[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 21:02:31 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระแสนแซว่ พระพุทธรูปที่ถูกตอกตะปูเย็บปาก ?!?  (อ่าน 598 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2497


ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 124.0.0.0 Chrome 124.0.0.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 20 เมษายน 2567 11:50:35 »



พระแสนแซว่ พระพุทธรูปที่ถูกตอกตะปูเย็บปาก ?!?

ผู้เขียน - วิภา จิรภาไพศาล
เผยแพร่ - ศิลปวัฒนธรรม วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ.2567


หากกล่าวถึงเศียรพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ผู้อ่านจำนวนไม่น้อยมักนึกถึง “เศียรธรรมิกราช” ที่มีความสูงประมาณ 2 เมตร พบที่วัดธรรมิกราช พระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา นอกจากเศียรธรรมิกราชแล้ว ยังพบเศียรพระขนาดใหญ่อื่นๆ อีก เช่น เศียร “พระแสนแซว่” เชียงใหม่ ซึ่งมีเรื่องเล่าแปลกๆ ว่า ที่พระโอษฐ์ของท่านมีตะปูตอกอยู่

ศ.ดร. ศักดิ์ชัย สายสิงห์ อธิบายเรื่องนี้ไว้ใน “เศียรพระแสนแส้ : พระพุทธรูปที่ถูกตรึงพระโอษฐ์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่” (ศิลปวัฒนธรรม, ฉบับเดือนกรกฎาคม 2545) ไว้ดังนี้ (จัดย่อหน้าใหม่และสั่งเน้นคำโดยผู้เขียน)

เศียรพระแสนแซว่ (แสนแส้) ปัจจุบันจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ เป็นเศียรพระพุทธรูปสำริด สูง 1.70 เมตร ถ้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มองค์ (พระพุทธรูปนั่ง) จะสูงประมาณกว่า 6 เมตร เทียบสัดส่วนได้กับพระศรีศากยมุนีประดิษฐานในวิหารพระศรีศากยมุนี วัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริดที่สมบูรณ์และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย (สูง 8 เมตร)

ประวัติความเป็นมาของเศียรพระพุทธรูปองค์นี้ กล่าวว่า แต่เดิมพบที่วัดยางกวง (วัดร้างใกล้กับประตูเมืองเชียงใหม่) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สถาปนาวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามขึ้นนั้น พระองค์ได้มีพระราชดำริให้รวบรวมและอัญเชิญพระพุทธรูปที่เป็นงานช่างชั้นเยี่ยม มีรูปแบบต่างๆ กันทั้งในและต่างประเทศ และมีขนาดที่ใกล้เคียงกัน มาประดิษฐานรอบพระระเบียงพระอุโบสถ โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเป็นผู้ดำเนินการ

ด้วยเหตุนี้เองจึงได้มีการอัฐเชิญเศียรพระแสนแซว่จากเมืองเชียงใหม่มาในคราวเดียวกันนี้ด้วย แต่ไม่ปรากฏในทะเบียนประวัติพระพุทธรูปรอบพระระเบียงวัดเบญจมบพิตรฯ แต่อย่างใด

เมื่อคราวที่ให้มีการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนครขึ้นในปี พ.ศ.2469 ได้มีการรวบรวมโบราณวัตถุจากที่ต่างๆ มาจัดแสดง เศียรพระแสนแซว่จึงได้ย้ายมาจัดแสดงในคราวเดียวกันนี้ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ.2515 กรมศิลปากรได้จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ ขึ้น ตามโครงการจัดตั้งมีนโยบายให้นำโบราณวัตถุที่เป็นของภาคเหนือนำกลับไปจัดแสดงด้วย ดังนั้นเศียรพระแสนแซว่จึงได้กลับคืนมาสู่ล้านนาอีกครั้งจนถึงปัจจุบัน

“พระแสนแซว่” บางครั้งเข้าใจเป็น “พระแสนแส้” หรืออาจเขียนตามภาษาพูดเป็น “แสนแซว่” หรือ “แสนแสว้” ตามศัพทานุกรมภาคเหนือใช้ “พระแสนแซว่” ในภาษาถิ่นภาคเหนือไม่มีความหมาย ส่วนคำว่า “แซว่” ตามภาษาถิ่นหมายถึง สลักหรือกลอนที่ใช้ยึด หรือเชื่อมวัสดุหลายๆ ชิ้นเข้าด้วยกัน

