[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
23 พฤศจิกายน 2567 19:53:39 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สุดยอด อนิเมชั่น สำหรับชาวพุทธ ประวัติแห่งองค์ศาสดา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  (อ่าน 6138 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7871


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 17.0.963.83 Chrome 17.0.963.83


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 29 มีนาคม 2555 19:42:44 »

สุดยอด อนิเมชั่น สำหรับชาวพุทธ
ประวัติแห่งองค์ศาสดา
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า




http://download.buddha-thushaveiheard.com/images/All_page_01/P_01_picture/Content.jpg
สุดยอด อนิเมชั่น สำหรับชาวพุทธ ประวัติแห่งองค์ศาสดา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า




ชมตัวอย่างเปิดตัวกันก่อนเลยครับ

<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae2"> <tr><td style="width: 800px; height: 600px" colspan="2" id="saeva2"><embed type="application/x-shockwave-flash" src="http://www.archive.org/flow/FlowPlayerLight.swf?config=%7Bembedded%3Atrue%2CshowFullScreenButton%3Atrue%2CshowMuteVolumeButton%3Atrue%2CshowMenu%3Atrue%2CautoBuffering%3Afalse%2CautoPlay%3Afalse%2CinitialScale%3A%27fit%27%2CmenuItems%3A%5Bfalse%2Cfalse%2Cfalse%2Cfalse%2Ctrue%2Ctrue%2Cfalse%5D%2CusePlayOverlay%3Afalse%2CshowPlayListButtons%3Atrue%2CplayList%3A%5B%7Burl%3A%27http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/Hilight.flv%27%7D%5D%2CcontrolBarGloss%3A%27high%27%2CshowVolumeSlider%3Atrue%2Cloop%3Afalse%2CcontrolBarBackgroundColor%3A%270x808080%27%7D" width="800px" height="600px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" pluginspage="http://www.macromedia.com/go/getflashplayer" autoplay="false" autostart="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/Hilight.flv" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/Hilight.flv</a></td><td class="aeva_q" id="aqc2"></td></tr></table>

ทันทีที่ดูจบบอกได้เลยว่าน่าดูมาก

ถ้างั้นเรามาชมกันเลยครับ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 มีนาคม 2555 21:59:38 โดย Mckaforce » บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7871


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 17.0.963.83 Chrome 17.0.963.83


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 29 มีนาคม 2555 19:55:28 »

ตอนที่ ๑

<a href="http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_01.flv" target="_blank" class="new_win">http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_01.flv</a>

ในกาลนั้น พระบรมโพธิสัตว์เจ้า บังเกิดเป็นสันตุสิตเทวราชเสวยทิพยสมบัติอยู่ในรัตนวิมานสวรรค์ ชั้นดุสิตเทวโลก
ครั้งนั้นท้าวมหาพรหม และเทวราชในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้นฟ้า ชวนกันไปเผ้ากราบทูลอาราธนาพระบรมโพธิสัตว์เจ้า
ให้จุติลงไปบังเกิดทั้งสองประชากร ให้รู้ธรรม และประพฤติธรรม สมดังที่พระองค์ได้บำเพ็ญบารมีตั้งพระทัยไว้แต่แรก

พระบรมโพธิสัตว์เจ้า ยังมิได้รับอาราธนาของทวยเทพทั้งหลายทรงพิจารณาดู "ปัญจมหาวิโลกนะ"
หมายถึงสิ่งที่พระบรมโพธิสัตว์ทรงพิจารณาข้อตรวจสอบที่สำคัญหรือ "การตรวจดูอันยิ่งใหญ่ ๕ อย่าง"
ก่อนที่จะตัดสินพระทัยประทานปฏิญาณรับอาราธนาของเทพยดาทั้งหลาย
ว่าจะจุติจากดุสิตเทวโลกไปบังเกิดในพระชาติสุดท้ายที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้ามี ๕ อย่างคือ
๑. กาล ๒.ทวีป ๓.ประเทศ ๔.ตระกูล ๕.มารดา

