[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 00:20:16 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - ถ่ายโอนโรงเรียนสังกัดท้องถิ่นล่าช้า และไม่เป็นไปตามแผน  (อ่าน 65 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สุขใจ ข่าวสด
I'm Robot
สุขใจ บอทนักข่าว
นักโพสท์ระดับ 15
****

คะแนนความดี: +101/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Italy Italy

กระทู้: มากเกินบรรยาย


บอท @ สุขใจ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 16 กันยายน 2567 03:24:53 »

ถ่ายโอนโรงเรียนสังกัดท้องถิ่นล่าช้า และไม่เป็นไปตามแผน
 


<span>ถ่ายโอนโรงเรียนสังกัดท้องถิ่นล่าช้า และไม่เป็นไปตามแผน</span>
<span><span>XmasUser</span></span>
<span><time datetime="2024-09-12T18:02:18+07:00" title="Thursday, September 12, 2024 - 18:02">Thu, 2024-09-12 - 18:02</time>
</span>

            <div class="field field--name-field-byline field--type-text-long field--label-hidden field-item"><p>สมานฉันท์ พุทธจักร รายงาน</p></div>
     
            <div class="field field--name-body field--type-text-with-summary field--label-hidden field-item"><p>เป้าหมายการถ่ายโอนโรงเรียนสังกัด สพฐ. ให้ท้องถิ่นดูแลตามแผนกระจายอำนาจเริ่มตั้งแต่ปี 2547 ปัจจุบันมีโรงเรียนที่ถ่ายโอนแล้วเพียง 538 แห่ง จากโรงเรียนกว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศ คิดเป็นไม่ถึง 2% สะท้อนความล่าช้าในการดำเนินงาน&nbsp;</p><p>อย่างไรก็ตาม อบจ.นครราชสีมามีโรงเรียนในสังกัดมากที่สุดคือ 58 แห่งรองจาก กทม. ซึ่ง ผอ.รร.สีคิ้วสวัสดิ์ผดุงวิทยามองว่าการถ่ายโอนช่วยพัฒนาโรงเรียนผ่านงบอุดหนุนและการฝึกอบรมครู แต่อุปสรรคสำคัญคือผู้บริหารโรงเรียนถูกจำกัดวงเงินเบิกจ่าย และโรงเรียนในสังกัด อปท. ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล&nbsp;</p><p>ส่วนอดุลย์ ภู่ภัทรางค์ อดีตนายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนสังกัด อบจ. กล่าวถึงปัญหาต่างๆ ในช่วงแรกของการถ่ายโอน โดยชี้ว่าการจัดการศึกษาต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง ซึ่งหลายท้องถิ่นยังขาดศักยภาพด้านนี้ ทำให้การถ่ายโอนโรงเรียนไปยังท้องถิ่นไม่ประสบความสำเร็จ</p><p>&nbsp;</p><p>เด็กหญิงเอและบีเป็นพี่น้องฝาแฝดที่เกิดในครอบครัวชนชั้นกลางระดับล่างในชุมชนชนบทเล็กๆ เมื่อถึงวัยเรียน ครอบครัวได้ตัดสินใจให้เอย้ายไปอยู่กับพ่อในเมืองใหญ่เพื่อแบ่งเบาภาระ ส่วนบีอยู่กับแม่ในชุมชน ทั้งสองเป็นเด็กขยันตั้งใจเรียน เอสามารถสอบเข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในเมืองได้ ในขณะที่บีไม่มีทางเลือกมากนัก ต้องเข้าเรียนในโรงเรียนใกล้บ้าน ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็ก ขาดแคลนอุปกรณ์และครูไม่เพียงพอ เมื่อเวลาผ่านไป เอที่ได้รับการศึกษาดีกว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ส่วนบีไม่สามารถสอบเข้าได้ เนื่องจากข้อจำกัดของโรงเรียนในชนบท เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เอจึงมีอาชีพที่สร้างรายได้มากกว่าและมีคุณภาพชีวิตดีกว่าบี</p><p>เรื่องราวนี้เป็นตัวอย่างสมมุติเพื่อสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่มีอยู่ในสังคมไทยมานาน แม้จะมีการลงทุนด้านการศึกษาเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ความเหลื่อมล้ำกลับไม่ลดลง หนึ่งในความพยายามที่รายงานนี้ค้นหาคือการถ่ายโอนโรงเรียนไปสังกัดองค์กรท้องถิ่น เพื่อให้ได้รับการดูแลและทรัพยากรที่เท่าเทียม นับตั้งแต่เริ่มถ่ายโอนในปี 2547 