[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้

Fuck Advertise !!

[หมีงงในพงหญ้า]

Tweet

น้าแม๊คพาเที่ยว
แอ่วเมืองรถม้าพาไหว้พระธาตุลำปางหลวง
พระธาตุประจำปีฉลู



นั่นแน่ !! จั่วหัวซะน่าสนใจทีเดียวเชียว จริง ๆ แล้วผมไม่ได้พาแอ่วเมืองลำปางอะไรหรอกครับ  

พอดีว่าผมมีธุระต้องเป็นสารถีขับรถไปให้แม่ที่เชียงใหม่ พลันคิดได้ว่าเอ๊ะ ! ขึ้นเชียงใหม่มันก็ต้องผ่านลำปางอยู่แล้วนี่นา

ประกอบกับทุนเดิมอยากมาไหว้พระธาตุลำปางหลวงอย่างน้อยให้ได้สักครั้งในชีวิต และนั่นคือที่มาของกระทู้นี้

ไม่รอช้าเมื่อขับเข้าเขตเมืองลำปางผมก็หาป้ายบอกทางทันที แล้วผมก็เจอครับ ป้ายแยกเลี้ยวซ้ายก่อนเข้าเมือง (ขาขึ้น)

ผมเลยเลี้ยวไปโดยไม่ลังเล ตามแผนที่ด้านล่างครับ บางคนดูแล้วอาจจะงง เพราะผมก็งง 555

น้าแม๊คพาเที่ยว แอ่วเมืองรถม้าพาไหว้พระธาตุลำปางหลวง พระธาตุประจำปีฉลู

ขอบคุณภาพแผนที่จาก Thetrippacker ครับ

[หมีงงในพงหญ้า]

ข้อมูลการเดินทาง

วัดพระธาตุลำปางหลวง อยู่ห่างจากตัวเมืองลำปางประมาณ 18 กิโลเมตร
ใช้เส้นทางหลวงสาย ลำปาง-เถิน เมื่อมาถึง หลักกิโลเมตรที่ 586 ให้เลี้ยวเข้าไป
ขับไปตามทางเรื่อยๆ จนถึง ที่ว่าการอำเภอเกาะคา จากนั้นเลี้ยวขวาไปอีก 3 กิโลเมตร
จะเห็นวัดพระธาตุลำปางหลวงอยู่ทางด้านซ้ายมือ


วัดพระธาตุลำปางหลวง

ที่อยู่ : ถนนลำปาง-เกาะคา ตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง 52130
พิกัด GPS : 18.217300, 99.389667
โทรศัพท์ : 054 281 359
เวลาทำการ : 7.30-17.00 น.


วัดพระธาตุลำปางหลวงมีศิลปะแบบล้านนาที่มีความสวยงามมาก ทั้งองค์พระธาตุที่ปิดด้วยทองจังโกทั้งองค์
วิหารหลวงแบบล้านนา กู่ปราสาท ซุ้มประตูโขงอันงดงาม ที่สำคัญที่วัดลำปางหลวงยังมีสิ่งมหัศจรรย์ที่จัดว่าเป็น Unseen
นั่นก็คือ เงาพระธาตุกลับหัว ที่สามารถชมได้ในซุ้มพระบาท แต่ผู้หญิงห้ามเข้านะครับ

[หมีงงในพงหญ้า]

เกริ่นนำ

วัดพระธาตุลำปางหลวง ตั้งอยู่ในเขตตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง อยู่ห่างจากตัวเมืองลำปาง
ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ ๑๘ กิโลเมตร ตัววัดตั้งอยู่บนเนินสูง มีการจัดวางผัง และส่วนประกอบของวัด
สมบูรณ์แบบที่สุด มีสิ่งก่อสร้างและสถาปัตยกรรมต่างๆ บริเวณพุทธาวาสประกอบด้วย องค์พระธาตุลำปางหลวงเป็นประธาน
มีบันไดนาคนำขึ้นไปสู่ซุ้มประตูโขง ถัดซุ้มประตูโขงขึ้นไปเป็น วิหารหลวง บริเวณทิศเหนือขององค์พระธาตุมีวิหารบริวาร
คือ วิหารน้ำแต้ม และ วิหารต้นแก้ว ด้านตะวันตกขององค์พระธาตุประกอบด้วย วิหารละโว้ และ หอพระพุทธบาท
ด้านใต้มี วิหารพระพุทธ และ อุโบสถ ทั้งหมดนี้จะแวดล้อมด้วยแนวกำแพงแก้วทั้งสี่ด้าน นอกกำแพงแก้วด้านใต้มีประตู
ที่จะนำไปสู่เขตสังฆาวาส ซึ่งประกอบด้วยอาคาร หอพระไตรปิฎก กุฏิประดิษฐาน พระแก้วดอนเต้าพิพิธภัณฑ์และกุฏิ


