยไม่ดี จะคบค้าสมาคมได้หรือไม่ประการใด จะบอกตรงไปตรงมา ท่านทั้งหลาย การเจริญกรรมฐานมีแต่แก้ปัญหา ไม่สร้างปัญหา มีแต่แก้ปัญหาสะสางชีวิตให้ดีสะสางปัญหาให้สู่ภาวะความเป็นปกติให้ดีคือ ศีล สมาธิ ปัญญา มีความหมายอย่างนี้เท่านั้น ไม่ใช่มาสร้างปัญหา
ไม่ใช่ไปบวชชีพราหมณ์วัดโน้นวัดนี้ ออกไปที่โน่นเดี๋ยวร้องรำทำเพลงไป แล้วร้องรำเหมือนหงส์ บอกว่าเป็นกฎแห่งกรรมบ้าง ร้องรำทำเพลงไม่ใช่กรรมฐาน พระพุทธเจ้าสอนว่ากรรมฐานต้องอยู่ด้วยความสงบ สว่าง และ เรียบร้อยสะอาดหมดจดทุกประการ ไม่ใช่มาร้องรำทำเพลง เต้นเป็นผีเจ้าเข้าทรง อย่างนั้นไม่ถูกทางแล้ว ผิดเข็มทิศ ท่านจะปลูกเรือนก็ต้องให้ถูกเข็มทิศ ไปทางไหนก็ต้องเดินให้ถูกทิศให้ถูกทาง เดินทางถูกต้อง อย่าเดินที่พลาดผิดใช้ชีวิตเป็นหมัน ไร้สาระไร้สังคมต่อไป ท่านจะประเสริฐไม่ได้
ดังนั้นก็จงฟังข้อเหตุผลสักเล็กน้อยว่า กรรมฐานแก้ตรงไหน สร้างตรงไหน พูดมาจนมากมาย แต่โยมไม่เคยทำตามอาตมา ถ้าทำตามอาตมามันจะผุดขึ้นมาในดวงหทัยใสสะอาด สว่าง สงบ ท่านปรารภธรรม และปัญหาท่านจะคลี่คลายในทางที่ดี หมดปัญญาไปหาหมอดูหาผีเข้าเจ้าทรง จะบอกท่านด้วยตัวเองได้ว่าแก้ปัญหาอย่างไร นี่แหละถูกต้อง
... แนวหน้าออนไลน์
บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2476
ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 91.0.4472.124
Re: ธรรมคำสอน : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
«
ตอบ #3 เมื่อ:
13 กรกฎาคม 2564 14:53:00 »
'กรรมฐาน' ทำให้ชีวิตดีมาก มีสัมปชัญญะ ทำให้เกิดความรู้ตัว
คำสอน หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
วัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
กรรมฐาน ทำให้ชีวิตดีมาก งานชีวิตฝึกตนไว้ดีได้งานได้การ ไม่ประมาท ฉลาดในงานและทำให้ท่านมีปัญญา ปัญญาตัวนี้ไม่ใช้ปัญญาโลกีย์นะ ปัญญาโลกุตตระต้องการแก้ปัญหา ปัญญาคือมีวิชา ตัวเรานั้นต้องฉลาด มีวิชาความรู้ใครๆ ต้องการบุคคลผู้มีคุณธรรม จะมีคุณภาพชีวิตดี มีความก้าวหน้าในชีวิตอย่างเป็นระเบียบไม่เสื่อมคลายเพราะชีวิตมีวินัย มีศีลปกครองตนให้ระวังสิ่งแวดล้อมใกล้ต้วเรามากที่สุดอย่าติด อย่ายึด อย่ามัวเมา หยุดได้อย่ายึดติดในโลกธรรมให้หวั่นไหวแต่ประการใดขอฝากท่านไว้
ท่านเจริญกรรมฐานได้ท่านมีศีล สมาธิ ปัญญา ก็จะได้ความว่า
ทำให้คนฉลาด รู้จักหลักความจริงในชีวิต ให้รู้จักชีวิตประจำวัน
ทำคนให้รู้จักปรมัตถธรรม ไม่หลงติดอยู่ในบัญญัติธรรม
ทำคนให้มีศีลธรรมและวัฒนธรรมอันดีงาม
ทำคนให้รักใคร่กัน สนิทสนมกลมกลืนกันเหมือนญาติในพระศาสนา
ทำคนให้มีความเมตตากรุณา และพลอยยินดีเมื่อเห็นคนอื่นได้ดี
ทำคนให้เป็นคนดีกว่าคน ให้เด่นกว่าคน ให้เป็นพระ
ทำคนไม่ให้เบียดเบียนกัน เว้นจากการเอารัดเอาเปรียบกัน
ทำคนให้รู้จักตนเอง และรู้จักปกครองตนเอง
ทำคนให้เป็นผู้ว่านอนสอนง่าย ไม่มีมานะถือตัว จะหันหน้าเข้าหากัน
ลดทิฏฐิมานะ
เข้าหากัน รักกัน เมตตากัน
ทำคนให้เป็นผู้หนักแน่นในกตัญญูกตเวทิตาธรรม
ทำให้คนมีกาย วาจา ใจ บริสุทธิ์
ทำคนให้ได้รับความเจริญรุ่งเรืองวัฒนาสถาพร
ทำคนให้พ้นจากความเศร้าโศก ปริเทวนาการ
ทำคนให้ดับความทุกข์ร้อนทางกาย ทางใจ