จึงควรกลับมาทบทวนว่าวิธีนี้ช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้จริงหรือไม่</p><p>ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษายังเชื่อมโยงกับปัจจัยทางเศรษฐกิจและพื้นที่ที่เด็กอาศัยอยู่ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าโรงเรียนในเมืองใหญ่ที่มีทรัพยากรมากกว่า มักจะให้ผลการเรียนที่ดีกว่าโรงเรียนในชนบท โดยเฉพาะโรงเรียนเล็กๆ ที่ขาดแคลน งบประมาณและบุคลากรมีน้อย ส่งผลให้ช่องว่างของผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาเพิ่มขึ้น ยิ่งเด็กอยู่ในเมือง ก็ยิ่งมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพมากกว่าเด็กในชนบท&nbsp;</p><h2>ความเหลื่อมล้ำใกล้บ้าน</h2><p>งานศึกษา "ผลกระทบของความเหลื่อมล้ำต่อการเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของนักเรียนไทย" โดย ธนกร วรพิทักษานนท์ (2564) พบว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อความสามารถในการเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาของนักเรียนไทย คือฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว รองลงมาคือคุณภาพของสถานศึกษา และระบบคัดเลือกในการเข้าศึกษาต่อ ครอบครัวที่มีรายได้สูงสามารถเลือกโรงเรียนคุณภาพให้กับลูกหลานและจัดหาอุปกรณ์การเรียนเสริมได้มากกว่าครอบครัวที่มีรายได้น้อย ความเหลื่อมล้ำนี้เริ่มตั้งแต่แรกเกิดและต่อเนื่องไปเมื่อเด็กเข้าโรงเรียน</p><p>โรงเรียนที่มีคุณภาพมีครูที่เชี่ยวชาญ อุปกรณ์การเรียนที่ครบครัน และระบบการสอบที่ดี ทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่ดีกว่า ซึ่งเป็นความเหลื่อมล้ำที่เด็กต้องเผชิญต่อเมื่อเข้าวัยเรียน นักเรียนจากครอบครัวรายได้ต่ำที่เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพต่ำกว่าจะยิ่งถูกทิ้งห่างจากนักเรียนที่มีโอกาสดีขึ้นจากครอบครัวรายได้ดี ความสามารถในการเข้าถึงโรงเรียนคุณภาพดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับฐานะครอบครัวเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่เด็กอาศัยอยู่ด้วย เนื่องจากมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในเชิงพื้นฐาน โดยโรงเรียนในเขตเมืองมักมีทรัพยากรมากกว่าโรงเรียนในชนบท</p><p>จากงานศึกษา "เศรษฐศาสตร์เรื่องความเหลื่อมล้ำทางคุณภาพการศึกษากับสถานศึกษาและการจัดสรรทรัพยากรของรัฐโดย" โดย ชัยยุทธ ปัญญาสวัสดิ์สุทธิ์ (2563) ที่ศึกษาผลคะแนนการสอบการวัดผลขั้นพื้นฐาน O-Net ของแต่ละแห่งที่ได้รับทรัพยากรแตกต่างกัน</p><p>โดยพบโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีจำนวนนักเรียนมากที่อยู่ในเมือง จะมีค่าเฉลี่ยคะแนนสูงกว่า โรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนน้อยที่อยู่ในชนบทอย่างชัดเจน โรงเรียนที่อยู่ในเขตเทศบาลมีผลคะแนนที่สูงกว่า โรงเรียนที่ตั้งนอกเขตเทศบาล เนื่องจากโรงเรียนใหญ่ในเมืองมักจะได้รับทรัพยากรมากกว่า ส่งผลต่อคุณภาพการเรียนรู้ของเด็ก ประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอนของครูดีกว่า โรงเรียนเล็กในชนบทที่ได้งบประมาณที่จำกัดกว่า ช่องว่างของคะแนนนี้จะยิ่งห่างมากขึ้นเมื่อเทียบกันกับโรงเรียนระดับมัธยมด้วยกัน</p><h2>ผลิตครูได้เกินความต้องการ แต่บางที่กลับขาดครู</h2><p>ภาพของโรงเรียนชนบทที่ขาดแคลนอุปกรณ์ มีครูไม่พอ ครูคนเดียวสอนเวียนทุกวิชายังคงมีอยู่ แม้ประเทศไทยจะลงทุนในด้านการศึกษามากกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่พัฒนาแล้วในกลุ่ม OECD โดย โครงการวิจัยพัฒนาระบบบัญชีรายจ่ายด้านการศึกษาแห่งชาติ (National Education Accounts : NEA) ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พบว่าในปี 2561 มีการลงทุนด้านการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนอยู่ที่ 816,463 