การที่มีคำว่า “แสน” มาประกอบหมายถึงจำนวนนับ ดังนั้นคำว่า “แสนแซว่” จึงหมายถึงสลักหรือกลอนจำนวนเป็นแสนๆ ซึ่งเป็นวิธีการของชาวล้านนาในการใส่จำนวนนับ เช่น หมื่น แสน ล้าน นำหน้าคำเพื่อเป็นการบอกขนาด เช่น พระเจ้าฝนแสนห่า พระเจ้าล้านทอง พระเจ้าเก้าตื้อ และพระแสนแซว่ เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้กับตำแหน่งผู้ปกครอง หรือทหารอีกด้วย เช่น พระเจ้าแสนเมืองมา หมื่นด้ามพร้าคด แสนหล้า เป็นต้น

ด้วยเหตุที่พระแสนแซว่มีขนาดใหญ่มาก ในการหล่อจึงต้องแยกเป็นส่วนๆ แล้วนำมาประกอบเข้าด้วยกันโดยใช้แซว่หรือสลักเป็นจำนวนมากนับเป็นแสนๆ จึงเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “แสนแซว่” (เป็นคำที่คนรุ่นหลังกำหนดเรียกขึ้นตามขนาดของพระพุทธรูปที่ต้องประกอบด้วยชิ้นส่วนหลายชิ้น)

เศียรพระแสนแซว่ในปัจจุบันนี้ยังมีผู้ศรัทธามากราบไหว้อยู่เสมอ ในขณะที่ผู้เขียน [ศ.ดร. ศักดิ์ชัย สายสิงห์] เป็นภัณฑารักษ์ประจำพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ นั้น ได้มีผู้มีเกียรติท่านหนึ่งมาขอพบและบอกว่า พระโอษฐ์ของพระแสนแซว่ถูกตะปูตอกตรึงไว้หลายปีแล้วจึงมีความประสงค์จะขอโอนตะปูออก

ผู้เขียน [ศ.ดร. ศักดิ์ชัย สายสิงห์] ได้ตรวจสอบดูก็ปรากฏว่ามีตะปูตอกอยู่จริงทั้งริมพระโอษฐ์บนและล่างในลักษณะของการตอกเพื่อปิดพระโอษฐ์ไว้

แต่ในขณะนั้นก็ไม่ได้สอบถามประวัติและไม่ได้ดำเนินการอะไร ต่อมาจึงได้พยายามค้นหาประวัติความเป็นมาโดยเฉพาะในทะเบียนประวัติพระพุทธรูปรอบระเบียงพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรฯ ก็ไม่พบว่ามีปรากฏว่ากล่าวถึง

เท่าที่ปรากฏหลักฐานคือทราบจากคำบอกเล่าเท่านั้น โดยผู้เขียน [ศ.ดร. ศักดิ์ชัย สายสิงห์] ได้ข้อมูลจากคุณพายัพ บุญมาก อดีตหัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ ได้รับฟังเรื่องราวจากญาติผู้ใหญ่ของท่านที่มีอายุในรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 6 เล่าถึงความเป็นมาของพระแสนแซว่ และสาเหตุของพระแสนแซว่ถูกตะปูตรึงพระโอษฐ์ว่า

เมื่อคราวสร้างวัดเบญจมบพิตรฯ นั้น สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพผู้ทรงรวบรวมพระพุทธรูปจากแหล่งต่างๆ มาประดิษฐานรอบพระระเบียงพระอุโบสถ ได้อัญเชิญเศียรพระแสนแซว่จากวัดยางกวง จังหวัดเชียงใหม่ลงมาด้วย แต่ปรากฏว่าไม่สามารถนำเข้าประตูพระระเบียงได้ หรืออาจจะมีเฉพาะพระเศียรเมื่อตั้งแล้วอาจไม่เข้ากับพระพุทธรูปองค์อื่นๆ จึงให้ประดิษฐานไว้ใต้ต้นไม้นอกพระระเบียงนั้น

สาเหตุที่พระโอษฐ์ของพระแสนแซว่ถูกตอกตะปูเกิดขึ้นในราวรัชกาลที่ 6 สมัยที่มีการเล่นหวย ก ข สภาพของผู้เล่นหวยคงไม่แตกต่างจากที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน คือการบนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอให้ถูกหวย และมีผู้มาขอหวยกับเศียรพระแสนแซว่ด้วย

และเป็นที่เรื่องลือมากว่าใบ้หวยแม่นและมีผู้ถูกอยู่เสมอ เป็นเหตุให้เจ้ามือหวยเดือดร้อนจึงได้นำตะปูมาตอกเย็บพระโอษฐ์เพื่อไม่ให้ใบ้หวยอีกต่อไป ตะปูที่ตอกจึงติดมาจนถึงทุกวันนี้

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.346 วินาที กับ 30 คำสั่ง

Google visited last this page 19 พฤศจิกายน 2567 01:13:40