ตำนาน - ประวัติพระธาตุลำปางหลวง

ตามตำนานกล่าวว่า ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระเถระสามองค์ได้เสด็จจาริกไปตามบ้านเมืองต่าง ๆ
จนถึงบ้านลัมภะการีวัน (บ้านลำปางหลวง) พระพุทธเจ้าได้ประทับเหนือดอยม่อนน้อย มีชาวลัวะคนหนึ่งชื่อ ลัวะอ้ายกอน
เกิดความเลื่อมใส ได้นำน้ำผึ้งบรรจุกระบอกไม้ป้างมะพร้าว และมะตูมมาถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้ฉันน้ำผึ้ง
แล้วทิ้งกระบอกไม้ป้างไปทางทิศเหนือ แล้วทรงพยากรณ์ว่า สถานที่แห่งนี้ต่อไปจะมีชื่อว่า ลัมพกัปปะนคร
แล้วได้ทรงลูบพระเศียรได้พระเกศามาหนึ่งเส้น มอบให้แก่ลัวะอ้ายกอนผู้นั้น ลัวะอ้ายกอนได้นำพระเกศานั้น
บรรจุในผอบทองคำ และใส่ลงในอุโมงค์พร้อมกับถวายแก้วแหวนเงินทองเป็นเครื่องบูชา แล้วแต่งยนต์ผัด(ยนต์หมุน)
รักษาไว้ และถมดินให้เรียบเสมอกัน แล้วก่อเป็นพระเจดีย์สูงเจ็ดศอกเหนืออุโมงค์นั้น ในสมัยต่อมาก็ได้มี
กษัตริย์เจ้าผู้ครองนครลำปางอีกหลายพระองค์ มาก่อสร้างและบูรณะซ่อมแซม จนกระทั่งเป็นวัดที่มีความงาม
อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ในทางประวัติศาสตร์นครลำปาง วัดพระธาตุลำปางหลวงมีประวัติว่า เมื่อปี พ.ศ. ๒๒๗๕ นครลำปางว่างจากผู้ครองนคร
และเกิดความวุ่นวายขึ้น สมัยนั้นพม่าเรืองอำนาจได้แผ่อิทธิพลปกครองอาณาจักรล้านนาไว้ได้ทั้งหมด พม่าได้ยึดครอง
นครเชียงใหม่ ลำพูน โดยแต่งตั้งเจ้าผู้ครองนครอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์พม่า ท้าวมหายศเจ้าผู้ครองนครลำพูน
ได้ยกกำลังมายึดนครลำปาง โดยได้มาตั้งค่ายอยู่ภายในวัดพระธาตุลำปางหลวง ครั้งนั้น หนานทิพย์ช้าง
ชาวบ้านปงยางคก(ปัจจุบันอยู่อำเภอห้างฉัตร) วีรบุรุษของชาวลำปาง ได้รวบรวมพลทำการต่อสู้ทัพเจ้ามหายศ
โดยลอบเข้ามาในวัด และใช้ปืนยิงท้าวมหายศตาย แล้วตีทัพลำพูนแตกพ่ายไป ปัจจุบันยังปรากฏรอยลูกปืนอยู่
บนรั้วทองเหลืองที่ล้อมองค์พระธาตุเจดีย์ ต่อมาหนานทิพย์ช้างได้รับสถาปนาขึ้นเป็น พระยาสุลวะลือไชยสงคราม
เจ้าผู้ครองนครลำปาง และเป็นต้นตระกูล ณ ลำปาง เชื้อเจ็ดตน ณ เชียงใหม่ ณ ลำพูน ณ น่าน


ผัง พระธาตุลำปางหลวง และ การออกแบบ

น้าแม๊คพาเที่ยว แอ่วเมืองรถม้าพาไหว้พระธาตุลำปางหลวง พระธาตุประจำปีฉลู

แผนผังวัดพระธาตุลำปางหลวง ซึ่งจำลองคติไตรภูมิจักรวาลประกอบด้วย
เขาพระสุเมรุ (องค์พระธาตุ) ทวีปทั้งสี่ สีทันดรสมุทร กำแพงจักรวาล และป่าหิมพานต์ไว้อย่างครบถ้วน
ลองดูตามผังครับ

