23 พฤศจิกายน 2567 14:43:26
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
นั่งเล่นหลังสวน
สุขใจ อนามัย
.:::
มัสตาร์ด พืชปรุงรสนานาชาติ
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: มัสตาร์ด พืชปรุงรสนานาชาติ (อ่าน 112 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2476
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ
มัสตาร์ด พืชปรุงรสนานาชาติ
«
เมื่อ:
15 ตุลาคม 2567 11:30:22 »
Tweet
มัสตาร์ด พืชปรุงรสนานาชาติ
ที่มา - มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 ตุลาคม 2567
คอลัมน์ - โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง
เผยแพร่ - วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2567
เครื่องปรุงรสที่ให้รสชาติฉุนและเผ็ดร้อน ถ้าเป็นอาหารแนวไทยๆ ก็จะนึกถึงพริก หอม กระเทียม แต่เมื่อรับประทานอาหารฝรั่ง เราจะนึกถึงมัสตาร์ด แต่ถ้ารับประทานอาหารญี่ปุ่น เรากลับนึกถึงวาซาบิ หลายท่านอาจจะคิดว่าเครื่องปรุงรส 2 ชนิดนี้มาจากพืชชนิดเดียวกันแต่นำมาปรุงแต่งให้แตกต่างกัน แท้จริงแล้วมัสตาร์ดและวาซาบิ มาจากพืชคนละชนิด
มัสตาร์ดมาจากพืชในสกุล
Brassica
ส่วนวาซาบิมาจากพืชในสกุล
Eutrema
(เดิมใช้ชื่อว่า สกุล
Wasabia
) แต่ทั้ง 2 ชนิดอยู่ในวงศ์ผักกาด (
Brassicaceae
) เหมือนกัน
มัสตาร์ดที่นำมาใช้เป็นอาหารในปัจจุบันมี 3 แบบ คือ มัสตาร์ดขาว มัสตาร์ดดำ และมัสตาร์ดสีน้ำตาล
มัสตาร์ดขาวเป็นผลผลิตจากพืชที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า
Sinapis alba L
. เป็นพืชที่พบได้ทั่วไปในยุโรป แอฟริกาเหนือ ตะวันออกกลาง และเอเชียกลาง พบได้ไกลถึงกรีนแลนด์ และแพร่หลายไปทั่วบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์
ขอชวนทุกท่านร่วมเรียนรู้มัสตาร์ด 3 ชนิด
มัสตาร์ดขาว
เป็นพืชล้มลุก อายุ 1 ปี สูงประมาณ 70 เซนติเมตร เมล็ดมัสตาร์ดขาวเป็นเมล็ดแข็งรูปทรงกลม โดยทั่วไปมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.0 ถึง 1.5 ม.ม. มีสีตั้งแต่สีเบจหรือสีเหลือง ไปจนถึงสีน้ำตาลอ่อน
เมล็ดมัสตาร์ดขาวนำมาใช้ดองทั้งเมล็ดหรือคั่ว กินเป็นอาหารได้ เมื่อบดและผสมกับส่วนผสมอื่นๆ ก็สามารถผลิตเป็นซอสหรือเครื่องปรุงรสอื่นๆ ได้อีกด้วย มัสตาร์ดขาวใช้ทำมัสตาร์ดสีเหลืองได้ โดยการเติมสีเหลืองจากขมิ้นเข้าไปนั่นเอง
เมล็ดมัสตาร์ดขาว มีสารที่เรียกว่า ซินัลบิน (
Sinalbin
) ซึ่งทำให้มีรสชาติฉุน เมล็ดมัสตาร์ดขาวมีน้ำมันระเหยน้อยกว่าเมล็ดมัสตาร์ดดำ และรสชาติอ่อนกว่า
