22 ธันวาคม 2567 21:21:30
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
.:::
ความเชื่อเกี่ยวกับกระสือ
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ความเชื่อเกี่ยวกับกระสือ (อ่าน 82 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2497
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ
ความเชื่อเกี่ยวกับกระสือ
«
เมื่อ:
17 ตุลาคม 2567 17:20:41 »
Tweet
ความเชื่อเกี่ยวกับกระสือ
กระสือเป็นผีชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่าสิงสู่อยู่ในตัวของคนเพศหญิงซึ่งโดยมากมักเป็นหญิงสูงอายุ ชอบรับประทานของสดคาว มักออกหากินเวลากลางคืนและไปแต่หัวกับตับไตไส้พุง ส่วนร่างกายคงทิ้งไว้ที่บ้าน เวลาไปจะเห็นเป็นดวงไฟดวงโตมีแสงสีแดง แต่ส่วนมากจะเป็นแสงสีเขียวเรืองวาม ๆ โดยจะเริ่มออกหากินตั้งแต่เวลาหัวค่ำไปจนถึงทั้งคืน และจะกลับเข้าร่างเวลาใกล้รุ่งสาง
เวลากลางวันจะมีลักษณะร่างกายเหมือนคนทั่วไป แต่มีพฤติกรรมหรืออาการแบบแปลก ๆ ผิดปกติ เช่น ไม่ชอบสบตาคน เงียบ ๆ ไม่พูดไม่จากับใคร ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว บ้างก็ไม่ชอบแสงสว่างก็มี
กระสือเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยใดก็ยังไม่เป็นที่ทราบ ซึ่งคนในสมัยโบราณมักจะเรียกว่า "ผีลากไส้" และต่อมาก็จึงเรียกว่า "กระสือ"หรือ "ผีกระสือ" ในสมัยปัจจุบันนี้
ผู้ที่เป็นกระสือนั้นมักจะเป็นผู้ที่บูชาไสยศาสตร์มนต์ดำ (เดรัจฉานวิชา) แต่ทำผิดข้อห้าม จนกลายเป็นกระสือไปในที่สุด
ปกติแล้วกระสือจะไม่ทำร้ายคน ว่ากันว่าเมื่อกระสือออกหากินเวลากลางคืนแล้วเมื่อพบกับคนก็จะลอยหนีหายไป ถ้าหากคนทำให้กระสือเกิดความไม่พอใจ โกรธ กระสือจะมีความแค้น อาฆาตพยาบาท เมื่อกระสือได้ชำระแค้นกับคน ๆ นั้นแล้ว ก็อยู่ที่ว่าจะแค่บาดเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิตเลย
ใครคลอดลูกใหม่ กลิ่นสดคาวของเลือดจะชักนำให้ผีกระสือมาและกินตับไตไส้พุงของหญิงที่คลอดลูกหรือของทารกที่คลอดนั้น เหตุนี้ชาวบ้านจึงมักเอาหนามพุทราสะไว้ที่ใต้ถุนเรือนตรงที่มีร่องมีรู เพื่อป้องกันมิให้กระสือเข้ามา เชื่อกันว่ากระสือกลัวหนามเกี่ยวไส้
นอกจากของสดของคาวแล้ว กระสือยังชอบรับประทานของโสโครกเช่นอุจจาระเป็นต้น เมื่อรับประทานแล้วเห็นผ้าของใครตากทิ้งค้างคืนไว้ก็เข้าไปเช็ดปาก ผ้านั้นจะปรากฏเป็นรอยเปื้อนดวง ๆ ถ้าเอาผ้านั้นไปต้มกระสือจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนปากทนไม่ไหวจนต้องมาขอร้องไม่ให้ต้มต่อไป