[หมีงงในพงหญ้า]

เอาละครับ ได้รู้ประวัติคร่าว ๆ ของที่นี่กันแล้ว
ต่อมาก็เป็นรายการพาทัวร์ตามประสาน้าแม๊คกัน



ผมเข้าวัดจากทางประตูน้อย ๆ ด้านข้างครับ ไม่ใช่จากทางประตูโขง ซึ่งเป็นประตูใหญ่ของที่นี่




ผมไปถึงที่วัดก็เย็นแล้วครับ หมายถึงช่วงเย็นครับ ไม่ใช่อากาศเพราะแดดเปรี้ยงมาก
แต่ก็มีรถเข้ามาเรื่อย ๆ ตลอดเวลาครับ ถึงจะไม่บูมจนลานจอดรถเต็มก็เถอะ
เพราะไปวันธรรมดาครับ






ว่าแล้วก็อย่าเสียเวลาเดินเข้ามาชมด้านในกันเลยครับ

[หมีงงในพงหญ้า]

จุดแรกที่ผมแวะคือบุโบสถวัดพระธาตุลำปางหลวง ซึ่งโดดเด่นเป็นสง่ามาก
ด้วยศิลปะแบบล้านนา ลวดลายต่าง ๆ วิจิตรมากตามแบบฉบับงานศิลปะทางเหนือ
ตัวอุโบสถด้านนอกเป็นสีทองงดงามมากครับ








ชมภาพด้านนอกกันมาแล้ว ก่อนอื่นก็แวะเข้าโบส์มาชมภาพด้านในและมากราบพระประธาน
ที่ด้านในโบสถ์กันก่อนครับ




ผมไปทุกวัด มุมหนึ่งที่ผมมักจะต้องถ่ายภาพกลับมาเสมอคือประตูวัด (ประตูของโบสถ์ หรือวิหาร)
ผมชอบศิลปะของประตูเหล่านี้มาก ซึ่งแต่ละที่ก็จะแตกต่างออกไป วัดจีนก็อาจเป็นภาพเหมือนงิ้ว
วัดไทยก็อาจมีทั้งภาพวาด รูปนูนต่ำ ฯลฯ ในส่วนของเทพที่อยู่ที่ประตูก็จะมีชื่อเรียกต่าง ๆ กันไป
เช่น ทวารารักษ์ ทวารบาล หรือทางจีนก็เรียกว่า โทวาริก บ้างก็เรียกเซี่ยวกาง หรือเซ่ากัง
และคาดว่าเทพก็น่าจะเป็นเทพต่าง ๆ กันออกไปด้วย เพราะบางท่านก็ว่าเทพที่ประตูคือพระอินทร์
เนื่องจากมีความเชื่อว่าพระอินทร์จะทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนา (ความเชื่อนี้มีในพม่าเช่นกัน)
จึงสร้างรูปพระอินทร์ไม่ให้สิ่งชั่วร้ายเข้าไปในวัด ส่วนในความเชื่อแบบจีนเองก็มีเหมือนกัน
ซึ่งที่เรียกว่าเซี่ยวกาง ก็คาดว่ามาจากภาษาจีนแต้จิ๋วครับ มีความหมายว่า ยืนยาม ตู้ยาม
ผู้พิทักษ์ตามประตูหรือทางเข้าออกของจีน ซึ่งกินตำแหน่งเจ้าแห่งผี หรือหัวหน้าผี
วัดไทยในกทม.หลาย ๆ วัด ก็มีภาพนูนต่ำที่ประตูเป็นเทพหน้าตาแบบจีน มีหนวดยาวครับ
นี่หละครับ ผมถึงได้ชอบถ่ายประตูโบสถ์เวลาไปตามวัดวาอาราม




หลังกราบพระเสร็จก็ออกมาด้านนอกครับ เพื่อจะขึ้นไปชมองค์พระธาตุให้เป็นบุญตาสักที




อ้อ ถ้าใครติดตามกระทู้ผมมา จะพบว่าอีกมุมที่ผมชอบถ่ายคือนาคตามบันไดครับ
เช่นเคยครับเป็นเรื่องของศิลปะ ที่แต่ละท้องที่ก็จะมีหน้าตาที่แตกต่างกันออกไป
จะเห็นว่านาคทางเหนือส่วนมากจะโดนกินโดยตัวมกร (อ่านว่า มะ กะ ระ) สังเกตดี ๆ ครับ

