กสม. แถลง ตำรวจ-ครู-อาจารย์ 'ขัดขวาง' เยาวชนชุมนุมโดยสงบ เท่ากับ 'ละเมิดสิทธิ'
<span class="submitted-by">Submitted on Thu, 2023-10-19 17:15</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>กสม. ชี้ กรณีตำรวจและบุคลากรทางการศึ<wbr></wbr>กษา ครู อาจารย์ ขัดขวาง-คุกคามการชุมนุ<wbr></wbr>มโดยสงบของเยาวชน เท่ากับเป็นการละเมิดสิทธิ พบตำรวจใช้กำลังจับกุมเยาวชนด้วยความรุนแรง ไม่แจ้งสิทธิระหว่างจับกุม หรือใช้สายรัดพลาสติรัดข้อมือระหว่างควบคุมตัว</p>
<p> </p>
<p>19 ต.ค. 2566 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ครั้งที่ 38/2566 วสันต์เปิดเผยว่า กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อเดื<wbr></wbr>อนสิงหาคม 2564 จากผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า นับตั้งแต่เกิดการชุมนุมที่ส่<wbr></wbr>วนใหญ่มีเด็กเข้าร่วมการชุมนุ<wbr></wbr>มเป็นจำนวนมาก เมื่อปี 2563 – 2564 ได้มีเด็กบางส่วนแสดงออกถึงปั<wbr></wbr>ญหาที่เกี่ยวข้องกับตนเองทั้<wbr></wbr>งในโรงเรียนและพื้นที่สาธารณะ แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่<wbr></wbr>ตำรวจและบุคลากรทางการศึกษาข่<wbr></wbr>มขู่ คุกคาม ใช้ความรุนแรง รวมทั้งใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อปราบปรามการแสดงออกของเด็ก ผู้ร้องเห็นว่าการกระทำดังกล่<wbr></wbr>าวส่งผลให้เกิดความกั<wbr></wbr>งวลและความหวาดกลัวต่อเด็กที่<wbr></wbr>จะใช้สิทธิและเสรีภาพของตน จึงขอให้ตรวจสอบ</p>
<p>กสม. ได้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์<wbr></wbr>และลงพื้นที่สังเกตการณ์การชุ<wbr></wbr>มนุม พิจารณาหลักกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน ตลอดจนข้อเท็จจริงจากหน่<wbr></wbr>วยงานและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่<wbr></wbr>ายแล้ว มีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ตำรวจและบุ<wbr></wbr>คลากรทางการศึกษาได้กระทำหรื<wbr></wbr>อละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิ<wbr></wbr>ดสิทธิมนุษยชนต่อเด็กที่<wbr></wbr>ออกมาใช้เสรีภาพในการแสดงความคิ<wbr></wbr>ดเห็นและเสรีภาพในการชุมนุม หรือไม่ โดยเห็นว่าอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิ<wbr></wbr>เด็ก (CRC) กำหนดว่า เด็ก หมายถึง มนุษย์ทุกคนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี การกระทำทั้งปวงที่เกี่ยวกับเด็<wbr></wbr>กนั้น ผลประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสิ่<wbr></wbr>งที่ต้องคำนึงถึงเป็นลำดับแรก เด็กมีสิทธิแสดงความคิดเห็นได้<wbr></wbr>อย่างเสรีในทุก ๆ เรื่องที่มีผลกระทบต่อตนเอง ทั้งยังมีเสรีภาพในการแสดงออก การสมาคม และการชุมนุมโดยสงบ และจะไม่ถูกแทรกแซงโดยไม่ชอบด้<wbr></wbr>วยกฎหมายในความเป็นอยู่ส่วนตัว ครอบครัว เกียรติยศ ชื่อเสียง และมีสิทธิที่จะได้รับการคุ้<wbr></wbr>มครองจากความรุนแรงทั้งทางร่<wbr></wbr>างกายและจิตใจ ทั้งนี้ในการจับกุม กักขัง หรือจำคุกเด็กต้องเป็<wbr></wbr>นไปตามกฎหมาย โดยจะใช้เป็นมาตรการสุดท้<wbr></wbr>ายและให้มีระยะเวลาที่สั้นที่สุ<wbr></wbr>ด โดยต้องถูกแยกและได้รับการปฏิบั<wbr></wbr>ติที่แตกต่างจากผู้ใหญ่</p>