พระบรมโพธิสัตว์เจ้าทรงเลือกดังนี้

๑. กาล ทรงเลือกอายุกาลของมนุษย์
๒. ทวีป ทรงเลือกชมพูทวีป
๓. ประเทศ ทรงเลือกมัธยมประเทศ
๔. ตระกูล ทรงเลือกตระกูลกษัตริย์ศากยวงศ์
๕. มารดา ทรงเลือกมารดาที่มีศีลห้าบริสุทธิ์ ได้บำเพ็ญบารมีมาตลอดแสนกัป
และกำหนดอายุของมารดา ทรงกำหนดได้พระนางมหามายา

การที่ทรงเลือก อายุกลมนุษย์ เพราะอายุมนุษย์ขึ้นลงตามกระแสสังขาร บางยุคอายุ ๘ หมื่นปี ๔ หมื่นปี ๒ หมื่นปี
อายุกาลของมนุษย์ในยุคนั้น ๑๐๐ ปีตรงตามที่ทรงกำหนดไว้คือต้องไม่สั้นกว่าร้อยปี ต้องไม่ยาวเกินแสนปี
ที่ทรงเลือกอายุ ๑๐๐ ปีเพื่อให้เห็นความไม่เที่ยงของสังขาร
เหตุที่ไม่ตรัสรู้บนสวรรค์ทั้งนี้เพราะเทวดาไม่เห็นทุกข์มีแต่สุข อายุยืนยาวนานนัก จะไม่เห็นอริยสัจ
การตรัสรู้ธรรมและแสดงธรรมได้ผลดีมากในเมืองมนุษย์

การที่ทรงเลือกชมพูทวีป ซึ่งแปลว่า "ทวีปแห่งต้นหว้า" เพราะมีต้นหว้าขึ้นมากในดินแดนแห่งนี้
แผ่นดินชมพูทวีปในยุคนั้นกว้างใหญ่ไพศาลกว่าประเทศอินเดียในปัจจุปันมากนัก
มีดินแดนกินประเทศอื่นในปัจจุบันอีก ๖ ประเทศคือ
๑.ปากีสถาน ๒. บังกลาเทศ ๓. เนปาล ๔.ภูฏาน ๕.สิขิม ๖. บางส่วนของอัฟกานิสถาน
(แคว้นกัมโพชะ ในมหาชนบท ๑๖ ปัจจุบันอยู่ในอัฟกานิสถาน)

ชมพูทวีปครั้งพุทธกาลแบ่งเป็นหลายอาณาจักร เป็นมหาชนบท ๑๖ แคว้น และยังปรากฎอีก ๔ แคว้น
ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา อาณาจักรเหล่านี้มีพระเจ้าแผ่นดินดำรงยศเป็นมหาราชาบ้าง
ราชาบ้างมีอธิบดีบ้าง เป็นผู้ปกครองโดยทรงอำนาจสิทธิขาดบ้างโดยสามัคคีธรรมบ้าง
บางคราวตั้งเป็นอิสระ บางคราวตกอยู่ในอำนาจอื่นตามยุคตามสมัย

คนในชมพูทวีปแบ่งเป็นชนชั้น ที่จัดแบ่งออกไปตามหลักศาสนาพราหมณ์เรียกว่า วรรณะ ๔ คือ
กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ และศูทรคนในชมพูทวีปสนใจในวิชาธรรมมาก
มีคณาจารย์ตั้งสำนักแยกย้ายกันตามลัทธิต่าง ๆ มากมาย เกียรติยศของศาสดาเจ้าลัทธิ
เจ้าสำนักผู้มีชื่อเสียงในสมัยนั้น ได้รับยกย่องเสมอเกียรติยศของพระเจ้าแผ่นดินหรือมากยิ่งกว่า