[หมีงงในพงหญ้า]

วริเวณรอบวัดครับ (ชั้นนอกช่วงหน้าโบสถ์)



มองไปจะเห็นเป็นลานมีอนุสาวรีย์พระเจ้าทิพย์ช้าง หรือ หนานทิพย์ช้างที่ผมได้ลงประวัติไว้ให้
ในข้างต้นนั่นหละครับ... หลายคนที่ไม่ใช่คนเหนือได้ยินคำหว่า หนานทิพย์ช้าง อาจงง
ทิพย์ช้างคือชื่อครับ ส่วนคำว่าหนาน ถ้าเป็นคำกลาง ๆ ก็ใช้เรียกเหมือนคำว่า ทิด
นั่นคือไว้เรียกคนที่เคยบวชเรียนมาก่อนครับ เมื่อสึกแล้วก็จะเรียกว่าหนาน แต่ถ้าใครแค่เป็นสามเณร
เมื่อสึกจากสามเณรก็จะเรียกว่าน้อยครับ เช่นพ่อเพื่อนผมคนนึง เพื่อน ๆ เค้าจะเรียกเค้าว่า หนานเพิ่ม
สาเหตุเพราะพ่อเพื่อนผมเคยบวชเรียนเคยผ่านการอุปสมบทมาก่อนนั่นเอง








ผ่านจากลานที่ว่ามาก็จะเจอทางขึ้นครับ (ผมเข้าจากด้านข้าง) เนื่องจากองค์พระธาตุตั้งอยู่บนเนิน
ก็เลยต้องเดินกันสักหน่อยครับ แต่เรื่อย ๆ ครับ เพราะทางขึ้นด้านนี้ไม่ชันเท่าทางประตูหลัก




พอพ้นเนินมาก็จะเป็นทางเดินเล็ก ๆ ครับเข้าสู่องค์พระธาตุทางด้านข้าง
แต่ก่อนจะถึงองค์พระธาตุผมแวะเก็บภาพเหล่านี้มาครับ









คนทางเหนือเห็นแล้วอาจร้องอ๋อ... และคงคิดว่าถ่ายมาทำไม
ส่วนคนภาคอื่น ๆ ที่ไม่มีอาจคิดว่า เอ๊ะ นั่นอะไร

สิ่งที่เห็นเรียกว่า ไม้ค้ำสรี (อ่านว่า “ไม้ก๊ำสะหลี” หรือ “ไม้ค้ำสะหลี”)
การแห่ไม้ค้ำสรี หรือการแห่ไม้ค้ำต้นโพธิ์ อันหมายถึงพระศรีมหาโพธิ์ เป็นพิธีกรรมที่ขยาย
จากการที่ปัจเจกชนนำไม้ค้ำที่ตนได้จัดทำขึ้นไปค้ำที่ต้น โพธิ์ ไม้ค้ำดังกล่าวอาจได้มาจากไม้ง่าม
ที่ใช้ในพิธีสืบชาตาหรือไม้ค้ำที่จัดหาขึ้นเป็นพิเศษ เนื่องในการถวายทานในเทศกาลสงกรานต์
การที่ได้นำเอาไม้ค้ำไปค้ำที่ต้นโพธิ์นี้ อาจจัดเป็นสัญลักษณ์หมายความว่าผู้นั้นมีส่วนในการค้ำชู
พระพุทธศาสนา พบว่าต้นโพธิ์ที่มีไม้ค้ำมากที่สุด คือต้นโพธิ์ที่วัดพระธาตุลำปางหลวง

แต่ในบางท้องถิ่นแล้ว แทนที่แต่ละคนจะนำเอาไม้ค้ำไปค้ำต้นโพธิ์ตามประสงค์ของแต่ละคนนั้น
เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ ก็จะนัดหมายให้ชาวบ้านร่วมกันไปหาไม้ค้ำซึ่งจะมีขนาดใหญ่
แล้วตกแต่งให้งาม จากนั้นจึงทำพิธีแห่ไม้ค้ำนั้นร่วมขบวนกันเพื่อไปถวายวัดและนำไปค้ำต้นโพธิ์
ดังจะเห็นได้จากกรณีของศรัทธาชาวบ้านใน อ.จอมทอง และ อ.หางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น

[หมีงงในพงหญ้า]