กระสือนั้นเมื่อเจ็บจวนจะตายก็ไม่ตายเด็ดขาด และจะต้องคายน้ำลายของตนถ่ายเข้าปากลูกหลานคนใดคนหนึ่งไว้ให้สืบทายาทเป็นกระสือต่อก่อน ตนจึงจะตายได้โดยไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป
การปราบกระสือนั้น ไม่สามารถไล่ผีที่มาสิงสู่ออกจากร่างเหยื่อได้ ว่ากันว่าวิญญาณนั้นได้หยั่งลึกลงในใจของคน ๆ นั้น ซึ่งสังเกตได้ว่า
เป็นการหยั่งลึกในขั้นที่วิญญาณ
(กายทิพย์)
สามารถบังคับให้ร่างกาย
(กายหยาบ)
ของผู้ถูกสิงนั้นอยู่ในสภาพที่วิปลาสผิดธรรมชาติได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เช่นการถอดหัวและอวัยวะภายในให้หลุดออกมาจากร่างกาย รวมถึงการลอยตัวอยู่ในอากาศ ฉะนั้น ร่างกายของคน ๆ นั้นเมื่อถูกวิญญาณร้ายบังคับให้ทำในสิ่งที่หากมนุษย์ธรรมดาทำแล้วเสียชีวิต ก็เท่ากับว่ากายนั้นเป็นร่างกายที่ไร้สิ้นซึ่งความเป็นมนุษย์ เป็นร่างกายที่เสียหายและยังคงมีชีวิตอยู่ได้โดยอำนาจของวิญญาณภูติกระสือที่อยู่ในร่างเท่านั้น ถึงแม้กระสือจะถูกไล่ออกจากร่างไป แต่ร่างการนั้นก็ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างคนปกติ ดังนั้นการปราบกระสือก็เท่ากับต้องฆ่าคน ๆ นั้นไปด้วยเลย บางท้องที่เล่าว่ากระสือชราเมื่อมีการถ่ายทอดความเป็นกระสือสู่ลูกหลานรุ่นต่อไปแล้ว ตนเองจะมีชีวิตอยู่อีกไม่นานก่อนจะเสียชีวิตในสภาพที่หัวกับอวัยวะภายในหลุดออกมาจากตัว ซึ่งเป็นผลพวงจากการถูกวิญญาณร้ายบังคับให้แยกออกไปหากินเมื่อครั้งยังมีกระสืออยู่ในร่าง เมื่อถ่ายทอดกระสือออกจากร่างไปแล้ว หัวกับตัวก็จะไม่สามารถต่อติดเชื่อมกันอีกต่อไป
ลักษณะของกระสือ
กระสือในรูปแบบที่รับรู้กันในยุคปัจจุบัน คือ เป็นผีผู้หญิงแก่ที่ล่องลอยไปพร้อมกับหัวและไส้และอวัยวะส่วนอื่น เช่น หัวใจ, ปอด และเรืองแสงได้เรือง ๆ แต่ทว่าตามนิยามของ
พระยาอนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ)
แล้ว กระสือเป็นเพียงผีผู้หญิงแก่ที่มีเพียงหัวกับไส้ที่ส่องแสงเรือง ๆ โดยที่ไม่มีอวัยวะส่วนอื่นใด ซึ่งที่มาของกระสือที่มีหัวกับไส้และอวัยวะส่วนอื่น ๆ แบบที่คุ้นเคยกันนั้น มาจากภาพวาดของ ทวี วิษณุกร ที่แต่งเติมเอาจากจินตนาการในใบปิดภาพยนตร์เรื่อง "กระสือสาว" ที่ฉายเมื่อปี พ.ศ.2516 นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี และ พิศมัย วิไลศักดิ์
กระสือในทางวิทยาศาสตร์