การที่ทรงเลือกมัธยมประเทศ เพราะชมพูทวีปแบ่งเป็น ๒ จังหวัด เหนือ ๑ อาณาเขต
อาณาเขตในคือ มัชณิมชนบทหรือมัธยมประเทศเป็นถิ่นกลางที่ตั้งแห่งนครใหญ่ ๆ
มีความเจริญรุ่งเรือง มีเศรษฐกิจดี มีประชากรหนาแน่น เป็นศูนย์กลางแห่งการค้าขาย
เป็นที่อยู่ของนักปราชญ์ผู้มีความรู้ เป็นที่รวมของการศึกษาและศิลปวิทยาการ
เคยเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของพวกอารยันหรืออริยกะ รูปร่างสูง ผิวค่อนข้างขาวเป็นพวกที่มีความเจริญ
ไม่ใช่เจ้าของถิ่นเดิม ทรงกำหนดกรุงกบิลพัสดุเป็นที่บังเกิด
ส่วนอาณาเขตนอก เรียกว่าปัจจันตชนบทหรือประเทศปลายแดนเป็นถิ่นที่ยังไม่เจริญ
เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของคนพื้นเมืองดั้งเดิม รูปร่างเล็กผิวดำ จมูกแบน เป็นพวกเชื้อสายดราวิเดียน
หรือพวกทมิฬในปัจจุบัน

การที่ทรงเลือกอุบัติในตระกูลกษัตริย์ โดยทรงเลือกพระสุทโธทนะเป็นพุทธบิดา
เพระทรงกำหนดว่าเวลานั้นโลกสมบัติว่าตระกูลกษัตริย์ประเสริฐกว่าตระกูลพราหมณ์
และศากยสกุลเป็นตระกูลที่บริสุทธิ์ ๗ ชั่วโคตร ถ้าไม่บริสุทธิ์ก็ยากที่จะมีคนเคารพนับถือ
การเผยแผ่ศาสนาจะทำได้ยาก เพราะคนในสมัยนั่นถือชั้นวรรณะกันมากจึงเลือกวรรณะกษัตริย์ที่สูงสุด
เพราะไม่ใช่เพื่อตรัสรู้อย่างเดียว ทรงประประสงค์สั่งสอนธรรมแก่ประชาชนด้วย

การที่ทรงเลือกมารดา และกำหนดอายุของมารดา มารดาจะต้องมีศีลห้าบริสุทธิ์ ไม่โลเลในบุรุษ
ไม่เป็นนักดื่มสุรา ได้บำเพ็ญบารมีมาตลอดแสนกัป ทรงกำหนดได้พระนางมหามายา
และทรงทราบว่าพระนางจะมีพระชนม์อยู่ไม่เกิน ๑๐ เดือนไปได้ ๗ วัน พระนางสิริมหามายาเป็นเจ้าหญิง
แห่งเทวทหนคร เป็นพระราชบุตรีของพระเจ้าอัญชนะเป็นพระมเหสีของพระเจ้าสุทโธนะแห่งกรุงกบิลพัสดุ์

พระบรมโพธิสัตว์ทรงเลือกพระมารดาที่บริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อนมลทินโทษ มิฉะนั้น จะยากแก่การเผยแผ่
ศาสนาจะถูกโจมตี พระนางสิริมหามายา ได้อธิฐานไว้ว่า ขอเป็นมารดาพระพุทธเจ้าเมื่อประสูติ
พระบรมโพธิสัตว์เจ้าได้ ๗ วันก็เสด็จทิวงคต เพระสงวนไว้สำหรับประสูติพระพุทธเจ้าองค์เดียว
ไปบังเกิดเป็นเทพบุตรสถิตในดุสิตเทวโลกตามประเพณีพระพุทธมารดาไม่ได้เป็นหญิงอย่างเก่า
ที่เกิดเป็นหญิงเพระอธิฐานขอเป็นมารดาพระพุทธเจ้า

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7871


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 17.0.963.83 Chrome 17.0.963.83


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 29 มีนาคม 2555 20:28:28 »

ตอนที่ ๒-๓

พระพุทธเจ้าประสูติ

<a href="http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_02.flv" target="_blank" class="new_win">http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_02.flv</a>

<a href="http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_03.flv" target="_blank" class="new_win">http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_03.flv</a>

พระนางมหามายา อัครมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ทรงพระสุบินว่า ลูกช้างเผือกเชือกหนึ่ง
เข้าสู่พระครรภ์ของพระนาง หลังจากนั้นไม่นานนัก พระนางก็ทรงพระครรภ์
เมื่อพระครรภ์แก่จวนครบทศมาสแล้ว พระนางมหามายาทรงมีพระประสงค์เสด็จกลับไปประทับที่กรุงเทวะทหะชั่วคราว
เพื่อประสูติพระโอรสในราชตระกูลของพระนางตามประเพณี