และในที่สุดเราก็เข้ามาในบริเวณรั้ว(รอบนอก) ขององค์พระธาตุครับ
ผมใช้คำว่ารอบนอก เพราะรั้วขององค์พระธาตุคือรั้วที่อยู่ติดองค์พระธาตุ
ซึ่งเป็นรั้วหอก มีฉัตรสี่มุมครับ





ที่เห็นซ้ายมือหลังเล็ก ๆ นั่นคืออุโบสถเดิมครับ แต่ก่อนพระทางเหนือมีไม่มากเท่าไหร่
อุโบสถจึงไม่ได้ใหญ่โตเหมือนดั่งในปัจจุบัน ถัดจากอุโบสถจะเห็นอาคารหลังเล็ก ๆ
(ไม่ใช่ที่กำลังปรับปรุงนะครับ) อาคารหลังเล็กนั้นคือหอพระพุทธ ซึ่งเป็นสถานที่
ที่เราจะเข้าไปดูเงาพระธาตุกลับหัวกัน (อ่านต่อครับ) ส่วนอาคารที่กำลังบูรณะนั่นคือ
วิหารพระพุทธครับ



ข้างวิหารหลวงครับ ไม่ทราบว่าเป็นอะไรทีแรกคิดว่าหอระฆังแต่ไม่น่าใช่เพราะดูใหม่
แต่ก็อาจเป็นหอระฆังใหม่หรือเปล่า ? เพราะหอระฆังที่ผมเจอสร้างไว้เมื่อเกือบร้อยปีก่อน





หอระฆังครับ ไม่เก่ามาก สร้างเมื่อปี 2470 อายุแค่เกือบ ๆ ร้อยปีเองเนาะ





วิหารพระพุทธ ไม่ปรากฏว่าสร้างเมื่อใด และใครเป็นผู้สร้าง แต่ประมาณอายุไม่ต่ำกว่า 700 ปี
เดิมเป็นวิหารเปิดโล่งหน้าบันเป็นลายดอกไม้ติดกระจกสีวิจิตรงดงาม ภายในประดิษฐานพระประธาน
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ก่ออิฐ ถือปูน ศิลปะเชียงแสน
และเป็นอีกที่หนึ่งนอกจากหอพระพุทธที่มีเงาพระธาตุปรากฏ ผู้หญิงที่ไม่ได้ดูเงาจากหอพระพุทธ
ให้เข้ามาดูที่นี่ได้แทนครับ

ด้านหน้าวิหารมีรูปปั้นวัวครับ เป็นสัญลักษณ์ของพระธาตุประจำปีเกิดปีฉลูครับ



อาคารหลังใหญ่นี่คือ วิหารหลวง ครับ สมบูรณ์มาก และเป็นรูปแบบการวางผังที่ถูกเอาไปยกตัวอย่าง
ในโบราณสถานหลายๆ ที่



รั้วรอบองค์พระธาตุจุดนี้ไม่ขออธิบายเพิ่มนะครับในส่วนของรายละเอียด เพราะผมเคยลงไว้แล้ว
ในตอน "น้าแม๊คพาเที่ยว ขึ้นเหนือแอ่วเมืองเชียงใหม่ พาไหว้พระธาตุดอยสุเทพ"
ชมด้านหน้าแล้วก็ลักษณะรอบ ๆ กันมาแล้ว และแล้วก็มาถึงส่วนที่สำคัญที่สุด คือองค์พระธาตุลำปางหลวง





พระธาตุลำปางหลวง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีฉลู ด้วยเริ่มสร้างในปีฉลูและเสร็จในปีฉลูเช่นกัน
ฐานเป็นบัวลูกแก้ว ส่วนองค์เป็นทรงกลมแบบล้านนาภายนอก บุด้วยทองจังโก ยอดฉัตรทำด้วยทองคำ
มีลายสลักดุนเป็นลวดลายประจำยามแบบต่างๆ ลักษณะเจดีย์แบบนี้ได้ส่งอิทธิพลให้พระธาตุหริภุญไชย
และพระบรมธาตุจอมทอง ภายในองค์พระเจดีย์บรรจุพระเกศา และพระ อัฐิธาตุจากพระนลาฎข้างขวา
พระศอด้านหน้าและด้านหลัง ที่รั้วทองเหลืองรอบองค์พระธาตุมีรูกระสุนปืนที่หนานทิพย์ช้าง
ยิงท้าวมหายศปรากฏอยู่

ผมจำได้ว่าบทความอันนี้ผมเขียนถึงคำว่า ทองจังโก มาสองครั้งแล้ว และผมก็เชื่อว่าหลายคนอาจสงสัย
ว่าทองจังโกคืออะไร ? และผมก็เชื่อว่าหลายคนอยากได้คำตอบเลยเพราะขี้เกียจเปิดพจนานุกรม

ทองจังโก ตามความหมายของพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ หมายถึง (ถิ่น-พายัพ) น.
ทองเหลืองที่ตีแผ่เป็นแผ่นบาง นิยมใช้หุ้มองค์พระเจดีย์ป้องกันการผุกร่อน, ทองสักโก ก็ว่า.

