[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 12:57:25 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 4Kings 2: เรื่องเข้มการแสดงข้น ชวนถกปัญหาของคนไร้ต้นทุน การกำเนิด Joker เมืองไทย  (อ่าน 339 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5162


ระบบปฏิบัติการ:
Linux Linux
เวบเบราเซอร์:
Chrome 90.0.4430.210 Chrome 90.0.4430.210


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 03 ธันวาคม 2566 09:48:10 »




<a href="https://www.youtube.com/v//j7VSRWojTT4" target="_blank">https://www.youtube.com/v//j7VSRWojTT4</a> 

<a href="https://www.youtube.com/v//YhWg8iFGiPo" target="_blank">https://www.youtube.com/v//YhWg8iFGiPo</a> 

<a href="https://www.youtube.com/v//Vuo7K1V8BkY" target="_blank">https://www.youtube.com/v//Vuo7K1V8BkY</a> 



[รีวิว] 4Kings 2: เรื่องเข้มการแสดงข้น ชวนถกปัญหาของคนไร้ต้นทุน กับการกำเนิด Joker เมืองไทย



เรื่องย่อ: เมื่อเด็กของกนกอาชีวะถูกลอบทำร้ายจนเกือบตาย สงครามระหว่างสถาบันกับช่างกลบุรณพนธ์ที่เป็นคู่แค้นจึงระอุ โดยทั้งสองโรงเรียนต่างไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น อยู่ในสายตาของพวกเด็กบ้านสุดป่วนตั้งแต่ต้น

ท่ามกลางกระแสความนิยมที่สูงของหนังไทยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลายคนเชื่อว่ากระแสคนไทยดูหนังไทยก็น่าจะเป็นแรงส่งให้หนังอย่าง ‘4Kings 2’ ซึ่งภาคแรกเป็นหนังไทยทำเงินสูงสุดของปีเอาชนะความหวาดวิตกของคนต่อโรคระบาดโควิด-19 ในช่วงแพร่ระบาดหนักไปได้ เรียกว่าเอาชนะความตายได้สำเร็จ

แต่ในปีนี้แม้แรงเสริมจากชื่อเสียงในภาคแรกจะเป็นต้นทุนที่ดี ทว่าหนังก็เจอกระแสความรุนแรงของเด็กช่างกลที่เกิดขึ้นในหน้าข่าวไม่เว้นแต่ละวันก็ดูจะเป็นแรงต้านให้คนรู้สึกไม่ดีกับตัวหนังไปด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดีตัวหนังมันก็พิสูจน์ตัวของมันเองว่ามันเป็นหนังที่ดูได้สนุก ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยหรือไม่ กับประเด็นเด็กช่างกลในโลกความจริงก็ตาม แต่สำหรับว่าหนังจะประสบความสำเร็จเหมือนภาคแรกหรือไม่นั้น ก็ต้องลุ้นที่พลังของแฟนหนังอยู่ไม่น้อยในช่วงกราฟรายได้หนังไทยอยู่ในช่วงตกลงต่อเนื่อง


<a href="https://www.youtube.com/v//65JSdm3X8TY" target="_blank">https://www.youtube.com/v//65JSdm3X8TY</a> 

หลังจาก ‘4Kings อาชีวะยุค 90s’ (2564) ได้สร้างชื่อให้ค่ายหนังหน้าใหม่อย่างเนรมิตรหนังฟิล์ม และชื่อของผู้กำกับพุฒิพงศ์ นาคทอง กลายเป็นที่รู้จัก แน่นอนว่าความสำเร็จจากภาคแรกทำให้หนังภาคต่อเรื่องนี้อาจมีภาษีที่ดีกว่ามากทั้งเงินทุน ความเชื่อมั่นของทีมงานและนักแสดงที่จะมาร่วมสร้าง แต่ที่น้อยลงกว่าเดิมก็คือเวลาในการตกตะกอนไอเดียต่าง ๆ ให้หนังภาคต่อมีที่ทางของตนเองชัดเจนไม่ใช่เพียงการเดินซ้ำรอยภาคแรก