ถึงวันเพ็ญเดือนวิสาขะ (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี) พระนางก็เสด็จออกจากกรุงกบิลพัสดุ์
พร้อมด้วยราชบริวารแต่เวลาเช้าพอใกล้ เที่ยงวันก็เสด็จถึงลุมพินีวันราชอุทยานอันตั้งอยู่กึ่งทาง
ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวะทหะ จึงเสด็จแวะเข้าไปพักผ่อนที่ใต้ต้นสาละ
ทันทีนั้นพระนางก็ประชวรพระครรภ์และประสูติพระโอรส (พระพุทธเจ้า)
เมื่อพระโพธิสัตว์ประสูติและยืนได้ถนัดแล้ว ทรงเปล่งอาสภิวาจาที่ทรงยืนยันถึงวัตถุประสงค์ในการเกิดอย่างชัดเจนว่า 
 
“เราเป็นผู้เลิศ ผู้เจริญ ผู้ประเสริฐที่สุดในโลก
ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ภพใหม่ไม่มีแก่เราอีกแล้ว”


บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7871


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 17.0.963.83 Chrome 17.0.963.83


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 30 มีนาคม 2555 00:13:43 »

ตอนที่ ๔-๕

อสิตดาบสเยี่ยมพระราชโอรส - พราหมณ์ทำนายลักษณะ

<a href="http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_04.flv" target="_blank" class="new_win">http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_04.flv</a>

ครั้งนั้นมีดาบสองค์หนึ่งมีนามว่า กาฬเทวิล แต่มหาชนเรียกว่า อสิตะ ได้สมาบัติ ๘ มีฤทธิ์มาก
เป็นกุลุปกาจารย์ของพระเจ้าสุทโธทนะ ได้ทราบข่าวจากเทพยดาว่า พระเจ้าสุทโธทนะได้พระราชโอรส
จึงได้เดินทางเข้าไปยังกบิลพัสดุ์นคร เข้าเฝ้าพระเจ้าสุทโธทนะในพระราชนิเวศน์
ถวายพระพรถามข่าวถึงการประสูติของพระราชโอรส พระเจ้าสุทโธทนะทรงปีติปราโมทย์
รับสั่งให้เชิญพระโอรสมาถวายเพื่อนมัสการท่านอสิตะดาบส แต่พระบาททั้งสองของพระโอรส
กลับขึ้นไปปรากฏบนเศียรเกล้าของอสิตะดาบสเป็นอัศจรรย์ พระดาบสเห็นดังนั้น ก็สะดุ้งตกใจ
ครั้นพิจารณาดูลักษณะของพระกุมาร ก็ทราบชัดด้วยปัญญาญาณ มีน้ำใจเบิกบาน
หัวเราะออกมาได้ด้วยความปีติโสมนัส ประนมหัตถ์ถวายอภิวาทแทบพระยุคคลบาทของพระกุมาร
และแล้วอสิตะดาบสกลับได้คิด เกิดโทมนัสจิตร้องไห้เสียใจในวาสนาอาภัพของตน
พระเจ้าสุทโธทนะได้ทอดพระเนตรเห็นอาการของท่านอาจารย์พิกล ก็แปลกพระทัย
เดิมก็ทรงปีติเลื่อมใสในการอภิวาทของท่านอสิตะดาบสว่า อภินิหารของพระปิโยรสนั้น
ยิ่งใหญ่ประดุจท้าวมหาพรหม จึงทำให้ท่านอาจารย์มีจิตนิยมชมชื่นอัญชลี
ครั้นเห็นท่านอสิตะดาบสคลายความยินดีโศกาอาดูร ก็ประหลาดพระทัยสงสัย
รับสั่งถามถึงเหตุแห่งการร้องไห้ และการหัวเราะ เฉพาะหน้า
อสิตะดาบสก็ถวายพระพรพรรณนาถึงมูลเหตุ ว่าเพราะอาตมาพิจารณาเห็นเป็นมหัศจรรย์
พระกุมารนี้มีพระลักษณะพระโพธิสัตว์เจ้าบริบรูณ์ จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าโดยแท้
และจะเปิดโลกนี้ให้กระจ่างสว่างไสวด้วยพระกระแสแห่งธรรมเทศนา เป็นคุณที่น่าโสมนัสยิ่งนัก
แต่เมื่ออาตมานึกถึงอายุสังขารของอาตมาซึ่งชราเช่นนี้แล้ว
คงจะอยู่ไปไม่ทันเวลาของพระกุมารจะได้ตรัสรู้เป็นพระบรมครูสั่งสอน
จึงได้วิปฏิสารโศกเศร้า เสียใจที่มีอายุไม่ทันได้สดับรับพระธรรมเทศนา อาตมาจึงได้ร้องไห้