[หมีงงในพงหญ้า]

มาดูมุมต่าง ๆ ขององค์พระธาตุกันครับ



















งดงามจับใจเลยใช่ไหมครับ

แถมหลุดภาพนายแบบออกมาหน้าตาหมาไม่รับประทานกันเลยทีเดียว

 

[หมีงงในพงหญ้า]

เดินดูรอบองค์พระธาตุครับ



























ถ่ายรอบองค์พระธาตุมาให้ชมหลาย ๆ มุมครับ
มีทัศนศึกษา เด็กน้อย ๆ เดินเวียนรอบองค์พระธาตุน่ารักดี

แล้วก็นำบท นมัสการพระธาตุลำปางหลวง มาให้ครับ

คำบูชา
ยาปาตุภูตา อะตุลานุภาวาจีรัง ปะติฎฐาลัมภะ กัปปะปุเร เทเวนะ
คุตตา อุตตุราภิทัยยา นะมามิ หันตัง วะระชินะธาตุง
กุมาระกัสสะปะ นะลาตะธาตุโย เมฆิยะมะหาเถโร
กะนะธาตุง ฐะเปติ มหาฐาเน เจติยัง ปูชิตา นะระเทเวหิ
อะหังวันทามิ ธาตุโย

[หมีงงในพงหญ้า]

จุดต่อไปที่ผมจะพาทุกท่านไปชมคือ
วิหารพระเจ้าศิลา หรือ วิหารพระศิลา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วิหารละโว้



บริเวณภายนอกวิหารละโว้ครับ ถ่ายจากด้านข้าง ตัววิหารจะหันหน้าเข้าหาด้านหลังขององค์พระธาตุครับ





ภายในวิหารละโว้มีพระพุทธรูปปางนาคปรกประดิษฐานอยู่ครับ เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงละโว้
ผมเห็นแล้วก็หดหู่ยังไงไม่รู้กับลูกกรงที่กั้นไว้ ถ้าเป็นคนจะอึกอัดแค่ไหนกันนะ มีลูกกรงมากั้นแบบนี้
แต่เหตุที่ต้องทำก็เพื่อปกป้องสมบัติสำคัญของศาสนาและของชาติที่ประมาณค่ามิได้
ให้รอดพ้นจากพวกใจบาปหยาบกว่าสัตว์เดรัจฉานที่ทำเพียงเพื่อเงิน หรือสะสมเพียงเพื่อความสุขส่วนตัว



มีแม่ชีสามคนในวิหารกำลังนั่งสวดมนต์ประสานเสียงอยู่หน้าองค์พระครับ
ฟังดูเหมือนท่อนแร๊พครับ เพราะไวจริง ๆ

[หมีงงในพงหญ้า]

ต้นขนุนจามเทวีครับ
รายละเอียดตามในรูปครับ (เหมือนจะขี้เกียจอธิบายนะผมเนี่ย)

[หมีงงในพงหญ้า]

ออกจากวิหารละโว้แล้ว เรามาชม UnSeen ของที่นี่กันดีกว่าครับ
นั่นคือการชมเงาพระธาตุกลับหัวในหอพุทธบาท ซึ่งถ้ามาที่นี่แล้วก็ควรมาชมซะให้ได้









ซึ่งจากเท่าที่ลอง ๆ ดู คนมากมายก็ทยอยเข้าไปดูเงาพระธาตุกลับหัวกัน
จนลืมไปว่านี่คือหอพระพุทธบาท

หอพระพุทธ เป็นสถาปัตยกรรมก่ออิฐทรงสี่เหลี่ยม ฐานเจดีย์สร้างครอบรอยพระพุทธบาทไว้
สร้างขึ้นสมัยเจ้าหาญแต่ท้อง เมื่อปี พ.ศ. ๑๙๙๒
ภายในมองเห็นแสงหักเหปรากฏเป็นเงาพระธาตุและพระวิหารในด้านมุมกลับ และ ห้ามไม่ให้ผู้หญิงขึ้น