<p>ขณะที่พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็<wbr></wbr>ก พ.ศ.2546 ประกอบกับพระราชบัญญัติ<wbr></wbr>ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิ<wbr></wbr>จารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 ได้กำหนดหลักการที่สอดคล้องกั<wbr></wbr>นกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก โดยกำหนดห้ามไม่ให้จับกุมเด็ก (ผู้ที่อายุต่ำกว่า 15 ปี) ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด เว้นแต่เด็กนั้นได้กระทำความผิ<wbr></wbr>ดซึ่งหน้า หรือมีหมายจับหรือคำสั่งของศาล ส่วนการจับกุมเยาวชน (ผู้ที่อายุ 15 ปีขึ้นไปจนถึง 18 ปี) ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดให้<wbr></wbr>เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิ<wbr></wbr>จารณาความอาญา ซึ่งในการจับกุมเด็กต้<wbr></wbr>องกระทำอย่างละมุนละม่อมและคำนึ<wbr></wbr>งถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์<wbr></wbr>ของเด็ก โดยเด็กต้องได้รับแจ้งการจับ ได้รับแจ้งข้อกล่าวหา รวมทั้งสิทธิตามกฎหมายด้วย</p>
<p>จากการตรวจสอบ กสม. มีความเห็นในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิ<wbr></wbr>มนุษยชนต่อเด็กที่ออกมาใช้เสรี<wbr></wbr>ภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรี<wbr></wbr>ภาพในการชุมนุม สรุปได้ดังนี้</p>
<p>(1) ประเด็นการจับกุมเด็ก ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในช่วงที่เด็กออกมาใช้เสรี<wbr></wbr>ภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรี<wbr></wbr>ภาพในการชุมนุมอย่างแพร่<wbr></wbr>หลายในพื้นที่สาธารณะ ระหว่างปี 2563 – 2564 พบกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้<wbr></wbr>กำลังเข้าจับกุมเด็กด้วยความรุ<wbr></wbr>นแรงเกินกว่าเหตุเป็นจำนวนมาก บางรายไม่ได้รับการแจ้งสิทธิ<wbr></wbr>ระหว่างจับกุม พบการรัดข้อมือเด็กด้วยสายรั<wbr></wbr>ดพลาสติกระหว่างควบคุมตัว และโดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าหน้าที่<wbr></wbr>ตำรวจไม่ได้ใช้ความระมัดระวั<wbr></wbr>งอย่างเพียงพอในการตรวจสอบว่าผู้<wbr></wbr>ถูกจับกุมเป็นบุคคลที่อายุต่ำ<wbr></wbr>กว่า 18 ปีหรือไม่ ทำให้เด็กถูกควบคุมตัวรวมกับผู้<wbr></wbr>ถูกจับกุมที่เป็นผู้ใหญ่ อันเป็นการกระทำที่ไม่สอดคล้<wbr></wbr>องตามพระราชบัญญัติ<wbr></wbr>ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิ<wbr></wbr>จารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 และ “หลักประโยชน์สูงสุดของเด็ก” ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายและกติ<wbr></wbr>การะหว่างประเทศ</p>
<p>(2) ประเด็นการดำเนินคดีอาญาต่อเด็ก นับตั้งแต่ ปี 2563 ถึงต้นปี 2566 มีเด็กประมาณ 300 คน ถูกดำเนินคดี<wbr></wbr>จากการแสดงออกและการชุมนุม โดยเด็กบางรายถูกกล่าวหาว่<wbr></wbr>ากระทำความผิดหลายคดี ฐานความผิดส่วนใหญ่มีโทษจำคุก ในจำนวนนี้มีหลายฐานความผิดที่<wbr></wbr>กำหนดโทษไว้สูง และประมาณสามในสี่ของคดีทั้<wbr></wbr>งหมดเป็นความผิดฐานฝ่าฝืนข้<wbr></wbr>อกำหนดที่<wbr></wbr>ออกตามพระราชกำหนดการบริ<wbr></wbr>หารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548) ในห้วงสถานการณ์การแพร่<wbr></wbr>ระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ยกเลิ<wbr></wbr>กการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้<wbr></wbr>วตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ดังนั้น คดีที่ยังคงค้างอยู่<wbr></wbr>ในกระบวนการพิจารณาคดีชั้นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชั้นสอบสวนของเจ้<wbr></wbr>าหน้าที่ตํารวจ และพนักงานอัยการ หรือการพิจารณาคดีของศาล จึงอาจไม่มีความจําเป็นที่จะต้<wbr></wbr>องดําเนินการต่อไปอีก</p>