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 5% ของ GDP ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ OECD ซึ่งอยู่ที่ 4.9% ของ GDP ส่วนกระทรวงศึกษาธิการ ก็เป็นกระทรวงที่ได้งบประมาณสูงที่สุดแทบทุกปี นับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา คิดเป็นส่วน 20% ของงบประมาณแผ่นดิน แต่การกระจายงบประมาณยังไม่มีคุณภาพ ระบบการจัดสรรงบประมาณตามจำนวนนักเรียนเท่ากันทุกโรงเรียนไม่คำนึงถึงปัจจัยที่แตกต่างกัน ทำให้โรงเรียนขนาดเล็กมีค่าใช้จ่ายต่อหัวนักเรียนสูงกว่าโรงเรียนขนาดใหญ่</p><p>ประเทศไทยมีครู 357,209 คน มีนักเรียน 6,600,000 คน คิดเป็นสัดส่วนครู 5.4 คนต่อนักเรียน 100 คน สูงกว่าที่องค์การ UNESCO แนะนำคือ 4 คนต่อนักเรียน 100 คน แต่จากรายงานของ 101 Public Policy Think Tank พบว่าโรงเรียนในประเทศไทยยังขาดแคลนครูอยู่ 47,927 ตำแหน่ง ส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก การกระจายตัวของครูยังไม่ทั่วถึง โรงเรียนในเมืองขยายตัวใหญ่ขึ้นได้ทรัพยากรมากขึ้น ขณะที่โรงเรียนในชนบทมีขนาดเล็กลงและงบประมาณลดลง และกลายเป็นที่รวมตัวของนักเรียนกลุ่มเปราะบางด้านต่างๆ</p><h2>ซ่อมหลังคาบ้านได้สัปดาห์เดียว ซ่อมหลังคาโรงเรียนรอหลายเดือน</h2><p>ศุภโชค ปิยะสันต์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยไร่สามัคคี อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย และที่ปรึกษาเครือข่ายชมรมนักจัดการศึกษาบนพื้นที่สูงในถิ่นทุรกันดาร ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่สะท้อนปัญหาการจัดการทรัพยากรที่ไม่เป็นธรรมในพื้นที่ห่างไกล โดยเล่าว่า “พายุฤดูร้อนพัดพาหลังคาบ้านเรือนในชุมชนปลิวหายไป แต่ในสัปดาห์เดียว องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สามารถซ่อมหลังคาบ้านได้เสร็จเรียบร้อย แต่โรงเรียนกลับต้องรอถึงสองเดือน กว่าที่จะได้รับการซ่อมแซม ในระหว่างนั้นเพดานของโรงเรียนก็พังไปแล้ว”</p><p>ศุภโชค วิจารณ์ว่า การจัดสรรงบประมาณที่มีอยู่ในปัจจุบันยังคงใช้รูปแบบ "เท่ากัน แต่ไม่เท่าเทียม" ซึ่งทำให้โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลต้องเผชิญกับต้นทุนการจัดการศึกษาที่สูงกว่าที่ขาดแคลนทรัพยากรอย่างมาก นอกจากนี้ เขายังเสนอให้ปรับเปลี่ยนกฎหมายเพื่อให้ท้องถิ่นสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนและดูแลโรงเรียนของชุมชนได้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถตอบสนองปัญหาได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น</p><p>"เราอยู่ประเทศไทยเดียวกัน เราต้องทำงานร่วมกัน คุณก็อย่าเอากฎหมายมาเป็นตัวบังคับ ว่าเงินท้องถิ่นจะเอาไปช่วยโรงเรียนไม่ได้ ถึงแม้โรงเรียนจะไม่ได้สังกัดท้องถิ่นก็ตาม" ศุภโชค กล่าวเสริม</p><p>แม้จะมีแนวทางการถ่ายโอนโรงเรียนไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แต่ยังมีบางองค์กรที่ขาดความสามารถในการดูแลโรงเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ ศุภโชคแนะนำให้ปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้ท้องถิ่นสามารถใช้งบประมาณได้อย่างอิสระและมีความคล่องตัวมากขึ้น</p><p>การถ่ายโอนโรงเรียนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเริ่มมีมาตั้งแต่ปี 2475 โดยมีการถ่ายโอนโรงเรียนประชาบาลในเขตเทศบาลไปสังกัดเทศบาล และต่อมาในปี 2509 มีการโอนโรงเรียนประชาบาลที่อยู่นอกเขตเทศบาลให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด การถ่ายโอนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการกระจายอำนาจที่เริ่มต้นในปี 2540</p><p>ในเว็บไซต์ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ศาสตราจารย์ วุฒิสาร ตันไชย อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า มองว่า การถ่ายโอนภารกิจให้กับท้องถิ่นมีความสำคัญต่อการพัฒนาการศึกษาของประเทศอย่างยิ่ง เขาอธิบายว่า แม้ในช่วงเริ่มต้นการถ่ายโอนอาจจะเผชิญกับความท้าทายและความกังวลเกี่ยวกับการบริหารจัดการ แต่การกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่นนั้นนำไปสู่การบริการที่ดีขึ้นในระยะยาว “โรงเรียนท้องถิ่นดูดซับความเหลื่อมล้ำ เพราะไม่สามารถเลือกรับเด็กได้ เด็กลูกคนจน หรือเด็กจากครอบครัวที่ขาดแคลนก็ต้องได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม” วุฒิสารกล่าว</p><p>เขาเสริมว่า การที่ท้องถิ่นมีบทบาทในการจัดการโรงเรียนช่วยให้เกิดการตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น “ท้องถิ่นสามารถจัดการปัญหาได้ดีขึ้น เพราะใกล้ชิดกับประชาชนและเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีกว่า” วุฒิสารกล่าว เขาเชื่อว่าการกระจายทรัพยากรและอำนาจไปยังท้องถิ่นจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่อาจได้รับการสนับสนุนไม่เพียงพอจากส่วนกลาง</p><p>"การที่กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายอย่างเช่น 'Zero Drop out' อาจจะดีในแง่ของนโยบาย แต่ในทางปฏิบัติ กระทรวงไม่สามารถทราบถึงเด็กแต่ละคนที่ออกจากระบบการศึกษา แต่ท้องถิ่นสามารถทราบได้ว่าเด็กคนไหนออกจากระบบเพราะเหตุใด และสามารถแก้ปัญหาได้ง่ายกว่า" วุฒิสาร กล่าวเพิ่มเติม&nbsp;</p><p>เขามองว่าการกระจายการตัดสินใจและความรับผิดชอบให้กับท้องถิ่นไม่เพียงแต่ช่วยให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังทำให้การบริการเป็นไปอย่างใกล้ชิดและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น</p><h2>บทเรียนจากนครราชสีมา อบจ.ที่มีโรงเรียนในสังกัดมากที่สุด</h2><p>ปัจจุบัน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศไทยมีโรงเรียนในสังกัดรวม 538 โรง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการถ่ายโอนในช่วงปี 2549-2552 โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา ที่มีการถ่ายโอนโรงเรียนถึง 58 โรง ถือว่าเป็น อปท. ที่มีโรงเรียนในสังกัดมากที่สุด หากไม่รวมกรุงเทพมหานคร</p><p>งานวิจัยของดวงเนตร สำราญวงศ์ และไชยันต์ รัชชกูล เมื่อปี 2556 ได้วิเคราะห์สถานการณ์ในช่วง 5 ปีแรกหลังการถ่ายโอนของโรงเรียนที่สังกัด อบจ.นครราชสีมา พบว่าโรงเรียนที่ถูกถ่ายโอนต้องเผชิญกับปัญหาหลายประการ รวมถึงความไม่พร้อมของ อบจ. ที่ขาดความรู้และประสบการณ์ในการจัดการศึกษา การถ่ายโอนโรงเรียนในจำนวนมากพร้อมกันทำให้ อบจ. ไม่มีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและเพียงพอในการดูแลโรงเรียนอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ หน่วยงานกระทรวงที่มีความพร้อมด้านการศึกษาไม่ได้เข้ามาทำหน้าที่ “พี่เลี้ยง” ในช่วงเวลาสำคัญ ทำให้ผู้บริหารและบุคลากรโรงเรียนรู้สึกถูก "ลอยแพ" และโปรแกรมวัดผลของกระทรวงก็ถูกห้ามใช้หลังจากการถ่ายโอน</p><p>ในด้านค่าตอบแทน บุคลากรในโรงเรียนพบว่าไม่มีความเปลี่ยนแปลงที่ด้อยลง ทั้งยังมีโบนัสและสิทธิประโยชน์บางอย่างมากขึ้น แต่ด้านสวัสดิการกลับพบปัญหา เช่น การเบิกค่ารักษาพยาบาลที่ต้องทำผ่านใบเสร็จ รวมถึงการเบิกจ่ายอื่นๆ ที่มีความล่าช้า โรงเรียนต้องเผชิญกับกฎระเบียบข้อบังคับมากมาย การเบิกจ่ายที่ยุ่งยากและล่าช้า เพราะต้องปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยซึ่งไม่เหมาะสมกับการบริหารงบของโรงเรียน การเบิกจ่ายต้องผ่านการอนุมัติจาก อบจ. แม้แต่การใช้รถไปต่างจังหวัดหรือจัดกิจกรรมที่ใช้เงินไม่กี่พันก็ต้องขออนุญาต ทำให้การจัดการกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก โดยเฉพาะในจังหวัดนครราชสีมาที่มีพื้นที่กว้างใหญ่</p><p>โรงเรียนในสังกัด อปท. ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล จึงไม่สามารถจัดซื้อเองได้ ต้องพึ่งพา อบจ. ซึ่งทำให้บางครั้งได้รับอุปกรณ์ที่ไม่ตรงตามความต้องการ รวมถึงปัญหาในการบริหารบุคคล การเปิดบรรจุตำแหน่งที่ทำได้ยากและปัญหาความไม่ต่อเนื่องในการขับเคลื่อนนโยบายและงบประมาณ</p><p>อดุลย์ ภู่ภัทรางค์ อดีตนายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย (ส.บ.อ.ท.) เล่าถึงช่วงปี 2550 ว่าการถ่ายโอนโรงเรียนจำนวนมากในนครราชสีมาเป็นผลมาจากความล้มเหลวในการบริหารของกระทรวงศึกษาธิการ เช่น การรวมเขตการศึกษาประถม-มัธยม ทำให้มีการพูดคุยกันระหว่างผู้บริหารโรงเรียน และพบว่าการโอนโรงเรียนไปยังท้องถิ่นที่มีสายการบังคับบัญชาสั้นน่าจะช่วยให้บริหารได้ง่ายขึ้น แม้จะมีแรงเสียดทานจากกระทรวงศึกษาที่ขัดขวางการถ่ายโอน</p><p>"เราพยายามต่อสู้ให้เมื่อถ่ายโอนไปแล้ว โรงเรียนต้องได้ไม่น้อยกว่าที่ได้อยู่เดิม" อดุลย์ เล่า&nbsp;</p><p>เขากล่าวว่า “ช่วงแรกปัญหาคือระเบียบการบริหารจัดการของท้องถิ่นมันไม่ทัน อย่างผู้บริหารโรงเรียนมีอำนาจอนุมัติใช้เงินแค่สามพันบาท จะทำอะไรต้องวิ่งเข้าไปขอนายกฯ ถ้าเป็นโรงเรียนสังกัดเทศบาลที่อยู่ใกล้ ๆ กันมันพอไปได้ แต่เราสังกัด อบจ. แล้วโรงเรียนส่วนใหญ่อยู่รอบนอก ถ้าให้วิ่งไปในเมืองให้นายกเซ็นต์อนุมัติทุกอย่างก็ไม่ได้ทำอะไรกันพอดี” เขายอมรับว่าช่วงแรกของการถ่ายโอนมีปัญหาหลายอย่าง และระเบียบของท้องถิ่นเป็นอุปสรรคในการบริหารโรงเรียน จึงเกิดการรวมกลุ่มของผู้บริหารโรงเรียนในสังกัดท้องถิ่น เพื่อผลักดันข้อเสนอและเรียกร้องสิทธิกับโรงเรียนและบุคลากร</p><p>อดุลย์ ยังกล่าวว่า “การจัดการศึกษาไม่เหมือนการบริหารอื่น ๆ เพราะมันคือการสร้างคน ไม่ใช่ว่าเติมเงินเข้าไปแล้วมันจะได้ผลทันทีเลย” เขามองว่าการกระจายการจัดการศึกษาให้กับท้องถิ่นทำให้โรงเรียนเข้าถึงทรัพยากรได้ดีขึ้น แต่การบริหารที่ดีต้องอาศัยความรู้เฉพาะทาง ท้องถิ่นหลายแห่งยังขาดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น กองการศึกษา นักนิเทศน์การศึกษา ทำให้การบริหารหลังการถ่ายโอนไม่ประสบความสำเร็จในหลายพื้นที่</p><p>ชวลิต เกิดกลาง ผู้อำนวยการโรงเรียนสีคิ้วสวัสดิ์ผดุงวิทยา อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เล่าให้ฟังว่า “ช่วงแรกมันสะเปะสะปะ กองการศึกษาก็ยังใหม่ นักนิเทศน์ที่เป็นผู้คอยกำกับดูแลโรงเรียนก็ไม่มี โรงเรียนต้องช่วยกันเองไปก่อน” เขากล่าวว่าในช่วงเริ่มต้น อบจ.นครราชสีมา มีการถ่ายโอนโรงเรียนจำนวนยังน้อย ทำให้การบริหารจัดการทำได้ดี แต่เมื่อมีการถ่ายโอนหลายโรงเรียนพร้อมกัน ความยุ่งยากในการบริหารจัดการเพิ่มขึ้น และ อบจ. ยังขาดความพร้อมในการจัดการศึกษา</p><p>ชวลิต กล่าวต่อว่า "พอมีคนทำแผนการใช้งบประมาณต่างๆ ไว้ เราก็ประสานงานได้สะดวกขึ้น เราอยากพัฒนาเรื่องไหนก็คุยกับกองการศึกษาโดยตรง แล้วเสนอให้นายกเป็นคนอนุมัติ ไม่ต้องผ่านเขตการศึกษาแล้วส่งไปกระทรวงเหมือนเดิม" เขามองว่าการบริหารที่มีประสิทธิภาพช่วยให้โรงเรียนรอบนอกเช่นสีคิ้วสวัสดิ์ผดุงวิทยา สามารถพัฒนาได้ดีขึ้น โรงเรียนยังได้รับงบอุดหนุนจาก อบจ. เพิ่มเติม และสามารถเสนอโครงการเพื่อขอสนับสนุนสิ่งต่างๆ ได้โดยตรง</p><p>การพัฒนาบุคลากรก็เป็นอีกด้านที่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี อบจ. มีการจัดฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอ ทำให้จำนวนผู้บริหารและบุคลากรในสังกัดได้รับการเลื่อนขั้นมากกว่าที่โรงเรียนในนครราชสีมาที่สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
