ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวหรือไม่
แต่ยังมีอีกพวกหนึ่งเป็นพวกพิเศษ รู้ด้วยว่าตายแล้วไปไหน ความชั่วที่ทำก็ไม่มี ความทรมานก็ไม่กลัวแต่พวกนี้กลัวว่า ความดีที่ทำไว้ยังน้อย นี่เป็นอีกพวกหนึ่ง
สามสาเหตุที่ว่ามานี้ เกิดขึ้นเพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าตายแล้วไปไหนเพราะฉะนั้น ยังไงก็กลัวตายแน่
แล้วถามว่ามีทางแก้ได้ไหม จะบรรเทาอย่างไร? บอกกันก่อนว่าที่มาบวช ก็พยายามจะแก้อันนี้ ฝึกสมาธิฝึกกันแล้วฝึกกันอีกแล้วก็เริ่มพบความจริงไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าลงมือฝึกสมาธิอย่างถูกวิธีพอใจเริ่มสงบ ความสว่างภายในจะเริ่มเกิดทั้ง ๆ ที่หลับตา แต่ข้างในมันจะเริ่มสว่างอาศัยความสว่างที่เกิดภายในนี้พอจะรู้ทีเดียวว่า ตายแล้วไปไหนนี้ก็บรรเทาความกลัวไปได้
แล้วพวกที่รู้ว่าตายแล้วไปไหน ทำไมบางท่านยังกลัวอีกที่กลัวเพราะว่าความดีของเรายังน้อยอยู่ ยังไม่พอที่จะกำจัดกิเลสรวมทั้งนิสัยที่ไม่ดี ๆ อีกหลายอย่างของเราที่ยังค้างอยู่ถึงคราวกลับมาเกิดชาติหน้า ยังมีเรื่องไม่ดีติดมาอีกซึ่งเราจะต้องแก้ไขต่อไป
เพราะฉะนั้น ถ้าจะว่าไปแล้วสำหรับผู้ที่ฝึกตัวมาดีแล้ว ไม่อยากจะใช้คำว่ากลัวตายเพียงแต่ว่ายังไม่อยากตาย นี่ไม่ใช่เล่นสำนวน กลัวไหม? ไม่ถึงกับกลัวแต่ยังไม่อยากตาย เพราะอยากทำอะไรดี ๆ ให้มากกว่านี้อีกซักหน่อยยังไม่อยากตายใช้คำนี้จะชัดเจนกว่า
แต่ว่า โดยทั่วไปแล้วกลัวตายกันทั้งนั้นเพราะฉะนั้น
ประการที่ ๑ ถ้าศึกษาธรรมะให้รู้จริงเข้าลงมือปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะฝึกสมาธิ
จะบรรเทาเบาบางในเรื่องความกลัวตายลง ไปได้มาก
ประการที่ ๒ หยุดทำความชั่วเสีย ถ้าเคยทำมาแล้ว ก็ตั้งใจทำความดีเรื่อยไป
อย่างน้อยที่สุดความดีที่ทำจะช่วยให้เกิดความ มั่นใจเราไม่มีคู่แค้น ยมบาลกับเราไม่ใช่ญาติกันไม่เกี่ยวกัน ต่างคนต่างอยู่เถอะไม่มีความชั่วที่ทำให้ต้องแหนงใจหรือทำให้ต้องหวาด ระแวง ความกลัวตายก็บรรเทาเบาบางลงไปได้มาก
ประการที่ ๓ เข้าใกล้คนที่เขามีคุณธรรมแล้วจะพบว่าท่านเหล่านี้ ใกล้ตายท่านไม่ได้ทุกข์ทรมานอะไรถึงเวลาท่านไปก็ไปแบบสงบ ๆไม่มีอะไรน่ากลัวจนเกินไปนักนี้ก็พอช่วยให้บรรเทาความกลัวกันบ้าง
แต่ถ้าจะให้เลิกกลัวตายกันสนิทเลยละก็ คงต้องฝึกสมาธิให้ถึงขั้นสามารถเหาะได้ก่อนก็แล้วกันนะลองไปพิจารณาไตร่ตรองและปฏิบัติคุณงามความดีกันให้มากต่อไปแล้วถามตัวเองดูว่าได้คำตอบจากการตั้งใจปฏิบัติดีจริงแล้วอย่างไร