ทำคนให้เดินทางถูกต้องทุกประการ
ขอสรุปใจความว่า เจริญกรรมฐานให้มีศีล มีสติ ติดตัวเองตลอดเกิดสมาธิ มีสัมปชัญญะ ทำให้เกิดความรู้ตัว รู้ทั่วทำงานที่ไม่มีโทษ และมีประโยชน์ต่อไป ก็จะได้รับผลสมความมุ่งมาด ปรารถนาทุกประการ อาตมาภาพขออนุโมทนา
... แนวหน้าออนไลน์
บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2476
ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 91.0.4472.124
Re: ธรรมคำสอน : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
«
ตอบ #4 เมื่อ:
13 กรกฎาคม 2564 14:58:46 »
ไม่หมั่นเจริญสมาธิภาวนา สมาธิท่านก็หมดไป เสื่อมไปตามสภาพ
คำสอน หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
วัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
ถ้าท่านตั้งใจอย่างนี้ “เจริญสมาธิภาวนา” วงจรกระแสไฟฟ้าท่านก็จะเข้าสู่ล็อค ท่านจะเก็บไฟในหม้อแบตเตอรี่ไว้ได้ รักษาหม้อแบตเตอรี่ไว้ดีด้วย หมั่นเติมน้ำกลั่นรถท่าน ท่านมีรถหรือขายรถก็ตามต้องรักษารถ เอารถมาจอดทิ้งไว้ไม่ใช้ จะสตาร์ทไม่ติด รับรองรถท่านเสียแน่ นี่ยกตัวอย่างให้เห็น
เหมือนเรามีสมาธิไม่หมั่นทำ ไม่หมั่นเจริญสมาธิ สมาธิท่านก็หมดไปเอง รับรองสมาธิท่านก็ต้องเสื่อมไปตามสภาพ ไม่ใช่ว่าเรามานั่งกรรมฐานแล้วกลับไปเลิกเลย ไม่เจริญสมาธิภาวนา สมาธิยิ่งทำดียิ่งมีปัญญา สามารถจะแก้ไขปัญหาได้
ขอฝากท่านสาธุชนไว้ กระแสไฟมันหมดง่ายเหลือเกิน จิตมันตก ไปเชื่อคนโน้นคนนี้อย่าไปเชื่องมงาย อย่าไปเชื่อหมอดู เราก็เหมือนหม้อแบตเตอรี่หมดไฟ ระวังนะ หม้อแบตเตอรี่หมดไฟนี้จะไปไม่รอด จะไม่ปลอดภัย จะมีแต่เสนียดจัญไร จิตใจก็ตก จิตใจก็ไม่สบาย ทำอะไรไม่ได้ มันเป็นเสนียด มันไม่มีปัญญา ไม่รอบรู้ในกองการสังขาร คิดแล้วคิดเล่าเฝ้าแต่คิดเราจะไม่สามารถประดิษฐ์สร้างสรรค์สิ่งใดได้
"การเจริญกรรมฐาน" เป็นการรวบรวมจิตตั้งสติปัญญา เจริญสติปัฏฐาน ๔ กายานุปัสสนา ตัวนี้ ท่านจะเดิน จะยืน นั่ง นอน เหลียวซ้ายแลขวา เอาสติจับเข้าไป ตั้งเข้าไว้ตลอดเหมือนเติมน้ำกลั่น น้ำกลั่นอย่าให้แห้งเหมือนจิตใจ ท่านจะไม่แล้งน้ำใจ ก็จะมีแต่อัธยาศัย มีแต่น้ำใจโอบอ้อมอารีเป็นต้น นี่แหละกระแสไฟ มันมีแสงสว่างเท่าไรเกิดเมตตามากเท่านั้น ถ้าท่านมืดท่านจะมีแต่อกุศล จะไม่ได้ผลงานแต่ประการใด เมตตาจะไม่มีกับคนที่ไร้สาระ คือ ขาดกระแสไฟ คนที่ไม่มีกระแสไฟน่ะคนโง่ คนโมหะมันต้องคลำไปมองไม่เห็นของจริง มองไม่เห็นของที่เป็นประโยชน์แก่ชีวิตแก่ครอบครัวแต่ประการใดเลย กลายเป็นคนไร้สาระ ไม่มีสติปัญญาแต่ประการใด
การที่มีกระแสไฟทำให้เกิดแสงสว่าง บัดนี้ทำให้มันมืดแล้ว เราก็ใช้กระแสไฟฟ้า ท่านมีรถแต่ขาดไฟ หน้ารถก็ไม่มีไฟท้ายรถก็ไม่มี แล้วท่านจะวิ่งไปได้หรือ วิ่งไปไม่ได้หรอก เหมือนตัวเราก็เช่นเดียวกัน ขาดแสงสว่าง ก็คือ “ขาดปัญญา” คนเราขาดปัญญาแล้วจิตมันตก ไม่มีโอกาสตะเกียกตะกาย ขยันหมั่นเพียรได้ คนที่ขาดแสงสว่างขาดปัญญาส่วนมากจะขี้เกียจ ไม่อยากจะเอางานเอาการไม่อยากจะรับผิดชอบแต่ประการใด ขอฝากไว้อย่างนี้เป็นต้น
... แนวหน้าออนไลน์
บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2476
ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 91.0.4472.124