ในส่วนของระเบียบการบริหาร ยังมีบางสิ่งที่ต้องปรับปรุง เช่น ปัจจุบันผู้บริหารสามารถอนุมัติเบิกจ่ายเงินเองได้เพียง 100,000 บาท แม้จะมีการผลักดันเพิ่มจากช่วงแรกที่ทำได้แค่ 3,000 บาท ทำให้แม้จะเป็นเงินส่วนของโรงเรียนก็ไม่สามารถบริหารใช้เองได้ ต้องทำเรื่องเข้าไปยัง อบจ. เนื่องจากโรงเรียนในสังกัด อปท. ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล
สอดคล้องกับงานวิจัย “การประเมินผลกระทบทางการศึกษาของโรงเรียนที่ถ่ายโอนไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” โดย ฐิดาภรณ์ เพ็งหน (2559) ที่พบว่าโรงเรียนที่ถ่ายโอนได้รับการพัฒนาในหลายด้าน เช่น การเข้าถึงวัสดุอุปกรณ์ สื่อการเรียนการสอน และการสนับสนุนด้านงบประมาณดีขึ้น เนื่องจากสามารถรับงบประมาณจากหลายแหล่ง รวมถึงการระดมทุนจากแหล่งอื่นเองได้ง่าย</p><p>งานวิจัยชิ้นนี้ยังเสนอข้อที่ควรแก้ไข เช่น การปรับสถานะของโรงเรียนเป็นนิติบุคคลเพื่อให้การบริหารงานสะดวกขึ้น</p><h2>การถ่ายโอนชะลอตัว การกระจายอำนาจหยุดชะงัก&nbsp;</h2><p>ระหว่างปี 2547 ถึง 2552 มีการถ่ายโอนโรงเรียนไปสังกัด อปท. ถึง 431 โรง แต่ในช่วง 12 ปีถัดมา จำนวนโรงเรียนที่ถ่ายโอนเพิ่มขึ้นเพียง 107 โรง ทำให้จำนวนโรงเรียนที่ถูกถ่ายโอนทั้งหมดอยู่ที่ 538 โรง จากโรงเรียนทั้งหมดกว่า 30,000 โรง ซึ่งสะท้อนถึงการชะลอตัวอย่างชัดเจน</p><p>ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์ ประธานคณะอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนด้านการศึกษาให้แก่ อปท. อธิบายว่า การชะลอตัวเกิดจากการใช้แบบประเมินความพร้อมที่ไม่ทันสมัยและเงื่อนไขที่ยุ่งยาก โดยกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งในการโอนถ่าย เป็นผู้ประเมิน จึงควรมีการปรับหลักเกณฑ์และให้คณะที่เป็นกลางเข้ามาประเมินแทน</p><p>ปัจจุบันมีโรงเรียนที่ท้องถิ่นดูแล (ทั้งที่ถูกถ่ายโอนและจัดตั้งขึ้นเอง) อยู่ประมาณ 10% เป้าหมายของการถ่ายโอนควรอยู่ที่ 50% ของโรงเรียนทั้งหมด เนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการไม่สามารถดูแลโรงเรียนขนาดเล็กและห่างไกลได้อย่างทั่วถึง หากปรับระบบการประเมินใหม่ เชื่อว่าจะมีโรงเรียนจำนวนมากที่ประสงค์จะขอถ่ายโอน</p><p>อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้การถ่ายโอนชะลอตัวคือการขาดการผลักดันจากรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมาจากกระบวนการกระจายอำนาจที่ชะงักงัน หลังทศวรรษที่ 2550 หลังการรัฐประหารสองครั้ง แผนการกระจายอำนาจที่เคยวางไว้ไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผน</p><p>สัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต่อรายได้ของรัฐบาลตาม พรบ.กำหนดแผนฯ ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2550 อปท. ควรมีสัดส่วนรายได้ไม่น้อยกว่า 25% และตั้งเป้าให้เพิ่มเป็น 35% เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้น แต่ปัจจุบันในปี 2566 สัดส่วนนี้อยู่ที่ 29.80% ซึ่งยังห่างจากเป้าหมายที่ตั้งไว้</p><p>มานิช ถาอ้าย ผู้อำนวยการโรงเรียนต้นแก้วผดุงพิทยาลัย สังกัดอบจ.เชียงใหม่ ประธาน ส.บ.อ.ท. คนปัจจุบัน กล่าวถึงการชะลอตัวของการถ่ายโอนว่า รัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติได้รวมศูนย์อำนาจกลับไปสู่ส่วนกลาง ทำให้เป็นอุปสรรคใหญ่ ท้องถิ่นหลายแห่งที่มีภารกิจเพิ่มขึ้นอาจจะไม่กล้าที่จะรับถ่ายโอนโรงเรียน เนื่องจากกลัวงบประมาณจะไม่เพียงพอ</p><div class="note-box"><p><strong>ประมาณการรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ถึง 2566</strong></p><p><strong>ปี 2561&nbsp;</strong>
รายได้ท้องถิ่น 720,822.04 ล้านบาท รายได้รัฐบาล 2,450,000 ล้านบาท
สัดส่วนตามมติ ก.ก.ถ. 28.96% สัดส่วนต่อรายได้รัฐบาล 29.42%</p><p><strong>ปี 2562&nbsp;</strong>
รายได้ท้องถิ่น 751,485.16 ล้านบาท รายได้รัฐบาล 2,550,000 ล้านบาท