<a href="http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_05.flv" target="_blank" class="new_win">http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_05.flv</a>

ครั้นถึงวันเป็นคำรบ ๕ นับแต่พระกุมารประสูติมา พระเจ้าสุทโธทนะราชจึงโปรดให้ทำ
พระราชพิธีโสรจสรงองค์พระกุมารในสระโบกขรณี เพื่อถวายพระนามตามขัตติยราชประเพณี
โปรดให้ตกแต่งพระราชนิเวศน์ ประพรมด้วยจตุรสุคนธชาติ และได้โปรยปรายซึ่งบุบผาชาติ
มีข้าวตอกเป็นคำรพ ๕ ปูลาดอาสนะอันขจิตด้วยเงินทองและแก้ว ตกแต่งข้าวปายาสอันประณีต
ให้ประชุมกษัตริย์ พราหมณ์ คหบดี และเสนามุขอำมาต์ย ทั้งปวงพร้อมกันในพระราชนิเวศน์
รับสั่งให้เชิญพระราชโอรสอันประดับด้วยราชประสาธนาภรณ์อันวิจิตรมาสู่มหามณฑลสันนิบาต
แล้วเชิญพราหมณาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญในไตรเพท ๑๐๘ คน ให้เลือกสรรเอาพราหมณ์ ๘ คน
ผู้ทรงคุณวิทยาประเสริฐกว่าพราหมณ์ทั้งหมดนั้น ให้นั่งเหนืออาสนะอันสูง
แล้วให้เชิญพระราชโอรสไปยังที่ประชุมพราหมณ์ ๘ คนนั้น เพื่อพิจารณาพระลักษณะพยากรณ์

พราหมณ์ ๘ คนนั้น มีนามว่า รามพราหมณ์ ๑ ลักษณะพราหมณ์ ๑ ยัญญพราหมณ์ ๑
ธุชพราหมณ์ ๑ โภชพราหมณ์ ๑ สุทัตตพราหมณ์ ๑ สุยามพราหมณ์ ๑ โกณทัญญพราหมณ์ ๑


ใน ๗ คนข้างต้น เว้นโกณทัญญพราหมณ์เสีย พิจารณาเห็นพระลักษณะพระกุมารบริบูรณ์
จึงยกนิ้วมือขึ้น ๒ นิ้ว ทูลเป็นสัญลักษณ์ทำนายมีคติ ๒ ประการว่า พระราชกุมารนี้
ผิว่าสถิตอยู่ในฆราวาส จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ผิว่าออกบรรพชาจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แต่โกณทัญญพราหมณ์ผู้เดียว ผู้มีอายุน้อย หนุ่มกว่าพราหมณ์ทั้ง ๗ คนนั้นได้พิจารณาเห็นแท้แน่แก่ใจว่า
พระราชกุมารจะต้องได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแม่นมั่น จึงได้ยกนิ้วมือเดียว
เป็นสัญลักษณ์พยากรณ์เป็นคติเดียวว่า พระราชกุมารบริบูรณ์ด้วยพระมหาบุรุษพุทธลักษณ์โดยส่วนเดียว
จะอยู่ครองฆราวาสวิสัยมิได้ จะเสด็จออกบรรพชา และตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยแท้

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7871


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 17.0.963.83 Chrome 17.0.963.83


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 30 มีนาคม 2555 00:19:32 »

ตอนที่ ๖

บรรลุปฐมฌานในวันแรกนาขวัญ

<a href="http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_06.flv" target="_blank" class="new_win">http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_06.flv</a>