Re: ธรรมคำสอน : หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
«
ตอบ #5 เมื่อ:
13 กรกฎาคม 2564 15:01:51 »
การเจริญสติต้องทำโดยต่อเนื่องทุกเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก
คำสอน หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
วัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
การเจริญสติต้องทำโดยต่อเนื่องทุกเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก เราจะได้มีสติสัมปชัญญะทุกเวลาด้วยการกำหนดทุก ๆ อิริยาบถมันยาก...ที่เราไม่เคยทำถ้าเราทำ...แล้วมันก็ง่ายเรารีบเดินก็ยิ่งถึง ยิ่งหยุดก็ไม่ถึง
ญาติโยมทั้งหลาย ไม่มีอะไรยากที่สุดในโลก ถ้าเราสร้างความเพียรปฏิบัติได้ มันก็เกิดเป็นของง่ายและสำเร็จได้ ถ้าใจเราหดหู่เหี่ยวแห้ง ขาดสติสัมปชัญญะแล้ว ใจก็ไม่สู้ งานก็ไม่เสร็จ อุปสรรคก็มีมากเรียกว่า ปัญหาเกิดขึ้นแก่ญาติโยมเป็นส่วนใหญ่
เรามีปัญหาด้วยกันทุกคน ไม่ต้องถามว่า ไปทำงานมีปัญหาไหม เลิกถามได้ เพราะงานดีต้องมีปัญหา เข้าในหลักที่ว่า มารไม่มีบารมีไม่เกิด ชีวิตคือการต่อสู้ทุกกระเบียดนิ้ว ต้องต่อสู้ไปเถิดจะประเสริฐในอนาคต
การเจริญวิปัสสนากรรมฐานเพื่อมาฝึกจิต ให้มีขันติ ความอดทน ฝึกให้ได้กุศล ฝึกให้เห็นความจริงผุดออกมาจากจิตใจของตน เรียกว่า ชีวิตจริงในสังคมของผู้ปฏิบัติธรรม จะเกิดประโยชน์มาก คนที่เขาปฏิบัติได้ดีแล้ว เขาจะไม่พูดไร้เหตุผล จะพูดแต่สิ่งที่เป็นกุศล จะพูดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อกันเท่านั้น
การเจริญสติปัฏฐานสี่ไม่มีอะไรยากถ้าทำได้ แต่เราไม่ยอมทำ ไม่ยอมกำหนด ไม่ยอมตั้งสติ ก็หาว่าปฏิบัติธรรมไม่ได้ผล ถ้าเราลงมือทำจริง ต้องได้เหตุผลที่แท้แน่นอนในเรื่องจริงของตัวเอง
การเจริญสติต้องกำหนดตลอดเวลา เอาสติแนบที่จิต เป็นการสอนตัวเอง เป็นการฝึกอบรมตัวเอง คนอื่นจะมาอบรมตัวเราคงไม่ได้ เราเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งของตัวเอง สอนตัวเองได้
ตัวยากก็คือตัวขี้เกียจ มันจึงไม่อยากทำ ไม่อยากปฏิบัติ ไปไหนก็เดือดร้อนที่นั่น คือตัวยากแท้...แต่ไม่เคย
... แนวหน้าออนไลน์
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ
เริ่มโดย
ตอบ
อ่าน
กระทู้ล่าสุด
กฎแห่งกรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
เงาฝัน
6
5727
02 มิถุนายน 2553 07:01:47
โดย
เงาฝัน
นั่งสมาธิอายุยืนจริงหรือ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
หมีงงในพงหญ้า
0
2726
28 กรกฎาคม 2553 22:46:04
โดย
หมีงงในพงหญ้า
จิตนี้ฝึกได้ บรรยายธรรมโดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
That's way
1
3169
14 พฤศจิกายน 2555 02:19:22
โดย
godone108
ยายผิงกับแมว เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม จาก หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
มดเอ๊ก
0
3137
07 ตุลาคม 2559 00:32:32
โดย
มดเอ๊ก
10 คำสอนเตือนสติ อันทรงคุณค่าของ 'หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม'
สมถภาวนา - อภิญญาจิต
Maintenence
0
1202
12 สิงหาคม 2562 11:29:10
โดย
Maintenence
กำลังโหลด...