[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 20:19:05 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สุนทรภู่แต่งพระอภัยมณี  (อ่าน 417 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5800


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 31 มกราคม 2566 13:32:52 »


สุนทรภู่แต่งพระอภัยมณี
ภาพ : ครูเหม เวชกร


สุนทรภู่แต่งพระอภัยมณี

คำกลอนของไทยที่แต่งกันมาแต่โบราณ แยกออกได้กว้างๆ เป็น ๓ ประเภท คือ หนึ่ง - แต่งเป็นกลอนเบ็ดเตล็ด เช่น เพลงยาว สอง - แต่งเป็นนิราศ เล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น สาม - แต่งเป็นเรื่องนิทาน โดยเฉพาะในประเภทที่สาม ที่แต่งเป็นนิทาน แยกออกได้เป็น ๓ อย่าง คือ แต่งเป็นบทละครรำสำหรับเล่นละครรำอย่างหนึ่ง แต่งเป็นบทเสภาสำหรับขับเสภาอย่างหนึ่ง กับ แต่งสำหรับอ่านอย่างหนึ่ง ทั้งสามอย่างนี้มีมาแต่สมัยศรีอยุธยา

ขึ้นสมัยรัตนโกสินทร์ การแต่งกลอนเป็นเรื่องก็เป็นอย่างเดียวกับสมัยศรีอยุธยา คือแต่งเป็นบทละครรำ เช่นพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ อิเหนา ฯลฯ แต่งเป็นบทเสภา เช่น ขุนช้างขุนแผน และแต่งสำหรับอ่าน เช่น กากี แต่งเป็นบทละครรำนั้น กล่าวโดยทั่วไปมีน้อย เพราะผู้แต่งจะต้องสันทัดในกระบวนวิธีฟ้อนรำ จึงจะแต่งได้ ส่วนการแต่งสำหรับอ่าน แต่งได้ง่าย คือแต่งเป็นกลอนไปตามเรื่องก็ใช้ได้ ไม่ต้องนึกถึงกระบวนวิธีรำ ตลอดจนหน้าพาทย์ หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ เล่าเรื่องเป็นกลอนเท่านั้นเอง เรื่องที่แต่งสำหรับอ่านอย่างนี้ ถ้าจะเอามาเล่นเป็นละครรำ ก็ต้องปรับปรุงกันใหม่ จึงจะเล่นละครรำได้

กลอนที่แต่งเป็นนิทานสำหรับอ่านมีมาก เรียกกันว่า เรื่องประโลมโลก และมักจะเรียกว่าเรื่อง "จักรๆ วงศ์ๆ" เพราะตัวเอกของเรื่องเกือบทุกเรื่องเป็นโอรสกษัตริย์ ซึ่งในชื่อมักจะมีคำว่า "จักร" หรือ "วงศ์" อยู่ด้วย เข่น "จ์กรแก้ว" "วงศ์สวรรค์" "จันทวาด" อะไรทำนองนี้ ส่วนการดำเนินเรื่องอยู่ในเค้าที่ว่า นางเอกเป็นธิดายักษ์ แต่ว่าสวยอย่างมนุษย์ พระเอกมีฤทธิ์ เหาะไป "ได้ลูกสาวยักษ์แล้วฆ่าพ่อตาตาย" แบบนี้เป็นส่วนมาก เรื่องที่แต่งนั้นแต่งตามนิทานเก่าที่มีอยู่แล้วก็มี หรือคิดขึ้นใหม่ก็มี แต่มักจะอยู่ในเค้าตามที่กล่าวแล้วทั้งสิ้น ส่วนกลอนก็ดีบ้าง ขัดๆ เขินๆ ไม่ดีบ้าง สุดแต่ผู้แต่งจะสันทัดจัดเจนทางกลอนมากหรือน้อย การเป็นดังนี้เรื่อยมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๓

ก็เกิด "หนังสือคำกลอนนิทานประโลมโลก แปลกกว่าเรื่องอื่นๆ ขึ้นเรื่องหนึ่ง คือเรื่อง "พระอภัยมณี" และผู้ให้กำเนิดเรื่องนี้คือสุนทรภู่