จากภาคแรกเราได้รับการแนะนำโลกทัศน์ของหนังว่ามีสถาบันการศึกษาที่เป็นอริ 4 เส้าอย่าง อินทรอาชีวะ, เทคโนโลยีประชาชล (ที่แผลงชื่อจาก เทคโนโลยีประชาชื่น), กนกอาชีวะ และช่างกลบูรณพนธ์ โดยมุ่งเน้นไปที่ความขัดแย้งระหว่างอินทรอาชีวะกับเทคโนโลยีประชาชลเป็นหลัก ทำให้ภาคต่อนี้จึงยังคงสดใหม่ด้วยการนำเสนอคู่แค้นคู่ใหม่อย่างกนกอาชีวะกับช่างกลบูรณพนธ์ โดยมีตัวเชื่อมทั้ง 2 ภาคเป็นกลุ่มเด็กบ้านที่ออกตัวว่าเกลียดพวกเด็กช่างกลทุกสถาบันเป็นตัวสอดแทรกความขัดแย้ง

ซึ่งความขัดแย้งใหม่ที่หนังนำเสนอก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย โดยเส้นเรื่องหลักคือการล้างแค้นไปมาแบบผิดตัวเพราะคนร้ายที่แท้จริงนั้นคอยป่วนอยู่เบื้องหลัง และการแสดงของบิ๊ก-ดี เจอร์ราร์ด ในบท ยาท เด็กบ้าน ก็พยุงหนังในส่วนนี้ได้อย่างเข้มข้น แม้ว่าดีไซน์ของยาทจะมีแรงบันดาลใจจากตัวละครแบบ โจ๊กเกอร์ ทว่าบิ๊กก็ยังเพิ่มสีสันให้มันเป็นทั้งความคลั่งแค้น เจ็บปวดของผู้คนที่ไร้ทางเลือกในชีวิตที่ทำให้เราหวาดกลัวและสงสารเขา ไปจนระดับยียวนกวนประสาทและเลวเข้าขั้นที่ทำให้เราก็รักเขาไม่ลง ใครได้ดูก็คงบอกตรงกันว่ายาทคือตัวเอกจริง ๆ ของหนังเพียงเขาไม่ได้เคลื่อนเรื่องในฉากหน้า แต่ขับเรื่องอยู่เบื้องหลังแบบคู่ขนานได้อย่างน่าสนใจ



ยาท ยังเป็นตัวแทนของคนส่วนล่างของสังคม ที่ช่วงหลังเราก็มักมีคำถามแบบ คนที่ไร้โอกาสเขาจะมีทางเลือกในชีวิตบ้างไหม ซึ่งตัวยาทก็เหมือนจะชวนเราคิดไปพร้อมกันว่าคนที่มันขาดต้นทุนในชีวิต มันก็อับจนหนทางในชีวิตเอาเสียจริง หันไปทางไหนก็มีแต่ความเจ็บปวด แม้เขาจะไม่ได้เลวชั่วช้าโดยสันดานก็ตาม แต่โลกก็จะถีบให้เขามีทางเลือกที่ทุกคนรังเกียจอยู่ดี

ด้วยความที่ตัวละครยาทแข็งแรงมาก มันจึงพาเราไปเปรียบเทียบกับตัวละครอื่น ๆ แล้วขับให้ตัวละครอื่นเด่นขึ้นตามด้วย ทั้ง บ่าง กนก ที่แสดงโดย แหลม-สมพล รุ่งพาณิชย์ ที่ชีวิตก็มีต้นทุนต่ำไม่ต่างจากยาททั้งเขายังเป็นเพื่อนในวัยเด็ก แต่การเลือกเข้าเรียนอาชีวะน่าจะเป็นทางเลือกที่ทำให้เขาหลุดจากปัญหาทว่าก็กลายเป็นเขาติดกับอยู่กับวังวนของปัญหาใหม่ และเมื่อเกิดความขัดแย้งกับยาทมันก็สร้างเส้นเรื่องรองของบ่างที่เข้มข้นทีเดียว ทั้งปมกับพ่อและพี่สาว รวมถึงเพื่อนและศักดิ์ศรีสถาบัน และต้องยอมรับว่าการแสดงด้วยสายตาของแหลมนั้นมันเอาอยู่ทุกครั้งที่เขาจ้องมองเพื่อสื่อสารทั้งความโหดและความบอบช้ำภายใน โดดเด่นมาก ๆ ทีเดียว

เช่นกันตัวละคร รก บู ที่แสดงโดย จี๋-สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร ก็เป็นตัวละครที่ถูกสร้างมาเปรียบเทียบกับยาท ว่าถึงบ้านเขาจะมีฐานะดี มีต้นทุนชีวิตดี แต่ก็ใช่ว่าเขาจะมีความสุขหรือเลือกทางเดินที่ดีที่ฉลาดกว่าได้ ซึ่งบทสรุปของรกก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว เพราะมันทำให้การมองปัญหาช่างกลตีกันนั้นมันกว้างกว่าแค่เด็กถูกหล่อหลอมจากรุ่นพี่แล้วไปตีกัน