กระสือมักได้รับการอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ว่า คือ ดวงไฟที่ลุกโชนจากโมเลกุลของก๊าซมีเทนที่เกิดจากการสะสมของซากเน่าเปื่อยของอินทรียสารในนาข้าวหรือท้องทุ่ง แต่ในทัศนะของ รองศาสตราจารย์ ดร.สิรินทรเทพ เต้าประยูร นักวิชาการผู้ศึกษาเรื่องพลังงานธรรมชาติแห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เห็นว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะแก๊สมีเทนในนาข้าวนั้นไม่ได้มีปริมาณมากพอที่จะเกิดการลุกไหม้ อีกทั้งถ้าลุกไหม้จริงก็จะปรากฏอยู่บริเวณเฉพาะผิวหน้าของวัตถุ มิได้ลอยขึ้นไปในอากาศหรือเคลื่อนที่ได้
อีกทั้งในทางกายวิภาค ร่างกายมนุษย์เมื่อถอดส่วนหัวแล้ว อวัยวะส่วนอื่น ๆ เช่น ไส้, หัวใจ หรือปอด ก็จะไม่ติดออกมาด้วย
กระสือในกัมพูชาเรียกว่า "เอิบ" หรือ "อาบ" มี
การสันนิษฐานว่ากระสือมีที่มาจากประเทศกัมพูชา โดยเกิดจากผู้ที่บูชาไสยศาสตร์มนต์ดำเขมร แล้วทำผิดข้อห้าม
ในลาวเรียก "กะสือ" (ກະສື)
ในเวียดนามเรียก "มาลาย" (
ma lai
)
ในแถบมาเลเซียยังมีเรื่องของผีที่มีลักษณะคล้ายกระสือของไทยด้วย เรียกว่า "ฮันตูปินังกาลัน" หรือ "ปินังกาลัน"
มีเรื่องเล่าว่า ครอบครัวหนึ่งประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูก วันหนึ่งในตอนกลางคืน ผู้เป็นพ่อได้ออกไปธุระข้างนอกบ้าน ผู้เป็นแม่ปิดประตูอยู่ในห้อง แล้วนางก็หยิบเอาขวดน้ำมันมนต์มาทารอบคอ สักพักหัวกับตัวของนางก็แยกออกจากกันโดยมีตับไตไส้พุงห้อยติดออกมาด้วย เวลาที่ออกหากินจะเห็นเป็นแสงสีเหลือง และมีเสียงดังดุจลมพัดตลอดเวลาที่นางลอยไปเพื่อขับไล่สัตว์เล็กสัตว์น้อยที่จะเข้ามายุ่งกับพวงไส้ของนาง ผู้เป็นลูกได้แอบเห็นดังนั้นจึงลองเอาน้ำมันมนต์ของแม่มาลองทาดูบ้าง ขณะที่หัวกำลังจะแยกออกจากตัว เด็กน้อยเกิดกลัวจนร้องโวยวายออกมาว่า "ช่วยด้วย หัวของฉันกำลังจะหลุดออกจากตัวแล้ว" จนชาวบ้านละแวกนั้นได้ยินกันทั่ว แต่ไม่มีใครกล้าเยี่ยมหน้าเข้ามาให้ความช่วยเหลือ จนกระทั่งหัวของผู้เป็นแม่ลอยกลับมา เสียงร้องโวยวายก็เงียบลง หลังจากวันนั้น ครอบครัวนั้นก็ย้ายหนีไปจากที่นั่น และไม่มีใครได้พบเห็นอีกเลย
ซึ่งความแตกต่างของฮันตูปินังกาลัน และกระสือ ต่างกันที่สีของดวงไฟ ที่กระสือจะเป็นสีเขียวหรือแดง และฮันตูปินังกาลันจะเป็นสีเหลือง อีกทั้งฮันตูปินังกาลันยังมีความดุร้ายกว่าด้วย
ที่ฟิลิปปินส์ มีความเชื่อเรื่องมานานังเกล (
Manananggal
