การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่อง
พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
หมายเหตุ ผมได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ในการนำบทความนี้มาลงในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) เรียบร้อยแล้ว หากท่านใดจะนำไปลงในเว็บต่างๆ ให้ขออนุญาตจากท่านอาจารย์ประถม อาจสาครก่อนครับ
การเดินรังสีจิตในพระเครื่อง หรือ ศิลปการใช้พระเครื่องตอนจบ
ปรัศนี ประชากร (เขียนเมื่อ ปี พ.ศ. 2525)
ลิขสิทธิ์ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร
วันตาย
คนเราย่อมมีที่ตายของตน อาจมีคนแย้งว่าที่ตายของคุณแม่อยู่ที่ซอยลอยมา ถ้าอยู่ซอยจงประสานเห็นทีจะไม่ตายกระมังนี่เป็นการตายปกติสามัญ อยู่โรงพยาบาลอยู่ที่ไหนก็ตาย ที่ตายที่ว่านี้เป็นการตายไม่ปกติ เช่นหายโหง ตายแบบอุบัติเหตุมันมีที่ของมัน เพื่อนผมคนหนึ่งทำงานองค์การรถไฟ ไปราชการสงครามประเทศเกาหลีไม่มีพระกับเขามันก็ไม่ตายเพราะไม่ใช่แดนตายของเขา คนที่มีพระเต็มคอก็ตายเขาเลยไม่ยอมเชื่อพระตัวเอง เช่นว่านี้มีอยู่หลายเรื่อง
1. มีนักเลงทางตำบลบางทรายผู้หนึ่งเกเรและเพาะศัตรูไว้มากมาย แกมีพระประจำตัวอยู่ 3 องค์ คือ พระร่วงสนิมแดง 1 ประปิดตาเมฆพัดหลวงปู่ทา วัดพะเนียงแตก 1 พระคงสีดำ จังหวัดลำพูน 1 มีปืนเบรานิงค์ตราปืนขนาด 7.65 หนึ่งกระบอกพกติดตัวอยู่เสมอ ก่อนจะออกตลาดทุกครั้งจะต้องแวะไปที่กุฏิท่านวินัยธรรม (เภา)ให้เห็นพระเสียก่อน และมักจะลองของบนกุฏิทุกครั้งด้วยปืนคู่ชีวิต คือยิงใส่ตัวเอง 3 ครั้งก่อนจะเดินทาง คิดว่าหากเป็นวันเปื่อยก็เพียงแค่เสียแขน ถ้าไปโดนวันเหนียวเข้า ยิง 3 นัดก็ไม่ออก โดนวันธรรมดาก็ออกกระสุนปืนเด้งจากแขนเพียงเป็นจุดไหม้เท่านั้น จึงจะเป็นที่มั่นใจและออกเดินทางได้และเข้าวันหนึ่งหลังจากทดลองตัวเองด้วย 3 นัดไม่เป็นไรก็ต้องถูกยิงตายที่ตำบลท่าถ่านต้องถูกมือดีคัดของและประกอบกับเป็นวันตาย ที่ตายด้วย หากไม่ออกมามันก็ไม่ตาย
2. หลวงพ่อวัดหนองบัวลาดหญ้าเมืองกาญจน์เก่งทางตะกรุดฝาบาตร ท่านทรงฌานสมาบัติ วันหนึ่งมีกระทาชายสองนายมาหาท่านที่กุฏิเพื่อขอตะกรุดฝาบาตรจากท่านคนละดอก ท่านพิจารณาอยู่สักพัก แล้วสั่งว่าวันนี้ขออย่าลองของ กระทาชายทั้งสองนายพอรับของจากหลวงพ่อก็ดีใจลืมคำพูด สัญญาความจำรู้เพียงว่าของหลวงพ่อเคยลองได้ คนหนึ่งมีดาบเล่มยาว อีกคนหนึ่งมีมีดซุยขนาดใหญ่เรียกกันว่ามีดการะเกด ต่างผลัดกันแทงผลัดกันฟันเป็นที่สนุกสนาน พอถึงทางแยกสามแพร่งคนที่ถือดาบถูกคนมีมีดการะเกดแทงเต็มเหนี่ยวทะลุหลังถึงหน้าอกขาดใจตายตรงนั้นเอง ทำให้ต้องเสียเพื่อนรักและตัวเองต้องติดตะรางเพราะความประมาท
3. เสือร้ายมาตายรัง เรื่องนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรง เพราะเสือร้ายมาตายที่วัดหลวงพ่อและเป็นศิษย์ก้นกุฏิเสียด้วย เรื่องเกิดขึ้นทางจังหวัดภาคเหนือจะเป็นอุตรดิตถ์หรือชัยนาทจำไม่ได้ ทำให้หลวงพ่อเสียหน้า มันถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่ามาตลอดทางถูกยิงไม่เป็นไร พอถึงโคนต้นมะขามใหญ่วัดที่เคยขุนข้าวสุก ก็ถูกยิงล้มดิ้นสิ้นใจ หลวงพ่อออกมาดูบอกกับคนทั้งหลายว่าที่ตายของมันอยู่ตรงนี้ คนไม่ยอมเชื่อท่านสั่งให้ลากศพพ้นจากต้นมะขามเพียงหนึ่งวาแล้วให้ยิงด้วยปืนพร้อมกัน 7 กระบอกให้ยิงตามความพอใจไม่ต้องนับปรากฏว่าไม่ออก ท่านให้เอาหอกและจอบตราจระเข้ซึ่งมีความคมขนาดสับรากมะขามขาดลองฟันดู ก็ไม่เข้า พอลากคนถึงโคนมะขามปรากฏว่าทั้งยิงทั้งฟันเข้าหมด ทดลองถึง 3 ครั้ง คนจึงเชื่อและหลวงพ่อขอร้องว่าสงสารอย่าทรมานแก่สังขารอันปราศจากวิญญาณอย่างน้อยมันก็ตายไปแล้ว
นี่แหละครับมันเป็นเรื่องลี้ลับนอกเหนือการส่องแว่นค้นหาตำหนิและโค๊ทจริง ๆ เรื่องอะไรทั้งหลายไม่น่างง มันมีสูตรมานานแล้วมิใช่เพิ่งมี หากไม่ศึกษาก็ไม่ทราบ
ท่านอาจารย์ประถม อาจสาครสงวนลิขสิทธิ์
(เป็นความเชื่อ – ความคิดเห็นส่วนบุคคล(ของคณะลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถมอาจสาครท่านผู้อ่านอ่านแล้วก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล)
http://board.palungjit.com/f179/พระวังหน้า-ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้-22445-1925.html