เมื่อสิทธัตถราชกุมารทรงเจริญวัย มีพระชนมายุได้ ๗ พรรษา
พระเจ้าสุทโธทนะ ได้รับสั่งให้ขุดสระโบกขรณีขึ้น ๓ สระ ภายในบริเวณพระราชนิเวศน์
ครั้นถึงวันจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พระเจ้าสุทโธทนะเสด็จเข้าสู่สถานที่
มณฑลพิธีกระทำการแรกนาขวัญ โปรดให้พระราชกุมารเสด็จไป โดยมีพระพี่เลี้ยง
นางนมทั้งหลายคอยเฝ้าปรนนิบัติ ครั้นพิธีแรกนาขวัญเริ่มขึ้น พวกพี่เลี้ยงนางนม
ต่างพากันออกไปดูพิธีแรกนาขวัญกันหมด

พระราชกุมารเสด็จไปประทับอยู่ใต้ร่มต้นหว้าลำพังพระองค์เดียว 
ประทับนั่งสมาธิเจริญอานาปานสติกรรมฐานเกิดความสงบสงัดจนได้บรรลุปฐมฌาน

พอเวลาบ่าย เงาต้นไม้ทั้งหลายเบี่ยงเบนไปตามแสงตะวันทั้งหมด แต่เงาของต้นหว้า
ต้นนั้นยังคงอยู่เหมือนเดิม  เสมือนหนึ่งเป็นเวลาเที่ยงวัน  มิได้เอนไปตามแสงตะวัน
ดังต้นไม้อื่น ๆ ปรากฏเป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก

พระเจ้าสุทโธทนะทอดพระเนตรเห็นความมหัศจรรย์เช่นนั้น จึงยกพระหัตถ์นมัสการ

ครั้นพระราชกุมาร มีพระชนม์เจริญวัย  สมควรจะได้รับการศึกษาศิลปวิทยาแล้ว
พระราชบิดาได้ทรงพาไปมอบไว้ในสำนักครูชื่อ “วิศวามิตร”
ได้ทรงศึกษาศิลปศาสตร์ ๑๘ ประการ จนจบสิ้น



บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7871


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 17.0.963.83 Chrome 17.0.963.83


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 30 มีนาคม 2555 11:10:54 »

ตอนที่ ๗

อภิเษกสมรส

<a href="http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_07.flv" target="_blank" class="new_win">http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_07.flv</a>

พระเจ้าสุทโธทนะจึงทรงสั่งเหล่าเสนาอำมาตย์ข้าราชบริพารทั้งหลาย ให้จัดสร้างปราสาทที่สวยงาม
เพื่อให้เป็นเครื่องล่อย้อมใจลูกชายให้ติดอยู่ พระองค์สร้างปราสาทขึ้นมาสำหรับสามฤดู

1. ปราสาทฤดูร้อน 2. ปราสาทฤดูฝน 3. ปราสาทฤดูหนาว

ให้ประเล้าประโลมพระราชโอรสให้จงได้ สิ้นค่าใช้จ่ายหมดเท่าไรก็ไม่ว่า
ขอเพียงแต่ให้พระราชโอรสเป็นกษัตริย์แห่งกบิลพัสดุ์เป็นใช้ได้
ซึ่งปราสาททั้งสามนั้น พระองค์ได้สั่งให้ประดับตกแต่งอย่างวิจิตรพิสดาร

ต่อมา พระราชบิดาปรารถนาแล้วว่า จะต้องหาทางกักขังเจ้าชายสิตธัตถะ
ให้อยู่สืบสันติวงศ์ให้จงได้ จึงพยายามไปหาบรรดาสาวงามซึ่งเป็นที่ตรึงตาตรึงใจสิทธัตถะ
เจ้าชายได้ตัดสินพระทัยเลือกพระนางพิมพา
พระราชธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะประมุขแห่งนครเทวทหะ กับ พระนางอมิตา
ซึ่งเป็นน้องสาวคนเล็กของพระเจ้าสุทโธทนะ นับว่าทั้งสองตระกูลนี้เกี่ยวดองเป็นพระญาติกัน
มีความรักกันฉันท์พี่น้องร่วมสายโลหิต ต่างมีการอภิเษกสมรสกันเสมอมา

