คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ
เป็นคาถากรรมฐานเหมือนพุทโธ.. เหมือนอิติปิโสภควา..
พอท่านทำกรรมฐานเป็นฌาน ๔ ท่านบอกอย่างนั้นนะ
เป็นประกายพรึกแบบนี้.. มีอยู่รายหนึ่ง เอาที่ไปจำนองธนาคารไว้ (นี้หลวงพ่อฤาษีฯ เล่าให้ฟัง)
มันจะขาดอีกอาทิตย์หนึ่งเนี่ย เพิ่งรู้ตัวหาเงินให้เค้าไม่ได้ ก็เอาเรื่องมาบอกนายห้างประยงค์
บอกนายห้างเป็นคนดีช้วยไถ่เอาไว้ แล้วนายห้างก็เอาไปเถอะฉันไม่เอาอะไรหรอก
ก็ยังไงฉันก็สูญเปล่าอยู่แล้วคุณประยงค์ก็ให้เงินโยมคนนั้นไปใช้ตามสมควรและก็ไปไถ่โฉนดมา
สมมุติโฉนดราคาหนึ่งล้านบาท หลายสิบไร่ ก็ปรากฏพอมาอยู่ในอำนาจคุณประยงค์ประมาณครึ่งเดือน
คนจีนใต้หวันจะมาสร้างโรงงานแถวที่ดินตรงนั้น หาที่ดินไม่ได้สมัยก่อนก็ไม่อยากจะสร้าง
อยากจะมาสร้างตอนนี้ก็มาขอซื้อกับคุณประยงค์ได้ราคาเพิ่มเป็น๕เท่าตัว
ทำไมหละ! สมมุติท่านทำบุญไป๕แสนบาทใจผ่องใสปั๊บ!
แล้วซื้อที่ดินมาอีกสามล้าน ได้มาเป็นสิบล้านมันสองเท่า สามเท่าของห้าแสนใหม
ลาภจะมาแบบนี้..
คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ เป็นคาถากรรมฐานเหมือนพุทโธ..
เหมือนอิติปิโสภควา.. แต่อันนี้ท่องไปแล้วนึกถึงพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วศัพท์เสียงคาถานี้
ไม่เพราะเหมือนอิติปิโสภควา เป็นคาถาโบราณ ห้ามแปล!
ตอนท่องคาถาต้องท่องให้เป็นกรรมฐาน ให้จิตผ่องใส มีศีลห้าบริสุทธิ์อยู่แล้ว เคารพพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์อยู่แล้ว เชื่อมั่นในพระนิพพาน นใพรหมเทวดา
ในคุณความดีของพ่อแม่ในอดีตชาติอยู่แล้ว เริ่มเบื่อหน่ายร่างกาย อยากจะไปนิพพานอยู่บ้าง
ตามสมควรแล้ว ถึงจะได้ผลแบบคุณประยงค์ ลืมบอกไปว่า
คนที่เจริญคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า มีกฏอยู่อย่างนึงคือ ต้องใส่บาตรทุกเช้า
ใส่บาตรให้พระสงฆ์ที่ผ่านมาหน้าบ้าน