<p>รวมทั้งหากพิจารณาชั่งน้ำหนั<wbr></wbr>กอย่างถี่ถ้วนเพื่อประเมิ<wbr></wbr>นผลประโยชน์ที่สังคมจะได้รั<wbr></wbr>บจากการดําเนินคดีต่อเด็กกั<wbr></wbr>บผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเด็<wbr></wbr>กหากปล่อยให้เด็กที่ถูกดําเนิ<wbr></wbr>นคดีดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุ<wbr></wbr>ติธรรมทางอาญาไปจนจบสิ้<wbr></wbr>นกระบวนการทุกรายแล้ว ก็อาจเล็งเห็นได้ว่าจะไม่เกิ<wbr></wbr>ดผลดีกับเด็กมากนัก และอาจเป็นการปฏิบัติที่ไม่<wbr></wbr>สอดคล้องกับ “หลักประโยชน์สูงสุดของเด็ก” ตามที่กําหนดไว้ในอนุสัญญาว่าด้<wbr></wbr>วยสิทธิเด็ก และพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546</p>
<p>(3) ประเด็นการข่มขู่คุกคามเด็ก จากการตรวจสอบพบว่า ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ปรากฏพฤติการณ์ของบุ<wbr></wbr>คลากรทางการศึกษามากกว่า 100 กรณี แสดงออกในลักษณะของการสั่งห้าม ขัดขวาง ตำหนิด้วยถ้อยคำรุนแรง ยึดอุปกรณ์และสิ่งของ หรืออนุญาตให้เจ้าหน้าที่<wbr></wbr>ตำรวจเข้ามาสอดส่องและกดดันนั<wbr></wbr>กเรียนภายในโรงเรียน เพื่อไม่ให้ทำกิจกรรมทางการเมื<wbr></wbr>องหรือเรียกร้องต่าง ๆ ส่วนกรณีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการเข้าไปถ่ายภาพนักเรียนที่<wbr></wbr>จัดกิจกรรมในสถานศึกษา มีการกดดันผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรทางการศึกษา รวมถึงครอบครัวของนักเรียนไม่<wbr></wbr>ให้จัดหรือเข้าร่วมกิ<wbr></wbr>จกรรมและการชุมนุม รวมทั้งมีการเฝ้าติดตามเด็กที่<wbr></wbr>เคยร่วมกิจกรรมทางการเมืองอย่<wbr></wbr>างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับหน้<wbr></wbr>าที่พื้นฐานของรัฐที่จะต้<wbr></wbr>องละเว้นไม่เข้าไปแทรกแซงการใช้<wbr></wbr>สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิ<wbr></wbr>ดเห็น การแสดงออก และการชุมนุมโดยสงบโดยไม่มีเหตุ<wbr></wbr>จำเป็น ทั้งยังกระทบต่อสิทธิในความเป็<wbr></wbr>นอยู่ส่วนตัวของเด็ก จึงรับฟังได้ว่าเป็นการกระทำอั<wbr></wbr>นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน</p>
<p>ด้วยเหตุผลข้างต้น กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้<wbr></wbr>มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566 จึงมีมติให้มีข้อเสนอแนะในการป้<wbr></wbr>องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิ<wbr></wbr>มนุษยชนต่อสำนักงานตำรวจแห่<wbr></wbr>งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ สภาผู้แทนราษฎร กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการพัฒนาสั<wbr></wbr>งคมและความมั่นคงของมนุษย์ สรุปดังนี้</p>