ในกรีซรับประทานใบมัสตาร์ดขาวก่อนที่มันจะออกดอกในช่วงฤดูหนาว ซึ่งการออกดอกจะอยู่ในช่วงกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม หลายพื้นที่ที่ปลูกมัสตาร์ดจะมีการเฉลิมฉลองเทศกาลมัสตาร์ด โดยเฉพาะในเขตผลิตไวน์ของแคลิฟอร์เนีย (เขตนาปาและโซโนมา)
ต้นมัสตาร์ดขาวยังนิยมใช้เป็นพืชคลุมดินและทำเป็นปุ๋ยพืชสดทั่วในยุโรป ซึ่งพบภูมิปัญญาความรู้การเกษตรนี้ได้มากในสหราชอาณาจักรและยูเครน มัสตาร์ดขาวยังมีพันธุ์ต่างๆ มากมาย โดยส่วนใหญ่มีความแตกต่างกันในเรื่องของระยะเวลาของการออกดอกและความต้านทานต่อโรคพืช ซึ่งมัสตาร์ดขาวสามารถต้านไส้เดือนฝอยที่ทำให้เกิดซีสต์ในบีตรูตสีขาว (
Heterodera schachtii
)
โดยทั่วไปแล้วเกษตรกรในยุโรปชอบพันธุ์ที่ออกดอกช้าซึ่งไม่ผลิตเมล็ด ปลูกเพื่อเป็นพืชหมุนเวียนกับการปลูกบีตรูต เพราะมัสตาร์ดขาวจะช่วยลดจำนวนไส้เดือนฝอยลงได้ 70-90%
มัสตาร์ดสีดำ
มาจากพืชที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า
Mutarda nigra
(
L
.)
Bernh
. มีถิ่นกำเนิดในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น เช่น ในแอฟริกาเหนือ พื้นที่อบอุ่นของยุโรปและบางส่วนของเอเชีย ข้อมูลวิชาการอ้างหลักฐานบันทึกว่า มัสตาร์ดดำมีการนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงรสมานานกว่า 2,000 ปีมาแล้ว และคำเรียก มัสตาร์ด เป็นคำที่เพี้ยนมาจากภาษาฝรั่งเศสที่ใช้เรียกส่วนผสมของเมล็ดมัสตาร์ดดำกับน้ำองุ่นที่ยังไม่ผ่านการหมักว่า มุตาร์เด (
moutarde
)
เมล็ดของมัสตาร์ดดำมีขนาดเล็กเพียง 1 ม.ม. แข็งและมีสีตั้งแต่สีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีดำ เมื่อจะนำมาทำเป็นเครื่องปรุงรส ต้องลอกเปลือกออก แล้วนำมาบด เมล็ดมีรสชาติดี แต่จะแทบไม่มีกลิ่นเลย
เมล็ดมัสตาร์ดดำนิยมนำมาใช้ในอาหารอินเดีย ตัวอย่างเช่น ในแกงกะหรี่ ซึ่งเรียกว่าไร (
rai
) เมล็ดเมื่อใส่ลงในน้ำมันร้อนหรือเนยใส เมล็ดจะแตกออก ทำให้มีกลิ่นถั่วที่เป็นเอกลักษณ์ เมล็ดมีน้ำมันและไขมันจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เป็นกรดโอเลอิก น้ำมันนี้มักใช้เป็นน้ำมันปรุงอาหารต่างๆ ในอินเดีย ซึ่งเรียกว่า “
sarson ka tel
” หรือน้ำมันมัสตาร์ด (
Mustard oil
)
ส่วนต่างๆ ของมัสตาร์ดดำกินได้ เช่น ใบอ่อน ดอกตูม และดอก ในประเทศเอธิโอเปียมีการปลูกพืชชนิดนี้กินเป็นผัก โดยนิยมกินส่วนยอดและใบและส่วนเมล็ดนำมาใช้เป็นเครื่องเทศ
นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่า เมล็ดมัสตาร์ดที่พระเยซูทรงกล่าวถึง คือ เมล็ดมัสตาร์ดดำชนิดนี้ด้วย และแสดงให้เห็นว่าเมล็ดมัสตาร์ดดำเป็นที่นิยมบริโภคกันมากมาแต่ในอดีต