สัดส่วนตามมติ ก.ก.ถ. 30% สัดส่วนต่อรายได้รัฐบาล 29.47%</p><p><strong>ปี 2563&nbsp;</strong>
รายได้ท้องถิ่น 803,864.20 ล้านบาท รายได้รัฐบาล 2,731,000 ล้านบาท
สัดส่วนตามมติ ก.ก.ถ. 30% สัดส่วนต่อรายได้รัฐบาล 29.43%</p><p><strong>ปี 2564&nbsp;</strong>
รายได้ท้องถิ่น 795,604.35 ล้านบาท รายได้รัฐบาล 2,677,000 ล้านบาท
สัดส่วนตามมติ ก.ก.ถ. 30% สัดส่วนต่อรายได้รัฐบาล 29.72%</p><p><strong>ปี 2565&nbsp;</strong>
รายได้ท้องถิ่น 708,060.13 ล้านบาท รายได้รัฐบาล 2,400,000 ล้านบาท
สัดส่วนตามมติ ก.ก.ถ. 30% สัดส่วนต่อรายได้รัฐบาล 29.50%</p><p><strong>ปี 2566&nbsp;</strong>
รายได้ท้องถิ่น 742,188.87 ล้านบาท รายได้รัฐบาล 2,490,000 ล้านบาท
สัดส่วนตามมติ ก.ก.ถ. 30% สัดส่วนต่อรายได้รัฐบาล 29.80%</p><p><strong>ที่มา: เว็บไซต์รัฐสภา&nbsp;</strong></p></div><div class="more-story"><p><strong>เรื่องที่เกี่ยวข้อง</strong></p><ul><li>ท้องถิ่นและอาหารกลางวันนักเรียน: ปัญหา อุปสรรค เสียงผู้มีส่วนได้-เสีย, The Glocal, 1 ก.ย. 2567</li></ul></div><h2>"งบฝากจ่าย" และความไม่สอดคล้องในการถ่ายโอนภารกิจ</h2><p>เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดในปีงบประมาณ 2566 รายได้ที่ท้องถิ่นได้รับแบ่งเป็น 1) รายได้ที่ท้องถิ่นจัดเก็บเอง 77,128 ล้านบาท (10.39%) 2) รายได้ที่รัฐบาลจัดเก็บให้ 228,774 ล้านบาท (30.82%) 3) รายได้ที่รัฐบาลแบ่งให้ 124,100 ล้านบาท (15.68%) และ 4) เงินอุดหนุน 312,216.87 ล้านบาท (42.07%) รวมเป็น 742,188.87 ล้านบาท หรือ 29.80% ของรายได้รัฐบาลทั้งหมด 2,490,000 ล้านบาท</p><p>รายได้หลักของท้องถิ่นคือเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลาง ซึ่งเป็นเงินที่กำหนดภารกิจเฉพาะให้ใช้ได้ตามที่รัฐส่วนกลางกำหนด ทำให้ท้องถิ่นไม่มีอิสระในการจัดการ เช่น งบรายหัวนักเรียนและอาหารกลางวัน ที่เดิมกระทรวงศึกษาธิการดูแล แต่ตอนนี้โอนมาให้ท้องถิ่นเป็นผู้จ่าย</p><p>"งบฝากจ่าย" หมายถึงเงินที่รัฐบาลกลางจัดสรรให้ท้องถิ่น แต่มีข้อกำหนดว่าใช้ได้เฉพาะตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เช่น การจ่ายเงินรายหัวนักเรียนหรืออาหารกลางวัน ซึ่งท้องถิ่นไม่มีอิสระในการออกแบบการใช้จ่ายหรือเปลี่ยนแปลงการใช้งบประมาณนี้ตามความต้องการจริงของท้องถิ่น</p><p>ท้องถิ่นพบอุปสรรคในการจัดสรรงบประมาณของตนเอง โดยงบที่มีอิสระในการใช้อุดหนุนโรงเรียนมาจากการจัดเก็บเอง ซึ่งมีสัดส่วนค่อนข้างน้อยและมีความเหลื่อมล้ำระหว่างท้องถิ่นที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กและใหญ่ งานศึกษาชัยยุทธ (2563) ชี้ว่างบอุดหนุนนี้มีผลต่อคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน โรงเรียนที่ได้รับอุดหนุนมากมีแนวโน้มผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาสูง</p><p>มานิช ถาอ้าย ผู้อำนวยการโรงเรียนต้นแก้วผดุงพิทยาลัย กล่าวว่าในกรุงเทพฯ ที่มีอิสระในการจัดการ งบประมาณอุดหนุนได้ดีตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมปลาย ในขณะที่อปท. อื่น ๆ ต้องอยู่ภายใต้ระเบียบของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งทำให้เกิดความเลื่อมล้ำ ท้องถิ่นที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น กรุงเทพและระยอง มีอิสระในการจัดการงบประมาณมากกว่า ส่วนท้องถิ่นที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กยังไม่มีอิสระในการใช้งบประมาณ</p><p>ข้อบังคับที่ไม่ให้ท้องถิ่นจัดสอบบรรจุครูเอง และการยกเลิกระเบียบที่ให้ท้องถิ่นสามารถดึงบัญชีสอบบรรจุครูจากกระทรวงทำให้ท้องถิ่นไม่สามารถตอบสนองความต้องการครูได้ทันเวลา เป็นตัวอย่างของการรวมศูนย์อำนาจที่กลับไปสู่ส่วนกลางหลังการรัฐประหาร</p><p>มานิช