<p>(1) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ดำเนินการกำชับให้เจ้าหน้าที่<wbr></wbr>ตำรวจใช้ความระมัดระวังในการใช้<wbr></wbr>กำลังจับกุมผู้ชุมนุม โดยต้องตรวจสอบก่อนว่าผู้ที่<wbr></wbr>กำลังจะจับกุมเป็นบุคคลที่อายุ<wbr></wbr>ต่ำกว่าสิบแปดปีหรือไม่ หากเป็นการจับกุมเด็<wbr></wbr>กและเยาวชนจะต้องกระทำโดยละมุ<wbr></wbr>นละม่อม คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุ<wbr></wbr>ษย์ และพอสมควรแก่เหตุกับพฤติการณ์<wbr></wbr>ของผู้ถูกจับ โดยต้องแจ้งให้ผู้ปกครองหรือผู้<wbr></wbr>ที่เด็กและเยาวชนไว้วางใจทราบถึ<wbr></wbr>งการจับกุมและสถานที่ที่ถู<wbr></wbr>กควบคุมตัวทันที งดเว้นการใช้เครื่องพันธนาการกั<wbr></wbr>บเด็กและเยาวชนทั้งในขณะที่จั<wbr></wbr>บกุมและระหว่างควบคุมตัว แยกพื้นที่ควบคุมตัวผู้ต้<wbr></wbr>องหาเด็กไม่ให้ปะปนกับผู้ใหญ่ งดเว้นการเข้าไปติดตาม สอดส่อง หรือรบกวนพื้นที่ชีวิตส่วนตั<wbr></wbr>วเกินกว่าเหตุโดยไม่มีกฎหมายให้<wbr></wbr>อำนาจ รวมทั้งเร่งรัดการสืบสวนหาข้<wbr></wbr>อเท็จจริงกรณีเจ้าหน้าที่<wbr></wbr>ตำรวจปฏิบัติงานอันเป็นการละเมิ<wbr></wbr>ดสิทธิมนุษยชนต่อเด็<wbr></wbr>กและเยาวชนในการชุมนุมระหว่างปี 2563-2564 หากพบว่าเจ้าหน้าที่ตํารวจผู้<wbr></wbr>ใดกระทําการดังกล่าว ก็ให้ดําเนินการลงโทษตามสัดส่<wbr></wbr>วนของความรับผิดเพื่อป้<wbr></wbr>องปรามเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ใช้<wbr></wbr>ความระมัดระวังในการปฏิบัติต่<wbr></wbr>อเด็กและเยาวชนให้สอดคล้องกั<wbr></wbr>บกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนอย่<wbr></wbr>างเคร่งครัด</p>
<p>(2) กระทรวงศึกษาธิการ ทบทวนและเพิ่มเติมมาตรการกำกั<wbr></wbr>บดูแลสถานศึกษาในสังกัดเพื่อสร้<wbr></wbr>างหลักประกันไม่ให้เกิดกรณี<wbr></wbr>การข่มขู่ คุกคาม หรือลงโทษนักเรียนที่เข้าร่<wbr></wbr>วมการชุมนุมหรือแสดงออกถึ<wbr></wbr>งประเด็นปัญหาต่าง ๆ และเปิดโอกาสให้มีการรับฟั<wbr></wbr>งความคิดเห็นของนักเรี<wbr></wbr>ยนตามแนวทางที่กระทรวงศึกษาธิ<wbr></wbr>การกำหนดไว้อย่างสม่ำเสมอ </p>
<p>(3) สภาผู้แทนราษฎร ควรเร่งดำเนินการศึกษาข้อมู<wbr></wbr>ลและข้อเท็จจริงในรายละเอียดเกี่<wbr></wbr>ยวกับสถานการณ์ของเด็<wbr></wbr>กและเยาวชนที่ถูกดำเนินคดี เพื่อให้เกิดการตรากฎหมายยุติ<wbr></wbr>การดำเนินคดีต่อเด็กและเยาวชน รวมทั้งการนิรโทษกรรมให้แก่เด็<wbr></wbr>กและเยาวชนที่ได้ถูกกล่าวหาว่<wbr></wbr>ากระทำความผิดตามกฎหมาย ในช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา เพื่อให้การปฏิบัติในส่วนที่เกี่<wbr></wbr>ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมไม่<wbr></wbr>เป็นภาระต่อเด็กเกินสมควร</p>
<p>ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการพัฒนาสั<wbr></wbr>งคมและความมั่นคงของมนุษย์ เร่งดำเนินการตามข้อเสนอแนะที่ กสม. ได้เสนอไว้จากการประชุมเพื่<wbr></wbr>อแสวงหาทางออกกรณีสิทธิเด็กกั<wbr></wbr>บสถานการณ์การชุมนุม และการลงพื้นที่สังเกตการณ์<wbr></wbr>การชุมนุมแต่ละครั้งเพื่อสอดส่<wbr></wbr>องดูแล และร่วมกันวางแนวปฏิบัติต่อเด็<wbr></wbr>กในพื้นที่การชุมนุมให้เป็<wbr></wbr>นไปอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับกฎหมายและหลักสากล</p>
<p> </p>
<p style="text-align:justify; margin:0cm"> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/10/106429