ที่ว่าเรื่องแปลกก็คือ การวางโครงเรื่องที่คิดแต่งขึ้นนั้นเป็นเรื่องอย่างธรรมดามนุษย์ ไม่มีเหาะเหินเดินอากาศ ไม่มีฤทธิ์แผลงศร ไม่มีรบยักษ์ เรื่องบางตอนจะผิดธรรมดาไปบ้าง ก็เป็นส่วนเล็กน้อย และมีเค้ามูล เช่น มีนางผีเสื้อยักษ์อยู่ในทะเล ก็เป็นเรื่องที่เชื่อๆ กันว่า ในน้ำมี "ผีเสื้อน้ำ" มาแต่โบราณ และสุดสาครขี่ม้ามังกร ก็มีเค้าเรื่องม้าปีกม้าน้ำเป็นนิทานอยู่ทางมหาสมุทรอินเดีย การรบกัน ตัวแสดงก็ใช้อาวุธธรรมดา นอกจากนี้ ยังวางโครงเรื่องเข้าหาสมัยใหม่ เช่น มีฝรั่ง มีกำปั่นเดินทะเล รบกันในทะเล และตีบ้านเมืองโดยใช้ป็นยิงต่อสู้กัน การวางเรื่องเกี๋ยวกับท้องทะเลเป็นส่วนใหญ่ ไปมาหากันโดยใช้เรือสำเภาหรือกำปั่น ไม่เดินน้ำหรือเหาะเหินเดินอากาศอย่างเรื่องอื่นๆ นั้น เห็นจะเป็นด้วยสุนทรภู่ไปเห็นทะเล และชอบทะเลมาตั้งแต่คราวไปเมืองแกลง ดังมีกล่าวในนิราศเมืองแกลง ซึ่งสุนทรภู่แต่งเป็นครั้งแรกว่า


              "ชวนกันไปชมทะเลทุกเวลา เห็นเงื้อมเขาเงาบังขึ้นนั่งเล่น
              ลมเย็นเย็นอยากดูหมู่มัจฉา      แลตลิ่งโล่งลิ่วทิวชลา
              ดูนาวาแล่นละเลาะริมเกาะเกียน      บ้างก้าวเสียดเฉียดทางไปข้างเขา
              บ้างออกเข้าข้ามฟากดังฉากเขียน      เรือตระเวนเจนแดนเที่ยวแล่นวียน
              ดาษเดียรตดูสล้างกลางชลา"   .


เหตุนี้เมื่อสุนทรภู่คิดแต่งเรื่องเอง จึงเอาทะเลเป็นฉาก ดังจะเห็นได้จากเรื่อง "สิงหไตรภพ" ซึ่ง สุนทรภู่ แต่งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๒ พอจับเรื่องก็กล่าวถึงทะเลทีเดียว "ว่ายังมีโจราอยู่ห้าร้อย เที่ยวล่องลอยในมหาชลาหลวง เห็นพาณิชน้อยใหญ่ไล่ทะลวง เข้าชิงช่วงรบริบอาเงินทอง"

เรื่อง สิงหไตรภพ นี้ โครงเรื่องยังเป็นแบบเก่าอยู่มาก ในสมัยรัชกาลที่ ๒ นั้น เริ่มมีฝรั่งเข้ามาติดต่อถึงราชสำนักมาก มีโปรตุเกส อังกฤษ และอเมริกัน สุนทรภู่ รับราชการเป็นอาลักษณ์ใกล้ชิดพระองค์ จะต้องได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับฝรั่งมาก และสมัยนั้นการค้าสำเภาทางอินเดียก็ทำกันมาก กำปั่นแขกคงเข้ามาเสมอๆ เป็นผลให้สุนทรภู่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับแขกฝรั่งมาก เหตุนี้เอง คงจะทำให้สุนทรภู่เกิดความคิดที่จะแต่งนิทานเป็นกลอนขึ้นใหม่ ให้เป็นเรื่องสมสมัย เรื่อง "พระอภัยมณี" จึงเกิดขึ้น ด้วยเค้าโครงเรื่องใหม่เอี่ยม ทันสมัยประเสริฐสุด แต่การแต่งเป็นกลอน คงจะแต่งในสมัยรัชกาลที่ ๓ เมื่อสุนทรภู่ออกจากราชการแล้ว

ว่าถึงกลอน สุนทรภู่เป็นคนแต่งกลอนดีอยู่แล้ว คือแต่งเล่นสัมผัสในให้ไพเราะเพราะพริ้ง เล่นอักษรเล่นคำโดยใช้คำธรรมดาสามัญง่ายๆ ฟังราบรื่นสนิทหู ทั้งบรรจงแต่งด้วย จึงเป็นกลอนที่วิเศษนัก สรุปความว่า "พระอภัยมณี" ของสุนทรภู่เป็นเรื่องประโลมโลกที่วิเศษประเสริฐสุด ทั้งโครงเรื่องและกระบวนกลอน เป็นเพชรเม็ดหนึ่งของไทยที่แจ่มจรัสรุ่งโรจน์อยู่ในโลกวรรณคดี

หมายเหตุ: "สิงหไตรภพ" สะกดคำไปตามต้นฉบับ



......................................

ที่มา - (ประวัติ เเละวรรณคดีไทย) ชัยพฤกษ์  ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๖ ออก ๑๕ มีนาคม ๒๕๐๕ ต้นฉบับของครูวิน เลขะธรรม
เรื่อง - ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์)
มูลนิธิเหม เวชกร (เรื่อง/ภาพ)
เรียบเรียง - Niramol Niramol

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 มกราคม 2566 13:35:31 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.309 วินาที กับ 30 คำสั่ง

Google visited last this page 16 พฤศจิกายน 2567 11:20:31