ความรู้ดั้งเดิมหรือเรียกได้ว่าการแพทย์พื้นบ้านในสหราชอาณาจักร มีการใช้เมล็ดมัสตาร์ดดำนำมาทำ “น้ำอาบมัสตาร์ดร้อน” ช่วยบรรเทาอาการหวัด ในยุโรปตะวันออกใช้เมล็ดมัสตาร์ดดำ บรรเทาอาการไอ ปรุงยาง่ายๆ นำเมล็ดมาบดผสมกับน้ำผึ้งกิน ซึ่งมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย
ในแคนาดาตะวันออก ก็มีความรู้ทำนองการดูแลตนเองในครัวเรือน หรือ
Home Remedies
ที่การใช้เมล็ดมัสตาร์ดดำแก้อาการติดเชื้อทางเดินหายใจ ซึ่งคนแคนาดานิยมก่อนที่จะมีการแพทย์สมัยใหม่ วิธีใช้ยาก็ให้นำเมล็ด มัสตาร์ดดำบดผสมกับแป้งและน้ำ กวนให้เข้ากันจะมีลักษณะเหนียวข้น นำมาพอกที่หน้าอกหรือหลังแล้วทิ้งไว้จนกว่าจะรู้สึกแสบร้อน นอกจากนี้ การพอกด้วยมัสตาร์ดดำยังใช้บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้ออีกด้วย
ยังเหลือมัสตาร์ดอีก 1 ชนิด คือ
มัสตาร์ดสีน้ำตาล
ที่มาจากพืชในสกุล
Brassica
จะขอนำเสนอในฉบับต่อไป ขอให้ทุกท่านรอคอยรสเผ็ดกลิ่นฉุนเฉพาะตัวของมัสตาร์ดในสัปดาห์หน้า และในพระไตรปิฎกมีการกล่าวถึงเมล็ดผักกาดไว้ ซึ่งน่าจะหมายถึงเมล็ดมัสตาร์ดหรือไม่ และในคัมภีร์อถรรพเวทก็กล่าวถึงมัสตาร์ดด้วย
บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2476
ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 130.0.0.0
Re: มัสตาร์ด พืชปรุงรสนานาชาติ
«
ตอบ #1 เมื่อ:
21 ตุลาคม 2567 11:56:39 »
มัสตาร์ดสีน้ำตาล
ที่มา - มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 ตุลาคม 2567
คอลัมน์ - โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง
เผยแพร่ - วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2567
สัปดาห์ที่ผ่านมาเล่าเรื่องมัสตาร์ด เครื่องปรุงรสนานาชาติซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกนั้น
แบ่งมัสตาร์ดออกได้ 3 สี โดยแยกสีจากเมล็ด คือ มัสตาร์ดขาว มัสตาร์ดสีดำ และมัสตาร์ดสีน้ำตาล ซึ่งได้นำความรู้มัสตาร์ดขาวที่มาจากพืชที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า
Sinapis alba L.
และมัสตาร์ดสีดำ มาจากพืชที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า
Mutarda nigra
(
L
.)
Bernh
. เล่าให้ผู้อ่านฟังกันแล้ว
สำหรับมัสตาร์ดสีน้ำตาล มาจากพืชในสกุล
Brassica
ซึ่งในปัจจุบันมีรายงานว่าพบถึง 41 ชนิด แต่ในจำนวนนี้มีเพียง 6 ชนิด ที่ทำการเพาะปลูกเป็นการค้า คือ
Brassica carinata, Brassica juncea, Brassica oleracea, Brassica napus, Brassica nigra,
และ
Brassica rapa
ในจำนวน 6 ชนิดนี้มาจาก 3 ชนิดแรกที่มีการผสมข้ามพันธุ์จนแตกออกมาเป็น 6 ชนิดนั่นเอง
ปัจจุบันมัสตาร์ดสีน้ำตาลที่เป็นการค้าและใช้กันทั่วโลกมาจากพืชมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า
Brassica juncea
(
L
.)
