ฟ้องแพ่ง 'กรมอุทยาน' กรณี จนท.ในสังกัดพัวพัน 'อุ้มฆ่าบิลลี่' เรียกค่าเสียหาย 26 ล้านบาท
<span class="submitted-by">Submitted on Thu, 2024-04-04 13:31</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก/ภาพประกอบ: แมวส้ม ประชาไท</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ครอบครัวของพอละจี ร่วมด้วยมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยื่นฟ้องแพ่งกรมอุทยานฯ เรียกร้องค่าเสียหาย 26 ล้านบาท จากกรณีเจ้าหน้าที่ในสังกัดมีส่วนร่วมอุ้มฆ่า 'พอละจี' ศาลนัดชี้สองสถาน 10 มิ.ย.นี้</p>
<p> </p>
<p>4 เม.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งวันนี้ (4 เม.ย.) เวลา 9.30 น. ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ แม่และลูกของ 'บิลลี่' พอละจี รักจงเจริญ นักต่อสู้เพื่อสิทธิที่ดินทำกินชาวกะเหรี่ยงบางกลอย-ใจแผ่นดิน จ.เพชรบุรี ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องคดีความต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นจำเลย กรณีเจ้าหน้าที่ภายในสังกัดของจำเลยกระทำละเมิดโดยการอุ้มฆ่า ‘พอละจี’ ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 โดยเรียกค่าสินไหมทดแทน อาทิ ค่าเสียหายต่อทรัพย์สิน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาเรียกร้องความเป็นธรรม ค่าเสียหายต่อสิทธิ เสรีภาพและชีวิต ค่าเสียหายต่อจิตใจ ค่าขาดแรงงานในครัวเรือน และค่าขาดไร้อุปการะ รวมเป็นเงินต้นกว่า 26 ล้านบาท</p>
<p>เมื่อ 17 เม.ย. 2557 พอละจี รักจงเจริญ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง 'บางกลอย-ใจแผ่นดิน' ได้ถูกจับกุมและควบคุมตัวไปโดยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ในขณะนั้น กับพวก หลังจากนั้น ไม่มีใครทราบชะตากรรมของพอละจี อีกเลย </p>
<p>จนกระทั่ง เมื่อปี 2562 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ได้รับเป็นคดีพิเศษ และได้ทำการสำรวจพื้นที่ใต้น้ำ บริเวณใต้สะพานแขวน เชื่อนแก่งกระจาน จนพบชิ้นส่วนกระดูกในถัง และนำมาสู่การตรวจสอบ พบว่าเป็นของพอละจี</p>
<p>ต่อมา DSI และอัยการได้ร่วมกันติดตามสอบสวนคดีดังกล่าวจนได้พยานหลักฐานเพิ่มเติมอันเชื่อได้ว่า กลุ่มเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่จับกุมพอละจี ไปนั้นได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ในคดีร่วมกันฆาตรกรรมอำพรางโดยไตร่ตรองไว้ก่อน</p>
<p>อย่างไรก็ตาม เมื่อ 28 ก.ย. 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอ่านคำพิพากษาคดีชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และพวกรวม 4 คน ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ และข้อหาร่วมกันฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จากกรณีการหายตัวไปของ 'บิลลี' พอละจี รักจงเจริญ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงบางกลอย โดยศาลสั่งจำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ข้อหา ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ฐานจับกุม 'บิลลี่' พร้อมน้ำผึ้งป่า แต่ไม่นำส่งตำรวจ</p>
<p>ส่วนคดีร่วมกันฆ่าบิลลี่ โดยไตร่ตรอง พยานหลักฐานยังไม่อาจเชื่อได้ว่าชัยวัฒน์และพวก ร่วมกันฆ่าบิลลี่ ยกฟ้องคดีฆ่าทำลายศพ</p>
<div class="more-story">
<p>ข่าวที่เกี่ยวข้อง</p>
<ul>
<li>
พิพากษาจำคุก 3 ปี 'ชัยวัฒน์' ไม่รอลงอาญา ผิด ม.157 ปมจับกุม 'บิลลี่' ยกฟ้องคดีฆ่าทำลายศพ</li>
</ul>
</div>
<p>วันนี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) และ พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาพอละจี นำยื่นและศาลแพ่ง ถ.รัชดาฯ รับคำฟ้อง เพื่อตรวจฟ้องคดีแพ่งพอละจี เลขคดี พ.1459 นัดชี้สองสถานนัดแรก วันที่ 10 มิ.ย. 2567 เบื้องต้น ศาลรับคำฟ้องเพื่อตรวจคำฟ้อง และมีนัดไต่สวนยกเว้นค่าธรรมเนียมวันนี้</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53629943457_b0ba479a3d_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">'มึนอ' พิณนภา พฤกษาพรรณ</span></p>
<p>"อยากจะได้รับความยุติธรรม คนทั้งคนหายไป ต้องมีเหตุอะไรซักอย่างแน่นอน ต้องมีใครสักคนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ" ภรรยานายพอละจี รักจงเจริญ ผู้รับมอบอำนาจและผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์รวม 7 คนในการฟ้องคดี แพ่งในวันนี้</p>
<p>สำหรับ 'นัดชี้สองสถาน' คือศาลนัดชี้สองสถานเพื่อให้ฝ่ายโจทก์และจำเลยกำหนดประเด็นข้อพิพาทที่จะนำเข้าสืบในชั้นศาล</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/04/108686