นอกจากนี้ในหนังภาคนี้ ยังเต็มไปด้วยการปะทะทางอารมณ์ของนักแสดงที่ใส่พลังกระแทกแบบไม่ยอมกัน ทำให้อุณหภูมิเรื่องมันเดือดและเข้มข้นตลอดเวลา โดยไม่ต้องมีฉากบู๊ฟาดฟันกันหนักเลย ทั้งนักแสดงตัวหลักที่เราพูดมา และนักแสดงสมทบทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ที่หลายคนก็มาเป็นเซอร์ไพรส์ที่ต้องให้ไปลุ้นในหนังเอาเองว่าจะมีใครมาปรากฏตัวบ้าง เรียกว่ามีให้ว้าวตั้งแต่ฉากแรกยันฉากสุดท้ายเลยทีเดียว

แม้วิธีการเล่าหรือการเรียงอารมณ์ของหนังจะไม่ได้ต่างกันมาก หากเอามานั่งดูความหนักเบาของการเล่าเทียบกับภาคก่อนหน้าก็แทบจะเป็นเส้นกราฟเดียวกันเลย ทว่าสิ่งที่หนังพัฒนาขึ้นมากคือความเข้มข้นที่เราหวังจะได้ดูตั้งแต่ในภาคแรกแต่หนังหลบเลี่ยงไปตลอด ภาคนี้เราได้สมใจแล้วเพราะมันเอาตั้งแต่ฉากแรก ๆ ที่ฟันกันอวัยวะขาดโชว์เลย นอกจากนี้หนังยังดูกลมขึ้นลงตัวขึ้นให้น้ำหนักและความสำคัญของตัวละครจำนวนมากได้ดีกว่าภาคแรกด้วย ถ้าให้นึกพัฒนาการที่ชัดที่สุดคงต้องบอกว่า ทีมสร้างกล้าเล่ามากขึ้น ไม่กลัวจะโดนแบนโดนเซนเซอร์มากด้วยความเป็นหนังภาคต่อที่มีหนังเดิมกรุยทางมาแล้วด้วยนั่นเอง

แต่กระนั้นความย้วยของหนังก็ยังมีอยู่ อาจจะเป็นเอกลักษณ์ของพุฒิพงศ์ที่ชอบเล่าช้า ๆ ให้เวลากับบางจังหวะนานเป็นพิเศษ ทำให้หนังยังคงยาวไปถึง 2 ชั่วโมงกว่า ทั้งที่จริงสักเกือบ ๆ 2 ชั่วโมงอาจสวยกว่า และแม้จะยังรู้สึกยาวไป แต่ก็มีหลายฉากที่ยังถูกตัดจบห้วน ๆ เล่าข้ามแบบค้านความรู้สึกคล้ายที่มีในหนังภาคแรกเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงท้ายของหนังนั้นเป็นบ่อยมากจนน่าเสียดาย

ใด ๆ นี่เป็นหนังที่ให้ความรู้สึกว่า คนเล่ารู้จริงในสิ่งที่เขากำลังเล่าอยู่ ดังนั้นมันจะยืดมันจะห้วนแต่มันก็ไม่ทำลายความสมจริงของเรื่องราว แถมการคัดสรรนักแสดงมาเล่นก็เป็นสิ่งที่โดดเด่นจนต้องชื่นชมว่าดีทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและการสื่อสารจากภายใน นี่เป็นหนังที่น่าจะมาสร้างความปั่นป่วนในลิสต์รางวัลสาขาการแสดงแทบทุกเวทีเลยทีเดียว

และสุดท้ายถ้าจะให้พูดอะไรก็คือ นี่ยังคงเป็นหนังที่เปี่ยมไปด้วยหัวใจของคนทำ แต่เพิ่มความเฉียบคมของการนำเสนอให้ตลอดทางการดูเราขบคิดและรู้สึกไปกับทุกตัวละครได้จริง ๆ โดยไม่ต้องไปเห็นใจเด็กตีกันเลย




จาก https://www.beartai.com/lifestyle/movie-series-review/1335407

จาก http://www.tairomdham.net/index.php/topic,16157.0.html

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.308 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 20 ธันวาคม 2567 01:13:49