Czern
. มีชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า
brown mustard, Chinese mustard, Indian mustard, Korean green mustard, leaf mustard, Oriental mustard และ vegetable mustard
ถิ่นกำเนิดอยู่ในคอเคซัสเหนือ และทรานส์คอเคซัสหรือคอเคซัสใต้ (แถบยุโรปตะวันออกหรือเอเชียตะวันตก) จากนั้นจึงมีการนำไปปลูกทั่วโลก
มัสตาร์ดสีน้ำตาลแบ่งสายพันธุ์เพื่อเพาะปลูกออกได้ 4 กลุ่ม คือ มัสตาร์ดสำหรับกินใบ (
Integrifolia
) มัสตาร์ดสำหรับกินเมล็ด (
Juncea
) มัสตาร์ดสำหรับกินราก (
Napiformi
s) และมัสตาร์ดสำหรับกินแขนง (
Tsatsai
)
เครื่องปรุงรสที่ได้จากมัสตาร์ดสีน้ำตาล มีรสและกลิ่นฉุนดีกว่า มัสตาร์ดขาวและมัสตาร์ดสีดำ
ในวัฒนธรรมการกินหลายชาติรู้จักกินมัสตาร์ดสีน้ำตาลอย่างดี เช่น อาหารแอฟริกันนำใบและส่วนต่างๆ มาปรุงอาหาร ชาวบ้านในเทือกเขาเนปาล รวมถึงปัญจาบในภาคเหนือของอนุทวีปอินเดีย มีอาหารที่ทำจากมัสตาร์ดสีน้ำตาล เรียกว่า
sarson da saag
หรือเรียกในภาษาไทยว่าผักกาดเขียวด้วย
ที่เนปาลยังมีอาหารที่นำมัสตาร์ดที่กินแขนงมาดอง มัสตาร์ดนี้จะมีลำต้นหนา มักนำมาดองกินและเรียกชื่ออาหารนี้ว่า อาจาร์ (
achar
) ในจีนก็ทำมัสตาร์ดดอง เรียกว่า จ้าไช่ (
zha cai
)
ในเนปาล และอินเดียโดยเฉพาะชาวบ้านแถบกอร์คาในรัฐดาร์จีลิ่ง เบงกอลตะวันตกและสิกขิม นิยมปลูกผักกาดมัสตาร์ดมากในช่วงฤดูหนาว และนำมาต้มกินหรือกินเป็นผักสดในสลัด หรือปรุงกับเนื้อหมู หรือปรุงกินกับเนื้อสัตว์ทุกชนิด โดยเฉพาะเนื้อแพะนิยมใช้หม้อความดันในการปรุงอาหารและใส่เครื่องเทศเพียงเล็กน้อย เพื่อยังคงเน้นรสชาติของผักกาดมัสตาร์ดและพริกแห้ง
ในบางท้องถิ่นกินผักกาดมัสตาร์ดเป็นเครื่องเคียงกับข้าวสวย และยังพบเมนูกินผักกาดมัสตาร์ดกับโรตีหรือขนมปังปิ้งได้ด้วย บางคนที่ไม่คุ้นกลิ่นฉุนและรสเผ็ด ก็จะกินผักมัสตาร์ดกับผักใบเขียวต่างๆ ที่มีรสอ่อนกว่า กินร่วมกันก็อร่อยดี
อาหารจีนและญี่ปุ่นก็ใช้ผักกาดมัสตาร์ดปรุงอาหารเช่นกัน อาหารญี่ปุ่นเรียกผักกาดมัสตาร์ดว่า ทาคานะ (
Takana
) และใช้ดองเพื่อทำเป็นไส้ข้าวปั้นที่เรียกว่า “โอนิกิริ” (
Onigiri
) หรือเป็นเครื่องปรุงรส