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7871


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 17.0.963.83 Chrome 17.0.963.83


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 30 มีนาคม 2555 11:14:26 »

ตอนที่ ๘

ทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้ง ๔

<a href="http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_08.flv" target="_blank" class="new_win">http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_08.flv</a>

เมื่อทรงมีพระชนมายุได้ ๒๙ พรรษา เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จประพาสราชอุทยาน 
ได้ทอดพระเนตรเห็นสิ่งที่พระองค์ไม่เคยเห็น มาก่อน ๔ ประการ (เทวทูต ๔) คือ

คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และ บรรพชิต

ทรงพิจารณาเล็งเห็นทุกข์ของพสกนิกรและผู้ที่เกิดมาทั้งหลาย
ทรงใคร่ครวญที่จะหาทางดับทุกข์เหล่านั้น
และมีพระทัยตั้งมั่นว่าการบวชคงจะเป็นหนทางเดียว
ที่จะค้นหาทางช่วยเหลือมนุษย์ทั้งหลายจากทุกข์เหล่านั้น

ขณะที่ทรงใคร่ครวญอยู่นั้น ทรงทราบว่าพระนางพิมพาประสูติราชโอรส
จึงทรงเปล่งอุทานว่า “ราหุลัง ชาตัง...” แปลว่า “บ่วงเกิดขึ้นแล้ว...”
พระโอรสจึงได้พระนามว่า ราหุล



บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7871


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 17.0.963.83 Chrome 17.0.963.83


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 30 มีนาคม 2555 11:31:50 »

ตอนที่ ๙

เสด็จออกบรรพชา

<a href="http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_09.flv" target="_blank" class="new_win">http://download.buddha-thushaveiheard.com/P_02_Movies/SC_09.flv</a>

เจ้าชายสิทธัตถะทรงตื่นบรรทมขึ้นมาในยามดึก ได้ทอดพระเนตรเห็นอาการวิปริต
ของนางสนมทั้งหลาย ที่หลับใหลอยู่เกลื่อนกลาด ทรงเกิดความสังเวชจึงตัดสินพระทัยออกบวช
โดยให้ นายฉันนะ จัดเตรียมม้ากัณฐกะ แล้วเสด็จไปทอดพระเนตร
พระราชโอรสและพระนางพิมพาซึ่งบรรทมอยู่

จากนั้นก็เสด็จออกจากพระมหานคร จวบจนใกล้รุ่ง ก็บรรลุถึงฝั่งแม่น้ำอโนมา
ทรงเปลื้องเครื่องอาภรณ์ออกส่งให้นายฉันนะ แล้วตัดพระเกศาเหลือไว้ประมาณ ๒ องคุลี
พระเกศาเหล่านั้นได้ม้วนกลมเป็นทักษิณาวัฏ ปรากฏอยู่ตราบเท่าถึงปรินิพพาน

ในขณะนั้นทรงอธิษฐานว่า

“ถ้าจะได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ขอให้เส้นผมนี้จงลอยอยู่ในอากาศ อย่าได้ตกลงมา”

เมื่อทรงโยนพระเกศาขึ้นไปบนอากาศ ปรากฏว่าพระเกศาลอยอยู่บนอากาศ   
มิได้ตกลงมา  ท้าวสักกเทวราชได้เอาพานมารองรับแล้วนำไปบรรจุไว้ใน
พระเจดีย์จุฬามณีเทวโลก ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์


เมื่อทรงอธิษฐานเพศบรรพชิตครองผ้ากาสาวพัสตร์เรียบร้อยแล้ว
รับสั่งให้นายฉันนะ นำม้ากัณฐกะพร้อมเครื่องอาภรณ์และข่าวสารการบรรพชาของพระองค์
ไปแจ้งแก่พระบิดา และพระประยูรญาติในกรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อบรรเทาทุกข์โทมนัส
อันเกิดจากความห่วงใยในพระองค์

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: อนิเมชั่น animation การ์ตูน พุทธ ประวัติ ประวัติพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.258 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 10 ตุลาคม 2567 14:59:17