เวลาเข้าไปชมต้องปิดประตูให้สนิท ในความมืด ให้สังเกตุที่ผ้าสีขาวจะมีรูปเงาพระธาตุกลับหัวปรากฏอยู่
ดูเป็นเรื่องแปลกประหลาด แต่ในทางวิทยาศาสตร์ก็ตอบว่าเป็นเรื่องการหักเหของแสงที่ทำมุมตกกระทบ
อ้อ ตอนถ่ายภาพห้ามเปิดแฟลชนะครับ เพราะถ้าเปิดแฟลชถ่ายภาพ แสงแฟลชจะไปบดบังแสงที่เข้ามา
ทำให้มองไม่เห็นครับ เวลาเปิดแฟลชถ่ายภาพ ภาพที่ได้จะเห็นเป็นผ้าขาว ๆ ครับ ไม่เห็นเงาที่ตกกระทบผ้า





คนทยอยเข้าออกอยู่ตลอดเวลาครับ วันที่ผมไปมีเด็กนักเรียนตัวน้อย ๆ คอยอธิบาย
แล้วก็คอยเปิด ปิดประตูให้ครับ

[หมีงงในพงหญ้า]

จุดต่อมาผมจะพาทุกท่านไปชมในส่วนของ วิหารหลวง ครับ



วิหารหลวง เป็นวิหารประธานของวัด ตั้งอยู่บนแนวเดียวกับประตูโขง (ห่างไม่ถึงห้าเมตร)
และองค์พระธาตุเจดีย์ เป็นวิหารจั่วรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทรงวิหารโล่งตามแบบล้านนายุคแรก
หลังคาจั่วซ้อนกันเป็นชั้น ๆ

รูปแบบของวิหารหลวงคือ เป็นวิหารโถงเป็นลักษณะเฉพาะของสถาปัตยกรรมล้านนา
มีลักษณะเปิดโล่ง ๓ ด้าน ไม่มีผนัง ยกเว้นด้านหลัง (ผนังส่วนมากจะเป็นด้านทิศตะวันตก)
พระพุทธรูปองค์ประธานจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเสมอ

























รวมภาพภายในวิหารหลวงครับ

ถ้าดูจากในภาพก็จะพบ

อาสนะโบราณ อาสนะหลังนี้เจ้าญาณรังสี เจ้าหลวงเวียงละกอนถวายเมื่อจุลศักราช 1217 ราว พ.ศ. 2398

ซุ้มปราสาททอง ซุ้มปราสาททองเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าล้านทอง พระพุทธรูปที่มองเห็นผ่านช่องเล็กๆ
อยู่ภายในวิหารหลวง เมื่อเดินขึ้นบันไดเข้าสู่ภายในวัดจะเห็นวิหารหลวงและซุ้มปราสาททองโดดเด่น
อยู่ตรงหน้า

พระเจ้าล้านทอง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานภายในซุ้มปราสาททอง

[wondermay]

ภูมิใจวิหารหลวงจัง

[หมีงงในพงหญ้า]

รวมภาพ ประตูโขง สัณนิฐานว่า คำว่า "โขง" อาจเพี้ยนมาจากคำว่า "ประตูโค้ง"
หรืออาจเพี้ยนมาจากคำว่า "โข" ซึ่งแปลว่า ใหญ่โต
ดังนั้น จึงอาจแปลได้ว่า ประตูโค้ง หรือประตูที่มีขนาดใหญ่ โดยมากมักตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าวิหารของวัด
และมักหันหน้าออกไปสู่ทิศตะวันออกเสมอ



ภาพนี้ถ่ายจากวิหารหลวงออกมาครับ เห็นมุมสวยดี



ขั้นบันไปขึ้นไปประตูโขงครับ



สิงห์ด้านหน้าครับ



ประตูโขงถ่ายจากด้านล่างครับ











เก็บตกภาพบริเวณประตูโขงครับ


และขอปิดท้ายก่อนกลับ
ภาพถ่ายจากด้านนอกครับ ระหว่างเดินไปลานจอดรถ










เป็นยังไงกันบ้างครับ น้าแมีคพาเที่ยว ห่างหายกันไปนาน
เพราะเวลาในแต่ละวันผมไม่ค่อยจะมี

เพราะการจะโพสท์พวกนี้แต่ละครั้ง ไหนจะต้องลำดับภาพ
ไหนจะต้องรวบรวมข้อมูล หัวข้อนี้ผมใช้เวลาสี่ชั่วโมงกว่าตั้งแต่เริ่ม