มีรายงานว่าพืชชนิดนี้มีฤทธิ์ระงับปวด แก้กระหายน้ำ ขับปัสสาวะ แก้อาเจียน และกระตุ้นประสาท เป็นยาพื้นบ้านที่ใช้รักษาโรคข้ออักเสบ ปวดเท้า ปวดหลัง และรูมาติซึม ในเกาะชวา ใช้เป็นยาขับเลือดประจำเดือน ช่วยแก้โรคข้ออักเสบ โรคหวัด โรคกระเพาะ และเนื้องอก
พืชมัสตาร์ด ยังมีดีที่หลายคนนึกไม่ถึง โดยเฉพาะมัสตาร์ดสีน้ำตาลมีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการกำจัดแคดเมียมจากดิน โดยดูดเก็บโลหะหนักไว้ในเซลล์ ดังนั้น เมื่อปลูก เก็บเกี่ยวและทิ้งอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยกำจัดโลหะหนักที่ปนเปื้อนในดินด้วย ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วเป็นการฟื้นฟูดินที่ถูกกว่าและง่ายกว่าวิธีการดั้งเดิม และปลูกมัสตาร์ดยังช่วยการลดการกัดเซาะหน้าดินด้วย
ในพระไตรปิฎก มีเนื้อหากล่าวถึง “เมล็ดพันธุ์ผักกาด” ไว้ในหลายเรื่อง เช่น ในเล่มที่ 7 หน้า 101 พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ใส่แป้งเมล็ดพันธุ์ผักกาดในขี้ผึ้งเหลว” หรือในเล่มที่ 28 หน้า 503 กล่าวไว้ว่า “อนึ่ง ที่ใกล้สระนี้ มีเมล็ดพันธุ์ผักกาดเป็นจำนวนมาก ทั้งกระเทียมที่มีใบเขียวสดต้นเหลาชะโอนตั้งอยู่เหมือนต้นตาลผักสามหาวเป็นจำนวนมากควรเด็ดดอกด้วยกำมือ”
ในคัมภีร์อถรรพเวทกล่าวก็กล่าวถึงมัสตาร์ด ซึ่งเรียกชื่อว่า อาสุรี เป็นคำสันสกฤต และนำมาใช้ประโยชน์เกี่ยวกับเสริมความงามกับสรีระ ในรายงานวิชาการบางแห่งกล่าวว่า มัสตาร์ดในความรู้ดั้งเดิมนี้ คือ ชนิด
Brassica juncea
(
L
.)
Czern
. หรือมัสตาร์ดสีน้ำตาล แต่ในมุมมองต่างเห็นว่า มัสตาร์ดที่กล่าวในพระไตรปิฎกและคัมภีร์ดั้งเดิมของอินเดียนั้น น่าจะเป็นมัสตาร์ดสีดำ เนื่องจากทั้งมัสตาร์ดขาวและมัสตาร์ดสีน้ำตาลไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย มีเพียงมัสตาร์ดสีดำที่มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย
ในตำรายาไทยหรือตำรับยาพื้นบ้านไทย กล่าวถึง “เมล็ดพรรณผักกาด” (เมล็ดพันธุ์ผักกาด) ซึ่งที่ปรากฏมาแต่ดั้งเดิมก็น่าจะหมายถึงมัสตาร์ดสีดำ เนื่องจากภูมิปัญญาด้านสุขภาพของไทยมีรากมาจากพุทธศาสนา แต่ในเวลานี้การปลูกและผลิตเมล็ดมัสตาร์ดสีดำน้อยลงกว่ามัสตาร์ดสีน้ำตาล
มัสตาร์ดสีดำจึงนิยมนำมาใช้ทั้งอาหารและยาลดลงตามไปด้วยนั่นเอง •
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...