) ผีดูดเลือดที่มีปีกเหมือนค้างคาวขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง เมื่ออกล่าเหยื่อจะถอดลำตัวท่อนบนออกแล้วบินไปในอากาศในเวลากลางคืน รวมถึงยังชอบที่จะกินเด็กทารกจากครรภ์ผู้เป็นแม่อีกด้วย
นอกจากนั้นแล้วที่ประเทศญี่ปุ่นก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปีศาจที่สามารถถอดหัวหากินได้ในเวลากลางคืน เรียกกันว่า นุเกะ-คุบิ (ญี่ปุ่น:
ぬけ首
) อาศัยอยู่แถบภูเขาบริเวณมณฑลไค จนซามูไรผู้กล้าผู้หนึ่งที่เลิกจากการเป็นซามูไรแล้ว ได้บวชเป็นพระธุดงค์ผ่านไป หัวหน้าปีศาจในร่างมนุษย์ก็ได้นิมนต์ให้ไปพักที่บ้าน ในเวลากลางคืนพระก็ตื่นขึ้นมากลางดึก หวังจะดื่มน้ำโดยไม่รบกวนเจ้าบ้าน ขณะผ่านไปยังห้องที่เหล่าปีศาจนอนกันพบว่า ทั้งหมดเป็นร่างที่ไม่มีหัวแล้ว พระตามไปดูนอกบ้าน พบเป็นหัวปีศาจ 3-4 หัวล่องลอยไปมา ใช้ลิ้นตวัดกินมดปลวกตามพื้น และคุยกันว่าจะกินพระในเวลาก่อนรุ่ง พระเลยลากเอาร่างที่ไร้หัวเหล่านั้นไปซ่อนไว้ เมื่อปีศาจกลับไปดูที่บ้านไม่พบทั้งพระและร่างของตัวเองเลยตกใจและโกรธจัด ทั้งหมดได้รุมทำร้ายพระ แต่ไม่อาจทำอะไรพระได้ เพราะพระเคยเป็นซามูไรมาก่อน ก็ตายลงเมื่อถึงเวลาเช้า แต่หัวของหัวหน้าปีศาจก็ได้กัดติดกับจีวรพระไม่สามารถถอดออกได้ ต่อมา มีโจรผู้หนึ่งได้ขอซื้อหัวปีศาจนี้จากพระ โจรหวังจะใช้หัวปีศาจนี้หลอกผู้คนเอาเงิน แต่ต่อมากลัวปีศาจจะมาเอาคืน เลยทำสุสานฝังให้ ว่ากันว่าสุสานแห่งนี้ยังมีปรากฏจนถึงทุกวันนี้
อิทธิพลของความเชื่อเรื่องกระสือ
ราชบัณฑิตยสถานว่า ความเชื่อเรื่องกระสือนี้มีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของคนไทยโบราณหลายประการด้วยกัน เป็นต้นว่า
- ผลกล้วยที่แกร็นทั้งเครือ จะเรียกว่า "กล้วยกระสือดูด"
- คนตะกละกินหรือคนที่กินอย่างสวาปาม จะเรียกว่า "คนตะกละเหมือนผีกระสือ" หรือ "คนกินเหมือนผีกระสือ"
- โคมชนิดหนึ่งซึ่งมีที่เปิดปิดไฟได้และมีแว่นฉายแสงไปได้วาบ ๆ เรียกว่า "โคมตาวัว" หรือ "กระสือ"
- ไพลชนิดหนึ่งซึ่งเรืองแสงได้ในที่มืด เรียกว่า "ว่านกระสือ"
- เห็ดจำพวกหนึ่งสามารถเรืองแสงได้ในที่มืด เรียกว่า "เห็ดกระสือ
ที่ตำบลห้วยกะปิ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี มีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชื่อ "หนองเกษม" เดิมมีชื่อว่า "หนองกระสือ" ทั้งนี้มีเสียงร่ำลือกันว่าเมื่อปี พ.ศ. 2530 มีชาวบ้านพบเห็นกระสือที่นี่ ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อเพื่อลดความน่ากลัวลง
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...