จริง ๆ แล้วมีภาพที่ไปเที่ยวอีกมากครับ แต่ยังหาเวลาลงไม่ได้แค่นั้นเอง

หวังว่าข้อมูลเหล่านี้คงทำให้ท่านสนใจไปเที่ยวกันมากขึ้น หรือหากไม่ได้ไปด้วยตนเอง
ก็หวังว่าคงได้รับความรู้ความบันเทิงกันถ้วนหน้า

สำหรับน้าแม๊คพาเที่ยว วัดพระธาตุลำปางหลวงรอบนี้ก็ขอจบเพียงเท่านี้ครับ
ไว้ติดตามกันเรื่อย ๆ นะครับ

บุญรักษา
น้าแม๊ค


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://th.wikipedia.org
http://touronthai.com/gallery/placeview.php?place_id=13000042
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kawaka
http://http://www.thetrippacker.com
http://www.dhamma5minutes.com/webboard.php?id=33&wpid=0037
http://www.openbase.in.th/node/6531
http://www.sri.cmu.ac.th/~elanna/symbollanna/transmission_page05.html

[時々๛कभी कभी๛]

ฝีมือใครถ่ายว่ะนี่ ฝีมือ น้า McK เหรอ ? แหม.....ฝีมือพัฒนาขึ้นเยอะเลยน่ะนี่(เรื่องมุมกล้อง)น่าจะทำเป็น

รูปใหญ่สักหน่อยลงเว็ป

แล้วจะสวย กลัวคน Save ภาพไปหรืองัย ?

[หมีงงในพงหญ้า]

ถ่ายเองทั้งหมดครับผม

 

[Kimleng]

.

ภาพวาดระบายสีเก่าแก่  ปรากฏด้านในเชิงชายหลังคาพระวิหาร  
แผ่นไม้ส่วนนี้เป็นไม้เนื้อแข็ง  ขนาดกว้างเมตรเศษ  ทำหน้าที่ป้องกันแดด และฝน
เท่าที่สังเกตยังไม่พบว่ามีที่ใดทำเชิงชายกว้างใหญ่เท่าพระวิหารวัดพระธาตุลำปางหลวง


ส่วนบน ด้านซ้ายมือของภาพ คือเชิงชายที่ปรากฏภาพจิตรกรรมเก่าแก่

[คำค้น:]

กระโดดไป: เลือกหัวข้อ: ----------------------------- จากใจถึงใจ ----------------------------- => หน้าบ้าน สุขใจ ===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน) ===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก) ===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด) ----------------------------- สุขใจในธรรม ----------------------------- => พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก ===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล ===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน ===> นิทาน - ชาดก =====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน ===> ธรรมะจากพระอาจารย์ ===> เกร็ดครูบาอาจารย์ => ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4 => สมถภาวนา - อภิญญาจิต => จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม => เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ ===> เอกสารธรรม ===> เสียงธรรมเทศนา =====> ธรรมะจาก สมเด็จโต =====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น =====> เสียงบทสวดมนต์ =====> เพลงสวดมนต์ =====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี =====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป) ===> ห้อง วีดีโอ => เกร็ดศาสนา => กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ => ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก => บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม => พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม ===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท ===> พุทธศาสนสุภาษิต ===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด ===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน ===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ) => ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม ===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center) ----------------------------- วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ ----------------------------- => วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ ===> เรื่องราว จากนอกโลก =====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO =====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ =====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ => ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม => เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ ===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ =====> ประสบการณ์ ผี ๆ =======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย =====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี ===> ดูดวง ทำนายทายทัก ===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue) ===> กระบวนการ NEW AGE => เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ ----------------------------- นั่งเล่นหลังสวน ----------------------------- => สุขใจ จิบกาแฟ => สุขใจ ร้านน้ำชา => สุขใจ ห้องสมุด ===> สุขใจ หนังสือแนะนำ ===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก ===> สยาม ในอดีต => สุขใจ ใต้เงาไม้ => สุขใจ ตลาดสด => สุขใจ อนามัย => สุขใจ ไปเที่ยว => สุขใจ ในครัว ===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว => สุขใจ ไปรษณีย์ => สุขใจ สวนสนุก ===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป) ===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน) ===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง) ===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง) =====> เพลงไทยเดิม ===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)