เสนอให้มีมาตรฐานกลางสำหรับท้องถิ่นที่รับถ่ายโอนโรงเรียน โดยต้องอุดหนุนหรือสนับสนุนขั้นต่ำจากงบประมาณของอปท. ที่มีทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่ต่อเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร</p><p>การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในประเทศไทยต้องการการปรับปรุงกฎระเบียบและนโยบายที่ยืดหยุ่น พร้อมเสริมสร้างศักยภาพของท้องถิ่นในการจัดการศึกษา และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการศึกษาในพื้นที่ชนบทให้ทัดเทียมกับเมือง</p><p>ความสำเร็จในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง การปรับปรุงระบบการจัดสรรงบประมาณ และการสนับสนุนเชิงนโยบายที่ชัดเจน โดยการเพิ่มความโปร่งใสและความเป็นธรรมในการจัดการทรัพยากร เพื่อให้โอกาสทางการศึกษาเท่าเทียมและยั่งยืนสำหรับทุกคน</p></div>
      <div class="node-taxonomy-container">
    <ul class="taxonomy-terms">
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9" hreflang="th">รายงานพิเศhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2" hreflang="th">การศึกษhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95" hreflang="th">คุณภาพชีวิhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A" hreflang="th">ท้องถิ่นสร้างสื่อสอhttp://prachatai.com/category/depth" hreflang="th">depth[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99" hreflang="th">ท้องถิ่http://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%88" hreflang="th">กระจายอำนาhttp://prachatai.com/category/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99" hreflang="th">โรงเรียhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94" hreflang="th">องค์การบริหารส่วนจังหวัhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99" hreflang="th">องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่http://prachatai.com/category/%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%97" hreflang="th">อปท.[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C-%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3" hreflang="th">สมานฉันท์ พุทธจักhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%B2" hreflang="th">นครราชสีมhttp://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2" hreflang="th">เชียงราhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B3" hreflang="th">ความเหลื่อมล้http://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9" hreflang="th">ครhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99" hreflang="th">นักเรียhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C" hreflang="th">อดุลย์ ภู่ภัทรางคhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%A8%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%84-%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C" hreflang="th">ศุภโชค ปิยะสันตhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87" hreflang="th">ชวลิต เกิดกลาhttps://prachataistore.net</div>
     
 

http://prachatai.com/journal/2024/09/110653
 

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

นักข่าวหัวเห็ด แห่งเวบสุขใจ
อัพเดตข่าวทันใจ ตลอด 24 ชั่วโมง

>> http://www.SookJai.com <<
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.233 วินาที กับ 30 คำสั่ง

Google visited last this page 16 ธันวาคม 2567 06:58:01